Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: citrinecw ที่ กรกฎาคม 01, 2021, 21:05:12
-
พอดีอาทิตย์ก่อนพึ่งเอารถที่โดนชนท้ายไปเปลี่ยนกันชนที่อู่นอกมาเพราะประกันไม่ให้ซ่อมห้างแล้ว พอตอนไปรับรถก็เลยได้คุยกับเจ้าของอู่สีเลยได้คุยกันเรื่องทำสีรถยุโรปกับรถญี่ปุ่นยากง่ายต่างกันไหม แต่อันนั้นไม่สำคัญเพราะเจ้าของอู่พูดมาประโยคนึงว่าแต่ที่แน่ๆ เหล็กรถยุโรปหนากว่าและดีกว่าเยอะ
ฟังตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อ เจ้าของอู่เลยพาเดินดูเลยครับ หลายคันที่ถอดทำสีอยู่ในอู่ไล่เคาะให้ดูเลยเลยว่าเสียงเป็นยังงัย บางคันก็ถอดประตูออกมาทำสีอยู่เลยแทบจะเห็นความหนาของเหล็กแบบชัดเจน กลับบ้านมาก็ลองดูกับรถที่บ้าน 2-3 คันเทียบกัน ข้อสังเกตที่เจอจะประมาณนี้ครับ
- เวลาเคาะดู เสียงกับความรู้สึกแทบจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยว่าถ้าเป็นรถยุโรปจะได้ความรู้สึกแน่นๆ หนาๆ แต่รถญี่ปุ่นจะโปร่งๆ ให้ความรุ้สึกบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด
- ความหนักของประตูเวลาปิด เปิด รถยุโรปจะได้ความรู้สึกหนักกว่าอย่างชัดเจน แต่อาจจะด้วยมี function มากกว่าด้วยเลยไม่อยากตัดสินอะไร
- ความหนาของเหล็กประตู อันนี้คือจากการกะเอาไม่ได้เอาอะไรไปวัดนะครับ ว่ารถยุโรปแอบหนากว่าด้วยตาเปล่า
รถที่ได้ลองเคาะๆและเทียบดูทั้งจากในอู่และที่บ้านนะครับก็จะมี City, Civic, BRV, Altis, Camry รุ่นซักประมาณ ปี14-15 E300 GLC XC90
คำถามคือที่เจ้าของอู่บอกว่าสเป็คกับคุณภาพเหล็กของรถยุโรปกับญี่ปุ่นต่างกันนี่จริงเท็จแค่ไหนครับ ถ้ามีตัวเลขหรือสเป็คเหล็กมาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมด้วยจะดีมากเลยครับ อยากรู้ว่าจากความรู้สึกกับความจริงมันแตกต่างกันแค่ไหน และถ้าเหล็กต่างกันจริงๆมีผลต่อความปลอดภัยไหมครับ
-
ที่ใช้มือเคาะกันนั้นเป็นแค่ภายนอกครับไม่ได้ใช้รับแรงในการปะทะเป็นหลัก ของจริงคือโครงสร้างรถครับ
https://www.google.co.th/search?q=ultra+high-strength+steel+in+cars&hl=th&prmd=inv&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=2ahUKEwjC-YWBjMLxAhUoyzgGHUWyDmUQ_AUoAXoECAIQAQ&biw=360&bih=654&dpr=3
ดูโครงสร้างความแข็งของเหล็กตามสีที่ระบุไว้เลยครับ
แต่รถบ้างรุ่นขายไทยกับขายต่างประเทศก็ใช้ค่าความแข็งของเหล็กไม่เท่ากัน และอีกหลายรุ่นที่ขายไทยไม่มีคานเหล็กที่กันชนท้าย
โครงสร้างเสา a b c หรือส่วนแข็งสุดยุคนี้ต้องเป็น ultra high strength steel ที่ 1500-1800mpa ขึ้นไปครับ
ถ้ารถคันไหนส่วนแข็งที่สุดยังใช้ high strength steel ต่ำกว่า 1000mpa นั้นไม่ปลอดภัยพอสำหรับยุคนี้
และพอศึกษาความแข็งของโครงสร้างแล้วก็ไปต่อที่ car crash test จะเห็น vdo ทดสอบการชนด้านข้างได้ชัดเจนว่าพวกแข็งๆจะไม่ยุบเข้ามาทับคนในรถ หรือชนด้านหน้าแล้วโครงสร้างประตูข้างยังคงแข็งแรงสามารถเปิดประตูได้ (ส่วนห้องเครื่องยุบเยอะเพราะออกแบบให้ซับแรง) แต่ห้องโดยสารเสา a b c ต้องไม่ยุบเยอะไปทับคนในรถ
ขับรถดีๆขับรถอย่างปลอดภัยรัดเข็มขัดนิรภัยนั้นเป็นเรื่องพื้นฐาน
แต่ถ้าโดนข้ามฝั่งมาชนแล้วระบบช่วยเหลือการขับขี ประสบการณ์ ฝีมือ หรือโชคช่วยไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็พึ่งโครงสร้างรถครับ
-
ที่ใช้มือเคาะกันนั้นเป็นแค่ภายนอกครับไม่ได้ใช้รับแรงในการปะทะเป็นหลัก ของจริงคือโครงสร้างรถครับ
https://www.google.co.th/search?q=ultra+high-strength+steel+in+cars&hl=th&prmd=inv&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=2ahUKEwjC-YWBjMLxAhUoyzgGHUWyDmUQ_AUoAXoECAIQAQ&biw=360&bih=654&dpr=3
ดูโครงสร้างความแข็งของเหล็กตามสีที่ระบุไว้เลยครับ
แต่รถบ้างรุ่นขายไทยกับขายต่างประเทศก็ใช้ค่าความแข็งของเหล็กไม่เท่ากัน และอีกหลายรุ่นที่ขายไทยไม่มีคานเหล็กที่กันชนท้าย
โครงสร้างเสา a b c หรือส่วนแข็งสุดยุคนี้ต้องเป็น ultra high strength steel ที่ 1500-1800mpa ขึ้นไปครับ
ถ้ารถคันไหนส่วนแข็งที่สุดยังใช้ high strength steel ต่ำกว่า 1000mpa นั้นไม่ปลอดภัยพอสำหรับยุคนี้
และพอศึกษาความแข็งของโครงสร้างแล้วก็ไปต่อที่ car crash test จะเห็น vdo ทดสอบการชนด้านข้างได้ชัดเจนว่าพวกแข็งๆจะไม่ยุบเข้ามาทับคนในรถ หรือชนด้านหน้าแล้วโครงสร้างประตูข้างยังคงแข็งแรงสามารถเปิดประตูได้ (ส่วนห้องเครื่องยุบเยอะเพราะออกแบบให้ซับแรง) แต่ห้องโดยสารเสา a b c ต้องไม่ยุบเยอะไปทับคนในรถ
ภาพปลากรอบนะครับ แต่ยังสงสัยว่าเห็นรถเล็กชอบตัดคานหม้อส่วนบไม่ให้ไปเชื่อมกับแชสซีที่เป็นซับในบังโคนนี่ มันมีส่วนต่อความแข็งแรงและการขับขี่มั้ยครับ
(https://automotive.arcelormittal.com/files/styles/full_width/public/inpractice4--3f67300bc6e493775ca52e178580b12d.jpg)
(https://hips.hearstapps.com/autoweek/assets/s3fs-public/70312015.jpg)
(https://sites.google.com/site/edsgn100013g1p2/_/rsrc/1334783645721/ground-transportation-and-steel/trends-with-steel-and-the-auto-industry/car%20steel.jpg)
(https://motorchase.com/wp-content/uploads/2016/01/crumple-zone-ultra-high-strength-steel.jpg)
(http://www.boronextrication.com/wp-content/uploads/sites/20/2014/09/Advanced-Steels-in-Vehicle-Construction_Boron_Extrication.gif)
(https://smdisteelblog.files.wordpress.com/2018/09/chevrolet-bolt-ev-high-strength-steel.jpg)
-
คุณต้องเข้าใจว่า หลักการเรื่องเซฟตี้ของรถในแง่การชนอะไรพวกนี้ ตัวโครงสร้างน่ะคือตัวสำคัญที่สุด ไม่ใช่ไอส่วนที่เหลือ
โลหะวิทยาสมัยนี้เขาก็ต้องทำยังไงก็ได้ให้มันปลอดภัยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (เป็นไปได้ = เท่าที่งบและต้นทุนจะเอื้อ)
ผมจำได้ว่ากระทู้เรื่องนี้ (หัวข้อเหมือนกันเกือบ 90%) เพิ่งถามกันในบอร์ดนี้ไปไม่นาน แล้วก็มีคนไปถามในกระทู้ไลฟ์สดของรายการวิทยุพี่จิมมี่ (จำไม่ได้จริงๆว่าอาทิตย์ไหน แต่ไม่เกินเดือนสองเดือนที่ผ่านมา)
เริ่มนึกคำถามออกละ ตอนนั้นถามเรื่องเสียงปิดประตูมั้งว่ามันแน่นต่างกันแล้วก็โยงไปเรื่องเหล็กบางหนาของยุโรปนี่แหละ
พี่จิมตอบว่าไม่เกี่ยวกัน มันเป็นเรื่องของอย่างอื่น (อันนี้ผมไม่แน่ใจจริงๆนะว่าเป็นเรื่องของอะไรบ้าง นึกออกอย่างนึงคือยางขอบประตูมีผล แต่อีกอันผมไม่แน่ใจ กลอนรึเปล่าหว่า?)
