Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto ที่ ธันวาคม 05, 2021, 11:05:48
-
เห็นข่าวบูธโตโยต้าในงาน มอเตอร์เอ็กโปคึกคักมาก อยากรู้ว่าคนซื้อรถป้ายแดงกันช่วงนี้มองรถอะไรกัน รถสันดาป ไฮบริด หรือรถไฟฟ้ากันครับ
-
มีแพลนไว้ว่ายังไงก็ต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแน่ๆ
แต่ถ้าจำเป็นต้องให้ซื้อใช้ตอนนี้ คงเอาสันดาปธรรมดาไปก่อน เพราะขายง่ายกว่า
-
มีแพลนไว้ว่ายังไงก็ต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแน่ๆ
แต่ถ้าจำเป็นต้องให้ซื้อใช้ตอนนี้ คงเอาสันดาปธรรมดาไปก่อน เพราะขายง่ายกว่า
เพิ่งซื้อมาคันนึง สันดาปล้วนครับ
คิดว่าอีก 3-5 ปี คงไปไฟฟ้าล้วน
-
ผมเพิ่งซื้อรถสันดาปล้วนไป2คันเพราะใช้ยาวๆ เอาE220 D เพราะยังไม่ไว้ใจไฮบริด แต่ดูทรงแล้วคันต่อไปคงเป็นไฟฟ้าล้วน
-
ผมชอบ PHEV ครับ ไม่ได้ใส่ใจว่าจะพังรึเปล่า หมดวารันตีก็ขายครับ
-
สันดาปครับ ยังไม่พร้อมรับความยุ่งยาก รอเติมน้ำมัน10นาที ยังหยุดหงิดบางที นี่ให้รอชาร์ตไฟทีละชั่วโมง อันนี้คือกรณีไม่รอนะ ไม่เอาด้วยคนแล้วละ เวลามีค่ากว่ากว่านั้น แค่รอเติมน้ำมันก็ทำงานจะไม่ทันอยู่แล้ว
-
Hybridตอนยังไม่ขายยังไม่รู้สึก ตอนขาย E300 Hb น้ำตาจะไหล ราคาตกสุดๆ
-
เพิ่งจองอีวีอีกคันนึงไป... Cyberster อีกสองปีเจอกันเอามาใช้คู่กับ Miata คับ
-
ถ้าใช้รถนาน หลัก 7-10 ปี หรือ เกินกว่านั้น แนะนำรถเครื่องยนต์สันดาปปกติ
นอกซะจากว่า คุณต้องการอะไรจากรถไฮบริด ที่จับต้องได้ คือความประหยัด ที่มากกกว่ารถเครื่องยนต์ ICE ปกติ แต่ปัจจุบัน รถสันดาปมันก็ประหยัดมากแล้วนะ ไกล้ๆ 20km/L หรือบางรุ่นทะลุ 20+ กว่า สบายๆ แล้ว
ถ้าจะมอง BEV เลยก็คือ อยากประหยัด (ไม่รู้ประหยัดกว่าเท่าไหร่ ถ้า +/- ค่าไฟฟ้า กับ ค่าน้ำมัน) แล้ว ต้องการความเงียบ ไม่ปล่อยไอเสีย น่าจะ 2 จุดนี้ ซึ่งมันก็คือจุดเด่นของรถ BEV เพราะออฟฟชั่นอื่นๆ ก็เหมือนรถน้ำมัน
-
ไม่ซื้อ hybrid เพราะไม่อยากดูแล 2 ระบบ 1-2 ปีนี้คงซื้อ ice และคันต่อไปก็ ev
-
ออกรถก่อน 2025 ยังสันดาบล้วน
ใช้ไปอีก 10ปี รอระบบโดยรวม support กัน มากกว่านี้ค่อนไปรถไฟฟ้าล้วน
-
คันที่ใช้อยู่ก็ประหยัดมากๆอยู่แล้ว ลิตรละบาทนิดๆ เลยเฉยๆกับรถไฟฟ้า แต่ถ้าซื้อคันต่อไปคงเอารถสันดาปแรงๆมาเป็น Weekend Car สักคัน
-
อยากได้ไฮบริดมานานละครับ แต่ยังไม่มีเลย
-
EV ล้วนแน่นอนครับ นอกจากประหยัดแล้ว ขับดีกว่า ice เยอะ บำรุงรักษาก็แทบไม่ต้องทำอะไร
-
เจ็บจากไฮบริดมาพอตัวครับ(รถเกร์ ซ่อมทีสนุกสนาน) ตอนนี้หันกลับมาขับ สันดาป
รอเวลาเหมาะสมจะไปไฟฟ้า
