Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Gunther ที่ มิถุนายน 19, 2021, 18:32:13
-
ถ้าชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจากสถานี Fast Charge 30 นาที ชาร์จเต็มแค่ 80% จะวิ่งได้กี่กิโลเมตร เราจะมาคำนวณกัน
รถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้มากสุด x 0.8 = ระยะวิ่งที่แบตเหลือ 80%
ซึ่ง 0.8 ก็คือ 80% (นำ 80 หารด้วย 100 ผลลัพธ์ก็คือ 0.8 นั่นเอง)
สมมติเอารถยนต์ไฟฟ้ามาคำนวณจากการใช้สถานี Fast Charge 30 นาที
Takano TTE500 (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 120km)
120km x 0.8 = 96km จากการชาร์จถึง 80%
Fomm One (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 160km)
160km x 0.8 = 128km จากการชาร์จถึง 80%
MG EP (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 380km)
380km x 0.8 = 304km จากการชาร์จถึง 80%
BYD T3 (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 300km)
300km x 0.8 = 240km จากการชาร์จถึง 80%
MG ZS EV (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 337km)
337km x 0.8 = 270km จากการชาร์จถึง 80%
Nissan Leaf (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 311km)
311km x 0.8 = 249km จากการชาร์จถึง 80%
Hyundai Kona Electric (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 482km)
482km x 0.8 = 386km จากการชาร์จถึง 80%
Mini Electric (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 217km)
217km x 0.8 = 174km จากการชาร์จถึง 80%
Kia Soul EV (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 452km)
452km x 0.8 = 362km จากการชาร์จถึง 80%
Volvo XC40 Recharge Electric (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 418km)
418km x 0.8 = 335km จากการชาร์จถึง 80%
และ
Tesla Model 3 (ระยะวิ่งมากสุด 100% = 568km)
568km x 0.8 = 455km จากการชาร์จถึง 80%
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSBlCNyPry8EIoF_jbE53iedQYNuW9C_GKJLQ&usqp=CAU)
#สนับสนุนคนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้า100%ครับ🇹🇭
-
น่าจะเอาความเร็วมาคิดด้วย ครับ
จุด Optimum สำหรับแต่ละรุ่น ไม่น่าเท่ากัน
-
วิ่งจริงๆไม่ถึงตามนั้นสักรุ่น แก้ได้เพิ่มสถานีชาร์จเท่านั้น
-
audi e-tron หายไปไหนครับ :'(
-
ขอบคุณสำหรับแนวคิดครับ เห็นภาพได้พอสมควร
แสดงให้เห็นว่าอยู่ในเมืองนี่น่าใช้นะ ยังไม่เหมาะกับการวิ่งต่างจังหวัดไกลๆ นอกจากเพิ่มสถานีชาร์จให้มากขึ้น
อย่างน้อยก็มีความหวังละ
-
ระยะทางวิ่งมากสุด
มาจากสภาพการวิ่งแบบใดกัน น่าทำความเข้าใจด้วยนะ
น้ำหนักบรรทุกเยอะ รถก็ต้องออกแรงเยอะ ใช้แบตเยอะ เหลือระยะวิ่งน้อยลง
เปิดแอร์ แอร์ก็แบ่งเอาไฟมาใช้ เหลือไฟสำหรับใช้วิ่งน้อยลง
เปิดวิทยุ เครื่องเสียง เปิดไฟ วิ่งกลางคืน ใช้ไฟทั้งนั้น
มองเลยไปยังการใช้ความเร็วในการเดินทาง ยิ่งเหยียบ ยิ่งเร็ว ยิ่งใช้ไฟ ระยะทางก็น้อยลง
สังเกตว่า บริษัทรถอ้างตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้มากสุดต่อการชาร์จ
