Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MacH1 ที่ ตุลาคม 22, 2021, 20:03:15
-
1. ในยุคที่ steaming ทั้ง spotify, Joox (1st steaming เมืองไทย), Dash, Apple music และ hi-def steaming อย่าง Tidal แพร่หลาย และ เจ้าอื่นๆที่ไม่ใช่ Tidal เตรียมทำ hi-def ออกมาแข่งบ้าง
2. android auto, apple carplay ทั้งแบบสายและ wireless โผล่มาในรถเยอะขึ้นเรื่อยๆ
3. Android automotive OS เริ่มโผล่ในรถ เช่น XC40 EV, C40 EV UX/UI ดูดี
4. โหลดไฟล์ Hi-def อย่างพวก flac มาใส่ usb, micro SD เอามาเสียบฟังในรถได้
ถึงเวลาหมดยุคของ format โบราณอย่าง CD รึยังคับ มันเป็น format ที่เคยสะดวกและเหนือกว่าถ้าเทียบกับ casette tape แต่มาในยุคปัจจุบันเหมือนฟอลซิลมากกว่า ดูเชยๆลุงๆ ประมาณพวก babyboomer, gen X ยังเก็บแผ่นไว้เต็มรถไว้ฟังกัน มันเป็น format ที่สะดวกและยังเหมาะกับ inflight entertainment สำหรับ ผดส. ตรงไหนกันนั่น
ปล. คหสต. จากหนึ่งในคนที่เคยบ้าเก็บแผ่นไว้เต็ม cabin ตอนนี้โละทิ้งเรียบหมดครับ
-
ถึงเวลาหมดยุคของ format โบราณอย่าง CD รึยังคับ มันเป็น format ที่เคยสะดวกและเหนือกว่าถ้าเทียบกับ casette tape แต่มาในยุคปัจจุบันเหมือนฟอลซิลมากกว่า ดูเชยๆลุงๆ ประมาณพวก babyboomer, gen X ยังเก็บแผ่นไว้เต็มรถไว้ฟังกัน มันเป็น format ที่สะดวกและยังเหมาะกับ inflight entertainment สำหรับ ผดส. ตรงไหนกันนั่น
ลุงๆ, babyboomer, gen X เค้าเป็นคนเสียเงินซื้อรถไงครับ ถ้าคนเลิกใช้จริงๆ เดี๋ยวบริษัทรถเค้าก็เอาออกไปเองครับ เค้าไม่เก็บไว้ให้ต้นทุนเค้าเพิ่มโดยไม่จำเป็นหรอก
-
ไม่เห็นต้องเอามาเป็นประเด็น
เขาให้มา เราไม่ชอบก็ไม่ต้องใช้แค่นั้นเอง
คนใช้ยังมี
ถ้าไม่อยากได้ ก็ต้องไปเลือกยี่ห้อที่custom เองได้
เขาถึงว่าคนยุคใหม่ที่ชอบเรียกกัน ชอบทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาล
มักคิดเอง แคบๆ ว่าตนเก่งกว่าคนโบราณ
-
สำหรับผมหมดไปนานแล้วครับ ไม่ควรใส่มาให้เปลือง
-
ไม่เห็นต้องเอามาเป็นประเด็น
เขาให้มา เราไม่ชอบก็ไม่ต้องใช้แค่นั้นเอง
คนใช้ยังมี
ถ้าไม่อยากได้ ก็ต้องไปเลือกยี่ห้อที่custom เองได้
เขาถึงว่าคนยุคใหม่ที่ชอบเรียกกัน ชอบทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาล
มักคิดเอง แคบๆ ว่าตนเก่งกว่าคนโบราณ
ใช่ครับ คนรุ่นใหม่ยุคนี้นิยมสะสมคอลเลคชั่นแผ่นเสียงเทป ซีดี เพราะมันมีมากกว่าตัวสื่อบันทึก แต่มีพวกอาร์ตเวิร์คปกเทป ปกแผ่นเสียง ปกซีดี อัลบั้มภาพด้วย เดี๋ยวนี้ศิลปินหลายคนหลายค่ายก็กลับมาทำคอลเล็คชั่นเหล่านี้ โดยที่ขายดีกันจนหมดสต็อกเลยทีเดียวครับ
ส่วนคนรุ่นใหม่ผมว่าไม่ควรเหมาไปหมดทุกคนครับ มันจะมีพวกที่แย่ๆนี่แหละทำคนอื่นที่ดีๆโดนเหมารวมไปด้วยครับ
-
ถามไรหน่อยสิครับ คุณคิดว่ามันสำคัญมากถึงขนาดต้องมาตั้งกระทู้ไหม แล้วมันเกี่ยวกับรถยนต์มากไหมครับ ไปถามพ่อแม่คุณดูว่า ทำไมยังใช้ ซีดีฟังเพลงอยู่ คนบางคนเค้าไม่ได้ทันโลกเหมือนพวกเรา ใช่ คนอายุเยอะๆ ทันสมัยมันก็มีแต่จะมีสักกี่คนกัน ที่รู้จักอะไรใหม่ๆ เป็นคนรุ่นใหม่ ต้องยอมรับคนรุ่นเก่าบ้างนะครับ ไม่ใช่คิดเห็นต่างไปซะหมด ไม่งั้นจะอยู่กันได้ยังไง เล็กซัสคันแพงๆ ยังมีช่องใส่เลยครับ ทุกวันนี้ เสียงที่โหลดมาแอปที่เทพๆเสียงดีเท่า ซีดี original ถึง100%รึยัง ถ้าไม่ก็นั่นหละคือเหตุผล ว่าทำไมเค้ายังชอบฟังซีดีอยู่ เรื่องแบบนี้ ไม่ต้องเอามาเป็นประเด็นก็ได้นะครับ เรื่องนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับรถยนต์เลย
-
วันนี้ญี่ปุ่นยังชอบฟัง CD
ยังดูหนัง Bluray
ยังอ่านหนังสือ เป็นเล่มกระดาษ
และญี่ปุ่นก็สร้างชาติให้กลับมาฟื้นได้ จากประเทศแพ้สงคราม และเจริญทุกวันนี้
ส่งต่อมาให้ลูกหลาน
ด้วยคน Babyboomer
-
มีในรถไม่ได้ใช้มานานมากแล้วครับ USB คือตัวแทนไปแล้ว
-
เลิกฟังแผ่นไป 6 ปีได้แล้วครับ ในรถนะ ตอนแรกๆใส่ Flash Drive ก่อน หลังๆมา โปรมือถือมันถูกลงได้เน็ตเยอะขึ้น