-
สันดาป ไฮบริด
-
ถ้า ณ ตอนนี้ + วิถีชีวิตในปัจจุบันของผม ผมอยากได้ Hybrid หรือ PHEV ครับ เพราะ
- 1 สัปดาห์ ผมอยู่บ้าน 2 วัน (Weekend) และ คอนโด 5 วัน (Weekday) ซึ่งไม่มีที่จอดประจำ ให้ใช้รถไฟฟ้า 100% คงต้องไปหาชาร์จตามที่สาธารณะ คงไม่สะดวกนัก จะให้ชาร์จที่บ้านแล้วใช้รวด 5 วัน ก็ไม่น่ารอด
- วันทำงาน ขับรถในเมือง ติดมากๆ ถ้าได้ Hybrid มาช่วยก็ดีกว่า จอดติดเครื่องเผาน้ำมันไปเฉยๆ
- ผมใช้รถคันเดียวทั้งในเมืองและเดินทางไกล ขอรถมีเครื่องยนต์ไว้ด้วย สะดวกและอุ่นใจกว่าครับ
แต่ถ้าอนาคต พวก Charge Station เริ่มแพร่หลาย จนไม่ต้องกังวลเรื่องหาที่ชาร์จ ตอนนี้ ผมคงเลือกรถไฟฟ้า 100% เป็นตัวเลือกแรกครับ
-
ใช้ Hybrid อยู่ คันต่อไปก็คง Hybrid / Plug-in Hybrid เหมือนเดิม เว้นแต่ว่ารถไฟฟ้าราคาย่อมเยาว์จะทำให้วิ่งได้ถึง 1000+ km
สาเหตุหลักเพราะอยากลดมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะตอนรถติด ส่วนเรื่องประหยัดน้ำมันเป็นผลพลอยได้
ตอนผมซื้อ C-HR ก็ลังเลระหว่างเบนซินล้วนหรือไฮบริทดี สุดท้ายออกไฮบริทเพราะเหตุผลข้างต้น
ใช้ได้ดี ระบบไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นการปรับสรีระที่ต้องใช้เวลาพอสวมควร กับเสียงคอนโซลสั่น
-
โจทย์ผมคือ
1. ใช้รถเยอะ ปีละ 4-6 หมื่น km
2. ใช้ทั้งในเมือง นอกเมือง บนเขา
3. เป็นรถขนาดกลาง พวก chr hrv cx30
ถ้าเครื่องสันดาปก็จะไม่ประหยัดเต็มที่ 14 km/L
ทำให้ตอนนี้เพิ่งซื้อไฮบริดมา
1. เช็คระยะรอบละ 2-3 พัน พอๆกับรถสันดาบ
2. ใช้ในเมืองก็ดี ใช้นอกเมืองก็ได้
3. ประหยัดแบบไม่ต้องเลี้ยงคันเร่ง
ข้อเสียหลักๆ
ราคาขายตก เชื่อว่ารถไฟฟ้าล้วนก็น่าจะเจอปัญหาเดียวกัน
-
คันล่าสุดสันดาบล้วน ใช้วิ่งทางไกล ประหยัดน้ำมันใช้ได้
ถ้าคันต่อไปก็จะเป็น Hybrid / PHEV ครบ ชอบแรงๆ เงียบๆ option ครบๆ ไม่กลัวราคาขายต่อ เพราะจะใช้ยาวจนพังไปข้างนึง แต่ไปดูบางรุ่น ห้องเก็บของท้ายรถก็เล็กมากเกินเบอร์ แอบมีเขวไปสันดาบล้วนนิดหน่อยเหมือนกัน 55
ส่วน EV มองเป็น life achievment ละกัน อนาคตราคาคงสมเหตุผล และวิ่งได้ไกลขึ้น
-
ผมสร้างบ้านใหม่ทำจุดชาร์จรถรอไว้รอ รอ wall box มาติดถ้าซื้อ evแต่ผมก็ซื้อสันดาปแหล่ะ คิดว่ายังไม่ถึงจุดที่ต้องซื้อ EV
-
ส่วนใหญ่ก็ยังคงสันดาปล้วน แต่ไฮบริดก็เร่ิมเยอะ อีวีก็เริ่มนิยมมากขึ้น
ส่วนตัวเพิ่งซื้อสันดาปล้วนไป ถ้าสันดาปล้วนกับไฮบริดรุ่นเดียวกันที่ไม่ใช่phevส่วนตัวมองว่าสันดาปล้วนระยะยาวคุ้มกว่าจากค่าดูแลกับอนาคตขายต่อง่ายกว่า แต่ถ้าอีก5-10ปีหน้าถุ้าให้ผมซื้ออาจจะไปอีวีหรือไฮบริดที่เป็นphevก็ได้ครับ
