Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: krating ที่ มิถุนายน 07, 2021, 23:46:36
-
ตอบไปแบบไม่ผ่านสมองว่าใช่ เพราะได้รับข้อมูลฟังหัวมาตั้งแต่เด็ก
และคุ้นเคยกับ วอลโว่ ซาบ สมัยวัยละอ่อน
ที่นั่งทีไร รู้สึกหนักแน่น ถึก บึก
กลับมานั่งทวนคำถาม เออ วันนี้มันเป็นแบบนั้นอยู่เปล่าหว่า
อะไรกันแน่ที่ทำให้เรารู้สึก ว่ามันแน่น บึก ถึก
เลยว่ามาถามผู้รู้ ต่อดีกว่า
-
รถส่วนใหญ่บนโลกที่วิ่งอยู่ในปัจจุบัน ใช้เหล็ก 0.9mm เป็นหลักเหมือนกันหมดนั่นแหละครับ เผลอ ๆ ล้าสมัยแล้วด้วย เดี่ยวนี้เหมือนจะบางลงเป็น 0.7 ถ้าเป็นจุดที่ใช้เหล็ก High-Tensile แต่ที่แน่ ๆ คือ รถญี่ปุ่นกับยุโรปใช้เหล็กหนาเท่ากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรละครับ ความรู้สึกที่แตกต่าง แท้จริงแล้วมาจาก
1. การขึ้นรูปทรงของตัวเหล็ก ความแข็งแรงมันเกิดจากการขึ้นรูปนี่แหละครับ เหล็กแผ่นมันก็บิดได้เยอะเหมือน ๆ กันหมด
2. จุดเชื่อม แต่ไม่ใช่วิธีการเชื่อมนะครับ เพราะหลัก ๆ ก็เป็น Spot Weld เหมือนกัน แต่จุดที่เชื่อม จำนวนรอยสปอตเชื่อม และตำแหน่ง ไม่เหมือนกัน
3. ชนิดของเหล็กที่แตกต่างกันไป เช่นเหล็ก Tensile Strength ต่าง ๆ ซึ่งในจุดต่าง ๆ รถแต่ละรุ่นก็ใช้ไม่เหมือนกัน ตามความเหมาะสม
4. การแดมป์วัสดุภายใน อันนี้จริง ๆ แล้วแทบจะเป็นเรื่องหลักเลย นอกจากจะทำให้สิ่งรบกวนภายนอกเข้ามาได้น้อย ยังช่วยให้รถหนัก ก็เลยรู้สึกถึงแรงกระทำภายนอกน้อยกว่า
สรุปให้ง่าย ๆ ว่า ความแตกต่างมันมีครับ แต่ไม่ใช่เพราะความหนาของเหล็ก
และอีกอย่างจะตีความง่าย ๆ ว่ารถญี่ปุ่นไม่แข็ง ไม่แน่นเท่ายุโรป ก็ไม่ได้ เพราะรถญี่ปุ่นที่ออกแบบตัวถังดีก็มีเยอะ รถยุโรปที่ออกแบบตัวถังกาก ก็มีเพียบเช่นกัน ต้องดูเป็นรุ่น ๆ ไปเลยครับ
-
ยุค 2021 ต้องดูเป็นยี่ห้อๆ ไปแล้วหละมั้งครับ
-
รถยุโรปที่ขายในบ้านเราจะมีแต่แบรนด์พรีเมี่ยมอย่างพวก Benz, BMW, Audi, Volvo ซึ่งถ้าจะเอามาเทียบกับรถญี่ปุ่นยี่ห้อตลาดมันก็ดูจะไม่แฟร์เท่าไหร่
ถ้าเอามาเทียบกันยังไงพวกแบรนด์ยุโรปพรีเมี่ยมย่อมเหนือกว่าอยู่แล้วครับทั้งโครงสร้างของตัวรถ และระบบความปลอดภัยที่ให้มาแบบจัดเต็ม
รถญี่ปุ่นยี่ห้อตลาดในบ้านเราต้องเทียบกับ Volkswagen ครับ ถึงจะดูสมน้ำสมเนื้อ เพราะยี่ห้อนี้ก็เป็นยี่ห้อตลาดเหมือนกับรถญี่ปุ่นในบ้านเรา