แล้วเรื่องเหล็กบางหนาเคาะๆกันน่ะ ก็บอกว่า บริษัทเขารู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนไปบ้าเคาะตามรถ เขาก็หาอะไรมา Damp ออกแบบให้มันมีเสียงดูแน่นกว่า เป็นหลักทางจิตวิทยาไป
ปล. ช่างก็คือช่างครับ ผมไม่เถียงในแง่ประสบการณ์ เขาเอาสิ่งที่เขาเห็นมาบอก ส่วนในแง่เชิงทฤษฎีและการออกแบบ ก็ต้องบอกไปตามนั้น เพราะสุดท้ายแล้ว จะหนาหรือบาง ถ้ามันทำให้ผู้โดยสารรอดชีวิตได้
โดยบาดเจ็บน้อยที่สุด มันก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการออกแบบแล้วล่ะครับ
-
คุณต้องเข้าใจว่า หลักการเรื่องเซฟตี้ของรถในแง่การชนอะไรพวกนี้ ตัวโครงสร้างน่ะคือตัวสำคัญที่สุด ไม่ใช่ไอส่วนที่เหลือ
โลหะวิทยาสมัยนี้เขาก็ต้องทำยังไงก็ได้ให้มันปลอดภัยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (เป็นไปได้ = เท่าที่งบและต้นทุนจะเอื้อ)
ผมจำได้ว่ากระทู้เรื่องนี้ (หัวข้อเหมือนกันเกือบ 90%) เพิ่งถามกันในบอร์ดนี้ไปไม่นาน แล้วก็มีคนไปถามในกระทู้ไลฟ์สดของรายการวิทยุพี่จิมมี่ (จำไม่ได้จริงๆว่าอาทิตย์ไหน แต่ไม่เกินเดือนสองเดือนที่ผ่านมา)
เริ่มนึกคำถามออกละ ตอนนั้นถามเรื่องเสียงปิดประตูมั้งว่ามันแน่นต่างกันแล้วก็โยงไปเรื่องเหล็กบางหนาของยุโรปนี่แหละ
พี่จิมตอบว่าไม่เกี่ยวกัน มันเป็นเรื่องของอย่างอื่น (อันนี้ผมไม่แน่ใจจริงๆนะว่าเป็นเรื่องของอะไรบ้าง นึกออกอย่างนึงคือยางขอบประตูมีผล แต่อีกอันผมไม่แน่ใจ กลอนรึเปล่าหว่า?)
แล้วเรื่องเหล็กบางหนาเคาะๆกันน่ะ ก็บอกว่า บริษัทเขารู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนไปบ้าเคาะตามรถ เขาก็หาอะไรมา Damp ออกแบบให้มันมีเสียงดูแน่นกว่า เป็นหลักทางจิตวิทยาไป
ปล. ช่างก็คือช่างครับ ผมไม่เถียงในแง่ประสบการณ์ เขาเอาสิ่งที่เขาเห็นมาบอก ส่วนในแง่เชิงทฤษฎีและการออกแบบ ก็ต้องบอกไปตามนั้น เพราะสุดท้ายแล้ว จะหนาหรือบาง ถ้ามันทำให้ผู้โดยสารรอดชีวิตได้
โดยบาดเจ็บน้อยที่สุด มันก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการออกแบบแล้วล่ะครับ
ยังสงสัยว่าเห็นรถเล็กชอบตัดคานหม้อส่วนบไม่ให้ไปเชื่อมกับแชสซีที่เป็นซับในบังโคนนี่ มันมีส่วนต่อความแข็งแรงและการขับขี่มั้ยครับ
(https://www.headlightmag.com/main/images/stories/jimmy01/Mitsubishi/2012_04_Mitsubishi_MIRAGE_Full_Review_TEST/2012_Mitsubishi_Mirage_Body_Structure_Crash_Test.jpg)
(http://3.bp.blogspot.com/_0oCrVCzAD90/TLYztNsPDZI/AAAAAAAAAtw/Kc7aaz7vcGA/s1600/2011_mazda_2_Body_Structure_UHSS.jpg)
เมื่อเทียบกับรุ่นนี้ที่มีคานบนหม้อน้ำ ความปลอดภัยกันมากมั้ยครับ
(http://www.boronextrication.com/wp-content/uploads/sites/20/2018/01/2018-mazda-mx-5-body-structure.jpg)
-
ที่บ้านผมมี celerio คันละสี่แสน
กับ e350e
ผมว่าเหล็กมันไม่น่าจะหนาเท่ากันนะ
แต่ถ้ายุโรปกับญี่ปุ่นตัวชนกัน เช่น e class กับ Lexus ES
คงไม่ต่างกัน
-
คานหม้อน้ำ ตัดออก มีผลแน่ๆ
ลองนึกภาพว่า ... ถ้าพุ่งชนท้ายคันหน้า แบบไม่เต็มท้าย .. เจ้าคานหม้อน้ำ จะทำหน้าที่รับแรง และ กระจายแรงส่วนหนึ่ง ไปยังซับในบังโคลนอีกฝั่ง เพื่อช่วยลดภาระของฝั่งที่ชนเต็มๆ ทำให้โครงสร้างรถเสียหายน้อยกว่าครับ
อารมณ์เดียวกับ คานกันชน แหละ รวมถึง มันยังทำให้โครงสร้างรถแข็งแรง ลดการบิดตัวในขณะขับขี่ด้วยครับ
.................