-
ผมว่ามันอยู่ที่เงินมากกว่า พวกไฟฟ้าล้วนตอนนี้มันยังแบบรถคนมีฐานะดีค่อนไปข้างรวยเลยแหละครับ
ส่วนพวกไฮบริดและสันดาปนั้น ผมมองว่าเป็นจุดแรกที่จะมองก่อนรถไฟฟ้า
-
คงมี ice แรงๆเก็บไว้ แล้ว ใช้ bevเป็นหลัก
-
ผมอยากใช้ PHEV คิดว่าลงตัวมาสุดในตอนนี้แล้วครับ
ขอแบตลูกเล็กๆ ไว้วิ่งสั้นๆไปทำงานและกลับบ้าน จันทร์ ถึง ศุกร์ ก็เพียงพอแล้ว
วิ่งไกลๆขับรถเที่ยว ค่อยใช้น้ำมันเอา
แต่ในบ้านเรายังมีให้เลือกน้อยเกินไป
ผมยังไม่มั่นใจ EV 100% เพราะคิดว่ายังใช้ทดแทนไม่ได้ ในกรณีวิ่งทางไกล
-
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ เกือบทั้งหมดเวลานี้ใช้และซื้อรถสันดาปแน่นอน กระแสที่พูดกันหนัก ๆ เรื่องรถไฟฟ้าตัดทิ้งไปได้เลย เพราะซื้อจริง รถสันดาปทั้งนั้น
-
ยังไม่กล้าซื้อ BEV มาใช้เป็นคันหลัก เนื่องจากจุดชาร์จครับ
-
Plug-in ครับ
จะซื้อสันดาปล้วนก็เสียดายค่าน้ำมัน (ถ้าราคามันยังป้วนเปี้ยนแถวๆ30บาทแบบนี้อะนะ)
EV ล้วนก็รำคาญเวลาชาร์จเพราะผมชอบตีด่วนทีเดียวถึงไม่จอดแวะกลางทางอย่างมากก็จอดเข้าห้องน้ำ หิวก็ซื้อขนมจีบ 7 ซาลาเปาวราภรณ์มากินตอนขับ ไม่ชอบเสียเวลา
Plug-in คือตรงกลางที่เหมาะกับผม เวลาปกติทำงานไปกลับ20กิโลวิ่งEVล้วนก็ยังเหลือๆ ส่วนตอนไหนเดินทางไกลก็แวะเติมน้ำมันเอา ถึงอัตราสิ้นเปลืองทางไกลเท่ากระบะแต่นานๆทีผมก็รับได้
-
ผมอยากใช้ PHEV คิดว่าลงตัวมาสุดในตอนนี้แล้วครับ
ขอแบตลูกเล็กๆ ไว้วิ่งสั้นๆไปทำงานและกลับบ้าน จันทร์ ถึง ศุกร์ ก็เพียงพอแล้ว
วิ่งไกลๆขับรถเที่ยว ค่อยใช้น้ำมันเอา
แต่ในบ้านเรายังมีให้เลือกน้อยเกินไป
ผมยังไม่มั่นใจ EV 100% เพราะคิดว่ายังใช้ทดแทนไม่ได้ ในกรณีวิ่งทางไกล
วันนี้เพิ่งคุยกับที่บ้าน ส่วนมากก็เห็นตามนี้ครับ ยังไม่กล้าไป bev แต่ชอบ phev กัน เพราะประหยัดค่าน้ำมัน และตอนวิ่งไฟฟ้าก็เงียบด้วย ดังนั้นคันต่อไปถ้าเป็นของครอบครัวคง phev อีกคัน
แต่ส่วนตัวผมไม่ ice ล้วนก็ bev ไปเลย ขึ้นอยู่กับว่าเอามา daily หรือ weekend
-
ถ้าออกจริงคงไปดีเซลเทอร์โบ ถ้ามีพ่วงไฮบริดยิ่งดี อย่างน้อยก็อุ่นใจแน่ๆว่าราคาน้ำมันไม่พุ่งแน่ๆแบบเบนซิน
-
ซื้อใน 2 ปีรี้ ไฮบริดครับ จริงๆ อยากได้ PHEV แต่ราคาเวอร์ไป
เน้น ค่าย ญี่ปุ่น ด้วยเพราะผมใช้รถ 5 ปี +
เดินทางที 500 กิโล + ขับรถเที่ยว
อย่าคิดว่ารัฐจะจริงจังกับไฟฟ้าในเร้วๆนี้ แค่อีกทางเลือกเฉยๆครับสำหรับ BEV
ทุกวันนี้รัฐยังบังคัย เรา เติมน้ำมันพืชที่ราคาสูงกว่าน้ำมันดิบอีก
-