ส่วน Benz, BMW, Audi ,Volvo ถ้าจะเทียบกันโดยตรงต้องเทียบกับพวก Lexus, Acura, Infiniti ครับถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
-
รถส่วนใหญ่บนโลกที่วิ่งอยู่ในปัจจุบัน ใช้เหล็ก 0.9mm เป็นหลักเหมือนกันหมดนั่นแหละครับ เผลอ ๆ ล้าสมัยแล้วด้วย เดี่ยวนี้เหมือนจะบางลงเป็น 0.7 ถ้าเป็นจุดที่ใช้เหล็ก High-Tensile แต่ที่แน่ ๆ คือ รถญี่ปุ่นกับยุโรปใช้เหล็กหนาเท่ากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรละครับ ความรู้สึกที่แตกต่าง แท้จริงแล้วมาจาก
1. การขึ้นรูปทรงของตัวเหล็ก ความแข็งแรงมันเกิดจากการขึ้นรูปนี่แหละครับ เหล็กแผ่นมันก็บิดได้เยอะเหมือน ๆ กันหมด
2. จุดเชื่อม แต่ไม่ใช่วิธีการเชื่อมนะครับ เพราะหลัก ๆ ก็เป็น Spot Weld เหมือนกัน แต่จุดที่เชื่อม จำนวนรอยสปอตเชื่อม และตำแหน่ง ไม่เหมือนกัน
3. ชนิดของเหล็กที่แตกต่างกันไป เช่นเหล็ก Tensile Strength ต่าง ๆ ซึ่งในจุดต่าง ๆ รถแต่ละรุ่นก็ใช้ไม่เหมือนกัน ตามความเหมาะสม
4. การแดมป์วัสดุภายใน อันนี้จริง ๆ แล้วแทบจะเป็นเรื่องหลักเลย นอกจากจะทำให้สิ่งรบกวนภายนอกเข้ามาได้น้อย ยังช่วยให้รถหนัก ก็เลยรู้สึกถึงแรงกระทำภายนอกน้อยกว่า
สรุปให้ง่าย ๆ ว่า ความแตกต่างมันมีครับ แต่ไม่ใช่เพราะความหนาของเหล็ก
และอีกอย่างจะตีความง่าย ๆ ว่ารถญี่ปุ่นไม่แข็ง ไม่แน่นเท่ายุโรป ก็ไม่ได้ เพราะรถญี่ปุ่นที่ออกแบบตัวถังดีก็มีเยอะ รถยุโรปที่ออกแบบตัวถังกาก ก็มีเพียบเช่นกัน ต้องดูเป็นรุ่น ๆ ไปเลยครับ
ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวคงต้องไปอธิบาย หลานใหม่ เผลอปล่อยโง่ให้เด็กไปเสียแล้ว
ต้องไปแก้ข้อมูลใหม่
-
ตอบยังไงดีหละ เอาในมุมความปลอดภัยแล้วกันครับ
ถ้ายุโรปแบบC Class, 3 Series เทียบญี่ปุ่นที่ขนาดพอๆกันอย่างCivic, Altis มันก็มีส่วนจริงแหละครับ รถขนาดพอๆกัน แต่ยุโรปหนักกว่าเยอะ
แต่ๆๆ ความหนาของเหล็กไม่ได้เป็นตัวกำหนดความแข็งแรงเสมอไปครับ วัสดุมันมีผลด้วย ผมเคยไปแอบแตะๆPorscheที่จอดอยู่ (ขอโทษก๊าบบ _/\_) ตัวถังมันบางแบบCityเลยครับ แต่แข็งมากๆ แบบกดไม่เข้าเลย
และตัวถังแข็ง ไม่ได้แปลว่ามันจะปลอดภัยครับ อย่างถ้าเกิดการชนขึ้นมา รถที่ตัวถังอ่อน มันจะยุบมาทับเรา แต่รถที่ตัวถังแข็ง แรงชนมันจะส่งผ่านมาที่เราเต็มๆ สรุปเจ็บทั้งคู่ครับ