ก็ฟังผ่าน app เอาสะดวกกว่าครับ
-
1. ถ้าเอาออกไปหมดแล้ว คนเจนลุงๆป้าๆ(ค่อนตลาด)จะใช้อะไรกันล่ะครับ แค่จะกดแชร์สวัสดีวันจันทร์ยังต้องเรียกลูกหลานมาดูอย่าหาหวังให้เค้ามากดต่อbluetoothเลย อย่าหวังว่าเค้าจะโหลด spotify เป็น
2. แผ่น CD พวกนั้นเค้าซื้อมานะครับหลายบาท จะให้มาวางทิ้งไว้ไรค่าก้ไม่ใช่เครื่อง
3. steaming เค้าปล่อย Hi-def มาน่ะใช่ครับ แต่ถ้าcodec bluetooth เป็น AAC (เครื่องเสียงส่วนใหญ่กับอุปกรณ์appleทุกเครื่อง ไอโฟนทั้งหมด)คุณภาพเสียงห่วยกว่าCDอีก เพราะบิทเรทมันน้อยต้องบีบอัดสัญญาณจนทำให้เสียงมาห่วยกว่าเปิด CD
4. apple carplay / android auto ถ้าเปิดเพลงผ่านไอสองตัวนี้เสียงยิ่งห่วยกว่าต่อ blutooth อีก เพระาสายusb 2.0 บ้านๆมันต้องส่งทั้งภาพจากมือถือ ส่งทั้งข้อมูล จะเหลือแบนวิทไว้ส่งเสียงซักเท่าไหร่
-
ผมเจน y นะส่วนตัวมองว่าไม่มีก็ไม่เสียหาย เอาจริงๆ หลังๆจะ streaming ผ่าน bluetooth มากกว่า
เสียงอาจสู่ฟังจาก cd ไม่ได้ (อันนี้ไม่แน่ใจถ้าเป็น lossless จะสู้ได้ไหม ถ้าผ่าน bluetooth) แต่ยังไงถ้าเป็นคนขับก็ไม่ค่อยได้โฟกัสที่ตัวเพลงเท่าไร่อยู่แล้วอีกอย่างคือรถ/ม่ได้เก็บเสียง เครื่องเสียงไม่ได้ดี เลยเฉยๆ
ส่วนตัวพอแยกไฟล์ได้ fm / mp3 320/ cd / flac
ส่วน babyboomer อาจไม่ถูกใจนักเพราะมันกระทบเขาเต็มๆ จะให้มา rip เพลงก็คงทำไม่เป็นกัน คอมหลังๆก็ไม่มี cd-player มาให้ด้วย ถ้ามีอะไรมาอุดตรงนี้ เขาอาจ happy แล้ว
-
มันไม่หมดยุคหรอกครับแต่ต่อไปมันจะกลายเป็นของสำหรับคนที่เล่นเฉพาะกลุ่มไปครับ ก็เหมือนตอนนี้ที่หลายคนไปหาขุดฟร้อนท์เทปตัวท๊อปๆกลับมาเล่นกัน พวกนากามิชิตระกูลtdทั้งหลายตอนนี้ถ้าสภาพสวยๆราคาโดดไปไกลมากแถมหายากสุดๆ หลายคนตอนนี้เขาไม่ได้เน้นความสะดวกสบายในการใช้งานหรือเข้าถึงแต่อยากสัมผัสเอกลักษณ์เฉพาะบางอย่างที่ของใหม่ๆตอบสนองไม่ได้ ก็เหมือนคนที่กลับมาเล่นกล้องฟิล์มหรือกลับมาฟังเพลงจากแผ่นvinylนั้นแหละครับ
-
หมดยุคสำหรับเราแล้วผมโละซีดีออกจากรถไปหลายปีน่าจะ6-7ปีได้ตั้งแต่มีแอพsportify joox หลายคนบอกบิทเรทสู้แผ่นไม่ได้สำหรับผมซื้อvipไปใช้บิทเรทสูงสุดได้ก็โอเคแล้ว
แต่สำหรับผู้ใหญ่ยังจำเป็นผมถามผู้ใหญ่ยุคbaby boomerหลายๆคนมักตอบว่าไม่อยากเรียนรู้ใช้ยาก ต้องการแค่ซีดีละใส่แผ่นลงไปละปล่อยเพลงมันรันไปตามแทรคแค่นั้นพอแล้ว หลักการเดียวกับเราทำอะไรในออนไลน์ได้มากมายหลายอย่างมองว่าง่ายแต่สำหรับผู้ใหญ่หลายคนมองว่ายากไม่เอา อนาคตของซีดีพวกนี้จะค่อยๆหายไปเอง ยกเว้นรถที่ยังมีกลุ่มลูกค้าสว.เช่น Mu-x 2021 ให้ที่ใส่ซีดีมาแต่รถก็ต่อมือถือได้มีแอปเปิลคาร์เพล์ แคมรีacv70มีที่ใส่ซีดีแต่ดันยังไม่ให้แอปเปิลคาร์เพลซะงั้น
-
ผม Gen X
มีแผ่น cd อยู่ 500 - 600 แผ่น หลายแผ่นมูลค่าตอนนี้ หลักหมื่นครับ
เครื่องเสียงในรถ ยังใช้ front clarion รุ่นโบราณ เล่น usb ไม่ได้ มีพ่วง cd changer เอาไว้อีกกล่องนึง
พวกสื่อออนไลน์ ผมก็ฟังนะ แต่พวกนั้น ผมเอาไว้ฟังในคอมครับ ถ้าฟังในรถ ฟังในห้องฟังเพลง พวกนี้ไม่มีโอกาส ได้ส่งเสียงออกลำโพงผมหรอก เหมือนท่านข้างบนแหละ คุณภาพมันห่างชั้น cd เยอะครับ
-
ขออภัยนะครับ
แต่มีไว้ติดรถมันคงไม่หนักหัวบิดามารดาใครมั้งครับ มันติดที่รถไม่ได้ติดศีรษะใครครับ
ไม่ใช่ก็ไม่ต้องใช้ครับ รถคันที่มีผมก็ไม่เคยเอาซีดีไปยัดเหมือนกัน แต่มีมาให้ก็ดีครับ เผื่อคุณพ่ออยากฟัง
ของสะสมคือของสะสมครับ นานๆเค้าเอาออกมาฟังก็มีความสุขของเค้า
ถ้าพูดถึงเรื่องของเก่าโบราณเนี่ย
รถคลาสิคนี่แพงกว่ารถปัจจุบันที่ค่าเสื่อมราคาสูงอีกนะครับ
ขออภัยถ้าใช้คำที่ไม่สุภาพ แต่เจอแบบนี้ด็ไม่ไหวครับ เหมือนดูถูก genก่อนๆ ถ้าไม่มีgenจ่างๆก็ไม่มีการพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆครับ
ไม่อยากใช้ รกหูรกตาก็ไปรื้อออกครับจบ
-
