Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ☺????☺ ที่ พฤษภาคม 02, 2009, 17:13:02
-
มาแล้ว ครับ สำหรับ รีวิว ครั้งแรกในชีวิต ;D ;D สาระอาจไม่มี เน้อเฮฮา อย่างเดียวเย้ๆๆๆๆๆ ;D ;D
-
ต้องออกตัวไว้ก็นะครับว่าไม่ได้รู้เรื่องรถละเอียดชนิดเซียน เพราะกำลังศึกษาไปเรื่อยๆๆ
กลับเรื่องรถ โตโยต้า หน้ายิ้ม ของผม ได้มาเมื่อ ปี1991 ซึ้งเป็นปีที่เปิดตัว แต่ได้มาใน สภาพมือสอง ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่เกิด ไม่พูดอะไรล่ะ ไปดุกันเลย
เริ่มจากประวัติของหน้ายิ้มก่อนเลย
CORONA ST 171ประมาณปี '87-'89 (หน้ายักษ์)
รุ่น 2.0 ช่วงแรกแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ 2.0 GL เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ 2.0 GL AUTO เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ใช้เครื่องยนต์เหมือนกัน รหัส 3S-F (คาบูเรเตอร์) แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ กระบอกสูบและช่วงชักเท่ากันที่ 86.0 มม.1,998 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.3:1 กำลังสูงสุด 113 แรงม้า(PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
CORONA ST 171ประมาณปี '91-'93 (หน้ายิ้ม)
รุ่นสูงสุด 2.0 GLi เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์รหัส 3S-FE (หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI) อัตราส่วนการอัด 9.8:1
กำลังสูงสุด 128 แรงม้า(PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.3 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที พร้อมล้อแมกซ์ขอบ 14 นิ้ว
(PCD 5รู100 ออฟเซต +38 กว้าง 5.5 นิ้ว)และยางขนาด 195/60/14
ทุกรุ่นใช้ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน โดยมีเพาเวอร์ในรุ่น 2.0 ระบบช่วงล่างแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หน้า-หลัง ดิสก์เบรกหน้าพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัม ยกเว้นรุ่น 2.0 GLi เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ
รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบเรียบง่าย ฝากระโปรงหน้าแบบเรียบ ขนานกับกระจังหน้าซี่นอน กันชนหน้าเว้นช่องดักลม 2 ชั้น มุมซ้าย-ขวา ติดตั้งไฟเลี้ยว ด้านข้างติดตั้งคิ้วยางกันกระแทก (ยกเว้นรุ่น XL) กันชนหลังแบบเต็ม ป้ายทะเบียนติดตั้งระหว่างไฟท้ายที่แบ่งเป็นช่องย่อยๆ
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง = 60 ลิตร
มิติตัวถังยาว 4,480 มม. กว้าง 1,690 มม. สูง 1,370 มม. ระยะห่างฐานล้อ 2,525 มม
เมื่อไมเนอร์เชนจ์แล้วเครื่องยนต์แบ่งเป็น 1.6 (คาบูเรเตอร์)ใช้ล้อขนาด(PCD 4รู100 ออฟเซต +38)กับ 2.0 (คาบูเรเตอร์)เหมือนเดิม
โดยตัดรุ่น 2.0 GL AUTO (คาบูเรเตอร์)ออกไป และเพิ่มรุ่น 2.0 GLi AUTO (หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI)แทน