รถเดี๋ยวนี้มันก็จะเลยจะมีจุดที่อ่อนและแข็งครับ จุดที่อ่อนคือพวกกันชน หรืออะไรรอบๆเพื่อซับแรง ส่วนจุดที่แข็ง คือห้องโดยสาร เพื่อไม่ให้รถมันยุบมาทับเราครับ อารมณ์เหมือนนั่งขับในกล่องเหล็กแข็งๆ แล้วมีหมอนนุ่มๆติดอยู่ข้างหน้าหนะครับ ชนไป หมอนมันก็ช่วยซับแรงให้ก่อนมาถึงเหล็ก ลองไปกดๆรถญี่ปุ่นดูก็ได้ครับ ตรงกันชนนี่อ่อน+บางมาก แตะๆก็ยุบ แต่ตรงคาน/เสาจากกระโปรงหน้าขึ้นไปถึงหลังคา(เสาA/A Pillars) นี่คือโคตรรรรแข็งครับ
ไม่รู้ตอบตรงคำถามหรือเปล่านะครับ แฮะๆ :-[
-
น่าจะจริง แต่ผมเชื่อในมาตราฐาน EuroNcap ที่สุด
ต่อให้รถคุณเป็นเหล็กแข็งมากแค่ไหน กลัวแต่โครงสร้างซับแรงกระแทกไม่ดีผู้โดยสารคงโดนเหล็กกระแทกตายคารถแทน :-[ :-[
-
ความหนา หรือเชิงเทคนิคผมไม่มั่นใจครับ
แต่โดยเฉลี่ย รถยุโรปในขนาดเดียวกัน จะมาหนักกว่าญี่ปุ่น
เดี๋ยวนี้ ส่วนตัวจะดูผลทดสอบความปลอดภัยมากกว่าความเป็นยุโรปหรือญี่ปุ่นนะครับ ::)
-
เหล็กที่เป็นเปลือกหนาเท่ากันที่ต่างกันคือโครงสร้าง รถที่แพงกว่าโครงสร้างมักจะดีกว่าปลอดภัยกว่าตามราคาที่จ่าย :-X
ก้มดูด้านท้ายรถก็ได้ครับ รถเป็นล้านบางคันลดต้นทุนด้วยการตัดคานนิรภัยหลังออก อันนี้ที่มองเห็นนะที่มองไม่เห็นอีกเพียบ :-X
-
ถ้าถามแค่ว่าหนากว่ามั้ย ลองเดินไปเคาะๆ ประตู ฝากระโปรง f30 กับ accord g9 เสียงเคาะ bmw หนาทึบกว่าพอควรครับ
-
กำปั้นทุบดิน ก็ ใช่ ... เดินเคาะรถดู รถยุโรป กับ รถญี่ปุ่น หรือ เอาแค่ ตอนยกฝากระโปรงหน้าขึ้น (กรณีไม่มีโช้ค) มันก็ต่างกันแล้วนะ
แต่ในทางเทคนิค ก็อย่าง คห.บนๆว่า นั่นแหละ เหล็กหนา ไม่ได้แปลว่า ต้องแข็งแรงเสมอไป มันมีเรื่องของ การรับแรงดึง แรงเฉือน ต่างๆอีก ตลอดจน โครงสร้างที่เป็นหัวใจหลักของรถ
............
ลองเดินไปเคาะ กระบะ มังกรทอง / ไมตี้ สิ ... หนาปึ้ก
ลองเดินไปเคาะ Vigo สิ
จำได้ว่า ตอน Vigo ออกมาใหม่ๆ มีแต่คนบอกว่า บาง สังกะสี
แต่ถ้าชอบดูข่าว อุบัติเหตุ จะเห็นว่า Vigo ปลอดภัยขึ้นเยอะมาก คว่ำแล้วหลังคาบี้ลงมาทับคอหัก น้อยมาก (ถ้าไม่ไปเล่น กับ ต้นไม้) หรือ ชนจนหน้าเละ หน้ายับ น้อยครั้งที่จะเห็น แผงหน้าปัด ห้องโดยสาร อัดคนขับติดเบาะ
นั่นแปลว่า การออกแบบโครงสร้างตัวถัง มันดีขึ้นมากๆ กระจายแรงดีขึ้น แล้วก็ไปจัดการเรื่องเปลือกตัวถัง ที่ใช้เหล็กบางลง แต่ เหนียวขึ้น ไงครับ
............
