Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: vashali ที่ มิถุนายน 09, 2021, 21:34:25
-
มีความจำเป็นต้องใช้รถแล้ว รอรุ่นใหม่ไม่มาซักที แต่ก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอารุ่น gf hybrid หรือ sc เบนซิน ขอสอบถามเพื่อนสมาชิกหน่อย เพื่อช่วยตัดสินใจ
1.ตัว hybrid ขับดีกว่า เข้าโค้งได้ดีกว่า โคลงน้อยกว่าเบนซินธรรมดาไหม
2.hybrid ของเพื่อนๆมีอะไรเสียบ้าง เสียที่กี่กิโลเมตร เสียเงินค่าอะไหล่เท่าไหร่
3.ถ้าย้อนเวลากลับไปจะซื้อ hybrid หรือ เบนซิน
-
เงินพร้อม ไม่กลัวการซ่อม hybrid ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน
หมายถึงตัวเองมีความกลัวมั้ย ถ้าเฉยๆ ไป hybrid
-
ใช้ทั้งคู่ เชียร์hybrid ครับ
-
ใช้ hybrid มาเข้าปีที่ 6 แล้ว มีเปลี่ยนลูกหมากช่วงล่างด้านหน้าอย่างเดียวคับ นอกนั้นเติมน้ำมันแล้วขับอย่างเดียว
ไม่เคยลองตัวเบนซิน แต่รถผมคันนี้ผมว่าขับดีมาก ยิ่งได้ยางดีขับเร็วยิ่งมั่นใจคับ
-
ต้องถามว่า ใช้เยอะ ใช้นาน แค่ไหน
เพราะถ้าใช้เยอะ ใช้ยาว ค่าใช้จ่ายในการดูแลแบต แม้จะเปลี่ยนเฉพาะ cell ได้ ก็ไม่ถูกนะครับ ลองหาดู อู่ที่รับซ่อมดูครับ
-
ถ้าระยะยาวผมไว้ใจตัวเบนซินมากกว่าครับ
-
ผมใช้ hybrid โตต้ามาหลายคันยังไม่มีปัญหาหนักใจครับ
แต่เพื่อความสบายใจผมแนะนำให้เอาตัวเบนซินธรรมดาดีกว่าครับ
ไม่งั้นอนาคตมีปัญหาเราจะนอยเองว่าไม่น่าเลย ต่อให้ปัญหาเล็กๆก็ตาม ถ้าข้อดีมันมีแค่โคลงน้อยกว่า ผมว่าขับไปเดี๋ยวก็ชินครับ
ไม่เคยใช้ alphard แต่ไฮบริดตัวอื่นๆ แบตเสื่อมประมาณ 80-120km ปั้ม abs มีปัญหาตอน 3แสนกว่าโล (ของพรีอุส) ซ่อมยังไงจำไม่ได้ครับไปอู่นอก ซ่อมไป 7พันได้ ที่เหลือปกติครับ
-
โจทย์เดียวกับผม ผมเคยตั้งกระทู้ไว้เรื่องนี้เวลาเลือก Alphard คือใช้ในเมืองบ่อยมันกินน้ำมัน 6-7 km/l จะรับไหวไหมสำหรับค่าน้ำมัน
ถ้าเปลี่ยนมาเลือกเป็น Hybrid ประหยัดกว่าอยู่แล้ว ได้ 10 km/l อัตราเร่งก็ดี ส่วนแบตเปลี่ยนเฉพาะเซลประมาณ 30,000 ถ้าเปลี่ยนหมดเลยประมาณ 50,000 ถามช่างมาครับเป็นของจีน ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่ช่างคนเดิมก็บอกถ้าเลือก 2.5 SC เบนซินก็ซ่อมง่ายเลยละ
-
ใช้hybrid แต่ไม่เคยเทียบกับตัวเบนซินนะครับ