ผมรุ่นปลายๆ Gen Y ทุกวันนี้ก็ยังมี CD ติดอยู่ในรถนะ แต่ไม่ได้เยอะ ปกติจะมีใส่ไว้ในวิทยุ 1 แผ่น แล้วก็เก็บไว้กล่องหน้ารถ ประมาณ 2-3 แผ่น นะ แต่ก็ไม่ได้ฟังบ่อยเท่าไหร่ครับ
แน่นอนว่า ณ ตอนนี้ การฟังเพลง หลักๆก็ใช้ Streaming App (Apple Music) กับ USB Drive มากกว่า แต่บางที เบื่อๆ Playlist ในมือถือที่วนซ้ำไปมา ครั้นจะหยิบโทรศัพท์มาค้นหาเพลง ก็อันตราย เลยสลับไปฟัง CD บ้าง ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบ
CD ส่วนใหญ่ที่อยู่ในรถผม มักจะเป็น CD เพลงสากลเก่าๆ เพลงอมตะยุค 80 90 และก็ CD เพลงบรรเลง บางโอกาส มีผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส มานั่งรถ ก็เปิด CD พวกนี้ แทนบรรดา Playlist EDM เพลงวัยรุ่น เพลงสมัยใหม่ ในมือถือ มันก็ช่วยให้บรรยากาศในรถดูสบายๆดี
ถ้าถามว่าหมดยุค CD มั้ย ผมว่าไม่ถึงขั้นหมดยุคนะ แม้จะมี App มาทดแทน แต่ App มันก็ไม่ได้การันตีว่า จะมีให้ฟังครบทุกเพลงที่เราอยากฟัง บางคนเขาสะสม CD เก่าๆ CD เพลงบรรเลง CD ต่างประเทศ ในรสนิยมเพลงแบบที่เขาชอบ พอขึ้นรถ มันก็ง่ายที่จะหยิบ CD ใส่วิทยุแล้วเปิดเพลงที่ชอบฟังไปเรื่อยๆ
-
ลองพิมพ์ในกูเกิล " 2din tape cd bluetooth "
ยังมีขายอยู่นะครับ
โดยส่วนตัวผมยังอยากให้รถรุ่นใหม่ๆมีเครื่องเสียงแบบนี้ด้วยซ้ำ
-
ถึงมีช่องเล่นแผ่น ก็จะเป็นแผ่นเดิมๆ จะหาใหม่คงอยาก ถ้าแผ่นติดก็จบครับ
-
ผมยังชอบนะ
ล่าสุดก็ยังซื้อมินิซิงเกิ้ลมา ถึงแม้จะไม่มีเครื่องฟัง แต่เอามาเก็บไว้
-
มีเคส Mazda เลยครับ
ตั้งแต่ Mazda 2 minor change 2020 และ CX-3 MY2021 ออกมา
ที่ถอดเครื่องเล่น CD ออกไป แล้วแทนที่ด้วยการขยับ Port เชื่อมต่อต่างๆ ขึ้นมาแทน
แล้วเปิดพื้นที่ใต้ Port หลังขยับขึ้นให้เป็นช่องใส่ของได้เพิ่ม
(และในญี่ปุ่นพึ่งจะทำเป็น Wireless Charger ตรงนั้น)
ผลคือ 2 รุ่นนี้สำหรับคนใช้รุ่นปีเดิมๆ หลายคนต่างพากันไปหาคอนโซลรุ่นใหม่ที่ขยับ Port ใส่ของเพิ่มได้มาเปลี่ยนแทน แล้วถอดเครื่องเล่น CD ออกไปจริงๆ ครับ
ในขณะเดียวกัน CX-5 MY2019 ก็เริ่มถอดเครื่องเล่น CD ออกไปในรุ่นที่เล่น DVD ไม่ได้ และ MY2021 ก็ถอดเครื่องเล่น DVD ออกไปเลย ซึ่งเป็นการถอดแบบเปลี่ยนคอนโซลหนังด้านบนทับที่เดิม ไม่มีช่องอะไรมาแทน
ผลคือ ก็ไม่มีใครถอดหรือสรรหาคอนโซลใหม่มาแทน
พอจะเห็นภาพมั้ยครับ?
ถ้ามองกัน มันก็มองได้หลายมุม
มุมนึง กลุ่มตลาดของ 2 รุ่นบน มันมีน้อยจริงๆ สำหรับคนยังใช้ CD อยู่ ถึงได้ยอมถอดเพื่อแลกกับสิ่งที่พวกเค้าจะได้ใช้คือช่องใส่ของเพิ่ม (เดิมมันก็มีน้อยอยู่แล้ว)
และอีกมุม ต่อให้ไม่ขึ้นกับกลุ่มตลาดรถ ถ้าไม่มี CD แล้วมันไม่มีอะไรที่ทดแทนกันในสิ่งที่มีประโยชน์ ลูกค้าก็ไม่ได้สนใจครับ คนใช้ก็ใช้เหมือนเดิม คนไม่ใช้ก็ปล่อยมันไว้แบบนั้น
ปล. แต่รถผมยังไม่ได้ถอดนะเพราะพ่อผมใช้ CD อยู่
-
ขึ้นอยู่ว่าจะฟังแบบไหน
เสียงเพลง แต่ละคนเสพไม่เหมือนกัน
อรรถรสทางเสียง แต่ละคนมีการรับรู้ไม่เท่ากัน
-
มีก็ไม่เสียหาย
ไม่มีก็ไม่เป็นไร ทุกวันนี้หา CD ซื้อก็ไม่ง่ายละ ร้านขาย CD ปิดตัวกันไปเยอะมาก
ปล ผมคนรุ่นเก่าพอควรนะ ทันตั้งแต่รุ่นเทปคาสเซ็ท มา CD จนมา streaming
ถ้าฟังในรถ ผมว่าอะไรก็ได้ คุณภาพเสียงที่ต่างกันมันฟังมันไม่ได้มากนักตอนขับรถเพราะสมาธิมันไปอยู่ที่การขับมากกว่า แต่ถ้าไปฟังในหูฟังดีๆหรือเครื่องเสียงเทพๆในห้อง อีกเรื่องหลายครับ
-
อ่านความเห็นหลายๆท่านแล้วสงสารร้านขายแผ่น CD เลย
โดยส่วนตัวผมอยากให้มันยังอยู่นะ ..... เพราะรถแทบจะเป็นเครื่องเล่นชนิดเดียวที่ยังสามารถอ่านแผ่นได้อยู่ ... เครื่องเล่นตั้งโต๊ะอื่นๆก็ไปทางบลูทูธกันหมดแล้ว ...
หลายครั้งที่ผมชอบเดินไปร้าน B2S เพื่อหาแผ่นเพลงรวมฮิตของนักร้องยุค 90' ผมว่ามันคลาสสิคดี ... มันควรเป็นของสะสม มันอาจดูโบราณ แต่เวลาหยิบมันออกจากตลับแล้วยัดใส่รถ มันทำได้คนที่เห็นได้ถามทุกครั้งว่า ไปหาซื้อแผ่นมาจากไหน ...
จริงๆไม่อยากให้ตัดนะ มีเถอะ ....