ถ้าชอบรถยนต์รุ่นนี้ควรตัดสินใจให้ดีว่า จะเลือกรุ่นก่อนปรับโฉมหรือปรับโฉมแล้ว พร้อมกับเลือกขนาดและแบบของเครื่องยนต์ ถ้าเป็นรุ่นสูงสุด 2.0 GLi และปรับโฉมแล้วย่อมมีราคาแพงกว่า ถ้าเลือกรุ่น 1.6 เพราะคาดหวังด้านความประหยัด แล้วไม่พอใจกับกำลังเครื่องยนต์และต้องการเปลี่ยน จะต้องเสียเงินอีกหลายหมื่นบาท และรุ่น 1.6 ก็มีอุปกรณ์ปลีกย่อยน้อยกว่าด้วย ก่อนตัดสินใจซื้อจึงควรเปรียบเทียบความแตกต่างของราคากับอุปกรณ์ ว่าคุ้มค่ากันหรือไม่
จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ คือ ความไม่จุกจิกในการดูแล ทนทานทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่าง อะไหล่มีมาก ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แท็กซี่มิเตอร์บางคันแตะหลักล้านกิโลเมตรไปแล้วก็มี รูปลักษณ์ภายนอกที่เรียบๆ ไม่หวือหวา จึงยังดูไม่ล้าสมัยแม้จะลงตลาดมาถึง 10 ปีแล้วก็ตาม
อะไหล่เป็นอีกจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ เพราะนอกจากในศูนย์บริการแล้ว ยังมีอะไหล่เชียงกง และอะไหล่เทียบและเทียมให้เลือกมีมากในราคาไม่แพงโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่แท็กซี่มิเตอร์รุ่นนี้เริ่มหมดอายุและต่อทะเบียนไม่ได้แล้ว อะไหล่ก็เริ่มเหลือในเชียงกงมากขึ้น
ถ้าใช้กันมานานจนเครื่องยนต์หมดอายุ ก็สามารถเปลี่ยนได้ด้วยหลายทางเลือก เช่น เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดิมรหัส 3S-FE 128 แรงม้า (PS) หรือขยับเพิ่มความแรงขึ้นมาอีกนิดด้วยบล็อก 3S-GE 170 แรงม้า (PS) และแรงสุดด้วย 3S-GTE เทอร์โบ 245 แรงม้า (PS) สามารถวางได้โดยดัดแปลงไม่มาก เพราะเป็นบล็อก S เหมือนกัน
จากกำลังของเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี หัวฉีด 128 แรงม้า กับตัวถังหนักประมาณ 1 ตัน จึงมีความคล่องตัวในทุกช่วงความเร็วพอสมควร ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ หนึบและนุ่มนวลในความเร็ว ต่ำ-ปานกลาง แต่ถ้าใช้ความเร็วสูงจัดๆ อาจรู้สึกว่านิ่มไปเล็กน้อย
ถ้าสนใจรถยนต์รุ่นนี้และมีเงินพอ ควรเลือกรุ่นสูงสุดที่ปรับโฉมแล้ว คือ 2.0 GLi AUTO ปี 1991 ขึ้นมา เพราะจะได้เครื่องยนต์แรงกว่าและอุปกรณ์มาตรฐานแบบครบครัน แต่ถ้าเท้าไม่หนัก และพอใจกับสมรรถนะและอุปกรณ์ของรุ่น 1.6 ก็สามารถประหยัดเงินได้อีกหลายหมื่นบาท เพียงแต่ซื้อมาแล้ว ไม่ควรแต่งต่อ เพราะถ้าทำเช่นนั้น ควรขยับไปซื้อรุ่น 2.0 แบบครั้งเดียวจบไม่ต้องเหนื่อยดีกว่า
-
เดียวกลับมาทำต่อ เอิ๊กๆๆไปกินข้าวซัก3ชั่วโมงก่อนแว๊บบบบ
-
3S-FE 128 ดิสก์ 4 ล้อ
ในราคาแสนนิดๆ น่าสนมากครับ ถ้าได้มาในสภาพที่ดีควรซื้อเลยครับ
ปล. ผมใช้สามห่วงนะแต่เคยมีคันนี้ที่บ้านช่วงนึง ขอบอกว่าแรงบิดดีมาก แม้เป็นเกียร์ออโต้ก็ตามครับ
(http://www.gasthai.com/TAC/picture%5C264255021072.jpg)
-
ที่ใส่ของ ระหว่างเบรคมือ ใส่ของได้นิดหน่อย ส่วนใหญ่ใช้ใส่สตางค์แทน ;D
-
ที่พาดแขน ใส่ของได้ด้วยย!!!~! ตัวอย่างใส่ขวด B-ing ได้ประมาณ 2ขวด เทพจิงๆๆๆ ;D ;D
-
มาดูวิทยุ ซีดีกันบาง เปลี่ยนจากของเดิมมานานล่ะ - -* ใส่ ได้ 1cd เท่านั้น เอิ๊กๆๆ ติดทีวี 7นิ้วด้วย ตามภาพ พาวเวอร์แอม(เรียกถูกใช่มะ)
-
มีไฟส่องแผนที่ด้วย แต่แสง่อนไปหน่อย :P
