Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 3RP4T ที่ สิงหาคม 23, 2021, 22:14:19
-
จากที่เริ่มซื้อรถคันแรกประมาณ 15 ปีที่แล้ว ผมว่า D-SEGMENT มันแพงขึ้นทุกๆปี จากที่อยู่ปประมาณ 1.2 - 1.5 ตอนนี้ขยับไป 1.5 - 1.8 แล้ว จนใกล้เคียงกับ PREMIUM CAR ที่ราคาจะชนกันแล้ว ท่านๆคิดว่าอย่างไรบ้างครับ
ปล. ส่วนตัวคิดว่ารถเมืองไทยแพงนะครับ เทียบกับ ประเทศอื่น แต่ SEGMENT อื่นมันต่างแค่ 10-20% แต่พอเป็น D-SEGMENT นี่ต่างกันถึง 50-60 % เลยทีเดียว
-
สำหรับ D-Segment ผมรอซื้อมือสองอย่างเดียวครับ
-
1.2x-1.6x กำลังดีครับ
-
สิ่งที่ทำให้ราคารถ D-seg พุ่งสูงมากในช่วง 15 ปีตามที่ จขกท สังเกตการณ์อยู่นั้น
ความเปลี่ยนแปลงหลักๆ มันอยู่ในช่วงปี 2016 ครับ
เป็นปีที่เปลี่ยนการเก็บภาษีสรรพสามิตจากขนาดความจุเครื่องยนต์ เป็นตามปริมาณการปล่อยไอเสีย
ผลที่ได้คือ รุ่นเครื่องสันดาปที่ปล่อยไอเสียสูง ต้องอัพราคากันมาหลายหมื่นเลยครับ
Camry mc ACV51 เปิดตัว 2015
2.0G 1,319,000
พอ 2016 2.0G อัพมา 1,399,000 กันเลยทีเดียว
หรือ Accord G9 เปิดตัว 2013
2.0EL 1,299,000
พอ mc 2016 2.0EL อัพมา 1,445,000
ออกรุ่นหั่นออพชั่น 2.0E มาก็ยัง 1,385,000
กลายเป็นรุ่นเริ่มต้นเครื่องสันดาปถูกอัพเพดานขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดจนแพงไป
ในขณะเดียวกัน มีเรทการเก็บภาษีรถที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าแยกออกมา ซึ่งก็รวม Hybrid
ผลคือ ต่างพาเหรดกันลดราคาสวนลงมาครับ
ต้องบอกว่าดั้งเดิมกลุ่มนี้เค้าขายกันช่วง 1.6-1.8 ล้านมาหลายปีแล้วครับ
Camry mc ACV51 2015
2.5HV Premium 1,899,000
พอ 2016 2.5HV Premium ดั๊มลงมา 1,849,000
และพอ ACV70 2018 2.5HV Premium ก็ดั๊มลงมาอีกจนเหลือ 1,799,000 (ก่อน 2019 จะแก้เรื่องเสียงแล้วอัพมาเป็น 1,809,000)
สรุปก็คือ กลุ่มนี้ที่เป็นรุ่นท็อปๆ ขายแพงมาแต่ไหนแต่ไรครับ
-
แพงขึ้น แต่ก็ได้อะไรมากกว่าแต่ก่อนมากขึ้น
ลองเทียบตัวเริ่มต้น คันละ 1.2 เมื่อก่อน กับ 1.5 ตอนนี้ option ก็1.5 ตอนนี้ก็แทบจะเป็นรุ่น top ของเมื่อก่อนละครับ
แถมขนาดใหญ่ขึ้นอีกต่างหาก
-
แพงขึ้น แต่ก็ได้อะไรมากกว่าแต่ก่อนมากขึ้น
ลองเทียบตัวเริ่มต้น คันละ 1.2 เมื่อก่อน กับ 1.5 ตอนนี้ option ก็1.5 ตอนนี้ก็แทบจะเป็นรุ่น top ของเมื่อก่อนละครับ
แถมขนาดใหญ่ขึ้นอีกต่างหาก
เห็นด้วยครับ ตัวเริ่มต้นสมัยนี้ option เยอะกว่าสมัยก่อนมาก
ตอนที่บ้านมี Camry 2.0G ตัว ACV40 ตัวนี้ option แทบจะพื้นฐานเลย กุญแจรีโมทไขสตาร์ท เกียร์ 4AT วิทยุ CD ไม่มี Sensor สักตัว VSC ก็ไม่มี อยากได้พวกนี้ต้องไป 2.4 ราคาเกือบๆ 1.5 แล้วถ้าจะเอา DVD + Navi + กล้องถอย เพิ่มอีก 150,000 บาท (โคตรแพง)
เดี๋ยว Camry 2.0G ให้อุปกรณ์มาเยอะกว่าตอนนั้นเป็นกอง
-
จริงๆราคามันขยับขึ้นกันทุกsegmentนะครับ ถ้าเทปกับออปชั่นเมื่อก่อนก็ถือว่าโอเค แต่เรามักเอาไปเทียบกับยุโรปentryที่ออปชั่นโล้นมากว่าราคาใกล้กันแล้วบอกว่า ซื้อยุโรปคุ้มกว่าทั้งๆที่ออปชั่นก็อย่างที่เห็นกัน การเอามาเทียบกันไม่น่ายุติธรรมสักเท่าไรมั้งครับ บางคนก็มองว่า จ่ายเงินที่แพงกว่าเพื่อรถที่ขนาดเล็กกว่ากันมากทำไมเหมือนกันครับ ส่วนตัวการขยับจากd segment ไป compact premiumไม่ได้เป็นการขยับsegmentอะไร แต่รู้สึกมันถอยหลังไปเล่นรถเล็กลงด้วยซ้ำครับ ถ้าเป็นmid size premiumนี่โอเคครับ ภายในกว้างขวางใกล้เคียงกันค่อยน่าเทียบกันหน่อยครับ
-
ผมว่ามันไม่ได้แพงขึ้น เพราะมันถีบตัวขึ้นทุก segment ถ้าสังเกตราคาดีๆ
ยุโรปก็ราคาเดิม แต่แค่เพิ่มไลน์อัพเล็ก ราคาถูกเพิ่มมาเฉยๆ
กระบะ สมัยก่อน 7 ตอนนี้ 8-9 แสน พวกสี่ประตู ออโต