XC90 เอามาคุยกับ Civic มันก็ต่างแหละ เพราะด้วยราคารถ class ของรถ .. แต่ถ้าคุณเอา XC90 ไปเจอกับ RX350 ผมว่า สูสีนะ และอีกอย่าง อย่าลืมว่า Volvo นี่ สวีเดนเค้าเจ้าพ่อเหล็กกล้านะครับ
ถ้าใน คห.ผม มันก็หนา บาง ต่างกันแหละ แต่ตามราคารถ ตามระดับชั้นของรถ ถ้ารถในคลาสเดียวกัน ไม่หนีกันครับ .. ไปวัดกันที่การดีไซน์โครงสร้างภายใน ว่า ใครเผื่อหรือออกแบบมาดีกว่ากันครับ
เสียงปิดประตู .. มาลองปิด City Hatchback สิ แน่นตึ้บ ฟังดูเหมือนรถราคาแพงเลย ไม่ใช่เพราะเหล็กหนา แต่เพราะยางขอบประตูหนา ครับ .. เหล็ก ก็หนาขึ้นจากสมัย civic ek แยะ วัดจากการยกฝากระโปรงหน้าครับ city หนักกว่าเยอะ (แต่ pulsar ฝากระโปรงหน้าสั้นนิดเดียว แต่หนักกว่าเยอะมาก) แต่ city นี่ พวกการเชื่อม หรือ คานรับ น่าจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เช็ดที ยุบตามมือเลย เทียบ pulsar / crv นะ
ซึ่งก็กลับมาที่คำเดิม .. ตามราคารถ ครับ
-
คานหม้อน้ำ ตัดออก มีผลแน่ๆ
ลองนึกภาพว่า ... ถ้าพุ่งชนท้ายคันหน้า แบบไม่เต็มท้าย .. เจ้าคานหม้อน้ำ จะทำหน้าที่รับแรง และ กระจายแรงส่วนหนึ่ง ไปยังซับในบังโคลนอีกฝั่ง เพื่อช่วยลดภาระของฝั่งที่ชนเต็มๆ ทำให้โครงสร้างรถเสียหายน้อยกว่าครับ
อารมณ์เดียวกับ คานกันชน แหละ รวมถึง มันยังทำให้โครงสร้างรถแข็งแรง ลดการบิดตัวในขณะขับขี่ด้วยครับ
.................
XC90 เอามาคุยกับ Civic มันก็ต่างแหละ เพราะด้วยราคารถ class ของรถ .. แต่ถ้าคุณเอา XC90 ไปเจอกับ RX350 ผมว่า สูสีนะ และอีกอย่าง อย่าลืมว่า Volvo นี่ สวีเดนเค้าเจ้าพ่อเหล็กกล้านะครับ
ถ้าใน คห.ผม มันก็หนา บาง ต่างกันแหละ แต่ตามราคารถ ตามระดับชั้นของรถ ถ้ารถในคลาสเดียวกัน ไม่หนีกันครับ .. ไปวัดกันที่การดีไซน์โครงสร้างภายใน ว่า ใครเผื่อหรือออกแบบมาดีกว่ากันครับ
เสียงปิดประตู .. มาลองปิด City Hatchback สิ แน่นตึ้บ ฟังดูเหมือนรถราคาแพงเลย ไม่ใช่เพราะเหล็กหนา แต่เพราะยางขอบประตูหนา ครับ .. เหล็ก ก็หนาขึ้นจากสมัย civic ek แยะ วัดจากการยกฝากระโปรงหน้าครับ city หนักกว่าเยอะ (แต่ pulsar ฝากระโปรงหน้าสั้นนิดเดียว แต่หนักกว่าเยอะมาก) แต่ city นี่ พวกการเชื่อม หรือ คานรับ น่าจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เช็ดที ยุบตามมือเลย เทียบ pulsar / crv นะ
ซึ่งก็กลับมาที่คำเดิม .. ตามราคารถ ครับ
ขอบคุณมากครับ เพราะ xc40 ปัจจุบัน ไม่มีให้แล้วครับ (https://quatrorodas.abril.com.br/wp-content/uploads/2018/04/xc40-motor-t5-drive-e-1.jpg?quality=70&strip=info)
(https://cdn.static-carhp.com/images/content/34d9f0e207b982c7709cd8be5a668e3e.jpeg)
-
อย่างนี้ถ้าเอา 960, 740 มาชนกับรถรุ่นปัจจุบัน volvo คงไม่เป็นอะไร
เหล็กหนา เหล็กบาง มันสำคัญกว่าโครงสร้างความปลอดภัยหรือครับ
-
ระดับ volvo ตัดทิ้ง แปลว่า ดีไซน์มาเผื่อละ ปกติ ค่ายนี้ คิดล่วงหน้าเรื่องความปลอดภัยเหนือชาวบ้านไปขั้นนึง เดาว่า คงให้คานกันชน ทำหน้าที่แทน
แต่ถ้า เจอบ้านเรา มุดท้ายรถใหญ่ เอาช่วงคานหม้อน้ำเจอ น่าจะหนัก
..
แต่ถ้ารถที่มันมี แล้ววัยรุ่นสร้างตัว ตัดทิ้ง จะด้วยเหตุใดก็ตาม อันนี้หายนะ แน่นอน
-
ระดับ volvo ตัดทิ้ง แปลว่า ดีไซน์มาเผื่อละ ปกติ ค่ายนี้ คิดล่วงหน้าเรื่องความปลอดภัยเหนือชาวบ้านไปขั้นนึง เดาว่า คงให้คานกันชน ทำหน้าที่แทน
แต่ถ้า เจอบ้านเรา มุดท้ายรถใหญ่ เอาช่วงคานหม้อน้ำเจอ น่าจะหนัก
..
แต่ถ้ารถที่มันมี แล้ววัยรุ่นสร้างตัว ตัดทิ้ง จะด้วยเหตุใดก็ตาม อันนี้หายนะ แน่นอน
ใช่ครับ แต่ผมว่ามีดีกว่าไม่มีนะ อารมณ์เดียกับออยเกียร์แยกที่หลายคนมองว่าไม่จำเป็น แต่ลึกแล้วมันจำเป็นมาก
-
รถที่ได้ลองเคาะๆและเทียบดูทั้งจากในอู่และที่บ้านนะครับก็จะมี City, Civic, BRV, Altis, Camry รุ่นซักประมาณ ปี14-15 E300 GLC XC90
คือจากที่พี่ยกตัวอย่างมา เช่น City คือตัวแทนฝั่งญี่ปุ่น แล้ว E300 คือตัวแทนฝั่งยุโรป
ถ้าแบบนั้นก็ใช่ล่ะครับ E300 ย่อมมีเหล็กโดยรวมที่หนากว่า City
แล้วยังไงต่อครับ
เราจะสรุปว่า ถ้าอย่างนั้น เราควรซื้อ E300 มาใช้ ไม่ควรซื้อ City อย่างนั้นรึเปล่า
หรือเราต้องการให้ City ต้องสร้างบนเหล็กที่หนาๆ แบบ E300
แล้วราคาล่ะครับ จะเป็นยังไง ทุกคนจะจ่ายเงินซื้อ E300 มาใช้ไหวไหม?