-
ที่เก็บของด้านคนนั่ง ใส่ได้เยอะพอสมควร ;D อย่างที่เห็น เอกสารมากมาย ;D ;D
-
แอบแต่งิดหน่อย กับพวงมาลัยmomo ;D ;D ราคา 1,800 บาท จะบอกราคาทำไมหว้า
-
ฝั่งขาวของพวงมาลัย มีที่ปรับระดับความสว่างของไฟหน้ารถได้ ;D ;D แอบมีที่ใส่เศษสตางค์ประมาณ 6--7 บาท ;D ;D
-
ฝั่งซ้ายมือ จะเอ๋ ปุ่มอะไรไม่รู้ไม่บอก ;D มีที่ใส่เศษสตางค์ ด้วย 6-7 บาท เช่นเคย :P
-
จากปุ่มสีเขียวหลายท่านคงรู้แล้ว เฉลยเลยละกัน ระบบแก๊ส นั้นเอง :o :o ติดต่อที่แก๊สถูกๆๆอ่ะครับ ;D คันแรกๆๆของจังหวัด :P
-
จะเอ๋กับแอร์ ส่องเท้า 8) เอาให้เย็นกันทั่วตัว 55+
-
สภาพโดยรวม ด้านหน้า ;D เยาะครีม สวยมากครับ ไปทำมา สวยดีครับ
-
มาดูด้านหลัง กริ๊ด!!!~ เบาะผ้าคละลาย :P :P งดน้อยครับ ใช้แค่คนเดียวของสวยแค่ข้างหน้าล่ะกัน ;D
-
ภาพการนั่งเบาะหลัง ในขณที่เบาะ หน้า เลื่อนมากสุด ก็ยังนั่งได้ สบายๆๆ ;D
-
เบาะหลังมีที่วางแขนด้วย หรูดีจริงๆๆ ;D ;D
-
มาดูข้อมูลเทคนิกกันมั้ง ;D
แบบตัวถังซีดาน 4 ประตู แบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก 1.6 และ 2.0 ทำตลาดในไทยเมื่อปี 1988-1993
CORONA AT
รุ่น 1.6 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ XL และ GL ใช้เครื่องยนต์รหัส 4A-F แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ ความจุ 1,587 ซีซี
กำลังสูงสุด 94 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
CORONA ST
รุ่น 2.0 ช่วงแรกแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ 2.0 GL เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ 2.0 GL AUTO เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ใช้เครื่องยนต์รหัส 3S-F แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ ความจุ 1,998 ซีซี
กำลังสูงสุด 113 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
รุ่นสูงสุด 2.0 GLi เครื่องยนต์รหัส 3S-FE หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความจุ 1,998 ซีซี
กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.3 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที
ระบบช่วงล่างแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หน้า-หลัง
ระบบเบรคแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ยกเว้นรุ่น 2.0 GLi เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ
มิติตัวถังยาว 4,425 มิลลิเมตร กว้าง 1,750 มิลลิเมตร สูง 1,305 มิลลิเมตร
ปี1991 จึงมีการไมเนอร์เชนจ์ โดยที่เครื่องยนต์แบ่งเป็น 1.6 กับ 2.0 เหมือนเดิม โดยตัดรุ่น 2.0 GL AUTO ออกไป
และเพิ่มรุ่น 2.0 GLi AUTO แทน และเรียกว่ารุ่น หน้ายิ้ม
จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ ไม่จุกจิก ทนทานทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่าง อะไหล่เพียบ ประหยัดนํ้ามันพอตัว
-
เรามาดูรอบๆๆรถกันดีกว่าครับ
ด้านหน้า
-
ด้านข้าง
-
ด้านหลัง
-
แถมๆๆครับ
-
รถผมคงไม่เก่าที่สุดใช่ไหมนี้ที่แอบเอามารีวิว T^T
จบล่ะครับ