Altis สมัยก่อน 7-9 สมัยนี้ civic ใหม่ ว่ากันที่ 9.4-9.6 ไปจนถึงล้านกว่าๆ แทนที่ camry accord 2.0
Vios city 5-8 แสน แทนที่ altis civic tiida 1.6
มันขยับกันทั้งแผงเลยมากกว่า มีแค่ยุโรปที่คงที่ แต่ก็ฟันกำไรยับอยู่แล้ว เลยไม่ได้แคร์อะไรมาก
เอาจริงๆ ราคา accord camry เจนนี้เมืองนอกอัพราคาไปอีกนะ จากเจนก่อน แต่ปัจจุบันยังอยู่เพดานเดิมก็ดีเท่าไหร่ละ
ถ้าไม่นับตรา benz รถ A Class ขับหน้า ช่วงล่างคานบิดทอชันบีม ขนาดรถ เท่า City ขายสองล้าน คนมองว่าคุ้ม พอมาสด้า 3 ให้คานบิดนี่แอบบ่นกันเฉย
เคยทั้งนั่งและขับA Class และ C Class ผมเลือก D Seg นะ การขับขี่ D Seg ให้ฟีลลิ่งดีกว่า พรีเมี่ยม สงบกว่าเป็นรถ Premium มากกว่า (กรณีที่เป็นตัวใหม่ทั้งคู่)
รถญี่ปุ่นเจนใหม่ๆ เซตมาดีขึ้น ไกลขึ้นมากกว่าสมัยเก่าพอสมควร ยกเว้นฮอนด้า ที่แก้ปัญหาการเก็บเสียงพื้นได้ห่วยไม่หายสักที เอาจริงๆ แบบไม่อวย ช่วงล่างมาสด้า 3 แน่น มั่นใจกว่า W205 เยอะ ไม่มีโยนโหยงๆ หลังโดดคอสะพานสามสี่รอบ ฟีลลิ่งพวงมาลัยคมกว่า f10 แบบชัดเจนเสียอีก
Premium Mid size }} D Seg }} Compact Premium }} Compact ครับ ถ้าให้เรียงจากประสบการณ์การขับขี่ ตัวเก่าขับห่วยกว่ายุโรปเยอะมากจริง แต่ D Seg ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆ ตัวปัจจุบัน ขับดีกว่าตัวเก่ามาก ดีจนสงสัย ว่าจะทิ้งทวนไม่ขายอีกแล้วหรือเปล่า (ไปทำ SUV)
ไม่นับพวกของเล่นบรรดาไฟตกหมึกเปลี่ยนสีได้ในห้องโดยสาร หรือจอต่างๆบนหน้าปัดที่รอตกยุคเพราะการมาของ Android Automotive นะ
เสียดาย Lexus ES หรือ Acura หลายๆตัว ราคาเมืองนอกทำไว้ดีมากๆ คือราคา C Class แต่สมรรถนะ ระดับ Mid size Premium เลย ถ้าเอาความนุ่ม นี่ชน LS เลยทีเดียว (ไม่แปลกใจทำไมขายดี) เอาจริงๆ ฟีลลิ่งพวงมาลัย ES คมกว่า f10 มาก และช่วงล่างสมูท นุ่ม ละมุน ฟีลลิ่งดียิ่งกว่า S90 เสียอีก แต่เข้าไทยราคาดันแพงไป น่าจะสักเกือบล้านเลย
เมืองนอก เพิ่มนิดได้ ES บ้านเรา เพิ่มสองเท่า 😂😂😂
-
เรื่อง d seg ในไทยแพงขึ้นเยอะและส่วนต่างห่างจาก c seg เยอะกว่าในหลายๆประเทศอันนี้จริงครับ
แต่ราคาตอนนี้ก้ใช้ได้นะครับ ผมไม่ได้ติดอะไร เพราะผมเอา d seg jpn มากกว่า รถ eco car ฝั่ง eu
ครับ ส่วนตัวผมถ้าจะขับรถ eu ก้ต้อง G20,W206 ขึ้นไป ถ้าเกรดรองลงมาผมเอา d seg jpn ครับ
-
แล้วแต่มุมน่ะ ส่วนตัวเคยซื้อ Teana J32 2.5 ปี 10 ตอนนั้นก็ 1.6 ล้านกว่าล่ะ
แต่ตอนนี้ถ้าซ์้อ Accord 1.5T แค่ 1.5 ได้ Option พอๆกัน ถ้า 2.0 HB ก็แค่ 1.9 ล้านแต่ Option เต็ม
ส่วนตัว ราคา D Seg มันขึ้นน้อยกว่า B, C อีกน่ะครับ
-
ราคาสูงขึ้น
แต่ของเพิ่ม สมรรถนะดีขึ้น กว่าเมื่อก่อนมากนะครับ
-
ผมซื้อ Civic ตาโต ตัว Top เมื่อปี 97-98 ราคา 688,000 บาท ตอนนั้นทอง บาทละ 7 พันมั๊ง ครับ
วันนี้ มัน ล้านสอง และ ทอง ไป 2 กว่า
ทุกอย่างมีเหตุ และปัจจัยครับ
-
15ปี เพิ่ม 3แสน
AVG 20,000ต่อปี 20k/1,500k = 1.3% ใกล้เคียงอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย
รถคุณภาพดีขึ้น Technologyสูงขึ้น optionมากขึ้น ประหยัดมากขึ้น
เกือบทั้งหมดมาจาก Product Develpoment, Cost reduction
ผมว่าราคา ก็สมเหตุผลในรุ่นของมัน
ตอนนี้ ราคาน่าจะถูกกว่า PPV อีกครับ
-
camry acv40 ตัว 2.0g 15ปีที่แล้ว 1.2ล้าน
ตอนนี้ acv 70 ตัว 2.0g ราคา1.4ล้าน
15 ปีราคาขึ้น 200000ก็ไม่ได้แพงขึ้นเยอะหรอก เพียงแต่ option มันน้อยลง
-
เมือก่อน gap ราคามันต่อกันพอดี เด๋วนี้ D seg เปิดโดดมากเกินไปอะ
-
D segment ญี่ปุ่นเกือบจะ 2 ล้าน ขณะที่ค่ายยุโรป ราคาต่ำลงเรื่อยๆ แม้รถจะเล็กกว่า ไม่แปลกถ้าคนจะหนีไปแบรนด์ยุโรปกันหมด
-
ทั้ง D-Segment และ C-SUV นี่แหละ แถม PPV ด้วย ราคาไปไกลดีจัง