-
ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นและไม่เป็นสาระสำคัญเท่าไหร่ แต่มีไว้ก็ไม่เสียหายอะไร แถมใช้วางมือถือได้อีก ::)
-
รถผมเก่าแล้ว CD เสียก็เลยไปร้านเครื่องเสียง เลือก 2 din ใส่แทนของเสีย ทำจนเสร็จ อ้าว...ไม่มีcd
จะบอกว่าขับรถมานาน การซื้อ 2 din แบบเร่งรีบ แล้วได้ head unit ไม่มี Cd เป็นการเสียเงินที่อยากจะทุบหัวตัวเองที่สุด
ผมยังชอบ CD เพราะอยากจะฟังอะไรก็ใส่เข้าไป CD ง่ายๆ และเสียงดี ไม่ต้องมากดๆ search folder ให้ต้องละสายตาเวลาขับรถ
แรกๆก็เห่อฟัง app ฟังได้ไม่นานเบื่อครับ
เหมือนโดนยัดเยียดฟังเพลงเดิมๆวนๆ ทุกวันนี้เปิด app วิทยุยังเพลินกว่า
head unit ในอุดมคติของผมคือ แผ่นก็ได้ usb ก็ดีครับ เวลาอยากฟังอะไรฉับพลันยัด cd ยัด CD เข้าไปเลย รถติดหรือมีเวลาค่อยมากดหา file และเบื่อที่ต้องมา rip cd ลง usb ครับ
-
ผมว่ามันเป็นแบบนั้นมาซักพักแล้วครับ ถ้าจะเน้นเอาสะดวกก็ฟังจาก music streaming
แต่คุณภาพเสียงยังสู้แผ่น CD ไม่ได้เลย จะมีแต่ Tidal ที่คุณภาพเสียงพอใช้ได้หน่อย แต่เจ้าอื่นยังกากอยู่
แล้วถ้าเชื่อมต่อกับมือถือผ่าน bluetooth เสียงยิ่งโดนลดทอนความละเอียดลงไปอีก เสียงจากแย่เป็นห่วยอะ (โดยเฉพาะ Joox)
ส่วนตัวผมใช้วิธี Rip ไฟล์จากแผ่น CD ลงในมือถือ (FLAC) หรือไม่ก็หาโหลดไฟล์ที่เป็น 24bit แล้วต่อช่อง AUX เอา รวมแล้วกินพื้นที่ในมือถือไป 56 Gb
ส่วน CD เดี๋ยวนี้ก็หาซื้อยากแล้ว ร้านที่ผมเคยซื้อบ่อยๆก็ปิดไปหมดแล้ว ตอนนี้ถ้าจะซื้อคงต้องบินไปญี่ปุ่นแล้วซื้อที่ Tower records หรือไม่ก็คงต้องเปลี่ยนไปฟังแผ่นไวนิลเอาละ
รถรุ่นใหม่ๆเดี๋ยวนี้ก็เริ่มไม่มีช่องใส CD แล้ว ขนาด laptop ผมซื้อเมื่อปีที่แล้วยังไม่มีช่องใส่ CD เลย
-
ถามไรหน่อยสิครับ คุณคิดว่ามันสำคัญมากถึงขนาดต้องมาตั้งกระทู้ไหม แล้วมันเกี่ยวกับรถยนต์มากไหมครับ ไปถามพ่อแม่คุณดูว่า ทำไมยังใช้ ซีดีฟังเพลงอยู่ คนบางคนเค้าไม่ได้ทันโลกเหมือนพวกเรา ใช่ คนอายุเยอะๆ ทันสมัยมันก็มีแต่จะมีสักกี่คนกัน ที่รู้จักอะไรใหม่ๆ เป็นคนรุ่นใหม่ ต้องยอมรับคนรุ่นเก่าบ้างนะครับ ไม่ใช่คิดเห็นต่างไปซะหมด ไม่งั้นจะอยู่กันได้ยังไง เล็กซัสคันแพงๆ ยังมีช่องใส่เลยครับ ทุกวันนี้ เสียงที่โหลดมาแอปที่เทพๆเสียงดีเท่า ซีดี original ถึง100%รึยัง ถ้าไม่ก็นั่นหละคือเหตุผล ว่าทำไมเค้ายังชอบฟังซีดีอยู่ เรื่องแบบนี้ ไม่ต้องเอามาเป็นประเด็นก็ได้นะครับ เรื่องนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับรถยนต์เลย
คนรุ่นใหม่หลายๆคนก็สะสมcd แผ่นเสียงเทปกันอยู่เยอะนะครับ เพระพวกอาร์ตเวิร์คที่พิมพ์บนกระดาษ รายชื่อทีมงานผู้ทำดนตรีทั้งหลาย มันมีมูลค่าครับ. ที่สตรีมมิ่งให้ไม่ได้ครับ
อ่านความเห็นหลายๆท่านแล้วสงสารร้านขายแผ่น CD เลย
โดยส่วนตัวผมอยากให้มันยังอยู่นะ ..... เพราะรถแทบจะเป็นเครื่องเล่นชนิดเดียวที่ยังสามารถอ่านแผ่นได้อยู่ ... เครื่องเล่นตั้งโต๊ะอื่นๆก็ไปทางบลูทูธกันหมดแล้ว ...
หลายครั้งที่ผมชอบเดินไปร้าน B2S เพื่อหาแผ่นเพลงรวมฮิตของนักร้องยุค 90' ผมว่ามันคลาสสิคดี ... มันควรเป็นของสะสม มันอาจดูโบราณ แต่เวลาหยิบมันออกจากตลับแล้วยัดใส่รถ มันทำได้คนที่เห็นได้ถามทุกครั้งว่า ไปหาซื้อแผ่นมาจากไหน ...
จริงๆไม่อยากให้ตัดนะ มีเถอะ ....
เดี๋ยวนี้เป็นของสะสมมมีมูลค่าแล้วครับ อะไรที่มันได้มาง่ายๆอย่างสตรีมมิ่ง มันไม่ค่อยมีมูลค่าครับ
ผม Gen X
มีแผ่น cd อยู่ 500 - 600 แผ่น หลายแผ่นมูลค่าตอนนี้ หลักหมื่นครับ
เครื่องเสียงในรถ ยังใช้ front clarion รุ่นโบราณ เล่น usb ไม่ได้ มีพ่วง cd changer เอาไว้อีกกล่องนึง
พวกสื่อออนไลน์ ผมก็ฟังนะ แต่พวกนั้น ผมเอาไว้ฟังในคอมครับ ถ้าฟังในรถ ฟังในห้องฟังเพลง พวกนี้ไม่มีโอกาส ได้ส่งเสียงออกลำโพงผมหรอก เหมือนท่านข้างบนแหละ คุณภาพมันห่างชั้น cd เยอะครับ
มีขุมทรัพย์หลักล้านอยู่ในมือเลยนะครับ
ผมว่ามันเป็นแบบนั้นมาซักพักแล้วครับ ถ้าจะเน้นเอาสะดวกก็ฟังจาก music streaming
แต่คุณภาพเสียงยังสู้แผ่น CD ไม่ได้เลย จะมีแต่ Tidal ที่คุณภาพเสียงพอใช้ได้หน่อย แต่เจ้าอื่นยังกากอยู่