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจาก http://coronacarclub.com/board/
รูปภาพ จาก ☺ไอซ์☺
ขอขอบคุณ พื้นที่สำหรับการรีวิวย่อยๆๆ โดย www.headlightmag.com
เผยแพร่ ที่ http://www.headlightmag.com/main/ เป็นที่แรก
ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่ให้เครติดก็หน่อย(ใครจะกล้าเอาไปเผยแพร่นี้เหอะๆ)
^^ BY Gunsoza
;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D
-
เสร็จละใช่มั้ยเนอะ ขอวิจารณ์เล็กน้อยครับ
ครอบครัวผม เคยใช้ corona โฉมนี้เหมือนกัน
แต่เป็น 1.6 GL
ตอนนั้นชอบมากอะคับ เบาะผ้าสลับหนัง น่านั่งสุด ๆ แถมส่วนที่เป็นผ้า นุ่มกำลังดีเลย
จนที่บ้านติดใจ ซื้อ corona ท้ายโด่ง(รุ่นหลังจากโฉมนี้) รุ่น 1.6GLi มาอีกคัน
และแล้ว โชคชะตา ก็พลัดพรากผม จากเจ้า 1.6GL สีขาว เพราะคุณพ่อ คุณแม่
ต้องการให้ลูกชาย นั่งรถกว้าง ๆ เบาะหนัง จะได้ไม่ ฮัดชิ่ว มาก โดยไปซื้อ volvo 940 มา
ก็เลยขายให้คนรู้จักที่ที่ทำงานของพ่อไป
สงสัยจะใช้ทนจริง ๆ เพราะบัดนี้
ขายเจ้า volvo 940 ไปแล้ว ขายท้ายโด่งไปแล้ว คนที่ที่ทำงานพ่อ ยังใช้เจ้า 1.6GL สีขาว อยู่เลย
ทุกวันนี้ก็เห็นผ่านหน้าผ่านตา แต่ก็ขายไปได้ 10 กว่าปีละล่ะนะ
รถของ คุณ ไอซ์ ท้ายไม่เนียนอะ logo ต่าง ๆ ไม่อยู่ในตำแหน่งของรถเดิม ๆ
ผมไม่แน่ใจว่า มีสติกเกอร์คาดข้างด้วยหรือเปล่า สำหรับรุ่นนี้ เพราะมันอยู่ในความทรงจำนานแล้ว
แต่รถ คุณไอซ์ ก็สวยครับ ชอบเบาะหนังสีเบจจังเลย
-
รถของ คุณ ไอซ์ ท้ายไม่เนียนอะ logo ต่าง ๆ ไม่อยู่ในตำแหน่งของรถเดิม ๆ
ผมไม่แน่ใจว่า มีสติกเกอร์คาดข้างด้วยหรือเปล่า สำหรับรุ่นนี้ เพราะมันอยู่ในความทรงจำนานแล้ว
น่าจะครับ เพราะตอนนี้ซื้อผมยังไม่เกิดเลยย ;D ไปทำสีมาใหม่ครับ สีแรกเป็นสี ขาว เปลี่ยนอีก เป็นสี เลือดหมุ เปลี่ยนอีกกลายเป็นสี ทอง ในปัจุบัน ;D กำลังหาซื้อ อะไหล่เดิมรถมาใส่อ่ะครับ พวงมาลัยกระจายไปแล้ว 555+
-
มาเพิ่ม review กับ โฆษณา ของเจ้า corona
ในนี้ มีฉากนึง มี logo ด้านหลัง แบบเดิมให้เห็นด้วย
คิดว่าไม่น่าจะมีสติกเกอร์คาดข้างครับ
รุ่น 2.0 น่าจะเป็นกรอบประตูสีดำนะ
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=5EaM2ZmxujE[/youtube]
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=bdi1SBs35BE[/youtube]
เว็บนี้ก็ดี
http://autos.yahoo.co.jp/ncar/catalog/model/TO/S070/F001/
logo ท้ายรถฝั่งซ้ายของคุณไอซ์ น่าจะเป็น 2.0 GL
ส่วนฝั่งขวาก็เป็น toyota อะครับ
-
มาเพิ่ม review กับ โฆษณา ของเจ้า corona
ในนี้ มีฉากนึง มี logo ด้านหลัง แบบเดิมให้เห็นด้วย
คิดว่าไม่น่าจะมีสติกเกอร์คาดข้างครับ
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=5EaM2ZmxujE[/youtube]
รู้แล้วครับ แว๊บไปเปิดวันทูคาร์มา อักษร GL กับ toyota ต้องอยู่ บน ไปท้าย ใช่มะครับ ;D ;D ของผมอยู่เลยมาหลายเซน เอิ๊กๆๆๆ เดียวเปลี่ยนให้คร้าบบ 55+
-
เท่าที่จำได้นะครับ เพราะเคยเอามาใช้อยู่อาทิตย์นึงสมัยตอนที่เรียนปี 1 ก่อนจะขายไปให้หับลูกค้า