แต่ D-Segment ไม่อยู่ในความสนใจผมอยู่ละ ผมมองว่า คันมันใหญ่ไป สำหรับการใช้งานแบบผมน่ะครับ ในงบขนาดนี้ ถ้าผมจะเล่น ผมอาจจะไปยุโรป ตัวเริ่มต้น เพราะขนาดมันกำลังเหมาะครับ
หรือไม่ ถ้าต้องการคันโตๆ ก็จะไป C-SUV มากกว่า
-
จริงๆคือรถกลุ่มนี้ ถ้าแพงมาก ลำบากครับ
เพราะมันมี Volvo S60 ตัวเริ่มต้น ที่รถยาวเกือบเท่า D-Segment
เครื่อง T8 Plug-in Hybrid ขายที่ 2.19 ล้าน ค้ำราคาอยู่
-
มองตลาดเมืองไทย ก็ถือว่าคุ้ม ขนาด ออปชั่น ราคา
แต่ส่วนตัวอดเทียบเมืองนอกไม่ได้ทุกที :'(
-
ราคา 1.5 - 1.8 ล้านเหมาะสมดีแล้ว สมฐานะกะศักดิ์ศรีของ D-SEGMENT
ราคาควรจะอยู่ที่ 1.2 - 1.5 ล้าน ให้มันรู้สึกเป็นการขยับจาก C-SEGMENT ที่เหมาะสม
-> ผมรวบ 2 ข้อนี้เป็นข้อเดียว สำหรับผมเลย ผมว่า 1.3-1.8 ล้าน ประมาณนี้พอละ อย่าต่ำ หรือ สูงไปกว่านี้เลย 1.8 ล้านถามว่ารับได้ไหม ก็รับได้นะ ถ้าออฟชั่นมันสุดๆ จัดๆเลย
ราคายังน่าจะได้อีกสัก 1.7 - 2.0 ล้าน ไปชนกับตัวเริ่มของ PREMIUM CAR
ราคาขนาดนี้แล้ว ขับตัวเริ่มต้นของ PREMIUM CAR ดีกว่า
-> รวบ 2 ข้อนี้ ต่อให้ 1.7-2.0 ล้าน ชนกับ PREMIUM CAR แต่ได้ PREMIUM CAR เป็น A-B Seg แล้วเป็นตัวเริ่มต้น ตัวต่ำสุด ที่ไม่มีอะไรเลย รถเล็ก รถแคบ ไม่ได้สบายอะไรสักอย่างเลย ผมก็เลือก D-Seg ญี่ปุ่น ครับ ขนาดเทียบกับ C-Seg ยุโรป ถ้าได้แค่ตัวเริ่ม ตัว base ผมยังเลือก D-Seg ตัวท๊อปเลย เพราะสำหรับผม ไม่ได้มองว่า ยุโรป เหนือกว่ายี่ญุ่น โดย rate price แล้วถ้าจะมองจะเทียบก็ต้องดูในกลุ่ม Seg เดียวกันไปเลย เพราะสุดท้ายราคามันไกลกันมากอยู่ดี เพราะยกตัวอย่างง่ายๆ ผมว่า Camry นั่งสบายไม่ได้ต่าง E-Class หรือ 5 Series เลย เผลอๆ บางคนบอกว่า Camry นั่งสบายกว่าด้วยซ้ำ
ดูแก่ ไปเล่น SEGMENT อื่นเถอะ
-> อันนี้แล้วแต่มุมมองครับ ผมอายุ 30 กว่า ขับ D-Seg ยังเฉยๆ เลย ชอบด้วยซ้ำ มันนั่งสบาย ขับสบาย ออฟชั่นเต็มดี เพราะเดี๋ยวนี้ C-Seg กับ D-Seg มันไกล้กันมากแล้ว ทั้งขนาดรถ(size) และรูปร่างหน้าตา(design)
-
ผมมองว่าราคาน่าจะลดลงอีกสักแสนนึง ถึงแม้เทคโนโลยีทันสมัยจะเพิ่มมามากขึ้น แต่ระบบเหล่านี้ก็ใช้กันมากซึ่งต้นทุนน่าจะคุ้มทุนบ้างแล้ว
-
ถามว่าแพงไหม มันก็แพงแหละครับ
แต่ถ้าดูจากขนาด + ออปชั่น แล้วก็จะเห็นว่ามันโตกว่าเก่า + ออปชั่นเยอะกว่ารุ่นก่อนๆพอสมควร
ส่วนตัวผมมองว่า ราคารถมันปรับทุก Segment ไปหมด B-segment ยังเริ่มที่ห้าแสนกว่าแล้วเลยครับ
C-seg ที่สมัยก่อน ราคาเริ่มต้นแถว 7 - 9 แสนปลาย พอมีอัลติสปรับราคาทะลุล้านขึ้น หลังจากนั้นตัว top ก็ทะลุล้านแทบจะทุกค่าย
-
คนที่บอกว่าระบบเยอะขึ้น ส่วนนึงก็ลองไปเทียบกับมือถือดูด้วยครับ เมื่อก่อนที่ว่า 3310 ราคาเท่าไหร่
window phone ราคาเท่าไหร่ อันนี้คือส่วนนึงที่พัฒนาขึ้นแต่ถูกลง เราไปให้ราคาจนเกินไปก็ไม่ได้นะ
อย่างเมื่อก่อนเพิ่ม navi เพิ่ม 100,000 นั่นคือ10-11ปีที่แล้วเองนะ พูดแล้วสะเทือนใจ
เน้นนะครับว่าส่วนนึง
-
จริงๆ รถ segment นี้ ส่วนหนึ่งแพงเพราะภาษี เพราะถ้าเครื่องยนต์ธรรมดา รุ่นที่มีในตอนนี้ก็เสียภาษีสรรพสามิต 20% ภาษีมหาดไทย =10% ของตัวแรก = 0.2%
ทั้งหมดคิดรวมกับราคารถด้วย vat 7% แค่ภาษีปาไปกี่บาทแล้ว บริษัทรถมันเลยหนีมาทำพวก hybrid เพราะเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 4% แล้วอัดออพชั่นเพิ่ม ไม่พอเรียกราคาเพิ่มด้วย
ลองไปดูรถพวกนี้ที่ขายในญี่ปุ่นว่าราคามันเท่าไหร่เอง ผมว่าหลังๆไอ้ยุ่นมันเริ่มตั้งราคารถหลายๆรุ่นแพงเกินราคาไปมากๆ ทั้งๆที่รถมันไม่ได้สมราคาเลย
แต่เพราะว่าคนไทยยังไปแย่งกันซื้อมัน แม้แต่ในภาวะแบบนี้ คนก็ยังออกป้ายแดงเกร่อ แล้วบริษัทรถมันจะขายถูกไปทำไม ในเมื่อขายแพงยังขายได้เลย จริงมั้ย?