และด้วยราคาที่จ่ายไหวอย่าง City มันก็ให้ความปลอดภัยที่เพียงพอไหม อันนั้นน่าจะ
เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาไม่ใช่เหรอครับ
-
เมื่อก่อนที่บ้านมีรถยุโรป ผมเองก็เคยมีความรู้สึกแบบนั้น ว่ายุโรปหนากว่า รู้สึกหนักกว่าเนอะ
ตอนหลังคิดได้ว่าความหนาไม่ได้แปลว่าปลอดภัยกว่า ตอนนี้ที่บ้านไม่มีรถยุโรปเหลือเลย :P
-
เหมือนจะมีโพสก่อนหน้านี้แล้วนะ เรื่องนี้มาเรื่อยๆ
ในมุมผมนะ
ชนแล้วบุบ ไม่ได้บ่งบอกว่า เหล็กหนา หรือ คุณภาพ ดีกว่านะครับ
เพราะชิ้นชส่วนภายนอก กันชนหน้า กันชนท้าย เดี๋ยวนี้เป็นพลาสติกทั้งนั้น
ถ้าจะดูว่าเหล็กดีหรือคุณภาพโครงสร้างตัวถังดีกว่าไหม มันต้องดูเหล็กภายในตัวถัง หรือ โครงสร้างต่างหาก
F10 ล้างรถ ยังมือกดฝาากระโปรง หรือ หลังคา บุ๋ม เลย ::)
-
หนาบางมันขึ้นกับการออกแบบครับว่าส่วนไหนต้องแข็งต้องนิ่มเพื่อซับแรงกระแทก แม้ว่าจะไปเคาะจุดเดียวกันแต่โครงสร้างรถออกแบบมาให้ซับ-กระจายแรงต่างกัน ส่วนนั้นมันก็อาจไม่จำเป็นต้องหนาเท่ากันก็ได้ครับ
แต่ที่แน่ๆรถยุโรปมันมักจะหนักกว่ารถญี่ปุ่น ถ้าชนกันตรงๆยุโรปเขาก็ได้เปรียบนิดหน่อย
-
ผมมองว่าที่เขาออกแบบโดยตัดความแข็งแรงของเหล็กออกบางส่วนก็เพื่อความปลอดภัยถ้าหากชนคนด้วยนะ ถ้าเหล็กแข็งมากอาจจะทำให้คนที่ถูกชนเสียชีวิตได้
-
หนากว่านะ แต่ดีกว่าไหม อันนี้ตอบยาก
เพื่อนใช้ซีรีย์5 รุ่นเก่า ท้าให้ไปเปิดฝากระโปรงท้ายมือเดียว
มือเดียวยกไม่ขึ้นเลย ต้องงัด2มือ มันหนักกว่าญี่ปุ่นเยอะ
-
:) จริงแท้แน่นอนครับ
ไม่ต้องถึงยุโรป ผมมี focus 2.0 gdi คันเก่า ที่ไม่ยอมขายอยู่คัน เทียบกับ ค่าย H เหมือนมวยคันละรุ่น
แค่ฝากระโปรงนี่ต่างกันแล้ว มองเข้าไปในห้องเครื่อง มองด้วยสายตาก็ต่างกันละ แทบไม่ต้องวัดครับ
ประตู เคยแกะออกใส่ลำโพง โอ้โห สังกะสีมาเองเลย
สำหรับรถบ้านๆ มันก็คือการลดต้นทุนดีดีนี่ล่ะครับ อีกอย่างเบา ประหยัดน่้ำมันไปด้วย ถ้ามันเบาแล้วผ่าน euro ncap ค่อยมาว่ากันใหม่
แต่ผมว่ารถที่ขายในบ้านเราไม่ใช่แน่ๆครับ ;D
-
เอาจริงนะ กระทู้แนวนี้เคยมีคนตั้งเมื่อตอนอุบัติเหตุ Z4 ชน Swift
ผมยังมองเหตุการณ์นั้นได้อยู่ว่า จริงแล้วโครงสร้างรถของแต่ละรุ่นมันทำหน้าที่ปกป้องผู้โดยสารได้ดีที่สุดทั้งคู่โดยไม่แยกประเภทรถยุโรปและญี่ปุ่นจริงๆ ครับ
-
:) จริงแท้แน่นอนครับ
ไม่ต้องถึงยุโรป ผมมี focus 2.0 gdi คันเก่า ที่ไม่ยอมขายอยู่คัน เทียบกับ ค่าย H เหมือนมวยคันละรุ่น
แค่ฝากระโปรงนี่ต่างกันแล้ว มองเข้าไปในห้องเครื่อง มองด้วยสายตาก็ต่างกันละ แทบไม่ต้องวัดครับ
ประตู เคยแกะออกใส่ลำโพง โอ้โห สังกะสีมาเองเลย
สำหรับรถบ้านๆ มันก็คือการลดต้นทุนดีดีนี่ล่ะครับ อีกอย่างเบา ประหยัดน่้ำมันไปด้วย ถ้ามันเบาแล้วผ่าน euro ncap ค่อยมาว่ากันใหม่
แต่ผมว่ารถที่ขายในบ้านเราไม่ใช่แน่ๆครับ ;D
เอาจริงๆผมว่าฮอนด้านี่ต้องโดนอีกรอบเหมือนสมัยบริโอ้ถึงจะยอมปรับปรุงคุณภาพครับ ส่วนฟอร์ด โฟกัสจุกจิกมากมั้ยครับ
-
เอาจริงนะ กระทู้แนวนี้เคยมีคนตั้งเมื่อตอนอุบัติเหตุ Z4 ชน Swift
ผมยังมองเหตุการณ์นั้นได้อยู่ว่า จริงแล้วโครงสร้างรถของแต่ละรุ่นมันทำหน้าที่ปกป้องผู้โดยสารได้ดีที่สุดทั้งคู่โดยไม่แยกประเภทรถยุโรปและญี่ปุ่นจริงๆ ครับ
เห็นด้วยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โครงสร้างนิรภัยของรถญี่ปุ่นในไทยชอบตัดบางอย่างที่หลาย ๆ คนมองข้าม ออกตลอดเช่น คานกันชนหลัง เป็นต้นครับ หรือบางค่ายคืออาจจะลดประสิทธิภาพของเหล็กโครงสร้างนิรภัยเป็นแบบโลกที่ 3 ไปเลยก็เป็นไปได้ แต่ส่วนเปลือกตัวถังที่เคาะ ๆ กันนั้น จำได้ว่า พี่จิมมี่เคยบอกในรายการวิทยุว่า มาตรฐานของเหล็กรีดร้อนเปลือกตัวถังของรถยุโรป (Premium Brands) หนาอยู่ที่ 0.9 Millimetres ส่วนรถญี่ปุ่นหนาอยู่ที่ 0.7 Millimetres ครับ แล้วทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากเหล็กรีดร้อนแล้ว สีก็มีผลทำให้เสียงต่างกัน รถญี่ปุ่น รถอเมริกาทั่วไปยุคนี้สีบางมาก เมื่อเทียบกับรถยุโรป (Premium Brands) น่ะครับ
-
เอาจริงนะ กระทู้แนวนี้เคยมีคนตั้งเมื่อตอนอุบัติเหตุ Z4 ชน Swift
ผมยังมองเหตุการณ์นั้นได้อยู่ว่า จริงแล้วโครงสร้างรถของแต่ละรุ่นมันทำหน้าที่ปกป้องผู้โดยสารได้ดีที่สุดทั้งคู่โดยไม่แยกประเภทรถยุโรปและญี่ปุ่นจริงๆ ครับ
จริงครับ
เหล็กหนาหรือบางไม่เกี่ยว อยู่ที่การออกแบบโครงสร้างว่าสามารถกระจายแรงปะทะได้ดีแค่ไหน ที่สำคัญจุดที่ปะทะเวลาเกิดอุบัติก็สำคัญ ถ้าชนบริเวณโครงสร้างจะมีความปลอดภัยมากว่า แต่ถ้าเหินข้ามมาชนในส่วนของหลังคา มีโอกาสจะเสียชีวิตสูงกว่า
เคยจำได้ว่ารถยนต์ค่ายแรกๆที่ทดสอบการชน euroncap ได้ 5 ดาว คือรถเล็กอย่าง Toyota yaris เจนที่ 2 นะครับ
-
