Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: shipcake ที่ พฤษภาคม 21, 2021, 08:53:17
-
มันยังมาเรื่อยๆ ผมไม่แน่ใจว่าการที่ mazda2 ขายดีและยังเป็นตัวถังเดิมนั้น mazda ได้กำไรแค่ไหน เพราะวัสดุภายในเค้าดีจนต้องถามหากำไร แต่ที่แน่ๆหากนับยอดขายช่วงที่ผ่านมา yaris จะคุ้มทุนไปแล้ว แต่สิ่งที่ yaris จะไม่ทำคือเปลี่ยนตัวถัง เปลี่ยนเทคโนโลยีเครื่องยนต์?
ก็น่าสนใจนะว่าการที่โตโยต้าเดินช้า แล้วกักออฟชั่นอยู่แบบนี้ โตโยต้าคิดว่าในรถ 5 แสน ไม่มีใครสู้เค้าได้หรือเปล่า
-
ลงทุนกับรถรุ่นใหม่ หลายพันล้านไม่รวม ค่า ต้นทุนวัสดุ
สมมุติ R&D 1,000 ล้านบาท กำไร 20 % ต่อ ปี 5 ปี จะเป็น 2,000 ล้าน
ต้องขายรถให้ได้ 2000 ล้านถึงจะคุ้มค่า ผลิต
ยอกขาย ขั้นต่ำ 400 ต่อปี 33 ต่อเดือน
นี่แค่สมมุตินะ
ค่ายไหนขายรถไม่ถึง 100 คันต่อเดือน คือ หายนะ เลยละ เพราะ R&D มันมากกว่า 1,000 ล้านแน่นอน
-
อันนี้น้องมีนาโมแตกเค้าทราบดีครับ
-
ยังดีน่ะยารีสเพิ่มแรงม้ามาอีกหน่อยทำให้ตัวปัจจุบันน่าสนใจ
-
อย่าคิดเยอะแทนเขาเลยครับ ค่ายรถขายดีอันดับ 1-2 ของโลก เขาคิดมาดีแล้ว 555+
เราเป็น User ประเทศท้ายตาราง ก็ทนใช้สิ่งที่เขาขายมาก็พอ
-
แต่คนที่จะกินรวบจริงๆ ก็คือ City ครับ ได้เปรียบที่บอดี้ใหญ่ ทำได้ทั้ง 4 และ 5 ประตู
-
toyota มีรถหลายรุ่นมากในตลาดโลก แต่ละรุ่นนี่ยุบยิบย่อยสุดๆจนเกือบซ้อนทับ ผมว่าต้นทุนถ้าอยู่ตรงนั้นจริง
เค้าทำให้เหมือนกัน แล้วใส่ของจูงใจจะง่ายกว่ารึเปล่าครับ
ผมมองว่าถ้า toyota ไม่มีคู่แข่งก็ไม่ขยับครับ ก็น่าจะเพราะเค้าคิดว่าคู่แข่งสู้เค้าไม่ได้นั่นแหละครับ ในตลาดนี้ต้องขอบคุณ isuzu กับ honda
-
Toyota ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวลากดินเลยละครับ ในเรื่องการควบคุมต้นทุนการผลิต ลงทุน Big minorchange ไปเมื่อปี 2017 ก็ต้องปั๊มกันให้คุ้มหน่อย แถมตัว Full modelchange ที่จะมาปีหน้า เห็นว่าจะใช้ DNGA-B ด้วยนะครับ ไม่ใช่ TNGA-B
Honda ที่เปิดตัว City ผมว่ากระอักเลยนะ ลงทุนยัด 1.0T Di มา กะขายเอาปริมาณ เจอโควิดพอดี เห็นว่ายอดขายยังหลุดเป้าไกลอยู่นะครับ
Mazda ลงทุนกับวัสดุที่บุนุ่มเยอะๆ ซึ่งต้นทุนสูงกว่าพลาสติกแข็งๆ แน่ๆ แต่เครื่อง Di ก็ต้นทุนต่ำกว่า HV หรือ Turbo พอสมควร และแน่นอน Mazda แจกส่วนลด ดอกถูกกว่าเจ้าตลาด ก็ต้องไปลดกับจุดอื่นด้วยแหละ เดาไม่ยากว่าคืออะไรนะ เพราะ Mazda ไม่ใช่องค์กรการกุศลที่จะไม่เอากำไรเลย
ผมว่าผู้ชนะที่แท้จริง คือ March รุ่นแซยิดนี่แหละ เครื่องโบราณ ออพชั่นก็น้อย ปั้มกันจนโมลด์แตกยังเอามาบัตกรีแล้วปั้มต่อ 555
-
เครื่อง 1200 ตัวนี้ ขายมี่บ้านที่เดียวนะ ที่อื่นใช้เครื่อง 1.5
จุดคุ้มทุนด้าน development , test and trial
คงแบกอยู่เยอะแหละ
-
เค้ายังไม่จบ Model ก็ยังขายต่อ (ทำแบบนี้กันอยู่แล้ว)
อีกไม่นานก็มี New Model รอลุ้นกันต่อไป
เลยอัดออฟชั่น เทขายรุ่นเก่าซะหน่อย ตัวที่ขายตอนนี้ออฟชั่นก็ไม่น้อยนะ (แต่ราคาไปไกลกว่าชาวบ้าน)
-
Toyota ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวลากดินเลยละครับ ในเรื่องการควบคุมต้นทุนการผลิต ลงทุน Big minorchange ไปเมื่อปี 2017 ก็ต้องปั๊มกันให้คุ้มหน่อย แถมตัว Full modelchange ที่จะมาปีหน้า เห็นว่าจะใช้ DNGA-B ด้วยนะครับ ไม่ใช่ TNGA-B