คนที่ไม่ได้ตามเรื่องรถทั่วโลก เอาแต่ดูแต่รถที่ขายในประเทศนี้ จะคิดว่าระบบต่างๆที่มีในวันนี้ มันพึ่งมีในโลก แต่จริงๆในบ้านมันมีมานานแล้ว แต่มันไม่เอามาขายเราไง
จุดประสงค์สุดยอดความปราถนาของไอ้ยุ่นก็คือ ลดต้นทุน ลดต้นทุน ลดต้นทุน หมูสยามแค่พลเมืองชั้นสองเทานั้น ของดีๆ ไม่เอามาขายหรอก ฝันไปเถอะ
ของพวกนี้ต้นทุนจะเพิ่มสักเท่าไหร่ แต่ไม่เอามาใส่ให้ไง กั๊กไว้ก่อน ยังไม่เจอคู่แข่งเหยียบตาปลา ก็ไม่ให้หรอก ...รอไปเถอะ ถ้ายอดขายยังไม่ตกอย่าหวัง
พวกมันมาลงทุนเพื่อต้องการเอากำไรกลับบ้านมัน และมาอาศัยประเทศนี้ผลิตรถยนต์ส่งขายทั่วโลก โดยที่ไม่ต้องจ่ายภาษีส่งออกให้ประเทศนี้แม้แต่บาทเดียว
เหมือนที่บางรุ่นขายไม่ดีในประเทศนี้ แต่ว่าขายดีในบ้านยุ่น หรือว่าหลายๆรุ่นขายไม่ดีในประเทศนี้ แต่ว่าส่งออกไปขายประเทศอื่นได้ มันคงไม่สนตราบใดที่ส่งไปที่อื่นแล้วขายได้
เพราะแค่มาอาศัยประเทศที่ถู๊กถูกๆผลิตรถเท่านั้น
แถมยังมีสิทธิพิเศษลดแลกแจกแถมให้มันสาระพัด ถ้าไปดูราคารถในประเทศมัน ถามหน่อยว่ารุ่นเดียวกันกับที่ขายในบ้านเรา ทำไมมันขายราคาถูกกว่าได้ แล้วยังได้กำไร
ผมว่า สคบ. หรือรัฐบาล มันไม่กล้าหือกับได้ยุ่น ไอ้กันพวกนี้ ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบว่าจริงๆแล้วต้นทุนรถมันราคาเท่าไหร่ ทำไมหลายๆรุ่นถึงแพงมากๆ เมื่อเทียบกับคุณภาพของรถ
แต่จะกล้าทำไรพวกมันเหรอ ให้แมวออกลูกเป็นปลาวาฬยังง่ายกว่ามั้ง
-
ราคาไปไกลเกิ้น 8)
-
1.2 - 1.6 เหมาะสุด
-
ซื้อD-segใช้เองตั้งแต่Camryปี2000 ใช้D-segเป็นรถหลักของบ้านมาจนทุกวันนี้ L33ปี16 รวม4คัน
ถามว่ารู้สึกอย่างไร??? ตอบ: มันก็ราคานี้หละครับ 8)
คนมีเวลาถ้าอยากเล่นDsegแนะนำหามือสองค่อยๆหาเอาคันสภาพดีๆปีใหม่ๆ ราคามันถูกมากๆ 8)
-
เมืองนอกยุโรปเริ่มต้นราคาพอๆกับ D-Seg ญี่ปุ่น
เมืองไทยยุโรปเริ่มต้นขายสองล้านบอกถูก D-Seg ญี่ปุ่นขายล้านกลาง-ปลาย บอกแพง
-
ราคามันขึ้นตามเงินเฟ้อ และภาษีมลพิษ
แต่ผมก็ยังมองว่า ราคามันน่าจะราวๆ 1.3-1.6 นะ ถึงแม้ราคาตามเงินเฟ้อ แต่กำไรมันบวกเยอะไป
-
จริงๆ รถ segment นี้ ส่วนหนึ่งแพงเพราะภาษี เพราะถ้าเครื่องยนต์ธรรมดา รุ่นที่มีในตอนนี้ก็เสียภาษีสรรพสามิต 20% ภาษีมหาดไทย =10% ของตัวแรก = 0.2%
ทั้งหมดคิดรวมกับราคารถด้วย vat 7% แค่ภาษีปาไปกี่บาทแล้ว บริษัทรถมันเลยหนีมาทำพวก hybrid เพราะเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 4% แล้วอัดออพชั่นเพิ่ม ไม่พอเรียกราคาเพิ่มด้วย
ลองไปดูรถพวกนี้ที่ขายในญี่ปุ่นว่าราคามันเท่าไหร่เอง ผมว่าหลังๆไอ้ยุ่นมันเริ่มตั้งราคารถหลายๆรุ่นแพงเกินราคาไปมากๆ ทั้งๆที่รถมันไม่ได้สมราคาเลย
แต่เพราะว่าคนไทยยังไปแย่งกันซื้อมัน แม้แต่ในภาวะแบบนี้ คนก็ยังออกป้ายแดง แล้วบริษัทรถมันจะขายถูกไปทำไม ในเมื่อขายแพงยังขายได้เลย จริงมั้ย?