1. ไม่แน่ใจว่าโคลงน้อยกว่าหรือไม่ แต่ไม่ว่ารุ่นไหนถ้ารู้สึกว่าโคลงให้ไปหา โช็ค kayaba new sr กระบอกฟ้า มาใส่ โคลงลดลงชัดเจนแต่ไม่แข็งขึ้น
2. 30,000 โล ยังไม่มีอะไรเสีย
3. ย้อนไปได้ ก็เลือกไฮบริด เพราะ อัตราเร่งดีกว่าเวลามอเตอร์ทำงานพร้อมเครื่องยนต์รู้สึกว่าพุ่งดี , ผมใช้ในเมืองเป็นหลัก ประหยัดน้ำมันกว่า, ผมชอบภายในสีเบจ เรื่องการตัดต่อกำลังผมว่าดีกว่า benz s class ขับๆอยู่นี่ไม่รู้เครื่องติดเมื่อไหร่
สำหรับ จขกท ผมว่าขึ้นกับใช้ในเมืองหรือนอกเมืองเป็นหลัก
ถ้าใช้ในเมือง รถติดๆ ผมว่าhybrid คุ้มกว่า (6 โลลิตร vs 10 โลลิตร) แต่ถ้าใช้นอกเมือง ทางไกลเป็นหลัก เบนซินผมว่าประหยัดกว่า hybrid วิ่งทางไกลมันจะสลับชารต์ ตลอด วิ่งทางไกล ได้ ประมาณ 10-11 โลลิตร พอๆกับในเมือง เลย
เรื่องการซ่อมระยะยาว ที่บ้านมี alphard โฉมแรกเบนซิน 3.0 เลขไมล์ประมาณ 300,000 โช็ค เกียร์ ฯลฯ เสีย ค่าซ่อมหลักแสนเหมือนกัน
-
ถ้างบถึง ไป HB ครับ
ก่อนหน้านี่ซัก 5-6 ปี คนกลัว HB แต่ วันนี้ ผมว่าพี่ โต พิศูจน์ตัวเองแล้วนะครับ ว่า มันไม่จุกจิก
ไม่รู้ ว่า Alphad Option ดีๆไปกองที่ HB เหมือน Camry หรือเปล่า
-
ใช้hybrid แต่ไม่เคยเทียบกับตัวเบนซินนะครับ
1. ไม่แน่ใจว่าโคลงน้อยกว่าหรือไม่ แต่ไม่ว่ารุ่นไหนถ้ารู้สึกว่าโคลงให้ไปหา โช็ค kayaba new sr กระบอกฟ้า มาใส่ โคลงลดลงชัดเจนแต่ไม่แข็งขึ้น
2. 30,000 โล ยังไม่มีอะไรเสีย
3. ย้อนไปได้ ก็เลือกไฮบริด เพราะ อัตราเร่งดีกว่าเวลามอเตอร์ทำงานพร้อมเครื่องยนต์รู้สึกว่าพุ่งดี , ผมใช้ในเมืองเป็นหลัก ประหยัดน้ำมันกว่า, ผมชอบภายในสีเบจ เรื่องการตัดต่อกำลังผมว่าดีกว่า benz s class ขับๆอยู่นี่ไม่รู้เครื่องติดเมื่อไหร่
สำหรับ จขกท ผมว่าขึ้นกับใช้ในเมืองหรือนอกเมืองเป็นหลัก
ถ้าใช้ในเมือง รถติดๆ ผมว่าhybrid คุ้มกว่า (6 โลลิตร vs 10 โลลิตร) แต่ถ้าใช้นอกเมือง ทางไกลเป็นหลัก เบนซินผมว่าประหยัดกว่า hybrid วิ่งทางไกลมันจะสลับชารต์ ตลอด วิ่งทางไกล ได้ ประมาณ 10-11 โลลิตร พอๆกับในเมือง เลย
เรื่องการซ่อมระยะยาว ที่บ้านมี alphard โฉมแรกเบนซิน 3.0 เลขไมล์ประมาณ 300,000 โช็ค เกียร์ ฯลฯ เสีย ค่าซ่อมหลักแสนเหมือนกัน