เอาจริงนะ กระทู้แนวนี้เคยมีคนตั้งเมื่อตอนอุบัติเหตุ Z4 ชน Swift
ผมยังมองเหตุการณ์นั้นได้อยู่ว่า จริงแล้วโครงสร้างรถของแต่ละรุ่นมันทำหน้าที่ปกป้องผู้โดยสารได้ดีที่สุดทั้งคู่โดยไม่แยกประเภทรถยุโรปและญี่ปุ่นจริงๆ ครับ
เห็นด้วยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โครงสร้างนิรภัยของรถญี่ปุ่นในไทยชอบตัดบางอย่างที่หลาย ๆ คนมองข้าม ออกตลอดเช่น คานกันชนหลัง เป็นต้นครับ หรือบางค่ายคืออาจจะลดประสิทธิภาพของเหล็กโครงสร้างนิรภัยเป็นแบบโลกที่ 3 ไปเลยก็เป็นไปได้ แต่ส่วนเปลือกตัวถังที่เคาะ ๆ กันนั้น จำได้ว่า พี่จิมมี่เคยบอกในรายการวิทยุว่า มาตรฐานของเหล็กรีดร้อนเปลือกตัวถังของรถยุโรป (Premium Brands) หนาอยู่ที่ 0.9 Millimetres ส่วนรถญี่ปุ่นหนาอยู่ที่ 0.7 Millimetres ครับ แล้วทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากเหล็กรีดร้อนแล้ว สีก็มีผลทำให้เสียงต่างกัน รถญี่ปุ่น รถอเมริกาทั่วไปยุคนี้สีบางมาก เมื่อเทียบกับรถยุโรป (Premium Brands) น่ะครับ
เรื่องลดสเปคนี้นึกถึงค่ายลูกอมเลยนะครับ ผมว่ารถแพงแล้วนะควรจะทำของให้สมราคาไม่ใช่ไปตัดอะไรออกครับ
-
:) จริงแท้แน่นอนครับ
ไม่ต้องถึงยุโรป ผมมี focus 2.0 gdi คันเก่า ที่ไม่ยอมขายอยู่คัน เทียบกับ ค่าย H เหมือนมวยคันละรุ่น
แค่ฝากระโปรงนี่ต่างกันแล้ว มองเข้าไปในห้องเครื่อง มองด้วยสายตาก็ต่างกันละ แทบไม่ต้องวัดครับ
ประตู เคยแกะออกใส่ลำโพง โอ้โห สังกะสีมาเองเลย
สำหรับรถบ้านๆ มันก็คือการลดต้นทุนดีดีนี่ล่ะครับ อีกอย่างเบา ประหยัดน่้ำมันไปด้วย ถ้ามันเบาแล้วผ่าน euro ncap ค่อยมาว่ากันใหม่
แต่ผมว่ารถที่ขายในบ้านเราไม่ใช่แน่ๆครับ ;D
เอาจริงๆผมว่าฮอนด้านี่ต้องโดนอีกรอบเหมือนสมัยบริโอ้ถึงจะยอมปรับปรุงคุณภาพครับ ส่วนฟอร์ด โฟกัสจุกจิกมากมั้ยครับ
คันนี้ผมรับต่อจากน้องชายตอน 5 หมื่นนะครับ วิ่งมา 2 แสนโลแล้ว ถ้าเทียบกับเฟียสต้าที่เคยใช้ไม่จุกจิกเลยครับ แต่ต้องวิเคราะห์อาการเองเป็น
บำรุงรักษาในเชิงป้องกันไว้ก่อน เพราะหาช่างเก่งยากครับ ที่เปลี่ยนไปหนักๆมี พวกท่อยางต่างๆในห้องเครื่อง ผมไล่เปลี่ยนหมดเลย กับวาล์วน้ำครับ
ผมเปลี่ยนก่อนมีอาการ แล้วก็พัดลมหน้าเครื่อง เพราะรุ่นนี้ความร้อนสูงมากๆครับ เครื่องเกียร์ต่างๆยังดีอยู่เลยครับ อ้อ อีกอย่างพวกสายพานต่างๆอายุสั้นไปหน่อย
แค่ 7-8 หมื่นโลไปแล้วต้องเปลี่ยนครับ
ที่เหลือที่ไม่ยอมเปลี่ยนคือ 1.ขับสนุกมาก เกียร์ dct หาไม่ได้อีกแล้วครับ 2. ช่วงล่างประเสริฐที่สุด น้องออก fk แต่งช่วงล่างไป เหยียบแสน กลับมาขับยังอยากได้แบบคันนี้
3. การเก็บเสียง ซับแรงกระแทกดี ขับไม่เหนื่อยเลยครับ 4.อัตราเร่งสู้กับรถสมัยใหม่ได้สบายครับ กดกับ fk ก็ไม่เคยทิ้งผมได้นะ เดิมๆทั้งคู่ ถ้ารู้วิธีเรียกกำลัง เพราะคันเร่งมันหน่วงครับ 5. มันขายไม่ได้ราคาครับ เก็บไว้ใช้ดีกว่า ขับแค่ยามว่างก็คุ้มแล้วครับ 5555
-
เรื่องปลอดภัยผมว่าอาจจะไม่ต่างกัน แต่การออกแบบโครงสร้างเพื่อรับแรงและปกป้องแตกต่างกันแน่นอน เอาแค่ภาพจากที่บางท่านโพสต์ก็ชัดเจนแล้ว
-
แยกเป็นสองส่วนละกันคับ
ถ้าตามหัวข้อกระทู้ > รถยุโรปใช้เหล้กหนาและคุณภาพดีกว่ารถญี่ปุ่นจริงเหรอ > อันนี้จริงคับ ส่วนมากเป็นแบบนั้น
แต่ถ้าถามต่อว่า รถยุโรปที่ใช้เหล็กหน้าและคุณภาพดีกว่า มีความปลอดภัยกับผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุมากกว่ารถญีีปุ่นไหม > อันนี้ไม่แน่คับ เพราะต่อให้เหล็กบางกว่า แต่ออกแบบการซับแรงได้ดีกว่า มันก็ปลอดภัยกว่าได้ กระทู้ก่อน ก็มีให้เห็นแล้ว Chev belair โบราณเหล็กอย่างหนา มาชนกับรถยุคใหม่ Belair เหมือนจะยุบไม่เยอะ แต่ตัวหุ่นทดสอบเสียหายกว่ามาก
https://youtu.be/C_r5UJrxcck
-
ขอบคุณทุกท่านที่มาแชร์ความรู้นะครับ พอดีอาจจะไม่เห็นกระทู้ก่อนหน้าแต่ก็ได้ความรู้เยอะเลยครับ
-
MINI R56 เล็กกว่า March 2010 แต่ MINI หนัก 1.2ตัน มาร์ช 1ตัน
สองคันทดสอบการชน ด้วยน้ำหนักตัวเอง
ถ้าหันหน้าชนกัน MINI ได้เปรียบครับ
-
โรงงานผลิตรถยนต์บ้านเรายังไม่มีเจ้าไหนขึ้นรูปโครงโดยใช้ความร้อน ซึ่งจะทำให้โครงสร้างของการเรียงตัวในโมเลกุลภายในเหล็กมีความแข็งแรงกว่า รถยุโรปส่วนใหญ่ส่งชิ้นส่วนที่ขึ้นรูปโครงแล้วเข้ามาประกอบ อันนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลนะครับ
-
จากประสบการณ์ส่วนตัวต้องบอกว่าความปลอดภัยต่างกันมากครับ เอาแค่คันเก่าแคปติว่ารถสูงหนัก 1.8 ตัน เคยเฉี่ยวชนกับทั้งรถเล็กอีโค่คาร์, แท็กซี่โคโรลล่า จนถึง MB E-class (แปลกแต่จริงคือโดนชนตอนผมจอดเฉยๆทุกครั้งเลย) อีโค่คาร์ยุบถึงหม้อน้ำ โดยรถผมถลอกนิดเดียว จนถึง E-class หน้าเตี้ยกว่า มีเปลือกกันชนฉีก+กระโปรงหน้ายุบ ส่วนกันชนผมบุบนิดเดียว
-
:) จริงแท้แน่นอนครับ