คนที่ไม่ได้ตามเรื่องรถทั่วโลก เอาแต่ดูแต่รถที่ขายในประเทศนี้ จะคิดว่าระบบต่างๆที่มีในวันนี้ มันพึ่งมีในโลก แต่จริงๆในบ้านมันมีมานานแล้ว แต่มันไม่เอามาขายเราไง
จุดประสงค์สุดยอดความปราถนาของไอ้ยุ่นก็คือ ลดต้นทุน ลดต้นทุน ลดต้นทุน
ของพวกนี้ต้นทุนจะเพิ่มสักเท่าไหร่ แต่ไม่เอามาใส่ให้ไง กั๊กไว้ก่อน ยังไม่เจอคู่แข่งเหยียบตาปลา ก็ไม่ให้หรอก ...รอไปเถอะ ถ้ายอดขายยังไม่ตกอย่าหวัง
พวกมันมาลงทุนเพื่อต้องการเอากำไรกลับบ้านมัน และมาอาศัยประเทศนี้ผลิตรถยนต์ส่งขายทั่วโลก โดยที่ไม่ต้องจ่ายภาษีส่งออกให้ประเทศนี้แม้แต่บาทเดียว
เหมือนที่บางรุ่นขายไม่ดีในประเทศนี้ แต่ว่าขายดีในบ้านยุ่น หรือว่าหลายๆรุ่นขายไม่ดีในประเทศนี้ แต่ว่าส่งออกไปขายประเทศอื่นได้ มันคงไม่สนตราบใดที่ส่งไปที่อื่นแล้วขายได้
เพราะแค่มาอาศัยประเทศที่ถู๊กถูกๆผลิตรถเท่านั้น
แถมยังมีสิทธิพิเศษลดแลกแจกแถมให้มันสาระพัด ถ้าไปดูราคารถในประเทศมัน ถามหน่อยว่ารุ่นเดียวกันกับที่ขายในบ้านเรา ทำไมมันขายราคาถูกกว่าได้ แล้วยังได้กำไร
ผมว่า สคบ. หรือรัฐบาล มันไม่กล้าหือกับได้ยุ่น ไอ้กันพวกนี้ ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบว่าจริงๆแล้วต้นทุนรถมันราคาเท่าไหร่ ทำไมหลายๆรุ่นถึงแพงมากๆ เมื่อเทียบกับคุณภาพของรถ
แต่จะกล้าทำไรพวกมันเหรอ ให้แมวออกลูกเป็นปลาวาฬยังง่ายกว่ามั้ง
+1 ข้าน้อยขอคาราวะ ท่านมองได้ตรงจุด เบิกเนตรความจริงให้คนไทยได้ดีจริงๆ
-
ผมว่าราคารถ D Segment มันก็ขึ้นมาตามค่าเงินเฟ้อนะครับ อีกอย่างบริษัทรถญี่ปุ่นไม่ค่อยจะมีการดั้มราคารถลงมาตอนเปลี่ยนรุ่นใหม่ เทียบกับรถยุโรปผมว่าราคาตอนนี้ถูกกว่าสมัยก่อนมาก ถ้าเทียบกับในต่างประเทศสัดส่วนมาก็สมเหตุสมผลครับ รถ D segment อ็อฟชั่นเต็มๆราคาจะอยู่ราวๆ USD$40,000 ล่าสุดผมดูรีวิว A Class sedan ราคาเริ่มต้นไม่ต่างจาก D segment ตัวบนมากแต่พอใส่อ็อฟชั่นแล้วราคาห้าหมื่นกว่าเหรียญเลย เป็นสมัยก่อนราคานี้ซื้อ E Class แบบโล้นๆได้เลย
-
ขึ้นกว่านี้ได้ครับ ต่อให้ไป 1.9ล้าน 2ล้าน ผมว่าก็ยังเฉยๆ เพราะได้คันใหญ่เบ่อเร่อ ยาวเกือบ 5เมตร ขณะที่ 2ล้าน premium car ได้คันเล็ก แถมออปชั่นน้อย ความคุ้มค่า ยังไงผมก็ให้ D segment ครับ
-
ราคารถยนต์ D-Segment ทุกรุ่น เริ่มต้นประมาณ 1.5-1.8 ล้านบาทแบบนี้
..ไปเลือก PPV จะดีกว่านะ นั่งสบายกว่า แต่ถ้าชอบรถหรือชอบเลือก Sedan ควรเพิ่มเงินสัก 5 แสนบาท-1 ล้านบาท ไปเล่นรถยุโรป เช่น Audi BMW Mercedes-Benz หรือ Volvo จะดีกว่าไหมครับ
-
ราคาแพงขึ้นไม่พอ
แถมเวลาขายต่อราคาหายเยอะกว่าทุก seg ด้วย
-
ผมว่าตอนนี้ราคาแพงไปครับ
ส่วนตัวไปซื้อ PPV คุ้มกว่า ถูกกว่าด้วย
ไม่แปลกใจที่นิสสันจะยุบ Teana และ X-trail ไปเป็น Terra คันเดียว
-
พ่อผมเก็บโบร์ชัวร์ กับใบราคาตอนที่ซื้อ Accord ไฟท้ายสองก้อน ปี 1996 ไว้
รุ่นล่างสุด LXi เกียร์ธรรมดา 800,000 บาท ไล่มาเรื่อยๆ ถึงรุ่นท็อป VTi-S 1,200,000 บาท
เทียบกับค่าเงิน 25 ปีที่ผ่านไป ผมว่า D-Segment ทุกวันนี้ถูกลงกว่าเมื่อก่อนด้วยนะครับ
ไม่ว่าจะมองด้วยค่าครองชีพ หรือค่าแรงในช่วง 25 ปี มองยังไงก็ถูกลง
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือข้อเปรียบเทียบ ที่มีรถ SUV และ Low-Premium เพิ่มเข้ามา
มันเริ่มบีบชิดเข้ามาทำให้ความน่าสนใจลดลงมากกว่า ไม่ใช่เรื่องราคาครับ
-
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
-
ราคาก็ไม่ได้ขึ้นแรง จนถึงขั้น เอาเปรียบผู้บริโภค
-
ของแพงขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้วล่ะครับ จะด้วยปัจจัยไหนก็ตาม รุ่นใหม่ออกมา มีอะไรใหม่ๆ ก็ขอตั้งราคาให้สูงขึ้นกว่าเดิมหน่อย สุดท้ายมันก็ขยับไปเรื่อยๆ
-
d-segment ถือว่าให้มาครบทุกอย่างเลยนะ เพราะถือว่าเป็นรุ่น top ของแบรนด์นั้นๆ ราคากับออฟชั่นผมมองว่าถ้าเราตัดเรื่องภาษีไป มันก็จะมิตรมาก....จะเห็นวิ่งเยอะกว่านี้มากๆ แค่นี้ก็เห็นวิ่งเต็มท้องถนนแล้วครับโดยเฉพาะ camry โฉมล่าสุด
คือราคารถยนต์มันขึ้นทุกปีอยู่แล้วจะมากจะน้อย แต่ขึ้นแล้วจะคุ้มไหมนี่อีกเรื่อง ต้องให้ของที่ดีที่สุด เพราะราคามันจะไปชน ค่ายยุโรปอยู่แล้ว 55555
แต่ถ้าราคามันเท่ายุโรปก็จริงนะแต่ยังไงผมก็ซื้อรถญี่ปุ่นนี่ละ เพราะ