แซวนิด ตอนซื้อก็ไปลองทั้ง Alphard Hybrid กับ S560e ผมว่าการตัดต่อกำลังยังไง Alphard ก็สู้ S ไม่ได้ครับ ไม่นับว่า S มันมีลูกเล่นเรื่องระบบ hybrid ที่เหนือกว่าจมเลย ไม่นับช่วงล่างถุงลมกับความหรูหรา แต่แค่ 1S=2A นอกประเด็น จขกท นิดนึงครับ
Hybrid กับ เบนซิน ผมไป Hybrid โดยไม่ต้องคิด แค่ระบบ e-four ก็คุ้มแล้วครับ เกาะถนนกว่า อัตราเร่งดีกว่า ค่าซ่อม hybrid ก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ (เอาง่ายๆ ค่าซ่อมแพงน้อยกว่าค่าประกันชั้น 1) เว้นแต่ จขกท เน้นขับนอกเมืองแล้วเน้นประหยัดเป็นหลักแบบนี้ก็คงไม่ได้ใช้ hybrid แต่อย่าลืมนะว่ามันมี e-four เกาะถนนกว่าเยอะ ตรงๆนะครับซื้อรถสามล้านกลัวอะไรกับค่าซ่อมสามสี่หมื่น ห้าหกปีแหละครับกว่าจะถึงเวลานั้น (เผลอๆขายแล้วด้วย) ค่าซ่อมผมให้สี่หมื่นด้วยหกปีก็ปีละ 6,667 บาทเอง คิดแบบนี้สบายใจขึ้นไม๊ครับ
ผมเป็นคนชอบรถแรงนิด เมือหลายปีมาแล้วก็กลัวระบบ hybrid แต่หลังจากซื้อคันแรกแล้วคันต่อๆไปผมกลับมองว่า ต้อง PHEV เท่านั้น ของแบบนี้ต้องลองครับ ซื้อ Alphard hybrid นี่ก็ conservative มากแล้วครับ ไม่ได้เสี่ยงเรื่องอะไรเลย
-
ผมว่ารถไฟฟ้ากำลังมา ผมมองว่าจะจ่ายเงินแพงกว่าไปทำไมกับเทคโนโลยีที่ใกล้จะตกยุค ถ้าเป็นผมมปมเลือกเบนซินครับ
-
Hybrid ครับ ได้ขับ4 มอเตอร์หลังไฟฟ้ามา
-
Hybrid ดีกว่าครับ เพราะช่วงนี้เข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าครับ
-
เคยขับไฮบริด ชอบตรงที่มันวิ่งไฟฟ้าเงียบๆเลี้ยวซอยเข้าบ้านได้เนี่ยแหละครับ ขนาดวิ่ง40-50ยังได้ระยะกิโลครึ่ง วิ่งจากปากซอยถึงบ้านเครื่องยังไม่ติดเลย
แต่ข้อสังเกตุคือทำไมแอร์หลังบนเพดานลมมันไม่แรง ลมเน้นลงพื้นทุกโหมดเลย
-
Hybrid ใน Alphard นี่ดับเครื่องเปิดแอร์ได้เหมือนกันใช่มั้ยครับ ถ้าใช่ผมเลือก Hybrid โดยไม่ลังเลเลย เพราะถ้าขับรถตู้คือเอาไว้ใช้ขนคนแน่ๆ อยู่แล้ว ซึ่งไม่แคล้วคนขับจะต้องจอดรอผู้โดยสารในหลายๆ โอกาส ทุกวันนี้จอดรอรับลูก รอเมียซื้อของ อากาศร้อนๆ ต้องติดเครื่องเปิดแอร์ สลับกับดับเครื่องเปิดพัดลม แบบนี้อยู่บ่อยๆ
แถมได้ขับหลังมอเตอร์เพิ่มมาอีก ประหยัดน้ำมันในเมือง ค่าตัวเทียบกับเบนซินในรุ่นเดียวกันถูกกว่าด้วยหรือเปล่าครับ? (ภาษีสรรพสามิตน่าจะถูกกว่าสำหรับรถ Hybrid?)