Honda ที่เปิดตัว City ผมว่ากระอักเลยนะ ลงทุนยัด 1.0T Di มา กะขายเอาปริมาณ เจอโควิดพอดี เห็นว่ายอดขายยังหลุดเป้าไกลอยู่นะครับ
Mazda ลงทุนกับวัสดุที่บุนุ่มเยอะๆ ซึ่งต้นทุนสูงกว่าพลาสติกแข็งๆ แน่ๆ แต่เครื่อง Di ก็ต้นทุนต่ำกว่า HV หรือ Turbo พอสมควร และแน่นอน Mazda แจกส่วนลด ดอกถูกกว่าเจ้าตลาด ก็ต้องไปลดกับจุดอื่นด้วยแหละ เดาไม่ยากว่าคืออะไรนะ เพราะ Mazda ไม่ใช่องค์กรการกุศลที่จะไม่เอากำไรเลย
ผมว่าผู้ชนะที่แท้จริง คือ March รุ่นแซยิดนี่แหละ เครื่องโบราณ ออพชั่นก็น้อย ปั้มกันจนโมลด์แตกยังเอามาบัตกรีแล้วปั้มต่อ 555
ผมผู้ที่ใช้ march รู้สึกขอบคุณมัน เพราะตอนนี้อะไหล่หาง่ายเกินไปละ หลับตาไปหาในเชียงกงก็คงเจอ ฮ่า มีกระจกไฟฟ้ากับ push start ก็บุญละครับ 555
-
GEN หน้า เอา Platform Dathutsu มาใส่แทนอีก อารมณ์เหมือนเอารถราคาถูกมาแปะตราแพง
-
ผมว่า Mazda 2 คุ้มทุนระดับนึงแล้วล่ะครับ
ช่วงมา 2 ปีแรก ราคารถแพง ข้อเสนอไม่ถูก ของเล่นน้อย มีดีก็แค่วัสดุที่ว่านุ่มๆ ดีๆ กันนั่นล่ะ
(และวัสดุเหล่านี้พอใช้งานจริงมันก็ไม่ได้ทนเท่าไหร่ หนังพวงมาลัยนี่ไปตั้งแต่ก่อน 3 ปีแรก)
ยอดขายไทยก็ทรงๆ 1,000-2,000 คันต่อเดือน
ช่วง 2017 ปรับใหญ่ ให้ของเพิ่ม เริ่มมาเล่นกับข้อเสนอได้มากขึ้น
ยอดขายไทยเริ่มถีบ ทำได้พีคสุดก็ 3,000-4,000 คันต่อเดือน
นี่ยังไม่นับค่าบำรุงรักษาที่ก็ไม่ได้ถูกด้วยนะที่สามารถมาเอาทุนคืนได้
Yaris จากที่พอได้คลุกคลีมาผ่านๆ ต้นทุนตัวรถเองเค้าไม่แพงหรอกครับ
ต้นทุนคนและระบบที่แพง
March โมลแตกนี่แหละครับ คุ้มทุนของจริง
เผลอๆ ที่ปั๊มขายทุกวันนี้น่าจะปั๊มกำไรเหลือไปล่ะ
-
Mazda 2 ให้วัสดุมาดีมากกว่าคู่แข่ง จนทำให้หลายคนถึงกับแปลกใจว่าได้กำไรจากไหน ผมมองว่ายี่ห้อนี้ น่าจะได้กำไรจากค่า Service นี่ล่ะครับ
ค่าแรง ค่าอะไหล่ ของยี่ห้อนี้มักจะแพงกว่ายี่ห้อคู่แข่ง แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ ความพรีเมี่ยมของวัสดุ และ สมรรถนะในการขับขี่ ที่ดีกว่ายี่ห้อคู่แข่ง
ส่วน Yaris นั้น ผมมองว่าแนวทางการทำตลาดแตกต่างกันครับ แน่นอนว่ายี่ห้อนี้ต้องเน้นความทนทานสำหรับใช้งานในระยะยาวเป็นหลัก
ถึงแม้อาจจะดูไม่หวือหวาอะไรมากนัก บางทีเปิดตัวรุ่นใหม่เห็นใช้เกียร์เดิม เครื่องยนต์เดิมนำมาปรับจูนใหม่ ให้ประหยัดขึ้น แรงขึ้นก็ตาม
แต่ผมมองว่าค่ายนี้เค้าคงจะคิดมาแล้วล่ะครับว่าสิ่งที่จะทำออกมาขายต้องทนทานในระยะยาวเป็นหลัก ดีกว่าไปเสี่ยงกับเทคโนโลยีใหม่
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจครับ ที่จะเห็น Vios, Altis, Camry หลายคันบนถนนวิ่งกันเป็น 10- 20 ปี และปัจจุบันก็ยังมีคนใช้งานอยู่ครับ
-
March: สะดุ้ง*
ลากขายยิ่งกว่า Yaris เยอะก็จริงครับ, เเต่ยอดขายก็น้อยกว่า 10 เท่า (ยอดขายสมเหตุสมผล? 55)
-
Yaris/Ativ น่า จะทำ รุ่น กรุแตก มาซักรุ่น
1.2 Turbo + เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ :) :)
ผม ยังคง ฝันเฟื่อง และ ยังต้องฝันต่อไป :)
-
กลัวแค่ชื่อ Vios จะไม่ได้ไปต่อแค่นั้น
เพราะ Yaris ก็คือ Vios Mc นั้นเอง
หรือจะกลายเป็น Vios Cross