1.ออฟชั่นได้ครบทุกอย่างที่มีให้ (คือสุดในรุ่น ฮ่าๆ)
2.ค่าบำรุงรักษา
3.ราคาขายต่อไม่ร่วงเยอะ (เจ้าตลาด / สำหรับคนเปลี่ยนรถบ่อย)
4.ดูหรูหราพอตัวเหมือนกันเมื่อเทียบกับยุโรปรุ่นเริ่มต้น
5.คุ้มค่ากว่า
6.ความสะดวกสบาย ใหญ่โต กว้างขวาง นั่ง 5 คน ก็ถือว่าสบาย นั่ง 4 คน ก็ยิ่งสบายเพราะเบาะหลังปรับได้
-
ผมว่าราคาที่ขึ้นมาเทียบกับ Option ที่เพิ่มมา+เงินเฟ้อ ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่ ผมไปเปิดดูตารางราคาในหนังสือรถยุค 2010-2012 ราคาไม่ได้โดดจากสมัยนี้มากครับ ล้านเจ็ด
แต่ที่โดดเยอะๆผมว่า Fortuner ก็กระโดดมาเยอะ จากรุ่นโฉมก่อนปัจจุบันตัว Top ราวๆ ล้านห้า ตอนนี้ล้านแปด
-
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
ตัดอะไรออก 4-5 แสน มันจะเหลือความนั่งสบายมั้ยเนี่ย? คงได้เบาะผ้าปรับมือ, กระจก auto บานเดียว, ไฟฮาโลเจน, ล้อเชยๆ, ยางติดรถแบบ eco, แอร์โซนเดียว ไม่มีช่องแอร์หลัง, ไม่มีของไฮเทคเลย, usb 1 ช่อง ต่อแบบ iPod 15 ปีที่แล้ว, กล้องไม่มี, กะระยะด้วยพลังจิต, กุญแจมือบิด, ม่านไม่มี, เบรคมือดึง, มาตรวัดแบบ Honda City, แผ่นปิดกันเสียงเอาออก, ผากระโปรงแบบค้ำ, ฝาหลังเหล็กเปลือยๆ, ยางอะไหล่ไม่มี เป็นชุดซ่อมยาง, เกียร์โบราณ 4 จังหวะ
-
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
ตัดอะไรออก 4-5 แสน มันจะเหลือความนั่งสบายมั้ยเนี่ย? คงได้เบาะผ้าปรับมือ, กระจก auto บานเดียว, ไฟฮาโลเจน, ล้อเชยๆ, ยางติดรถแบบ eco, แอร์โซนเดียว ไม่มีช่องแอร์หลัง, ไม่มีของไฮเทคเลย, usb 1 ช่อง ต่อแบบ iPod 15 ปีที่แล้ว, กล้องไม่มี, กะระยะด้วยพลังจิต, กุญแจมือบิด, ม่านไม่มี, เบรคมือดึง, มาตรวัดแบบ Honda City, แผ่นปิดกันเสียงเอาออก, ผากระโปรงแบบค้ำ, ฝาหลังเหล็กเปลือยๆ, ยางอะไหล่ไม่มี เป็นชุดซ่อมยาง, เกียร์โบราณ 4 จังหวะ
ผมอยากจะเล่าเปรียบเทียบเรื่องนึงให้ท่านฟังว่า
CIVIC ที่ใกล้เคียงกับ EL+ บ้านเรา (1 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.88 ล้านบาท
ACCORD ที่ใกล้เคียงกับ 1.5 T บ้านเรา (1.5 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.95 ล้านบาท
สองตัวนี้ของเล่นและออฟชั่นพอๆกัน 1.5T, Sensing, ถุงลม 6 ใบ, เบาะหนัง และ เสียภาษีสรรพสามิต 20% เท่ากัน
ท่านลองพิจารณาความแตกต่างของ MARGIN ดู ท่านจะพบว่า ท่านประเมินศักยภาพบริษัทรถบ้านเราต่ำเกินไป
-
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
D-Seg เครื่อง 2.0 ทุกวันนี้เร่งแซงก็หืดขึ้นคอแล้วนะครับ ถ้าลดเหลือ 1.8 นี่ได้เจอ D-Seg หวานเย็นเต็มถนนแน่ๆ
-
แพงไปหน่อยครับ ที่รู้สึกว่ามันแพง มันมี2ปัจจัยคือ
1. ที่คุณMyNameตอบไว้ในหน้าแรก มันมีช่วงหนึ่งที่ปรับวิธีการคิดภาษี จากccมาเป็นไอเสีย ปรับปุป รถD-Segราคาพุ่งครับ ช่วยยืนยันได้ เพราะโดนมากับตัวครับ ตอนนั้นกำลังจะซื้อD-Segพอดี
2. รถยุโรปออกตัวถูกมากดไว้ ถ้าตัวเริ่มต้นยุโรปมัน2.5ล้านเหมือนเดิม D-Segราคา1.5-1.8ล้านมันยังพอเข้าใจได้ครับ แต่พอตัวเริ่มต้นยุโรปมัน1.99 มันจะเริ่มเข้าใจไม่ได้ครับ หรือมีครั้งหนึ่ง ช่วงPremium Compactกำลังจะเปลี่ยนโฉม คนรู้จักผมไปต่อจนได้Premium Compactกำลังจะตกรุ่น ในราคาพอๆกับD-Segตัวท๊อปหนะครับ
แต่จากที่ใช้D-Segมา เทียบกับอีกคนในบ้านที่เป็นPremium Compact อายุไล่ๆกัน คุณภาพD-Segไม่ได้หนีจากPremium Compactมากนะครับ(ยกเว้นเรื่องการเก็บเสียง แต่พอดีผมเป็นAccord ไม่รู้เอามานับเป็นมาตรฐานการเก็บเสียงD-Segได้ไหม ;D) แต่ก็แลกมากับราคาค่าตัวที่ไม่ได้หนีกันมากเช่นกัน ก็ได้ของตามราคาหละครับ
ผมว่าตอนนี้ราคาแพงไปครับ
ส่วนตัวไปซื้อ PPV คุ้มกว่า ถูกกว่าด้วย
ไม่แปลกใจที่นิสสันจะยุบ Teana และ X-trail ไปเป็น Terra คันเดียว
เคยนั่งPajero แข็งมากครับ ถ้าไม่นับเรื่องHeadroomและทัศนวิสัย D-Segสบายกว่าครับ
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
มันมีD-Segที่เน้นสบาย ไม่แรงมากนะครับ มันชื่อว่าNissan Teana ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
แต่โจทย์น่าคิดนะครับ รถใหญ่ เน้นนั่งสบาย ราคาไม่แรง มันมีอะไรบ้าง MG?