แล้วถ้าเชื่อมต่อกับมือถือผ่าน bluetooth เสียงยิ่งโดนลดทอนความละเอียดลงไปอีก เสียงจากแย่เป็นห่วยอะ (โดยเฉพาะ Joox)
ส่วนตัวผมใช้วิธี Rip ไฟล์จากแผ่น CD ลงในมือถือ (FLAC) หรือไม่ก็หาโหลดไฟล์ที่เป็น 24bit แล้วต่อช่อง AUX เอา รวมแล้วกินพื้นที่ในมือถือไป 56 Gb
ส่วน CD เดี๋ยวนี้ก็หาซื้อยากแล้ว ร้านที่ผมเคยซื้อบ่อยๆก็ปิดไปหมดแล้ว ตอนนี้ถ้าจะซื้อคงต้องบินไปญี่ปุ่นแล้วซื้อที่ Tower records หรือไม่ก็คงต้องเปลี่ยนไปฟังแผ่นไวนิลเอาละ
รถรุ่นใหม่ๆเดี๋ยวนี้ก็เริ่มไม่มีช่องใส CD แล้ว ขนาด laptop ผมซื้อเมื่อปีที่แล้วยังไม่มีช่องใส่ CD เลย
ต้องยอมรับอย่างนึงว่าcd ทั้งหลายเก็บยากดูแลยากนะครับ บ้สนไหนที่ชื้นมากมากจะเก็บcd ยาก แถมcd ยังเป็นรอยง่ายอีกตรับ แต่ต้องยอมรับว่าเสียงจากcd tape vinyl. มันมีเสน่ห์มากๆครับ
-
ก็เสียงมันสู้ CD ไม่ได้นิครับ พวกรีวิวรถที่บอกยังมีช่องใส่CD บอกเลยความคิดโลกเเคบมากเเละก็ไม่ต้องเอารถยุโรปมาเทียบกับญี่ปุ่น เพราะยุโรปไม่มีใส่เเผ่นซีดีเเล้วละบอกรถญี่ปุ่นหลายรุ่นยังมี มีเเล้วยังไงครับคุณก็เชื่อม bluetooth apple android เเละฟังเสียงที่สู้Cd ไม่ได้ไปสิครับ
-
คงเป็นไปตามยุคสมัยละครับ อุปกรณ์สื่อต่างๆค่อยๆหายไปทีละอย่าง
ถ้าย้อนไปเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ก่อนที่สมาร์ทโฟนยังไม่มีบทบาทในชีวิตขนาดนี้
แผ่น CD DVD คือสื่อเก็บข้อมูลที่หาได้ง่ายสุดแล้วในยุคนั้น ทั้งแผ่นถูกลิขสิทธิ์ และแผ่นผี ถึงแผ่นจะมีขนาดเล็ก แต่ไม่ค่อยสะดวกเวลาเก็บรักษา ถ้าไม่ระมัดระวังแผ่นเสียได้ง่ายมาก
ก่อนเข้าสู่ยุค Flash Drive ทำให้สะดวกสบายขึ้นเยอะจริงๆ ใช้ง่ายและสะดวกมากๆ ความจุขนาดแค่ 32GB เก็บเพลงเก็บสื่ออื่นๆได้เยอะเลย
เข้ายุคนี้ สมาร์ทโฟน เครื่องเดียวเป็นได้ทุกอย่างจริงๆ จะฟังเพลง ดูหนัง ระบบนำทาง เครื่องเดียวจบ
-
สำหรับผมไม่ใช่ประเด็นครับ มีก้อได้ไม่มีก้อไม่เป็นปัญหา
ส่วนแม่ผมชอบ usb มากกว่าครับเค้าบอกว่าจุเพลงได้เยอะกว่าไม่ต้องคอยเปลี่ยนแผ่นบ่อยๆ แล้วก้อบางทีcdเป็นรอยเพลงกระตุกๆหรือข้ามไปเลยก้อมีครับ
-
มันก้อ out ไปแล้วจริงๆ ผมไม่ได้ใช้นานมากแล้ว ขออยู่กับเทคโนโลยีใหม่ๆดีกว่า ยินดีที่จะปรับตัวเข้ากับของใหม่ไปเรื่อยๆ ครับ
-
คันที่ใช้อยู่ ปี 2017 มันก็ไม่มีช่อง CD แล้วนะ
ส่วนอีกคันปีเดียวกันยังมีช่อง CD อยู่
ตอนนี้ใช้ USB แทน rip cd เป็น FLAC ใส่ แล้วเปิดฟัง
-
วันนี้ cd หมดยุคไปสำหรับคนรุ่นใหม่ๆแล้ว มันก็เป็นเรื่องปรกติของยุคสมัย
คนเกิดมาไม่ทันจะไม่อิน ก็ไม่เเปลกครับ
เพราะถึงวันนึงเมื่อคนหนุ่มสาววัยนี้ แก่ตัวไปเขาก็จะมาโหยหาอดีต แล้วก็จะกลายเป็นคนที่ถูกตั้งคำถาม
เหมือนคำถามที่ตัวเองกำลังตั้งตอนนี้นั่นเอง
ไม่ชอบก้อหาสิ่งที่ตัวเองชอบ และคิดว่าดี แค่อย่าไปคิดแทนใครต่อใครแค่นั้น คนเราแก่ตัวลงทุกวันคนที่มองไปข้างหน้า ถึงเวลาต้องนับถอยหลังแล้วจะเข้าใจ สตีฟ จ๊อบ ไม่ได้กล่าวไว้
-
ผมซื้อเพลงจากร้านขาย ได้มาเป็นUSB Flash drive เลยก็มีนะครับ สั่งเพลงจากนอกมาก็เริ่มมีเป็นUSB เหมือนกัน ไม่ได้แผ่นเท่าไหร่ละครับ
-
มันคงเป็นไปตามยุค ตามสมัยแหละครับ
อีกไม่นานคงตามรอย Floppy Disk 💾
-
ขออภัยนะครับ
แต่มีไว้ติดรถมันคงไม่หนักหัวบิดามารดาใครมั้งครับ มันติดที่รถไม่ได้ติดศีรษะใครครับ
ไม่ใช่ก็ไม่ต้องใช้ครับ รถคันที่มีผมก็ไม่เคยเอาซีดีไปยัดเหมือนกัน แต่มีมาให้ก็ดีครับ เผื่อคุณพ่ออยากฟัง
ของสะสมคือของสะสมครับ นานๆเค้าเอาออกมาฟังก็มีความสุขของเค้า
ถ้าพูดถึงเรื่องของเก่าโบราณเนี่ย
รถคลาสิคนี่แพงกว่ารถปัจจุบันที่ค่าเสื่อมราคาสูงอีกนะครับ
ขออภัยถ้าใช้คำที่ไม่สุภาพ แต่เจอแบบนี้ด็ไม่ไหวครับ เหมือนดูถูก genก่อนๆ ถ้าไม่มีgenจ่างๆก็ไม่มีการพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆครับ
ไม่อยากใช้ รกหูรกตาก็ไปรื้อออกครับจบ
ถูกใจมากครับ ก็ไม่รู้กว่าการที่ยังมี มันไปทำให้ใครลำบาก บางคก็เว่อร์ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อารมณ์แบบ เงินคนอื่น แต่ตัวเองเดือดร้อน