คลิป volvo 940 เจอ renault คันเท่า march นั่นไง ตอบคำถามได้ครับ
-
ที่บ้านแฟนทำรับซื้อของเก่า มีซากรถเก่ามาตัดเรื่อยๆ คนงานบอกว่า BMW E12 ตัดเหนื่อย เหล็กหลายชั้น หนากว่ารถญี่ปุ่น ;D
-
ตอนเด็กๆ ที่บ้านมี Volvo740 โดน โตโยต้าชนท้ายบนทางด่วน ท้ายรถไม่เป็นไรเลย แต่โตโยต้า บุบ
แต่สมัยนี้ผมว่า พอกัน
-
ยุโรปพยายามทำรถให้แข็งแรง แต่น้ำหนักน้อยลง การใช้เหล็กบางลงจึงสวนทางกับหลักการความปลอดภัย จึงต้องไปเล่นกับวัสดุที่ใช้แทน อย่างเช่นการใช้เหล็กทนแรงดึงสูงในการสร้างโครงรถ การใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบามาทำชิ้นส่วนรถเช่นประตู ฝากระโปรง บังโคลนและหลังคาครับ ลองไปดู BMW S5 G30 เปลือกตัวถังเป็นอลูมิเนียมทั้งคัน แถมคานใต้คอนโซลหน้าก็เป็นโลหะแมกนีเซียมอัลลอย ช่วงล่างปีกนกก็ยังทำจากอลูมิเนียมอีก ไปดู 520d ดูครับน้ำหนักมันเบากว่า 330Li เกือบร้อยโลทั้งๆที่คันใหญ่กว่า ส่วนพวก Super car เนี่ยเล่น carbon fiber เลย แพงไปอีก
-
ถ้าตัดคำว่าญี่ปุ่นกับยุโรปไปก่อน
แล้วมานึกถึงคำว่าเหล็กหนา เหล็กบาง แล้วลองดูคลิปข้างล่างนี้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=C_r5UJrxcck
https://www.youtube.com/watch?v=xauHCEVsEJU
-
จากนั้นลองนึกต่อ
.... รถใหม่ๆ ยิ่งทำ ยิ่งบาง โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็บุบ
เอาแต่ลดต้นทุน. สู้รถรุ่นเก่า ๆ ไม่ได้ เหล็กหนากว่าเยอะ ...
https://www.youtube.com/watch?v=TikJC0x65X0
-
หรือแม้แต่รถกระป๋องคันเล็กๆ เหล็กบางๆ แบบนี้
ขับรถรุ่นเก่าๆ เหล็กหนาๆ ดีกว่า
https://www.youtube.com/watch?v=KxPe9IGfchg
https://www.youtube.com/watch?v=emtLLvXrrFs
-
ถ้าเอาแค่เรื่องขอหนาของเหล็ก ปี 2020 แล้ว มันไม่ได้ต่างแล้วครับ และ แต่ก่อนก็ไม่ได้ต่างกันด้วย
ที่ต่างคือ
1. ที่มาของเหล็ก
2. การเชื่อม
3. ชิ้นส่วนควบ เช่น คานนิรภัย กันชนหน้า-หลัก(แต่ก่อนเป็นเหล็ก แต่เดี๋ยวนี้พลาสติกกันหมดแล้ว)
4. จุดเชื่อมต่อโครงสร้าง ที่ใช้ High-Tensile จำเป็นมาก น้อย ไม่เท่ากัน
สุดท้าย โลกยุดนี้ คันไหน หรือ ยี่ห้อ ไหน ทน(การชน) มากกว่ากัน ก็ดูตาม NCAP ได้เลย ความเชื่อ ไม่ได้จริง เสมอไป
-
รถยุโรปเหล็กหนากว่าอยู่แล้ว วันก่อนจอดติดไฟแดงนานมากๆ เลยอ่านข่าวโควิดในมือถือระหว่างรอ แต่เผลอเหยียบเบรคเบาไป รถไหลไปชนท้ายปิกอัพข้างหน้า รถผม(benz)ไม่รู้สึกอะไรเลย และไม่เป็นรอยใดๆ ส่วนปิกอัพก็ท้ายบุบ
ผมประมาทเลินเล่อ ได้บทเรียนไปแล้ว และจะไม่ทำอีก
ประเด็นคือ รถยุโรป เหล็กหนากว่า มันแน่นอนอยู่แล้ว ทุกยุคทุกสมัย