-
จริงๆ รถ segment นี้ ส่วนหนึ่งแพงเพราะภาษี เพราะถ้าเครื่องยนต์ธรรมดา รุ่นที่มีในตอนนี้ก็เสียภาษีสรรพสามิต 20% ภาษีมหาดไทย =10% ของตัวแรก = 0.2%
ทั้งหมดคิดรวมกับราคารถด้วย vat 7% แค่ภาษีปาไปกี่บาทแล้ว บริษัทรถมันเลยหนีมาทำพวก hybrid เพราะเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 4% แล้วอัดออพชั่นเพิ่ม ไม่พอเรียกราคาเพิ่มด้วย
ลองไปดูรถพวกนี้ที่ขายในญี่ปุ่นว่าราคามันเท่าไหร่เอง ผมว่าหลังๆไอ้ยุ่นมันเริ่มตั้งราคารถหลายๆรุ่นแพงเกินราคาไปมากๆ ทั้งๆที่รถมันไม่ได้สมราคาเลย
แต่เพราะว่าคนไทยยังไปแย่งกันซื้อมัน แม้แต่ในภาวะแบบนี้ คนก็ยังออกป้ายแดงเกร่อ แล้วบริษัทรถมันจะขายถูกไปทำไม ในเมื่อขายแพงยังขายได้เลย จริงมั้ย?
คนที่ไม่ได้ตามเรื่องรถทั่วโลก เอาแต่ดูแต่รถที่ขายในประเทศนี้ จะคิดว่าระบบต่างๆที่มีในวันนี้ มันพึ่งมีในโลก แต่จริงๆในบ้านมันมีมานานแล้ว แต่มันไม่เอามาขายเราไง
จุดประสงค์สุดยอดความปราถนาของไอ้ยุ่นก็คือ ลดต้นทุน ลดต้นทุน ลดต้นทุน หมูสยามแค่พลเมืองชั้นสองเทานั้น ของดีๆ ไม่เอามาขายหรอก ฝันไปเถอะ
ของพวกนี้ต้นทุนจะเพิ่มสักเท่าไหร่ แต่ไม่เอามาใส่ให้ไง กั๊กไว้ก่อน ยังไม่เจอคู่แข่งเหยียบตาปลา ก็ไม่ให้หรอก ...รอไปเถอะ ถ้ายอดขายยังไม่ตกอย่าหวัง
พวกมันมาลงทุนเพื่อต้องการเอากำไรกลับบ้านมัน และมาอาศัยประเทศนี้ผลิตรถยนต์ส่งขายทั่วโลก โดยที่ไม่ต้องจ่ายภาษีส่งออกให้ประเทศนี้แม้แต่บาทเดียว
เหมือนที่บางรุ่นขายไม่ดีในประเทศนี้ แต่ว่าขายดีในบ้านยุ่น หรือว่าหลายๆรุ่นขายไม่ดีในประเทศนี้ แต่ว่าส่งออกไปขายประเทศอื่นได้ มันคงไม่สนตราบใดที่ส่งไปที่อื่นแล้วขายได้
เพราะแค่มาอาศัยประเทศที่ถู๊กถูกๆผลิตรถเท่านั้น
แถมยังมีสิทธิพิเศษลดแลกแจกแถมให้มันสาระพัด ถ้าไปดูราคารถในประเทศมัน ถามหน่อยว่ารุ่นเดียวกันกับที่ขายในบ้านเรา ทำไมมันขายราคาถูกกว่าได้ แล้วยังได้กำไร
ผมว่า สคบ. หรือรัฐบาล มันไม่กล้าหือกับได้ยุ่น ไอ้กันพวกนี้ ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบว่าจริงๆแล้วต้นทุนรถมันราคาเท่าไหร่ ทำไมหลายๆรุ่นถึงแพงมากๆ เมื่อเทียบกับคุณภาพของรถ
แต่จะกล้าทำไรพวกมันเหรอ ให้แมวออกลูกเป็นปลาวาฬยังง่ายกว่ามั้ง
ใช่ครับทำมาลดสเป็คทุกลงทุกอย่างแต่ขายแพง. ทำไงได้คนไทยเป็นแบบนี้แหละรู้ไม่ดียังซื้อยังเลือกทั้งที่มีตัวเลือกอื่นที่ดีแต่ไม่ได้ขายต่อในราคาสูงเท่าครับ
-
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
ตัดอะไรออก 4-5 แสน มันจะเหลือความนั่งสบายมั้ยเนี่ย? คงได้เบาะผ้าปรับมือ, กระจก auto บานเดียว, ไฟฮาโลเจน, ล้อเชยๆ, ยางติดรถแบบ eco, แอร์โซนเดียว ไม่มีช่องแอร์หลัง, ไม่มีของไฮเทคเลย, usb 1 ช่อง ต่อแบบ iPod 15 ปีที่แล้ว, กล้องไม่มี, กะระยะด้วยพลังจิต, กุญแจมือบิด, ม่านไม่มี, เบรคมือดึง, มาตรวัดแบบ Honda City, แผ่นปิดกันเสียงเอาออก, ผากระโปรงแบบค้ำ, ฝาหลังเหล็กเปลือยๆ, ยางอะไหล่ไม่มี เป็นชุดซ่อมยาง, เกียร์โบราณ 4 จังหวะ
ผมอยากจะเล่าเปรียบเทียบเรื่องนึงให้ท่านฟังว่า
CIVIC ที่ใกล้เคียงกับ EL+ บ้านเรา (1 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.88 ล้านบาท
ACCORD ที่ใกล้เคียงกับ 1.5 T บ้านเรา (1.5 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.95 ล้านบาท
สองตัวนี้ของเล่นและออฟชั่นพอๆกัน 1.5T, Sensing, ถุงลม 6 ใบ, เบาะหนัง และ เสียภาษีสรรพสามิต 20% เท่ากัน
ท่านลองพิจารณาความแตกต่างของ MARGIN ดู ท่านจะพบว่า ท่านประเมินศักยภาพบริษัทรถบ้านเราต่ำเกินไป
แล้วท่านคิดว่า volume ของเมกา มันกี่เท่าของบ้านเราล่ะครับ? บ้านเค้า Camry+Accord 30,000-50,000 คันต่อเดือน
ขณะที่บ้านเรา Camry+Accord แต่ละเดือน 1,000 คันยังไม่ถึงเลย
-
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