แต่ไม่ได้บอกเราว่า วัดจากเงื่อนไขการใช้งานแบบใดครับ
-
ระยะทางวิ่งมากสุด
มาจากสภาพการวิ่งแบบใดกัน น่าทำความเข้าใจด้วยนะ
น้ำหนักบรรทุกเยอะ รถก็ต้องออกแรงเยอะ ใช้แบตเยอะ เหลือระยะวิ่งน้อยลง
เปิดแอร์ แอร์ก็แบ่งเอาไฟมาใช้ เหลือไฟสำหรับใช้วิ่งน้อยลง
เปิดวิทยุ เครื่องเสียง เปิดไฟ วิ่งกลางคืน ใช้ไฟทั้งนั้น
มองเลยไปยังการใช้ความเร็วในการเดินทาง ยิ่งเหยียบ ยิ่งเร็ว ยิ่งใช้ไฟ ระยะทางก็น้อยลง
สังเกตว่า บริษัทรถอ้างตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้มากสุดต่อการชาร์จ
แต่ไม่ได้บอกเราว่า วัดจากเงื่อนไขการใช้งานแบบใดครับ
เห็นด้วยครับ เพราะบางทีขึ้นอยู่กับการใช้งานรูปแบบใดๆก็ตามแต่ ถ้าใช้ไฟเยอะโดยเฉพาะเหยียบคันเร่ง ซิ่ง เปิดวิทยุเครื่องเสียง มีผู้โดยสารนั่งมากกว่า 2 คนขึ้นไป เปิดไฟหน้าขณะวิ่งกลางคืน ระยะวิ่งก็น้อยลงจากเดิมถึง 10%
-
หาร 2 ไปเลยครับ ปัจจัยภายนอกมันเยอะ
ทั้งรถติด ทั้งแรงเท้าแต่ละคน
-
จากที่ใช้ Taycan แบตเต็ม ได้ประมาน 350 โลครับ
ถ้า 80% จะได้ประมาณ 200 กลางๆ ถึงปลายๆ ครับ ปกติวิ่งชานเมือง
-
จากที่ใช้ Taycan แบตเต็ม ได้ประมาน 350 โลครับ
ถ้า 80% จะได้ประมาณ 200 กลางๆ ถึงปลายๆ ครับ ปกติวิ่งชานเมือง
จริงๆแล้ว Taycan ชาร์จเต็ม 100% ได้ 400km กว่าๆ แต่ว่าวิ่งได้ประมาณ 350-360km ก็อาจจะเป็นไปได้ในการใช้งาน เช่น เปิดเครื่องเสียงวิทยุ น้ำหนักในการเหยียบคันเร่ง ยิ่งเหยียบคันเร่งให้มิดเท่าไหร่ ยิ่งกินไฟเมื่อนั้น + เปิดไฟหน้า ก็อาจจะพอกินไฟบ้างเล็กน้อย
ถ้าอยากให้ Taycan วิ่งได้เกือบถึง 400km ทั้งๆที่ชาร์จแบตถึง 100% แล้ว ก็คือ เหยียบคันเร่งให้พอดี ไม่เบาไม่หนักจนเกินไป + วิ่งด้วยความเร็วประมาณไม่เกิน 100km/h ก็กินไฟจากแบต
น้อยลงแล้วครับ
-
ผมว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ชาร์จ 80% แล้ววิ่งได้อีกเท่าไหร่นะครับ
ตอนนี้ปัญหามันอยู่ที่จุด Quick charge มันมีอยู่ที่ไหนบ้างแค่นั้นเอง
-
ถ้าใช้งานรถไฟฟ้าในเมืองการชาร์จที่บ้านหรือที่พักอาศัยยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะชาร์จตอนที่เรากลับบ้านไม่ใช้รถแล้วทำให้ไม่เสียเวลาหรืออาจชาร์จตอนเข้านอน และค่าไฟฟ้าถูกที่สุดด้วย (สถานีชาร์จคิดค่าไฟหน่อยละ 6.5 - 7.5 บาท ในขณะที่ค่าไฟบ้านตกหน่วยละ 4 บาท ถ้าชาร์จช่วง off peak โดยใช้มิเตอร์แบบ TOU จะเหลือแค่ 2.6 บาท) และคงไม่มีใครที่จะใช้รถไฟฟ้าในเมืองจนไฟหมดเกลี้ยงแล้วรอไปชาร์จตามจุดชาร์จเหมือนกับการหวังน้ำบ่อหน้ามังครับ
การชาร์จเร็วเหมาะกับการเดินทางไกลที่ระยะทางวิ่งไม่พอเท่านั้นครับ ดังนั้นจุดชาร์จเร็วจึงควรออกไปตั้งนอกเมืองมากกว่าครับ ซึ่งการใช้รถไฟฟ้าไม่ควรจะมีสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆครับ
ถ้าจะใช้รถไฟฟ้าต้องรู้จักการบริหารการใช้ไฟฟ้าด้วยครับ
-
ระยะทางวิ่งมากสุด
มาจากสภาพการวิ่งแบบใดกัน น่าทำความเข้าใจด้วยนะ
น้ำหนักบรรทุกเยอะ รถก็ต้องออกแรงเยอะ ใช้แบตเยอะ เหลือระยะวิ่งน้อยลง
เปิดแอร์ แอร์ก็แบ่งเอาไฟมาใช้ เหลือไฟสำหรับใช้วิ่งน้อยลง
เปิดวิทยุ เครื่องเสียง เปิดไฟ วิ่งกลางคืน ใช้ไฟทั้งนั้น
มองเลยไปยังการใช้ความเร็วในการเดินทาง ยิ่งเหยียบ ยิ่งเร็ว ยิ่งใช้ไฟ ระยะทางก็น้อยลง