ถ้าคิดว่ารถญี่ปุ่นจะทำเหล็กหนาขึ้น ขอให้คิดต่อด้วยว่าเขาจะเพิ่มต้นทุนเพื่ออะไร? ขนาดตัวถังมีสนิมยังขายได้ดีเลย
ส่วนผลทดสอบการชนที่ดีขึ้น ไม่ได้แปลว่าเหล็กหนาขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นการ design ที่ดีขึ้นมากกว่า เช่น suzuki heartect
-
สมัยนี้เน้นโครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อให้ประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ ซึ่งโคตรสร้าง body รถยนต์ ทางผู้ผลิตก็ต่างออกแบบต่างกัน จุดรับแรงกระแทกก็จะใช้เหล็กที่แข็งขึ้น หน่วยวัดเป็น MPa
ซึ่งถ้าเอาภาพโครงสร้างรถมาดู ก็จะเห็นจุดที่ซับซ้อนดัดงอ ความต่างมันก็จะเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ supplier ละ เพราะ ผู้ผลิตสั่งสเป็ครูปตัว L ถ้าเทคโนโลยีบ้านๆ ก็เอาเหล็ก 2 อันมาเชื่อมกัน แล้วไปชุปแข็ง ถ้าเป็นเทคโนโลยีล้ำๆ ก็จะใช้การดัด (roll forming) ให้เป็นรูปตัว L เพื่อลดจุดเชื่อม โครงสร้างรูปตัว L ของทั้ง 2 เทคโนโลยี ก็ความแข็งจะไม่เท่ากันแล้ว
ทีนี้ก็ต้องมาดูว่า ใส่ในรถที่ผลิตแต่ละประเทศ สเป็คเหมือนหรือต่างกับของ ต่างประเทศ เพราะเทคโนโลยีในการผลิตล้ำๆ มันไม่ได้มาง่ายๆ เปรียบให้เห็นภาพ supplier ในประเทศ = โรงกลึงห้องแถว ที่รับจ้างปั้ม เชื่อม ถ้าบริษัทไหนไม่ได้ joint กับเจ้าของเทคโนโลยี หรือเจ้าของเทคโนโลยีไม่มาลงเอง เช่น Bosch หรือ Magna มันก็ยากที่เทคโรโลยีการผลิตที่ล้ำๆ เพราะเมืองไทยก็ไม่ได้เคร่งอะไรเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว กันชนหลัง รถบางรุ่นยังไม่ยอมใส่มาให้
สรุปคือ ดูผลทดสอบการชน แต่ผลทดสอบอาจจะใช้อ้างอิงกับรถที่ผลิตและขายในประเทศไทยไม่ได้
-
เหล็กหนากว่าหรือไม่อันนี้ผมไม่ทราบครับ
เพียงแต่ว่าเวลาขับมันรู้สึกได้ว่ารถหนัก ช่วงล่างมันเอาอยู่ที่ความเร็วสูงกว่า ระบบ active และ passive safety โดยเฉพาะ Volvo มันทำให้อุ่นใจขึ้นเยอะครับเวลาขับรถ
ปล. ผมไม่ได้สนใจว่า Volvo จะเอารถไปทิ้งลงมาจากตึกกี่ชั้น แต่ซื้อมาลองขับเองดูครับ จะรู้สึกได้จากการขับรถเลยว่าถ้าขับตามความเร็วที่กฏหมายกำหนด มันให้ความมั่นใจดีมากๆว่าเราจะปลอดภัย
-
ปัจจุบันเหล็กหนาก็ใช่ว่าจะแข็งกว่า มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การออกแบบโครงสร้างการซับแรง ค่าความแข็งของเหล็ก
แต่ที่ขายในบ้านเราลดต้นทุน(เพิ่มกำไรเยอะ) เลยทำให้รถญี่ปุ่นดูบอบบาง
-
ผมชอบ YouTube ของอันนี้มาก แกะให้เห็นโครงสร้างกันเลย ต้องย้ำว่านี่เป็นสเปคที่ขายในประเทศเขานะ บางรุ่นแน่นอนว่าของไทยไม่เหมือนกัน บางยี่ห้อก็บอกอะไรได้หลายๆ อย่าง