-
ใช้hybrid แต่ไม่เคยเทียบกับตัวเบนซินนะครับ
1. ไม่แน่ใจว่าโคลงน้อยกว่าหรือไม่ แต่ไม่ว่ารุ่นไหนถ้ารู้สึกว่าโคลงให้ไปหา โช็ค kayaba new sr กระบอกฟ้า มาใส่ โคลงลดลงชัดเจนแต่ไม่แข็งขึ้น
2. 30,000 โล ยังไม่มีอะไรเสีย
3. ย้อนไปได้ ก็เลือกไฮบริด เพราะ อัตราเร่งดีกว่าเวลามอเตอร์ทำงานพร้อมเครื่องยนต์รู้สึกว่าพุ่งดี , ผมใช้ในเมืองเป็นหลัก ประหยัดน้ำมันกว่า, ผมชอบภายในสีเบจ เรื่องการตัดต่อกำลังผมว่าดีกว่า benz s class ขับๆอยู่นี่ไม่รู้เครื่องติดเมื่อไหร่
สำหรับ จขกท ผมว่าขึ้นกับใช้ในเมืองหรือนอกเมืองเป็นหลัก
ถ้าใช้ในเมือง รถติดๆ ผมว่าhybrid คุ้มกว่า (6 โลลิตร vs 10 โลลิตร) แต่ถ้าใช้นอกเมือง ทางไกลเป็นหลัก เบนซินผมว่าประหยัดกว่า hybrid วิ่งทางไกลมันจะสลับชารต์ ตลอด วิ่งทางไกล ได้ ประมาณ 10-11 โลลิตร พอๆกับในเมือง เลย
เรื่องการซ่อมระยะยาว ที่บ้านมี alphard โฉมแรกเบนซิน 3.0 เลขไมล์ประมาณ 300,000 โช็ค เกียร์ ฯลฯ เสีย ค่าซ่อมหลักแสนเหมือนกัน
แซวนิด ตอนซื้อก็ไปลองทั้ง Alphard Hybrid กับ S560e ผมว่าการตัดต่อกำลังยังไง Alphard ก็สู้ S ไม่ได้ครับ ไม่นับว่า S มันมีลูกเล่นเรื่องระบบ hybrid ที่เหนือกว่าจมเลย ไม่นับช่วงล่างถุงลมกับความหรูหรา แต่แค่ 1S=2A นอกประเด็น จขกท นิดนึงครับ
Hybrid กับ เบนซิน ผมไป Hybrid โดยไม่ต้องคิด แค่ระบบ e-four ก็คุ้มแล้วครับ เกาะถนนกว่า อัตราเร่งดีกว่า ค่าซ่อม hybrid ก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ (เอาง่ายๆ ค่าซ่อมแพงน้อยกว่าค่าประกันชั้น 1) เว้นแต่ จขกท เน้นขับนอกเมืองแล้วเน้นประหยัดเป็นหลักแบบนี้ก็คงไม่ได้ใช้ hybrid แต่อย่าลืมนะว่ามันมี e-four เกาะถนนกว่าเยอะ ตรงๆนะครับซื้อรถสามล้านกลัวอะไรกับค่าซ่อมสามสี่หมื่น ห้าหกปีแหละครับกว่าจะถึงเวลานั้น (เผลอๆขายแล้วด้วย) ค่าซ่อมผมให้สี่หมื่นด้วยหกปีก็ปีละ 6,667 บาทเอง คิดแบบนี้สบายใจขึ้นไม๊ครับ
ผมเป็นคนชอบรถแรงนิด เมือหลายปีมาแล้วก็กลัวระบบ hybrid แต่หลังจากซื้อคันแรกแล้วคันต่อๆไปผมกลับมองว่า ต้อง PHEV เท่านั้น ของแบบนี้ต้องลองครับ ซื้อ Alphard hybrid นี่ก็ conservative มากแล้วครับ ไม่ได้เสี่ยงเรื่องอะไรเลย
ถ้าเป็น s560e เป็นตัวminor change แล้ว ระบบตัดต่อกำลังระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์เป็นคลัชเปียกแทนคลัชแห้ง ใน s500e แล้ว การตัดต่อกำลังน่าจะดีกว่าตัวเดิมพอควร
s500e ขับช้าๆซัก 30-50 กม/ชม แล้วเหยียบลึกๆเพื่อแซง บางครั้งกระตุกแรงพอควร ซึ่งอาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในalphard ครับ
-
ถ้าอยากจะช่วยลดการปล่อยมลพิษช่วงที่ติดไฟแดง ก็ตัว Hybrid ครับ เพราะจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่ไฮบริด มาเลี้ยงระบบแอร์ ประมาณ 5 นาทีขึ้นไป กว่าเครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อชาร์ตไฟ
แต่ค่าดูแลในอนาคตเรื่องระบบไฮบริด คอมแอร์ไฟฟ้า ก็น่าจะแพงกว่าครับ