ส่วนตัวก็ฟังผานแอพครับ แต่บอกตรงๆ หงุดหงิดบ่อยกว่าฟังจาก CD อีก เพราะอยู่ ตจว มีเขา สัญญาณมันไม่ได้ดีตลอด บางช่วงหาย ต้องรอ ครั้นจะโหลดเพลงลงเครื่องเพื่อฟังแบบ Offline ก็เสียเวลานั่งโหลด นั่งลบอีก ฟังๆไป ระบบสุ่มมาอีก เอาเพลงที่ไม่ชอบมาให้ฟัง ต้องกดข้ามบ่อยๆ คิดถึงพวก CD หรือ MP3 อย่างไง แทบทั้งแผ่น ฟังแล้วร้องตามได้หมด
-
ผมเกิด 80 และโตมากับ FM/คาสเซตและซีดีที่ฟังในรถมาตลอด จนมาวันนึง USB และ Music online เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โลกหมุนไปข้างหน้าครับ ไม่ต้องรีบตามเดี๋ยวเราก็ต้องใช้อยู่ดี
ณ ตอนนี้ผม HAPPY กับการฟัง FM ของ EDS จาก Application มากๆครับ โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เพลงสากลเสียงดีมากๆๆ ::)
-
เดินไปข้างหน้าครับ
ผมมองว่า usb คือจุดลงตัว
โชคดีที่รถผมมี 3 อย่าง carplay usb cd ผมเคยใส่แผ่นแค่ครั้งเดียว(อยากลอง) แต่รุ่นปัจจุบันถอด cd ไปเป็นที่เก็บของไปแล้ว ซึ่งผมก็อยากถอดออกนะเพราะมองว่าคุ้มค่ากว่า แต่ไม่อยากเสียเงิน
เสียงดีไม่ดีอยู่ที่คุณภาพไฟล์ + chip
ผมว่า cd ไม่ใช่คำตอบอยู่แล้ว
หลายคนไม่ได้ตามมาในยุค จะไม่เข้าใจหรอกว่า ยุคแรกของ cd มันกระโดด แล้วได้รู้รึเปล่าว่าเค้าทำยังไงถึงไม่กระโดดไม่เลือกแผ่น ถ้ารู้ก็ลืม cd ไปเลย
สมัยก่อน cd นี่เป็นของห่วย เลยต้องสร้าง dvd audio sacd และเสน่ห์แพ้แผ่นเสียงอยู่ดี
เดี๋ยวนี้กลายเป็นของเทพซะงั้น
ผมนี่งงเลยครับ ถ้าแก่ไปจะอาการหนักขนาดไหน พอประมาณกันนะครับ เอาที่สะดวกพอ
อย่าล้ำหรือล้า จนเกินไปครับ
-
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติครับ ที่เราๆท่านๆทราบดี และเรียนรู้กันตลอดเวลา
การมี เทป ซีดี แผ่นดำ music server ไปจนถึง streaming ก็เป็นเรื่องปกติการเปลี่ยนแปลง
มันเป็นแค่ลู่ทางที่เราจะเข้าไปหา Media หรือเพลงนั้นๆ
เพลงเดียวกัน ฟังผ่านสื่อแต่ละอย่างก็ให้คนละอารมณ์ ความไพเราะต่างกัน
แค่เพลงเดียวกัน rip จาก CD แผ่นเดียวกัน โดยเครื่องคอม / cd drive คนละเครื่อง คนละโปรแกรม ก็ให้ผลต่างกัน
บางคนฟังออกบางคนไม่ได้ยิน
เพราะเรามีความแตกต่างเป็นเรื่อง ปกติไงครับ
แค่ยอมรับง่ายๆว่าโลกนี้มีคนที่ชอบและไม่ชอบ มีคนที่คิดไม่เหมือนเรา
ไม่จำเป็นต้องเอาความคิดโลกแคบของเราไปตัดสินโลกทั้งใบ
พอกระทู้มีข้อความที่อ้างอิงแบ่งประเภท ไปถึงคนรุ่นก่อนๆ เอียงไปทางให้รู้สึกว่าคนรุ่นนั้นล้าสมัย
มันก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นปัญหาได้ละ
-
ลูกชอบดูแผ่นหนังการ์ตูน โชคดีที่chrมีช่องใส่cdครับ ;D
-
รถคันล่าสุดผมไม่มีเครื่องเล่น CD ตอนแรกก็ปรับตัวมาใช้แบบ streaming หรือ rip จากแผ่นเอาแต่สรุปว่าไม่ชอบครับ (ทั้งคุณภาพเสียงและความยุ่งยาก) สุดท้ายขับรถคันนี้แทบจะไม่เปิดเพลงฟังเลย
-
ถ้าเป็นสมัยเปลี่ยนจากเทป มาเป็น ซีดี นี่คงต้องขอร้องให้เลิกให้ช่องใส่เทปมาเลย หรือถ้าให้ช่องใส่เทปมา ผมก็ต้องเอาไปเปลี่ยน Front ให้เป็นเครื่องเล่นซีดีแทน
แต่พอเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากซีดีไปเป็น USB มันไม่ต้องเลือกแล้วน่ะสิ ก็มันสามารถมีทั้งช่องใส่แผ่นและช่องเสียบ USB มาพร้อมๆ กันในเครื่องเดียวได้เลย
ดังนั้น สำหรับผมนะ ณ พ.ศ. นี้แล้ว ช่องใส่ซีดีจะให้มาก็ได้ หรือจะไม่ให้มาก็ได้เหมือนกัน ขอเป็นว่าต้องมีช่องเสียบ USB 2-3 ช่องขึ้นไปและต้องมี Andriod Auto มาให้ด้วย เรื่องนี้สำคัญกว่ามากๆๆ เพราะรถคันที่มีช่องใส่แผ่นของผม ก็สัมผัสไม่เกิน 5 แผ่น ในช่วงเวลา 7 ปีที่ใช้มันมา กดเลือกไฟล์จากหน้าจอ สร้างเพลย์ลิสต์เอา ง่ายกว่าเปลี่ยนแผ่นเยอะ
เรื่องคุณภาพเสียงถ้าคิดจะยังใช้ Front ติดรถ + ลำโพงแถมอยู่ จะเล่นผ่านไฟล์ หรือผ่านแผ่น คุณภาพก็แทบไม่ต่างกันอยู่แล้ว ถ้าซีเรียสเรื่องเสียงสิ่งที่ควรทำคือ เปลี่ยนลำโพง เพิ่มแอมป์ ใส่ซับ ใส่ DAC จะเห็นผลกว่าเรื่องแผ่นเรื่องไฟล์มาก
แต่ผมยังซื้อแผ่นอยู่นะ ซื้อแผ่นมาแต่ไม่ได้ฟังจากแผ่นหรอก ซื้อมาเก็บสะสม ซื้อเอาปก ซื้อเอา Photobook เป็นที่ระลึก ถือเป็นการสนับสนุนศิลปินที่เราชอบ แล้วหาโหลดไฟล์ HiRes จาก qobuz มาฟังแทน
-
ถ้าใช้คำพูดที่ไม่ต้องไปเหยียดหยามใครในการตั้งกระทู้ก็จะดีนะครับ
ฝากไว้ให้คิด..