ตัดอะไรออก 4-5 แสน มันจะเหลือความนั่งสบายมั้ยเนี่ย? คงได้เบาะผ้าปรับมือ, กระจก auto บานเดียว, ไฟฮาโลเจน, ล้อเชยๆ, ยางติดรถแบบ eco, แอร์โซนเดียว ไม่มีช่องแอร์หลัง, ไม่มีของไฮเทคเลย, usb 1 ช่อง ต่อแบบ iPod 15 ปีที่แล้ว, กล้องไม่มี, กะระยะด้วยพลังจิต, กุญแจมือบิด, ม่านไม่มี, เบรคมือดึง, มาตรวัดแบบ Honda City, แผ่นปิดกันเสียงเอาออก, ผากระโปรงแบบค้ำ, ฝาหลังเหล็กเปลือยๆ, ยางอะไหล่ไม่มี เป็นชุดซ่อมยาง, เกียร์โบราณ 4 จังหวะ
ผมอยากจะเล่าเปรียบเทียบเรื่องนึงให้ท่านฟังว่า
CIVIC ที่ใกล้เคียงกับ EL+ บ้านเรา (1 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.88 ล้านบาท
ACCORD ที่ใกล้เคียงกับ 1.5 T บ้านเรา (1.5 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.95 ล้านบาท
สองตัวนี้ของเล่นและออฟชั่นพอๆกัน 1.5T, Sensing, ถุงลม 6 ใบ, เบาะหนัง และ เสียภาษีสรรพสามิต 20% เท่ากัน
ท่านลองพิจารณาความแตกต่างของ MARGIN ดู ท่านจะพบว่า ท่านประเมินศักยภาพบริษัทรถบ้านเราต่ำเกินไป
แล้วท่านคิดว่า volume ของเมกา มันกี่เท่าของบ้านเราล่ะครับ? บ้านเค้า Camry+Accord 30,000-50,000 คันต่อเดือน
ขณะที่บ้านเรา Camry+Accord แต่ละเดือน 1,000 คันยังไม่ถึงเลย
แต่ volume 1000 นี่คือราคา 1.5-1.8ล้านนะ แปลกเหรอที่ขายได้1000
นี่กระบะเรา ภาษีถูก ขายได้เยอะ ทำไมราคาไม่ถูกบ้างเนาะ แปลกป่ะ
-
จริงๆ ผมว่า ตอนนี้เครื่องมันใหญ่เกินความจำเป็น
อัตราเร่ง เกินความต้องการ ผมว่า ลค ส่วนมากไม่ได้ชอบรถที่จ่ายแพง แล้วได้ 0-100 8-9 วิ เขาน่าจะชอบจ่ายถูกกว่า ได้อัตราเร่ง 11-12 วิมากกว่า
ถ้าลดเครื่องเหลือซัก 1800 แล้วทำราคาได้ไม่ถึงล้านสำหรับตัวล่าง เน้นขายรถที่นั่งสบาย ไม่จำเป็นต้องแรง ออฟชั่นอะไรไม่จำเป็นก็เอาออก ผมว่าตลาดตรงนี้ยังว่างอยู่
ตัดอะไรออก 4-5 แสน มันจะเหลือความนั่งสบายมั้ยเนี่ย? คงได้เบาะผ้าปรับมือ, กระจก auto บานเดียว, ไฟฮาโลเจน, ล้อเชยๆ, ยางติดรถแบบ eco, แอร์โซนเดียว ไม่มีช่องแอร์หลัง, ไม่มีของไฮเทคเลย, usb 1 ช่อง ต่อแบบ iPod 15 ปีที่แล้ว, กล้องไม่มี, กะระยะด้วยพลังจิต, กุญแจมือบิด, ม่านไม่มี, เบรคมือดึง, มาตรวัดแบบ Honda City, แผ่นปิดกันเสียงเอาออก, ผากระโปรงแบบค้ำ, ฝาหลังเหล็กเปลือยๆ, ยางอะไหล่ไม่มี เป็นชุดซ่อมยาง, เกียร์โบราณ 4 จังหวะ
ผมอยากจะเล่าเปรียบเทียบเรื่องนึงให้ท่านฟังว่า
CIVIC ที่ใกล้เคียงกับ EL+ บ้านเรา (1 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.88 ล้านบาท
ACCORD ที่ใกล้เคียงกับ 1.5 T บ้านเรา (1.5 ล้านบาท) ใน US ขาย 0.95 ล้านบาท
สองตัวนี้ของเล่นและออฟชั่นพอๆกัน 1.5T, Sensing, ถุงลม 6 ใบ, เบาะหนัง และ เสียภาษีสรรพสามิต 20% เท่ากัน
ท่านลองพิจารณาความแตกต่างของ MARGIN ดู ท่านจะพบว่า ท่านประเมินศักยภาพบริษัทรถบ้านเราต่ำเกินไป
แล้วท่านคิดว่า volume ของเมกา มันกี่เท่าของบ้านเราล่ะครับ? บ้านเค้า Camry+Accord 30,000-50,000 คันต่อเดือน
ขณะที่บ้านเรา Camry+Accord แต่ละเดือน 1,000 คันยังไม่ถึงเลย
ไปคิดแทนบริษัทรถยังกับเป็นผู้บริหารผูถือหุ้น ไม่แปลกหรอกบริษัทรถพวกนี้มันถึงรวมหัวกันโกร่งราคาตัดออพชั่นตัดสเป็กกัน
-
รถญี่ปุ่นในไทยก็คงเป็นแบบ ราคามือถือ sony ที่ราคาโดดคู่แข่งเกาหลีและจีนไปไกลมาก
ลุ้นให้จีนเข้ามาทำตลาดรถในไทยเยอะๆ แล้วทำดีๆไม่ใช่สักแต่ขายเหมืนอสมัยก่อน ญี่ปุ่นจะได้ปรับตัว เลิกกั๊กออฟชั่น/เทคโนโลยี ชะที
-
ppv ราคายังต่อกับกะบะเลย 8)
-
สำหรับผมว่า 1.3-1.65 (หยวนๆให้ไม่เกิน 1.7) กำลังดีครับ
ยิ่งเข้าใกล้ 2 ล้านเท่าไหร่ การนำแบรนด์ยุโรปมา consider ด้วยยิ่งมากขึ้น
ระหว่าง D-Segment กับ Entry-Level จากยุโรปผมยังเลือกคันแรก
แต่บางคน(เช่นคุณแม่ผม) เลือกคันหลังด้วยความที่เป็นรถยุโรป