ผลทดสอบการชนอาจจะปลอดภัยเหมือนกัน แต่การออกแบบโครงสร้างเห็นชัดเจน เคยมีการนำ BMW Series 3 ชนกับ C-Class แล้วแกะให้เห็นโครงสร้างด้วย คลิปลบไปแล้วเสียดายมาก
https://www.youtube.com/watch?v=hdSbueBmeyA (https://www.youtube.com/watch?v=hdSbueBmeyA)
https://www.youtube.com/watch?v=bA8ZCHqNRKQ (https://www.youtube.com/watch?v=bA8ZCHqNRKQ)
https://www.youtube.com/watch?v=xBCbMtou_n8 (https://www.youtube.com/watch?v=xBCbMtou_n8)
https://www.youtube.com/watch?v=2I3qyIrAKIk (https://www.youtube.com/watch?v=2I3qyIrAKIk)
-
รถยุโรปยุคใหม่ ชิ้นส่วนตัวรถบางส่วนทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) น่าจะลดน้ำหนักตัวรถให้เกือบเท่ารถญี่ปุ่น
-
เรื่องความหนาของเหล็ก อันนี้ผมไม่รู้
แต่ความแน่นของตัวรถนี่ เคาะหรือปิดประตูก็พอเห็นความต่างแล้วครับ
เอาของรถญี่ปุ่นด้วยกันเอง civic FC กับ CX5 gen1 เสียงปิดประตู กับเคาะตัวถัง CX5 แน่นกว่า civic พอสมควรเลย
-
เคยทำงานกับน้องวิศวกรที่พึ่งออกจาก ค่ายรถญี่ปุ่นยอดนิยมค่ายหนึ่ง ถามคำถามนี้เลยครับ ว่าเค้าลดเสปคจริงมั้ย
น้องยิ้มแห้ง บอกว่า .. ผมเองแหละครับพี่เป็นคนลดเสปคเหล็กให้บางลง แล้วพ่นสีรองพื้นให้หนาขึ้นแทน ..
ถามว่าทำไม . เพราะนายสั่งมาครับ
-
เคยคุยกับช่างเคาะพ่นสี เค้าบอกไม่เกี่ยวกับยี่ห้อ เหล็กหนาบางเกี่ยวกับราคารถครับทั้งเปลือกและโครงสร้าง รถญี่ปุ่นที่ราคาเท่ายุโรป เช่น lexus ก็หนาเท่ายุโรป รถยุโรปต่าง segment ความหนาก็ต่างกัน
อีกอย่างที่คนเข้าใจผิดกันคือ รถหนาๆแข็งๆไม่มีการออกแบบซับแรง รถจะหนาจะบางมันออกแบบซับแรงได้หมดแหละครับ หนา แข็ง ซับแรง ย่อมดีกว่า บาง อ่อน ซับแรง
-
ตอบในมุมคนผลิตชิ้นเครื่องจักรงานเหมืองนะครับ เหล็กมีหลายประเภท หลายเกรดมากๆ ที่ความหนาเดียวกัน ผมมีตั้งแต่ 22บาท/กิโล ไปจนถึง 60บาท/กิโล ซึ่งราคาที่ต่าง ก็คือเกรดและคุณสมบัตของเหล็กที่ต่างกัน เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกันครับ.
ส่วนรถยนต์ มาในยุคนี้แล้ว ไม่น่ามีคนเอาความแข็งของเหล็กโดยใช้ว่าชนแล้วไม่ยุบมาเป็นตัวตั้งนะครับ ปัจจุบัน โครงสร้างรถยน ออกแบบมาให้ยุบตัวในส่วนของ Crumble Zone หรือโซนรับแรง และให้แข็งแรงที่สุดในส่วนของ Passenger Zone คือโซนที่ผู้โดยสารอยู่. ที่นี้ถ้าจะตัดสินว่าอะไรแข็งสุด ในแง่วิศวกรที่ทำรถ คืออะไรที่ปกป้องคุณหากเกิดการชนดีที่สุด อันนี้ก็ต้องไปดู crash test ครับ ดูว่ารุ่นไหน ยี้ห้ออะไรได้คะแนนดีสุด ตัว Crash Test เองก็ขอให้ดูที่คะแนนการปกป้องเป็นหลัก อย่าพึ่งไปดูคะแนนเสริมที่หากรถมีระบบเบรคAuto ต่างๆพวกนี้แล้วจะได้คะแนนมากขึ้น ดูแยกเป็นส่วนๆครับ.