-
รถผม Toyota Yaris 1.2G รุ่นปี 2015 ยังได้เครื่องเล่น CD แค่ 1 แผ่นเลยครับ แต่ผมไม่ค่อยสนใจฟังเพลงผ่าน CD แล้ว เพราะยุคสมัย กาลเวลาได้เปลี่ยนแปลง SmartPhone นี่แหละครับ คือจุดเปลี่ยนให้เครื่องเล่น CD เป็นจอกลาง Touch Screen ที่สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto ได้ สามารถเชื่อมต่อ SmartPhone ฟังเพลงในรถได้ครับ (ทั้งแบบมีสายและ
ไร้สาย)
-
บอกตรงๆเลยนะครับว่า เครื่องเล่นที่มีช่องใส่ CD นั้น หมดยุคแล้วครับ เพราะว่าคนส่วนมากนิยมเครื่องเล่นหน้าจอสัมผัสที่สามารถรองรับ Apple CarPlay/Android Auto ครับ
-
การเปลี่ยนถ่ายของ technology มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
เช่นรถสันดาปไปเป็นไฟฟ้า อรรถรสบางอย่างหายไป แต่มลพิษคงน้อยลง
มันก้อพัฒนามาเรื่อยฯ จากที่ต้องเติมถ่านหิน ยุ่งยาก ก้อเปลี่ยนให้สะดวกขึ้นในการเติมน้ำมันตามปั้มใกล้บ้าน
ตอนนี้เลยให้มาเติมที่บ้านแทน
ผมอยู่ในยุคเปลี่ยนถ่าย คร่าวๆประมาณทุก 10 ปี
ไม่ทัน vinyl แต่ทัน cassette
มันเริ่มยุค digital จาก Laser disc จานใหญ่โต มาเป็น cd/dvd ที่พกพาสะดวกและสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดเช่นรถยนต์ได้
จากนั้นก้อสะดวกขึ้นด้วย usb ยุคปัจจุบันที่มีความจุสูง
Streaming มาแรงกว่าเพราะไม่ต้องหาซื้อเพลงเอง และไม่มีขยะจาก media ที่ทำให้เกิดมลพิษเวลา recycle
แต่มันมาพร้อมโฆษณาแฝงในทุกรูปแบบ แม้กระทั่งแนวเพลงที่พยายามยัดเยียดให้เรา
ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเจอแฟนเก่าโดยบังเอิญ
เค้ายังเก็บ cassettes ที่ผมเคย dubbed จาก cd ไว้ให้เค้าหลายๆลัง ใครนึกไม่ออกก้อประมาณในหนัง Baby Driver
ผมกับเพื่อนสนิทอีกคนนึง ต้องเจียดเงินค่าขนมแต่ละเดือนมาซื้อ cd กัน แล้วเอามาเลือกแต่ละเพลงเพื่อให้เธอฯ
มันเลยได้มีโอกาสฟังทุกเพลงใน album
บางเพลงไม่ฮิต แต่กลายเป็นเพลงโปรดของเรา
เสน่ห์อีกอย่างคือส่วนใหญ่จะมีเนื้อเพลงและรายละเอียดมาให้ พร้อมกับ graphic และรูป ที่ inspired เราไม่มากก้อน้อยมาจนถึงทุกวันนี้
-
ผมว่าเรื่องช่องใส่ CD ตอนนี้มันขยับไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Audiophile แล้วล่ะครับ
เราๆก็ต้องยอมรับกันจริงๆว่ามันเป็นยุค Streaming แล้ว (คือมันแววมา 10 กว่าปีตั้งแต่เริ่มแจกไฟล์ MP3 กันแล้วแหละ ระบบ Streaming ที่สมบูรณ์ก็คือฟางเส้นสุดท้าย)
ถึงแม้ว่าจะมีบางแอพที่รองรับการ Streaming แบบ Loseless (Tidal, Joox) แต่มันก็ไม่ได้ตอบโจทย์ขนาดนั้น
ซึ่งพอมาถึงเรื่องนี้มันก็จะไปคอขวดที่ตัวเครื่องเสียงรถยนต์แล้ว เพราะถ้าระบบมันไม่จับผิดอะไรมาก มันก็จะไม่ฟ้องออกมา (ซึ่งที่ติดรถมาในยุคหลังๆมันก็แค่พอฟังได้จริงๆน่ะแหละ)
แล้วกลุ่มคนจำพวก Audiophile ผมว่ามันก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้วแต่แรกน่ะครับ บริษัทรถยนต์เขาก็คงมองว่าลดต้นทุนได้ก็ตัดออก (แม้แต่ผู้ผลิตเครื่องเสียง/บริษัทหูฟังเองก็ปรับตามไปอีก)
ฉะนั้นแล้วเรื่องนี้ มีมันก็ดีครับ ถ้าไม่มีผมก็ว่าไม่ได้คอขาดบาดตายอะไร สำคัญจริงๆคือตัวเครื่องเสียงมากกว่าว่าคุณภาพดีแค่ไหน
เพราะถ้ามันเสียงแย่กระโปกหมา มีช่อง CD ไปมันก็ไม่มีประโยชน์ครับ
ปล. ผมเป็น Audiophile นะ แต่คือเรื่องนี้ ผมเจอปัญหาที่ตัว DAP มากกว่า Source หลายเท่าตัว
-
ผมเกิด 80 และโตมากับ FM/คาสเซตและซีดีที่ฟังในรถมาตลอด จนมาวันนึง USB และ Music online เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โลกหมุนไปข้างหน้าครับ ไม่ต้องรีบตามเดี๋ยวเราก็ต้องใช้อยู่ดี
ณ ตอนนี้ผม HAPPY กับการฟัง FM ของ EDS จาก Application มากๆครับ โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เพลงสากลเสียงดีมากๆๆ ::)
FM ของ Eds คืออะไรอะครับ
ใช้ app อะไรฟังครับ ขอลอกการบ้านหน่อย
กำลังหาเพลงสากลที่เสียงดี มาฟังในบ้าน
-
ผมว่าเรื่องช่องใส่ CD ตอนนี้มันขยับไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Audiophile แล้วล่ะครับ
เราๆก็ต้องยอมรับกันจริงๆว่ามันเป็นยุค Streaming แล้ว (คือมันแววมา 10 กว่าปีตั้งแต่เริ่มแจกไฟล์ MP3 กันแล้วแหละ ระบบ Streaming ที่สมบูรณ์ก็คือฟางเส้นสุดท้าย)
ถึงแม้ว่าจะมีบางแอพที่รองรับการ Streaming แบบ Loseless (Tidal, Joox) แต่มันก็ไม่ได้ตอบโจทย์ขนาดนั้น
ซึ่งพอมาถึงเรื่องนี้มันก็จะไปคอขวดที่ตัวเครื่องเสียงรถยนต์แล้ว เพราะถ้าระบบมันไม่จับผิดอะไรมาก มันก็จะไม่ฟ้องออกมา (ซึ่งที่ติดรถมาในยุคหลังๆมันก็แค่พอฟังได้จริงๆน่ะแหละ)
แล้วกลุ่มคนจำพวก Audiophile ผมว่ามันก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้วแต่แรกน่ะครับ บริษัทรถยนต์เขาก็คงมองว่าลดต้นทุนได้ก็ตัดออก (แม้แต่ผู้ผลิตเครื่องเสียง/บริษัทหูฟังเองก็ปรับตามไปอีก)
ฉะนั้นแล้วเรื่องนี้ มีมันก็ดีครับ ถ้าไม่มีผมก็ว่าไม่ได้คอขาดบาดตายอะไร สำคัญจริงๆคือตัวเครื่องเสียงมากกว่าว่าคุณภาพดีแค่ไหน
เพราะถ้ามันเสียงแย่กระโปกหมา มีช่อง CD ไปมันก็ไม่มีประโยชน์ครับ