PHEV ตอบโจทย์ผมที่สุดตอนนี้ทั้งทางใกล้ทางไกลครับ แต่อยากให้วิ่งแบตอย่างเดียวได้สัก 80-100 Km รถไฟฟ้าต่อให้วิ่งไกลได้ถึง 800 Km ถ้าไปเที่ยวทางไกลก็ต้องชาร์จทีนึง 4 ชม.ขึ้นไป ก็ต้องมีที่ชาร์จ ณ ที่พักและคงต้องชาร์จทิ้งค้างคืนไม่เสียเวลาขับเที่ยว ยังมีเงื่อนไขที่ไม่ลงตัวสำหรับผมอีกเยอะครับ
-
ซื้อไปเมื่อ 3 ปีก่อนเป็นรถน้ำมันครับ
กะใช้ 10ปี++
ถึงตอนนั้น EV คงสะดวกกว่านี้แล้ว หรืออาจจะไป hybrid อีกสัก 8-10 ปี
ถึงตอนนั้นรถน้ำมันอาจจะเหลือรุ่นให้เลือกน้อยมากแล้ว
-
ตราบได้ที่ ยังไม่สามารถ ชาร์จ หรือ เปลี่ยน โมดูลแบตได้ หรือ ทำการเพิ่มไฟแบต ได้ภายในเวลาไม่ห่างจากการเติมน้ำมันมาก ก็ยังไม่สนใจครับ
ยังชอบ ice อยู่ดี
ตอนนี้ก็ใช้ ice ล้วนอยู่
แต่ต่อไปคงไฮบริดแล้วครับ พยายามจะช่วยลดการปล่อยมลภาวะ เพื่อคนรุ่นต่อๆไปให้ได้มากขึ้น แม่จะแค่นิดเดียวก็ตาม
phev ก็ดี แต่พอแบตหมดตอนที่ขับ มันจะกลายเป็นภาระทันที ต่อให้วางแผนการใช้ยังไง ก็ต้องมีนอกแผนกันบ้าง
FHEV คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
-
ส่วนตัวคงซื้อเฉพาะรถใช้น้ำมัน หรือ รถไฮบริด ค่ะ
เราอยู่คอนโด ที่คอนโดมีที่จอดรถสำหรับชาร์จไฟแค่ 3 ช่อง (แสนสิริ) เราขี้เกียจไปนั่งวนรถ หลังชาร์จเสร็จ อันที่จริงเราเป็นคนใช้รถน้อย (800-1,000 กม/เดือน) จะไปหาที่ชาร์จเฉพาะช่วงวันหยุดก็ทำได้ แต่มันก็ยังไม่สะดวกเท่ากับขับไปเติมน้ำมันเฉยๆอยู่ดีค่ะ ^^
-
ถ้าออกจริงคงไปดีเซลเทอร์โบ ถ้ามีพ่วงไฮบริดยิ่งดี อย่างน้อยก็อุ่นใจแน่ๆว่าราคาน้ำมันไม่พุ่งแน่ๆแบบเบนซิน
อิอิ เดี่ยวมาแน่ครับ ดีเซลไฮบริต กำตังรอเลย จุ๊ๆๆ
-
ส่วนตัวผมนะสันดาปเอาไว้ทางไกล ไฟฟ้าใช้ในเมืองใกล้บ้าน ไฮบริดไม่คิดจะซื้อแล้วครับ
-
ถ้าเป็นในช่วงนี้ ผมอยากได้ HEV หรือ PHEV ครับ ผมว่ายังไงมันก็ดู Efficiant กว่ารถ ICE ปกติ ตรงที่มันดึงพลังงานจลน์เวลายกคันเร่ง เวลาเบรก
เข้าไปเก็บใน batterry ได้ อีกทั้งเวลาใช้ไฟฟ้าวิ่งในเมือง ก็ใช้ไฟฟ้า ไม่มีมลพิษ จอดรถเปิดแอร์ได้สบายๆ ไม่ต้องเกรงใจคนนอกรถ
ส่วน BEV ผมยังรอให้เทคโนโลยี 800V แบบใน taycan, e-tron gt, ionic ,ev6 เป็นที่นิยมในบ้านเรามากกว่านี้
และอยากให้ charger บ้านเราเป็น HPC 300KW แบบ ionity ซะก่อนครับ
-
ใน 5 ปีนี้ก็คงได้เป็น hybrid ล่ะครับ
ส่วนตัวยังไม่รู้สึกว่าเทคโนโลยี BEV มันเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายที่ผมใช้อยู่
ส่วนรถสันดาปขอให้ option มาน้อยเกินไป
หลายท่านกลัวปัญหาของราคารถ hybrid ที่ตก
แล้วรถ BEV จะไม่ตกเหมือนกันหรือยิ่งกว่าหรือครับ
ในเมื่อราคาเกือบทั้งคันคือราคาแบตเตอรี่?