ส่วนโรงงานผลิตในประเทศต่างๆ จะใช้เหล็กเดียวกัน หนาเท่ากันมั่ย อันนี้ผมไม่ทราบครับ. ถามว่ายี่ห้อ A ใช้เหล็กบางกว่ายี่ห้อ B แต่ยี้ห้อ A ใช้เหล็กเกรดดีกว่าเพื่อลดน้ำหนัก แต่ความแข็งแรงอาจจะเท่า หรือมากกว่ายี้ห้อ B ก็ได้ครับ. ลองไปดูพวก Volvo หรือ Benz บางทีจะมีโปรชัวหรือ Video ที่บอกว่าในส่วนต่างๆของตัวรถ เค้าจงใจใช้เหล็กต่างชนิด ต่างความหนากัน.
-
ส่วนตัวมองว่า เปลือกนอกมันจะหนา 0.7 หรือ 0.9 หรือ 1.1 ไม่ได้มีความแตกต่างมากนักเวลาชน แต่มองในส่วนของที่มองไม่เห็นจากภายนอกมากกว่าซึ่งมันคงต้องดูที่การทดสอบการชนอ่ะครับ
-
คนไทยในโรงงานรถยนต์นั่นแหละครับตัวดีเลย
-
ผมชอบ YouTube ของอันนี้มาก แกะให้เห็นโครงสร้างกันเลย ต้องย้ำว่านี่เป็นสเปคที่ขายในประเทศเขานะ บางรุ่นแน่นอนว่าของไทยไม่เหมือนกัน บางยี่ห้อก็บอกอะไรได้หลายๆ อย่าง
ผลทดสอบการชนอาจจะปลอดภัยเหมือนกัน แต่การออกแบบโครงสร้างเห็นชัดเจน เคยมีการนำ BMW Series 3 ชนกับ C-Class แล้วแกะให้เห็นโครงสร้างด้วย คลิปลบไปแล้วเสียดายมาก
https://www.youtube.com/watch?v=hdSbueBmeyA (https://www.youtube.com/watch?v=hdSbueBmeyA)
https://www.youtube.com/watch?v=bA8ZCHqNRKQ (https://www.youtube.com/watch?v=bA8ZCHqNRKQ)
https://www.youtube.com/watch?v=xBCbMtou_n8 (https://www.youtube.com/watch?v=xBCbMtou_n8)
https://www.youtube.com/watch?v=2I3qyIrAKIk (https://www.youtube.com/watch?v=2I3qyIrAKIk)
อันนี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ :-X
-
ตอบในมุมคนผลิตชิ้นเครื่องจักรงานเหมืองนะครับ เหล็กมีหลายประเภท หลายเกรดมากๆ ที่ความหนาเดียวกัน ผมมีตั้งแต่ 22บาท/กิโล ไปจนถึง 60บาท/กิโล ซึ่งราคาที่ต่าง ก็คือเกรดและคุณสมบัตของเหล็กที่ต่างกัน เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกันครับ.
ส่วนรถยนต์ มาในยุคนี้แล้ว ไม่น่ามีคนเอาความแข็งของเหล็กโดยใช้ว่าชนแล้วไม่ยุบมาเป็นตัวตั้งนะครับ ปัจจุบัน โครงสร้างรถยน ออกแบบมาให้ยุบตัวในส่วนของ Crumble Zone หรือโซนรับแรง และให้แข็งแรงที่สุดในส่วนของ Passenger Zone คือโซนที่ผู้โดยสารอยู่. ที่นี้ถ้าจะตัดสินว่าอะไรแข็งสุด ในแง่วิศวกรที่ทำรถ คืออะไรที่ปกป้องคุณหากเกิดการชนดีที่สุด อันนี้ก็ต้องไปดู crash test ครับ ดูว่ารุ่นไหน ยี้ห้ออะไรได้คะแนนดีสุด ตัว Crash Test เองก็ขอให้ดูที่คะแนนการปกป้องเป็นหลัก อย่าพึ่งไปดูคะแนนเสริมที่หากรถมีระบบเบรคAuto ต่างๆพวกนี้แล้วจะได้คะแนนมากขึ้น ดูแยกเป็นส่วนๆครับ.