ไม่ต้องถึงยุโรป ผมมี focus 2.0 gdi คันเก่า ที่ไม่ยอมขายอยู่คัน เทียบกับ ค่าย H เหมือนมวยคันละรุ่น
แค่ฝากระโปรงนี่ต่างกันแล้ว มองเข้าไปในห้องเครื่อง มองด้วยสายตาก็ต่างกันละ แทบไม่ต้องวัดครับ
ประตู เคยแกะออกใส่ลำโพง โอ้โห สังกะสีมาเองเลย
สำหรับรถบ้านๆ มันก็คือการลดต้นทุนดีดีนี่ล่ะครับ อีกอย่างเบา ประหยัดน่้ำมันไปด้วย ถ้ามันเบาแล้วผ่าน euro ncap ค่อยมาว่ากันใหม่
แต่ผมว่ารถที่ขายในบ้านเราไม่ใช่แน่ๆครับ ;D
เอาจริงๆผมว่าฮอนด้านี่ต้องโดนอีกรอบเหมือนสมัยบริโอ้ถึงจะยอมปรับปรุงคุณภาพครับ ส่วนฟอร์ด โฟกัสจุกจิกมากมั้ยครับ
คันนี้ผมรับต่อจากน้องชายตอน 5 หมื่นนะครับ วิ่งมา 2 แสนโลแล้ว ถ้าเทียบกับเฟียสต้าที่เคยใช้ไม่จุกจิกเลยครับ แต่ต้องวิเคราะห์อาการเองเป็น
บำรุงรักษาในเชิงป้องกันไว้ก่อน เพราะหาช่างเก่งยากครับ ที่เปลี่ยนไปหนักๆมี พวกท่อยางต่างๆในห้องเครื่อง ผมไล่เปลี่ยนหมดเลย กับวาล์วน้ำครับ
ผมเปลี่ยนก่อนมีอาการ แล้วก็พัดลมหน้าเครื่อง เพราะรุ่นนี้ความร้อนสูงมากๆครับ เครื่องเกียร์ต่างๆยังดีอยู่เลยครับ อ้อ อีกอย่างพวกสายพานต่างๆอายุสั้นไปหน่อย
แค่ 7-8 หมื่นโลไปแล้วต้องเปลี่ยนครับ
ที่เหลือที่ไม่ยอมเปลี่ยนคือ 1.ขับสนุกมาก เกียร์ dct หาไม่ได้อีกแล้วครับ 2. ช่วงล่างประเสริฐที่สุด น้องออก fk แต่งช่วงล่างไป เหยียบแสน กลับมาขับยังอยากได้แบบคันนี้
3. การเก็บเสียง ซับแรงกระแทกดี ขับไม่เหนื่อยเลยครับ 4.อัตราเร่งสู้กับรถสมัยใหม่ได้สบายครับ กดกับ fk ก็ไม่เคยทิ้งผมได้นะ เดิมๆทั้งคู่ ถ้ารู้วิธีเรียกกำลัง เพราะคันเร่งมันหน่วงครับ 5. มันขายไม่ได้ราคาครับ เก็บไว้ใช้ดีกว่า ขับแค่ยามว่างก็คุ้มแล้วครับ 5555
สรุปเป็นรถดีที่ถูกลืมนะครับ แต่ทั้งนี้รถทุกๆรุ่นต้องดูแลแบบท่านว่า เปลี่ยนก่อนมันพังกลางถนนครับ
-
ถ้าเอารถญี่ปุ่นธรรมดาไปเทียบกับรถยุโรปพรีเมี่ยมอย่าง Benz BMW Audi Volvo คงจะสู้ยากครับ
แต่ถ้าเอารถญี่ปุ่นพรีเมี่ยมอย่าง Lexus Acura ไปเทียบอันนี้ผมยังเห็นด้วยนะ เพราะถือว่าอยู่ในเกรดเดียวกัน
คือต้องเข้าใจว่าในโลกความเป็นจริงค่ายรถยนต์เค้าทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรครับ ดังนั้นต้องควบคุมต้นทุน
รวมถึงสเปคของโครงสร้างเหล็กด้วยครับ แน่นอนว่าทุกอย่างบนตัวรถล้วนเป็นต้นทุนหมดนะครับ
ถามว่าถ้าทำรถญี่ปุ่นธรรมดาแต่มีโครงสร้างเหล็กเทียบเท่า Benz BMW Audi Volvo ออกมาขาย แต่ราคาแพงกว่าเดิม คนจะซื้อมั้ยล่ะครับ
เอาเป็นว่าในโลกความเป็นจริง เราแค่ศึกษาหาข้อมูลเพื่อเรียนรู้ไว้ถือว่าดีแล้วครับ ส่วนใครอยากจะซื้อรถแพงขนาดไหน อันนี้อยู่ที่แต่ละบุคคล
ส่วนตัวผมขับรถญี่ปุ่นธรรมดา ผมบอกได้เลยว่ายังไงสเปคของโครงสร้างเหล็กรถผมก็สู้รถยุโรปพรีเมี่ยมไม่ได้ครับ
-
ถ้าเอารถญี่ปุ่นธรรมดาไปเทียบกับรถยุโรปพรีเมี่ยมอย่าง Benz BMW Audi Volvo คงจะสู้ยากครับ
แต่ถ้าเอารถญี่ปุ่นพรีเมี่ยมอย่าง Lexus Acura ไปเทียบอันนี้ผมยังเห็นด้วยนะ เพราะถือว่าอยู่ในเกรดเดียวกัน
คือต้องเข้าใจว่าในโลกความเป็นจริงค่ายรถยนต์เค้าทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรครับ ดังนั้นต้องควบคุมต้นทุน
รวมถึงสเปคของโครงสร้างเหล็กด้วยครับ แน่นอนว่าทุกอย่างบนตัวรถล้วนเป็นต้นทุนหมดนะครับ
ถามว่าถ้าทำรถญี่ปุ่นธรรมดาแต่มีโครงสร้างเหล็กเทียบเท่า Benz BMW Audi Volvo ออกมาขาย แต่ราคาแพงกว่าเดิม คนจะซื้อมั้ยล่ะครับ
เอาเป็นว่าในโลกความเป็นจริง เราแค่ศึกษาหาข้อมูลเพื่อเรียนรู้ไว้ถือว่าดีแล้วครับ ส่วนใครอยากจะซื้อรถแพงขนาดไหน อันนี้อยู่ที่แต่ละบุคคล
ส่วนตัวผมขับรถญี่ปุ่นธรรมดา ผมบอกได้เลยว่ายังไงสเปคของโครงสร้างเหล็กรถผมก็สู้รถยุโรปพรีเมี่ยมไม่ได้ครับ
แต่พอเอาแบรนด์ญี่ปุ่นธรรมดาไปเทียบกับแบรนด์อเมริกันหรือยุโรปไม่พรีเมียมมันก็ต่างเหมือนกันนะครับ แบรนด์อเมริกันก็ให้ความรู้สึกตัวถังหนากว่า หรือเทียบกับยุโรปไม่พรีเมียมอย่าง Peugeot หรือ Volkswagen ก็ต่างกันชัดเจนอยู่
-
เคยใช้ ford focus
ก่อนไปออก ไปเดินชมพี่ฮอนมา
ตัดสินใจได้เลย จากการปิดเปิดประตู
สเปคไม่รู้แต่ความรู้สึกมันได้กว่า ในราคาเท่ากัน
-
ถ้าเอารถญี่ปุ่นธรรมดาไปเทียบกับรถยุโรปพรีเมี่ยมอย่าง Benz BMW Audi Volvo คงจะสู้ยากครับ
แต่ถ้าเอารถญี่ปุ่นพรีเมี่ยมอย่าง Lexus Acura ไปเทียบอันนี้ผมยังเห็นด้วยนะ เพราะถือว่าอยู่ในเกรดเดียวกัน
คือต้องเข้าใจว่าในโลกความเป็นจริงค่ายรถยนต์เค้าทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไรครับ ดังนั้นต้องควบคุมต้นทุน
รวมถึงสเปคของโครงสร้างเหล็กด้วยครับ แน่นอนว่าทุกอย่างบนตัวรถล้วนเป็นต้นทุนหมดนะครับ
ถามว่าถ้าทำรถญี่ปุ่นธรรมดาแต่มีโครงสร้างเหล็กเทียบเท่า Benz BMW Audi Volvo ออกมาขาย แต่ราคาแพงกว่าเดิม คนจะซื้อมั้ยล่ะครับ