-
ใน 5 ปีนี้ก็คงได้เป็น hybrid ล่ะครับ
ส่วนตัวยังไม่รู้สึกว่าเทคโนโลยี BEV มันเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายที่ผมใช้อยู่
ส่วนรถสันดาปขอให้ option มาน้อยเกินไป
หลายท่านกลัวปัญหาของราคารถ hybrid ที่ตก
แล้วรถ BEV จะไม่ตกเหมือนกันหรือยิ่งกว่าหรือครับ
ในเมื่อราคาเกือบทั้งคันคือราคาแบตเตอรี่?
สำหรับตัวผมตอนนี้ใช้แต่รถยุโรป อีกหลายปีข้างหน้าคงไม่มีทางเลือกมากเพราะยุโรปบังคับไปทางBEVอยู่แล้ว PHEVมันก็คือBEVเล็กๆบวกกับICEแถมยังพ่วงระบบต่อเชื่อมกันอีก เรื่องซ่อมบำรุงจะเยอะที่สุดแล้วครับเพราะมี2ระบบอยู่ด้วยกัน ในอนาคตสถานีชาร์จน่าจะมากขึ้นแต่จะเร็วเท่าไหร่คงต้องมาดูกัน
-
ถ้าได้กลับไปอยู่บ้าน ตจว คิดว่าคงเปิดใจให้ PHEV / BEV มากขึ้น
แต่ขอดูแนวโน้มที่ชาร์จสาธารณะก่อนครับ
ในวันนี้ที่ยังทำงานในเมือง อยู่คอนโด / เช่าอพาร์ตเมนต์
คงต้องไปสันดาปหรือ HEV ก่อน
-
ตอนนี้ที่บ้านมีแพลนจะซื้อรถใหม่แทน Altis 20 ปี เมื่อก่อนคิดว่าคงไม่ Hybrid คงไป EV เลย แต่พอเริ่มเห็นรถญี่ปุ่นอัดออปชั่นลองศึกษาก็เริ่มเอนเอียงละเพราะแบตถ้าขับบ่อยขับแบบถนอมมันอยู่ได้นานเพราะตัวค่ายรถยนต์เองก็กำหนดให้ชาร์ทเข้าแบต 80% เพื่อแบตเสื่อมอยู่แล้ว แล้วในเมืองสำหรับ Honda มันดูประหยัดมากเล่นเอา งง ไปเลย
-
ปีนี้ซื้อมา 2 คัน เป็นไฮบริดหมดเลยครับ
XC40 กับ Cayenne Coupe
อยู่ที่การใช้งานและความชอบของแต่ละคนมากกว่า ไม่มีอะไรดีที่สุดนะผมคิดว่า
อย่างผมใช้งานแค่ในเมือง แต่ต้องออกต่างจังหวัดบ้าง เวลาไปตรวจสาขาหรือไปเที่ยว
ขับเกือบ 2 เดือนแทบไม่ได้เติมน้ำมัน 5555
ถ้าเอาไฟฟ้าล้วน เวลาออกต่างจังหวัด ต้องคอยวางแผนนั่นนี่เยอะแยะ เสียอารมณ์
ถ้าให้กลับไปใช้รถน้ำมันล้วน บอกตรง ๆ ไม่เอาแล้วครับ ชอบเงียบ ๆ แต่เร่งเป็นมา
แต่เวลาอยากซิ่ง ก็เอาเรื่องเหมือนกันนะ ฮี่ ๆ ;D
-
หลังจากใช้ kicks มาปีกว่าให้กลับไปใช้รถ ice ไม่เอาแล้วเช่นกันครับ ผมคนกรุง
-
ตามอัตราส่วนก็คงยังสันดาปล้วนอยู่ครับ แต่ถ้ายังดื้อกันอย่างนี้ต้องบีบไปขายไฮบริดให้หมด ขั้นต่ำเลย