สังเกตว่า บริษัทรถอ้างตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้มากสุดต่อการชาร์จ
แต่ไม่ได้บอกเราว่า วัดจากเงื่อนไขการใช้งานแบบใดครับ
ครับ คนที่ไม่เข้าใจมักจะมองแค่ตัวเลขว่า เสียบไฟเท่านี้ วิ่งได้เท่านี้ แต่ไม่ได้นึกถึงปัจจัยอื่นๆเลย เจอบ่อยครับ ในเน็ตถามตลอดค่าไฟเท่าไร วิ่งได้เท่าไร แต่ไม่ได้คิดว่าเหยียบเท่าไร น้ำหนักรถกับผู้โดยสายเท่าไร ถนนเป็นไง อยากได้แต่ผลสรุป ที่เสียบไฟครั้งเดียว วิ่งไกลๆเท่านั้น
-
ต้องดูว่าตัวเลขที่เคลม คือมาตรฐานอะไรครับ ถ้า NEDC นี่ ได้ระยะทางจริงราว 70-75% ครับ
-
https://www.youtube.com/watch?v=wd2ArceiJd0
อันนี้ช่อง carwow เค้าทำเอารถยนต์ไฟฟ้าหลายๆรุ่น มาวิ่งเกาะไปด้วยกัน
ปรากฏว่า mini, vw ทำได้ทะลุ claim range ขณะที่ pergeot ทำได้ 74%
ซึ่งก็พูดยาก เพราะบางคัน มอเตอร์อาจจะ efficient ที่ความเร็วต่ำกว่า ทำให้ขับในเมืองอาจจะได้ไกลกว่า ดังนั้นผมว่าประเมินการณ์ยาก
แต่จากประสบการณ์ (อันน้อยนิด) อย่าง c350e เราจะรู้ว่าถ้าเข้าเมือง มันจะได้จริงๆเกือบๆ 20 โลเท่านั้นเอง จาก claim 31km, ถ้าวิ่งจากบ้านแถวพระราม 9 ไปสาทร พอขึ้นทางด่วนก็กด e save แล้วก็ไปใช้ในเมือง ขากลับก็พอขึ้นทางด่วน ก็ hybrid ถึงบ้าน เลยคิดว่าถ้าเป็นรถไฟฟ้าล้วน แล้วเราได้ใช้ประจำ น่าจะปรับตัวได้ คงไม่ได้วิ่งจนหมดขิงๆ อยู่แล้ว (ยกเว้นเอาไปต่างจังหวัด)
ว่าแล้วก็อยากมี plug-in diesel, best of both world ไปเลย
-
จากที่ใช้ Taycan แบตเต็ม ได้ประมาน 350 โลครับ
ถ้า 80% จะได้ประมาณ 200 กลางๆ ถึงปลายๆ ครับ ปกติวิ่งชานเมือง
จริงๆแล้ว Taycan ชาร์จเต็ม 100% ได้ 400km กว่าๆ แต่ว่าวิ่งได้ประมาณ 350-360km ก็อาจจะเป็นไปได้ในการใช้งาน เช่น เปิดเครื่องเสียงวิทยุ น้ำหนักในการเหยียบคันเร่ง ยิ่งเหยียบคันเร่งให้มิดเท่าไหร่ ยิ่งกินไฟเมื่อนั้น + เปิดไฟหน้า ก็อาจจะพอกินไฟบ้างเล็กน้อย
ถ้าอยากให้ Taycan วิ่งได้เกือบถึง 400km ทั้งๆที่ชาร์จแบตถึง 100% แล้ว ก็คือ เหยียบคันเร่งให้พอดี ไม่เบาไม่หนักจนเกินไป + วิ่งด้วยความเร็วประมาณไม่เกิน 100km/h ก็กินไฟจากแบต
น้อยลงแล้วครับ
เป็นตัว 4s ไม่เพิ่มแบตครับ ชาจเต็ม ระยะทางไม่เคยขึ้นถึง 400 โลเลย เต็มที่ที่โชวคือ 380 โลครับ
แต่ก็เหยียบคันเร่งหนัก กับขับทางไกล เลยไม่ค่อยประหยัดไฟเท่าไหร่ครับ
-
ระบบไฟฟ้าจะว่ายากก็ยากนะครับ..มันไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่คิด อุณหภูมิทำงาน อุณหภูมิแบตเตอรี่ ระบบการอุ่นหรือระบายความร้อน ไหนจะชนิดของแบตเตอรี่ สถานะการชาร์จขณะนั้น ไม่นับการวิ่งใช้งานที่ความเร็ว 90/120 ก็เปลืองต่างกัน ถามง่ายๆว่ารถน้ำมันแต่ละรุ่นเติมเต็มถังวิ่งได้กี่โล? รถไฟฟ้าผมว่าซับซ้อนกว่านะ...
-
จากระยะทางที่คุณคำนวน ผมเอา 60% คูณเข้าไปอีก สำหรับอากาศบ้านเรา
-
ที่บอกขับเร็วต่าง มีโหลดต่าง งง แล้วรถน้ำมัน มันไม่ได้ทดสอบเหมือนกันหรือยังงัยครับ
อยากจะบอกว่าประสิทธิรถไฟฟ้า มันสูงกว่ารถน้ำมันเยอะ ค่าเบี่ยงเบนก้ต่ำกว่า น่าเชื่อถือกว่าซะอีก
ไปดูตามคลับได้ รถน้ำมันรุ่นเดียวกัน บางคน 8-9 กม./ลิตร บางคน 15-17 กม./ลิตร ต่างกันเท่าตัวกันไปเลย