เอาเป็นว่าในโลกความเป็นจริง เราแค่ศึกษาหาข้อมูลเพื่อเรียนรู้ไว้ถือว่าดีแล้วครับ ส่วนใครอยากจะซื้อรถแพงขนาดไหน อันนี้อยู่ที่แต่ละบุคคล
ส่วนตัวผมขับรถญี่ปุ่นธรรมดา ผมบอกได้เลยว่ายังไงสเปคของโครงสร้างเหล็กรถผมก็สู้รถยุโรปพรีเมี่ยมไม่ได้ครับ
แต่พอเอาแบรนด์ญี่ปุ่นธรรมดาไปเทียบกับแบรนด์อเมริกันหรือยุโรปไม่พรีเมียมมันก็ต่างเหมือนกันนะครับ แบรนด์อเมริกันก็ให้ความรู้สึกตัวถังหนากว่า หรือเทียบกับยุโรปไม่พรีเมียมอย่าง Peugeot หรือ Volkswagen ก็ต่างกันชัดเจนอยู่
+1 ใช่เลยครับ แม้แต่ในระดับรถยนต์แบรนด์ธรรมดา แต่ละยี่ห้อก็มีสเปคของเหล็กที่ต่างกันครับ
-
อยู่ที่ราคาครับ รถแพงกว่า เครื่องแรงกว่า ช่วงล่างดีกว่า เก็บเสียงดีกว่า ขับดีกว่า คือดีกว่าหมดเพราะราคาแพงกว่า แล้วเหล็กเปลือกรถ โครงสร้างรถ จะใช้ของคุณภาพเท่ากันหรอ มันดูย้อนแย้งแล้ว
ส่วนคลิปทดสอบการชน รถปี 2009 กับปี 1959 เห็นจนเบื่อแล้ว มีทุกกระทู้เรื่องเหล็กรถยนต์ เอาเทคโนโลยีที่ต่างกัน 50 ปีมาเทียบ ทำไมไม่คิดบ้างว่ารถที่ออกแบบโครงสร้างดีแบบสมัยนี้ และไม่ลดต้นทุนเหล็กแบบรถสมัยก่อน น่าจะดีที่สุดนะ
-
:) จริงแท้แน่นอนครับ
ไม่ต้องถึงยุโรป ผมมี focus 2.0 gdi คันเก่า ที่ไม่ยอมขายอยู่คัน เทียบกับ ค่าย H เหมือนมวยคันละรุ่น
แค่ฝากระโปรงนี่ต่างกันแล้ว มองเข้าไปในห้องเครื่อง มองด้วยสายตาก็ต่างกันละ แทบไม่ต้องวัดครับ
ประตู เคยแกะออกใส่ลำโพง โอ้โห สังกะสีมาเองเลย
สำหรับรถบ้านๆ มันก็คือการลดต้นทุนดีดีนี่ล่ะครับ อีกอย่างเบา ประหยัดน่้ำมันไปด้วย ถ้ามันเบาแล้วผ่าน euro ncap ค่อยมาว่ากันใหม่
แต่ผมว่ารถที่ขายในบ้านเราไม่ใช่แน่ๆครับ ;D
เอาจริงๆผมว่าฮอนด้านี่ต้องโดนอีกรอบเหมือนสมัยบริโอ้ถึงจะยอมปรับปรุงคุณภาพครับ ส่วนฟอร์ด โฟกัสจุกจิกมากมั้ยครับ
คันนี้ผมรับต่อจากน้องชายตอน 5 หมื่นนะครับ วิ่งมา 2 แสนโลแล้ว ถ้าเทียบกับเฟียสต้าที่เคยใช้ไม่จุกจิกเลยครับ แต่ต้องวิเคราะห์อาการเองเป็น
บำรุงรักษาในเชิงป้องกันไว้ก่อน เพราะหาช่างเก่งยากครับ ที่เปลี่ยนไปหนักๆมี พวกท่อยางต่างๆในห้องเครื่อง ผมไล่เปลี่ยนหมดเลย กับวาล์วน้ำครับ
ผมเปลี่ยนก่อนมีอาการ แล้วก็พัดลมหน้าเครื่อง เพราะรุ่นนี้ความร้อนสูงมากๆครับ เครื่องเกียร์ต่างๆยังดีอยู่เลยครับ อ้อ อีกอย่างพวกสายพานต่างๆอายุสั้นไปหน่อย
แค่ 7-8 หมื่นโลไปแล้วต้องเปลี่ยนครับ
ที่เหลือที่ไม่ยอมเปลี่ยนคือ 1.ขับสนุกมาก เกียร์ dct หาไม่ได้อีกแล้วครับ 2. ช่วงล่างประเสริฐที่สุด น้องออก fk แต่งช่วงล่างไป เหยียบแสน กลับมาขับยังอยากได้แบบคันนี้
3. การเก็บเสียง ซับแรงกระแทกดี ขับไม่เหนื่อยเลยครับ 4.อัตราเร่งสู้กับรถสมัยใหม่ได้สบายครับ กดกับ fk ก็ไม่เคยทิ้งผมได้นะ เดิมๆทั้งคู่ ถ้ารู้วิธีเรียกกำลัง เพราะคันเร่งมันหน่วงครับ 5. มันขายไม่ได้ราคาครับ เก็บไว้ใช้ดีกว่า ขับแค่ยามว่างก็คุ้มแล้วครับ 5555
สรุปเป็นรถดีที่ถูกลืมนะครับ แต่ทั้งนี้รถทุกๆรุ่นต้องดูแลแบบท่านว่า เปลี่ยนก่อนมันพังกลางถนนครับ
มันไม่ใช่รถดีที่ถูกลืมนะครับ แต่มันเป็นรถที่มีจุดเด่น และจุดด้อยที่รุนแรง
ผมใช้เฟียสต้า แล้วชอบfocusมากๆ ซึ่งมันออกมาที่หลัง
แต่เพราะเฟียสต้า ทำให้บ้านผมไม่ได้ซื้อ ford ranger กับ focus แล้วไปออกอย่างอื่นแทน
และผมก็คิดว่าผมตัดสินใจไม่ผิด
แต่ถ้าคุยเรื่องเหล็กกับช่วงล่างนี่ต้องยกให้เค้าจริงๆ บอกได้แค่ว่าสุดติ่ง
-
ความแข็งแรงของรถ อยู่ที่เกรดของเหล็กที่ใช้ ไม่ใช่ยี่ห้อครับ
ลองดูพิกัด D-segment (Large Family Car) ของ Asian NCAP เทียบ Toyota Camry กับ BMW 318i ก็ได้ครับ (น่าจะเป็นสเปคมาเลเซีย) แคมรียังมีผลการทดสอบ 5 ดาว แต่ซีรี่ 3 ได้แค่ 4 ดาวนะครับ
Toyota Camry
https://aseancap.org/v2/?p=4461 (https://aseancap.org/v2/?p=4461)
BMW 318i
https://aseancap.org/v2/?p=4788 (https://aseancap.org/v2/?p=4788)
หรือลองไปดูสำนัก Euro NCAP เทียบกันได้เลยครับ ลองเทียบ Toyota C-HR กับ BMW X3/X4 ให้ดูนะครับ (เพราะ X1 มีแต่โมเดลเก่า อายุห่าง CHR 5 ปี เดี๋ยวจะไม่แฟร์)
BMW X3/X4 2017
https://www.euroncap.com/en/results/bmw/x3-/-x4/33285 (https://www.euroncap.com/en/results/bmw/x3-/-x4/33285)
Toyota C-HR 2018
https://www.euroncap.com/en/results/toyota/c-hr/26309 (https://www.euroncap.com/en/results/toyota/c-hr/26309)
บอกเลยว่า ถ้ามีเงินก็คงซื้อพวกรถยุโรปเอาไว้ไปออกงานเท่านั้น แต่ใช้งานประจำวัน คงใช้รถญี่ปุ่นมากกว่าเยอะครับ หลายรุ่นปลอดภัยกว่ารถยุโรปครับ นั่งสบายกว่า และที่สำคัญ ถูกกว่ากันเป็นครึ่งๆ
-
เสริมอีกนิดจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาจากคนใกล้ๆตัวคือ Altis หน้าหมูของเพื่อนสมัยเรียนเอแบคพุ่งชนราวกั้นสะพานทางคู่ขนาน รถพังขายซาก แต่คนไม่ตาย โครงสร้างรถยุบแต่เปิดประตูได้ ลงมายืนได้หลังชน โทรเรียกประกันเรียกเพื่อนมาช่วยได้
เพื่อนอีกคนนึง E200 ป้ายแดงตอนนั้น ชนลักษณะเดียวกัน รถไม่เป็นอะไรมาก แต่คนขับช้ำใน อวัยวะฉีกขาด (จำไม่ได้ว่าปอดหรืออะไร) กู้ภัยต้องพาไปส่ง รพ. แล้วไปตายที่ รพ. คาดเข็มขัด + แอร์แบ็กทำงานปกตินะครับ หมอให้ความเห็นว่า เป็นเพราะรถไม่ค่อยยุบซับแรงปะทะ มันเลยถ่ายทอดมาที่คนในรถเยอะครับ แล้วมุมมันได้พอดีเลยมีการฉีกขาดของอวัยวะด้านใน
ไม่ได้จะบอกว่าหน้าหมูมันปลอดภัยกว่าอีคลาสนะ แต่จะบอกว่า มันไม่จริงเสมอไปครับว่ารถยุโรปจะปลอดภัยกว่า การชนมันมีหลายปัจจัยด้วยครับอย่างที่ยกตัวอย่างมานี้ (เกิดเหตุที่ถนนเส้นเดียวกัน แต่สะพานที่ชนคนละสะพานกัน ชนเพราะเมาแล้วขับไปเสยเองเหมือนๆกันอีก
-
สมัยเทคโนโลยีมันไม่หนีกันหรอกคับ ค่ายยุโรป ค่ายเมกัน ค่ายญี่ปุ่น มันต่างที่ cost แค่นั้นเลยคับ
โจทย์ทีวิศวกรได้ มันคือโจทย์เดียวกัน ว่าทำให้ผู้โดยสารปลอดภัยที่สุดในงบ xxx
แต่พอดี รถยุโรปพรีเมี่ยมอาจได้งบ 100,000 บาทต่อคัน แต่รถญี่ปุ่น eco ได้งบแค่ 30,000 .... เนี่ยแหละคับ ความแตกต่าง ถ้าไปเทียบญี่ปุ่น premium ที่ได้ไงบ 100,000 เท่ากัน ผลลัพธ์ออกมาไม่ต่างอย่างมีนัยยะแน่นอนคับ
-
สำหรับผมก็ใส่ใจเรื่องเหล็กหนาบางอยู่นะครับ
แต่ไม่ใช่เหตุผลของเรื่องความปลอดภัย
มันเป็นเรื่องของความทนทานและการเก็บเสียงมากกว่า
สมัยก่อนค่ายฟอร์ดเขาจะโปรโมทเรื่องของเหล็กโบรอน
สารที่ทำละลายกับเหล็กเพื่อความแข็งแรงของชิ้นงานตัวบอดี้
ผลที่ได้คือ เวลาโดนกระแทกเบาๆมันไม่บุบง่าย (ไม่เอ่ยยี่ห้อนะครับ)
เวลาฝนตกหนักๆมันจะไม่มีเสียงเม็ดฝนกระแทกแบบสังกะสี อันนี้เห็นผลชัดเจน
มันให้ความรู้สึกที่เงียบกว่ามาก..
-
จริงครับ แต่ไม่พูดเรื่องประเด็นความปลอดภัยนะครับ เพราะนั่นเกี่ยวกับโครงสร้างอะไรด้วย เดี๋ยวเถียงกันยาว
อันนี้เทียบกับรถที่บ้านเอง จอดข้างกัน เปิดประตูออกมาแทยจะชนกันเพื่อดูความหนาเหล็ก
Mazda CX-5 2017 เหล็กบางกว่า Fiesta และ Subaru XV ครับ
ถ้าให้เลือกรถที่โครงสร้างความแข็งแรงเท่ากัน คอนนึงตัวถังบาง กับอีกคัน ตัวถังหนา เป็นผมก็เลือกคันที่หนากว่านะครับ
ไม่ใช่อะไร เวลาตอดในห้างอย่างน้อยโอกาสที่คันข้างๆจะเปิดมาโดนจนบุบก็น้อยกว่าครับ
-
:) จริงแท้แน่นอนครับ
ไม่ต้องถึงยุโรป ผมมี focus 2.0 gdi คันเก่า ที่ไม่ยอมขายอยู่คัน เทียบกับ ค่าย H เหมือนมวยคันละรุ่น
แค่ฝากระโปรงนี่ต่างกันแล้ว มองเข้าไปในห้องเครื่อง มองด้วยสายตาก็ต่างกันละ แทบไม่ต้องวัดครับ
ประตู เคยแกะออกใส่ลำโพง โอ้โห สังกะสีมาเองเลย
สำหรับรถบ้านๆ มันก็คือการลดต้นทุนดีดีนี่ล่ะครับ อีกอย่างเบา ประหยัดน่้ำมันไปด้วย ถ้ามันเบาแล้วผ่าน euro ncap ค่อยมาว่ากันใหม่
แต่ผมว่ารถที่ขายในบ้านเราไม่ใช่แน่ๆครับ ;D
เอาจริงๆผมว่าฮอนด้านี่ต้องโดนอีกรอบเหมือนสมัยบริโอ้ถึงจะยอมปรับปรุงคุณภาพครับ ส่วนฟอร์ด โฟกัสจุกจิกมากมั้ยครับ
คันนี้ผมรับต่อจากน้องชายตอน 5 หมื่นนะครับ วิ่งมา 2 แสนโลแล้ว ถ้าเทียบกับเฟียสต้าที่เคยใช้ไม่จุกจิกเลยครับ แต่ต้องวิเคราะห์อาการเองเป็น
บำรุงรักษาในเชิงป้องกันไว้ก่อน เพราะหาช่างเก่งยากครับ ที่เปลี่ยนไปหนักๆมี พวกท่อยางต่างๆในห้องเครื่อง ผมไล่เปลี่ยนหมดเลย กับวาล์วน้ำครับ
ผมเปลี่ยนก่อนมีอาการ แล้วก็พัดลมหน้าเครื่อง เพราะรุ่นนี้ความร้อนสูงมากๆครับ เครื่องเกียร์ต่างๆยังดีอยู่เลยครับ อ้อ อีกอย่างพวกสายพานต่างๆอายุสั้นไปหน่อย
แค่ 7-8 หมื่นโลไปแล้วต้องเปลี่ยนครับ
ที่เหลือที่ไม่ยอมเปลี่ยนคือ 1.ขับสนุกมาก เกียร์ dct หาไม่ได้อีกแล้วครับ 2. ช่วงล่างประเสริฐที่สุด น้องออก fk แต่งช่วงล่างไป เหยียบแสน กลับมาขับยังอยากได้แบบคันนี้
3. การเก็บเสียง ซับแรงกระแทกดี ขับไม่เหนื่อยเลยครับ 4.อัตราเร่งสู้กับรถสมัยใหม่ได้สบายครับ กดกับ fk ก็ไม่เคยทิ้งผมได้นะ เดิมๆทั้งคู่ ถ้ารู้วิธีเรียกกำลัง เพราะคันเร่งมันหน่วงครับ 5. มันขายไม่ได้ราคาครับ เก็บไว้ใช้ดีกว่า ขับแค่ยามว่างก็คุ้มแล้วครับ 5555
สรุปเป็นรถดีที่ถูกลืมนะครับ แต่ทั้งนี้รถทุกๆรุ่นต้องดูแลแบบท่านว่า เปลี่ยนก่อนมันพังกลางถนนครับ
มันไม่ใช่รถดีที่ถูกลืมนะครับ แต่มันเป็นรถที่มีจุดเด่น และจุดด้อยที่รุนแรง
ผมใช้เฟียสต้า แล้วชอบfocusมากๆ ซึ่งมันออกมาที่หลัง
แต่เพราะเฟียสต้า ทำให้บ้านผมไม่ได้ซื้อ ford ranger กับ focus แล้วไปออกอย่างอื่นแทน
และผมก็คิดว่าผมตัดสินใจไม่ผิด
แต่ถ้าคุยเรื่องเหล็กกับช่วงล่างนี่ต้องยกให้เค้าจริงๆ บอกได้แค่ว่าสุดติ่ง
ขอบคุณมากครับ เห็นเฟียสต้าเพื่อนรถปีที่8นี่ปัญหสเยอะจุกจิกสารพัดครับ แต่โฟกัสที่เป็น6สปีด torque converter นี่น่าสนใจเสี่ยงอยู่ครับอิๆ