ปล. ผมเป็น Audiophile นะ แต่คือเรื่องนี้ ผมเจอปัญหาที่ตัว DAP มากกว่า Source หลายเท่าตัว
ใช่ครับ ระบบเครื่องเสียงในรถราคาต่ำกว่า 10 ล้านที่ผมลองมาผมว่าฟังที่บ้านกับชุดโปรดของเราดีกว่าครับ เสียงยังต่างกันพอตัวเลย ขนาดผมไม่ได้หูเทพอะไร
ในรถของผมแค่ฟังคลายเครียดจากรถติดได้ก็พอแล้วครับ ถ้าอยากฟังจริงๆขอฟังที่บ้านในห้องดีกว่า
-
ผมเกิด 80 และโตมากับ FM/คาสเซตและซีดีที่ฟังในรถมาตลอด จนมาวันนึง USB และ Music online เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โลกหมุนไปข้างหน้าครับ ไม่ต้องรีบตามเดี๋ยวเราก็ต้องใช้อยู่ดี
ณ ตอนนี้ผม HAPPY กับการฟัง FM ของ EDS จาก Application มากๆครับ โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เพลงสากลเสียงดีมากๆๆ ::)
FM ของ Eds คืออะไรอะครับ
ใช้ app อะไรฟังครับ ขอลอกการบ้านหน่อย
กำลังหาเพลงสากลที่เสียงดี มาฟังในบ้าน
EDS คือ คลื่นที่พี่จิมมี่จัดวันเสาร์ครับ ถ้าตามหน้าปัด FM ก็ 98 ครับ หรือ search EDS98 ที่ Android หรือ ios ก็ได้ครับ เพลงสากลจะมีเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ทั้งวันครับ
-
ผมยังมี CD ยุคเก่าอยู่ครับ แต่ตอนนี้ ก็เสียบ USB กับ Bluetooth เป็นหลัก
CD มีคาไว้ในเครื่องแต่แทบไม่ได้ฟังแล้ว
ว่าแต่ CD เก่า นี่เราขายได้ไหมครับ ไม่อยากเก็บไว้เปลืองพื้นที่ครับ
-
ผมเกิด 80 และโตมากับ FM/คาสเซตและซีดีที่ฟังในรถมาตลอด จนมาวันนึง USB และ Music online เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โลกหมุนไปข้างหน้าครับ ไม่ต้องรีบตามเดี๋ยวเราก็ต้องใช้อยู่ดี
ณ ตอนนี้ผม HAPPY กับการฟัง FM ของ EDS จาก Application มากๆครับ โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เพลงสากลเสียงดีมากๆๆ ::)
FM ของ Eds คืออะไรอะครับ
ใช้ app อะไรฟังครับ ขอลอกการบ้านหน่อย
กำลังหาเพลงสากลที่เสียงดี มาฟังในบ้าน
EDS คือ คลื่นที่พี่จิมมี่จัดวันเสาร์ครับ ถ้าตามหน้าปัด FM ก็ 98 ครับ หรือ search EDS98 ที่ Android หรือ ios ก็ได้ครับ เพลงสากลจะมีเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ทั้งวันครับ
ขอบคุณมากเลยครับ
เพลงดี เสียงดีจริง
เหมือนน้อนไปฟังคลื่นที่เคยฟังเลยครับ 8)
-
ช่อง Cd ปัจจุบันมันไม่ได้เป็นแค่ Cd Player แล้วนะครับ มันเป็นทั้ง Dvd Player ด้วย
และในตอนนี้ถ้าจะต่อจอหลังมันมีแค่ 2 ระบบ
1. ฟร้อนที่มีช่องใส่ Dvd แล้วมี Output ออกจอหลัง อันนี้ผมใช้อยู่สะดวกมาก คือด้านหน้าผมต่อ Apple Carplay แล้วใส่ Dvd การ์ตูนเล่นคู่กันไปโดยจะเสียงทั้งคัน และจอหลังเท่านั้น จอหน้าเป็น Carplay ที่ผมเปิด Goooglemap นำทาง ที่ชอบมากๆคือ มือถือ iPhone Andriod โง่ๆเก่าๆ ก็ใช้ได้ เพราะแค่นำทาง
แต่ถ้ามาเป็นฟร้อนแอนดรอย ต้องเลือก Spec สูงราคาแรง ไม่มีช่องใส่ Dvd เวลาจอหน้าขึ้นอะไร จอหลังก็เป็นแบบนั้น ซึ่งถ้าเปิด Googlemap จอหลังก็เป็นแมพด้วย และเดือดร้อนต้องเสียช่องแอร์มาเสียบมือถือนำทางอีก ที่สำคัญ Dvd ไม่ต้องใช้ Hotspot ไม่ต้องเปลือง Data ไม่ต้องง้อสัญญาณเน็ต
รถที่ผมประทับใจมากคือ New Pajero เนี่ยแหละครับ ปลดล๊อคทีเดียวใส่แผ่นที่ฟร้อนหน้า แล้วออกทั้งหน้าหลังเลย ประหยัดงบไปเยอะมาก
ส่วนรถรุ่นใหม่ๆ ถ้าวิทยุ Fixed มาเลยแบบรถจีนรุ่นใหม่ๆ ผมไม่อยากได้เลย ค่อนข้างง่อยมาก แผ่นก็ใส่ไม่ได้ต่อได้แต่ Apple Carplay หรือ Android Auto แถมเปลี่ยนวิทยุฟร้อนไม่น่าจะได้อีก
ส่วนมากเวลาผมเลือกรถผมจะเลือกที่ฟร้อนเป็น 2 Din ถอดเปลี่ยนได้ไว้ก่อน มัน Flexible กว่าเยอะ และแต่งเครื่องเสียงต่อง่ายกว่าด้วย
-
ยังอยากให้มี ตลอดไปครับ
อยากให้รถมาสด้าไทยมีช่องใส่เหมือนของ ญี่ปุ่นบ้าง
เสียดายให้ bose มา แต่ดันตัดช่อง cd ออก
สายฮอนด้า ก็ไม่มีช่อง cd มาหลายปีแล้ว
แคมรี่ไมเนอร์จอตั้ง ก็ไม่มี ฟอร์ก็ไม่มี ปี2022ไป หลายรุ่นก็เริ่มตัดออก
เสียดาย :/
-
ถ้าค่ายรถยอมให้ติดรถมามันก็ดีกว่าไม่มี ใช่ว่าตัดทิ้งแล้วเค้าจะลดราคาขายให้ 2,000 หรอครับ? ก็ขายราคาเดิม?
-
ผมฟังแต่วิทยุ :P :P :P :P :P :P :P
-
ยังไม่หมดง่ายๆหรอกครับ ตราบใดที่ยังมีแผ่นซีดีขายอยู่ เชื่อว่าหลายคนก็ยังมีแผ่นอยู่ที่บ้านมากมาย ในรถก็มีเพลงโปรดติดอยู่
-
ผมฟังจาก iPhone ผ่านสาย เข้า Mode iPod ของเครื่องเสียง เสียงก็ดีในระดับที่พอใจ ทุกอย่างชัด ส่วนใหญ่ฟัง Youtube ที่ไม่ใช่เพลงด้วย
ดังนั้น CD ไม่จำเป็น
ถ้าจะสนับสนุนศิลปิน ก็คงจะซื้อเก็บแต่ไม่แกะมาฟัง
-
ผมคนยุค 90
ผมกลับมองว่า ไม่จำเป็นเลยที่ต้องมี CD หรือ DISC หรือ TAPE แล้ว
ทำไมนะเหรอ เพราะผมว่าเราเองควรจะปรับตัวเทคโนโลยีด้วยนะ
ไม่ใช่บอกว่า ชอบแบบนี้ อนุรักษ์แบบนี้ แล้ว ผู้ผลิตรถ ต้องผลิตในสิ่งที่เราต้องการในทุกอย่าง
แต่คุณอาจจะเป็นแค่คนส่วนน้อย 1-2% แต่ คนส่วนมาก 90 กว่า % ที่เขาซื้อรถ เขานิยม หรือ สมัยนิยม หรือ ต้องการ ฟังเพลง ผ่าน Bluetooth, USB แล้ว มันก็เท่านั้น เพราะเขาก็ต้องให้คนส่วนใหญ่ที่เขาต้องการแบบนั้นไป
ปล.ถ้าอยากได้ เครื่องเล่น CD ก็มีขาย ติดตั้งได้ตามร้านเครื่องเสียงครับ อาจจะมียันรองรับม้วน TAPE ซะด้วยด้วยซ้ำ