รุ่น 2.0 GLi จะใส่พวกสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมาให้ด้วยเช่น
- ตู้เย็น
- สวิสต์แอร์เป็บแบบปุ่มกดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่องบังคับทิศทางลม หรือความแรงลมของอุณหภูมิแอร์
- เกียร์ออโต้เดินหน้า 4จังหวะ พร้อม O/D
- เบาะกำมะหยี่ลายสีออกดำๆ
- ไม่แน่ใจว่าพรมพื้นภายในเป็นสีแดงหรือน้ำตาลด้วยหรือเปล่านะครับ
-
เท่าที่จำได้นะครับ เพราะเคยเอามาใช้อยู่อาทิตย์นึงสมัยตอนที่เรียนปี 1 ก่อนจะขายไปให้หับลูกค้า
รุ่น 2.0 GLi จะใส่พวกสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมาให้ด้วยเช่น
- ตู้เย็น
- สวิสต์แอร์เป็บแบบปุ่มกดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่องบังคับทิศทางลม หรือความแรงลมของอุณหภูมิแอร์
- เกียร์ออโต้เดินหน้า 4จังหวะ พร้อม O/D
- เบาะกำมะหยี่ลายสีออกดำๆ
- ไม่แน่ใจว่าพรมพื้นภายในเป็นสีแดงหรือน้ำตาลด้วยหรือเปล่านะครับ
ตู้เย็นผมก็มีแต่ ไม่ได้ใส่อะไรเลย 555+
-
ขอบคุณสำหรับ Review ครับ
-
ที่บ้านเคยใช้ 2.0 Gli เกียร์ธรรมดา top EFI รุ่นแรก ใช้ดีครับแต่ดันโดนทัวร์นรกชนตูดยับเลยเข้าถึงกระจกเลย เข็มขัดทำให้ทีการการเจ็บที่หน้าอกมากจนต้องตรวจอาการที่โรงพยาบาล
ตู้เย็นไม่มีความสามารถเพราะใช้แอร์รถเป่าเท่านั้น
พวงมาลัยพาวเวอร์รั่วทุกๆ2ปี จนต้องให้ข้างนอกดัดแปลง จะทนขึ้นเยอะเลย(พ่อผมบอกเล่า)
รุ่นที่พ่อผมซื้อเป็นรุ่นแรกเลยตอนออกใหม่ๆเลย ที่เก็บแม่แรงยัง designไม่ลงเลย
ที่สำคัญรุ่นนี้น้ำเข้านะครับ อย่าได้ไปลุยมากๆละครับ ของที่บ้านต้องถอดเบาะถอดพรมมาตากกันแล้วประมาณปี34 ปีที่กรุงเทพน้ำท่วมหนักประมาณปี 39 พอผ่านน้ำหน่อยกระจกไฟฟ้าหลังก็ fuseขาดด้วย
แอร์เย็นดีครับ แต่แอร์เสียและรั่วบ่อยมากๆ ทั้งที่รถไม่เกิน5ปี ผมนั่งแล้วแอร์เสียบ่อยมากเลยในรถคันนี้ จำได้ครั้งหนึ่งออกจากกรุงเทพไปชุมพร ตอนออกจากบ้านเราดีใจมากเลย แอร์พ่นออกมาเป็นjetเลย เราก็ตื่นเต้น ความตื่นเต้นยังไม่ทันหายก็กลายเป็นความร้อนตลอดทั้งวัน สมัยนั้นจะหาที่ซ่อมก็ซ่อมยากด้วย เพราะเข้าไปมันก็อัดน้ำยา คิดอะไรไม่ออกก็อัดน้ำยา แล้วมันก็ไม่หาย สรุปนรกทั้งวัน และมีอีกหลายครั้งมาก
ใช้ไปและกลิ่นภายนอกเข้าด้วย สงสัยยางเสื่อม
ข้อดีที่ผมคิด ผมว่ารุ่นนี้โป่งล้อกลางมันไม่สูงมากเมื่อเทียบกับรถบางรุ่น
และรถประมาณปีพวกนี้ จะเตี้ยมากๆ ยิ่งถ้าได้นั่งมันเหมือนนั่งอยู่บนถนนเลย 555 แต่ขับรถเก๋งสมัยนี้กลับไม่รู้สึกเลย แต่ต้องระวังนะเวลาขึ้นหลังเต่านั่ง4-5คน พ่อผมกระแทกประจำเป็นนิสัยเชียวล่ะ
ระบบอื่นผมว่ามีครบมากๆสำหรับรถยุคนั้น
สรุปว่าใช้ง่ายสบาย แต่ความแรงยังแพ้ corolla gti 1600 อยู่เลยพ่อเล่าว่าญาติซื้อรุ่นนี้มาไปลองขับดู มันแรงจริงๆ เสียอย่างเดียวมันไม่เพาเวอร์
-
^
^
^
ใช้มาก17ปี ทำแอร์ไป 5ครั้งครับ ส่วนใหญ่ไปหนักเครื่อง 555+ ซ่อนกันบานนนนนนนนนนน
ส่วนกันน้ำออก ..ฮา..... ลองแล้วครับ เก็บยังไงก็ไม่รอด 555+ :P :P
-
สีเบาะข้างในสวยดีครับ ชอบ ;)
-
สีเบาะข้างในสวยดีครับ ชอบ ;)
;D ;D ครึ่งๆๆกลางๆๆก็พอไปได้ ::) ::)
-
รถสวยครับ ข้อมูลละเอียดดีครับ
ขอชมครับ