ส่วนโรงงานผลิตในประเทศต่างๆ จะใช้เหล็กเดียวกัน หนาเท่ากันมั่ย อันนี้ผมไม่ทราบครับ. ถามว่ายี่ห้อ A ใช้เหล็กบางกว่ายี่ห้อ B แต่ยี้ห้อ A ใช้เหล็กเกรดดีกว่าเพื่อลดน้ำหนัก แต่ความแข็งแรงอาจจะเท่า หรือมากกว่ายี้ห้อ B ก็ได้ครับ. ลองไปดูพวก Volvo หรือ Benz บางทีจะมีโปรชัวหรือ Video ที่บอกว่าในส่วนต่างๆของตัวรถ เค้าจงใจใช้เหล็กต่างชนิด ต่างความหนากัน.
+1 ตามนี้ครับ
โลหวิทยาไปมันไกลแล้ว Composite ของเหล็กก็มีเป็นร้อยๆแบบ ผสมกันไม่ได้ให้เอามาวัดเรื่องหนาบาง ทุกๆอย่างมีเหตุผลของมันอยู่
ส่วนเรื่องรถญี่ปุ่นบางกว่ารถฝรั่งจริงไหม ไม่กล้าตอบเลยครับ ทุกวันนี้ยังหลอน GD ประตูมันดีดปกติชนเสาบ้านแล้วยุบลงไปอยู่เลย
เรื่องการใช้ความรู้สึกมาวัดทั้งหลาย (โดยเฉพาะไอการฟังเสียงเคาะๆ ปิดๆประตู) ผมว่าสมัยนี้แล้วควรเลิกเอามาใช้ได้แล้วน่ะครับ
แค่ผมหาอะไรหนาๆไปใส่ไว้หลังส่วนที่คุณไปเคาะๆกัน มันก็ทำให้เสียงแน่นได้ทั้งนั้นแหละ
ถ้าสงสัยมากจริงๆ เดินหาตามเซียงกงหรือสุสานรถพร้อมกับเครื่องวัดความหนาเหล็ก ยิงเช็คมันทุกคันอะครับ คันไหนมีสนิมก็เลี่ยงหน่อยเดี๋ยวจะบาดทะยัก + คาดเคลื่อน
เดี๋ยวก็ได้คำตอบเองแหละครับ
-
เคยดูคลิปที่เค้าเอารถยุโรปสมัยเก่ามาชนกับรถญี่ปุ่นถูกๆ สมัยใหม่ ตอนยังเรียน
แล้วทำให้ลืมภาพความหนาของเหล็กเลยครับ เทคโนโลยีวัสดุมันไปไกลเกินกว่าเราจะมาใส่ใจ Thickness กันแล้วจริงๆ
-
ยุโรปพยายามทำรถให้แข็งแรง แต่น้ำหนักน้อยลง การใช้เหล็กบางลงจึงสวนทางกับหลักการความปลอดภัย จึงต้องไปเล่นกับวัสดุที่ใช้แทน อย่างเช่นการใช้เหล็กทนแรงดึงสูงในการสร้างโครงรถ การใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบามาทำชิ้นส่วนรถเช่นประตู ฝากระโปรง บังโคลนและหลังคาครับ ลองไปดู BMW S5 G30 เปลือกตัวถังเป็นอลูมิเนียมทั้งคัน แถมคานใต้คอนโซลหน้าก็เป็นโลหะแมกนีเซียมอัลลอย ช่วงล่างปีกนกก็ยังทำจากอลูมิเนียมอีก ไปดู 520d ดูครับน้ำหนักมันเบากว่า 330Li เกือบร้อยโลทั้งๆที่คันใหญ่กว่า ส่วนพวก Super car เนี่ยเล่น carbon fiber เลย แพงไปอีก
BMW S5 G30 ถึงจะลดน้ำหนักลงมายังไง น้ำหนักตัวก็มากกว่ารถญี่ปุ่นอย่าง ฮอนด้า แอกคอร์ด หรือ โตโยต้า แคมรี่ อยู่ดี