Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: Best_Vorakit ที่ ตุลาคม 25, 2010, 07:58:28
-
สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านครับ คราวนี้มาดูรถ Compact SUV แบรนด์อเมริกันที่ฟื้นตัวเร็วที่สุดในบรรดาผองเพื่อนในช่วง Hamburger Crisis นั่นก็คือ Ford นั่นเอง แล้วคราวนี้ Ford เขาทำอะไรให้ผมแปลกใจอีกแล้วล่ะ มาดูกันว่าเขาใส่ยาอะไรไป ทำให้ผมต้องหันขวับกลับมาสนใจมันอีกครั้ง!
-
คันนี้ก็เป็นรถเช่า(อีกตามเคย) วันที่ 17 ก.ย. เป็นวันที่ผมเห็นกุญแจรถคันนี้ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นรุ่นอะไร รู้แต่ว่า มีรถใหม่มาให้ลองนั่งแล้วสิ.. ตอนนั้นก็กำลังจะไปโรงเรียนด้วยครับ อีกวันนึง ก็กลับมาอ่านป้ายรายละเอียดดู เป็น Ford Escape รุ่นปี 2010 สีเทา เอาล่ะ ไปลองมองหาดูหน้าบ้านซิว่าคันไหน และแล้วก็ได้เจอตัวจริง แล้วก็ได้นั่งสักที คันนี้เป็นรุ่น XLT 3.0 FlexFuel ครับ
-
โดยตอนแรกกะว่าจะถ่ายรูป แต่ก็ยังไม่มีเวลาว่างสักที ไปๆ มาๆ หมดสัญญาเช่า คุณอาเลยไปเปลี่ยนเป็นอีกคันนึง ซึ่งผมเปิดประตูเข้าไปแล้ว ดีใจแบบอกอีแป้นแล่นเข้าตึกฟอร์ด
-
นั่นเป็นรุ่นท็อป Limited 3.0 Flex Fuel เหมือนกันครับ แต่ได้สีสันสด แสบ ร้อนแรงมาก
-
แต่เนื่องจากผมไม่ได้ถ่ายรูปรุ่น XLT มากนัก ดังนั้นผมขอกล่าวถึง Limited เป็นหลักนะครับ
-
เริ่มจากภายนอกกันเลยดีกว่า ด้านหน้า Ford ทำการแปลงโฉมด้านหน้าซะแบบที่ว่า จำเวอร์ชั่นไทยแทบไม่ได้เลยล่ะ.. มาแนวมะกันเลยล่ะครับ บึกบึน แถมยังมีส่วนที่คล้ายกันกับ Ford Explorer รุ่นพี่ซะด้วย.. กระจังหน้าพร้อมไฟหน้าแบบนี้ล่ะ ที่เราจะได้เห็นกันใน Ford รุ่นต่อๆ ไปนี้(ที่เป็นพวก SUV แล้วก็กระบะนะครับ ไม่รวมรถเก๋งครับ) ต่างกันกับแนว Kinetic Design แบบเวอร์ชั่นไทย ที่ให้อารมณ์คล้ายๆ กับ Focus ยกสูง อย่างไรอย่างนั้น (ความคิดเห็นผมนะครับ เรื่องนี้นานาจิตตังครับผม)
-
ความแตกต่างของรุ่น XLT กับ Limited นั้น มีเพียงการ์ดกันชนหน้า ของรุ่น Limited จะเป็นโครเมียม ในขณะที่รุ่น XLT นั้นเป็นสีเดียวกับตัวรถ
-
ด้านข้าง ยังมีอารมณ์เดิมๆ อยู่บ้าง ก็แหงล่ะ ใช้ตัวถังเดิมอยู่นี่ มันก็ต้องมีส่วนที่ยังเป็นของเดิมอยู่บ้าง อันได้แก่ กระจกด้านข้างทั้งหลาย มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ (XLT เป็นสีดำ)
ทั้งสองรุ่นนี้ ยังมาพร้อมกับปุ่ม Keyless Entry ที่เป็นตัวเลขนั่นแหละครับ (ผมไม่ได้ลอง เพราะไม่ทราบรหัสครับ)
แต่เขาก็ยังมีกระจกมองข้างใหม่ให้นะครับ มีเลนส์นูนไว้เพิ่มมุมมอง ลดจุดบอดด้วยครับ ถึงเขาจะไม่ทำเป็นเส้นไข่ปลาแบ่งส่วน แต่เขาใช้เลนส์นูนฝังตัวเข้าไปข้างใน เป็นทรงเดียวกบระจกแผ่นใหญ่ครับ มองเผินๆ เหมือนมักง่ายเอามาแปะอย่างนั้นเลย มีระบบไล่ฝ้ามาให้ครับ แต่แล้ว มันก็ต้องอาศัยแรงมือในการพับครับผม! (ทีมงาน Headlightmag.com ของเราครับ คันนี้ก็คงจะโดนบ่นด้วยใช่ไหมครับ? ดีนะที่เวอร์ชั่นไทย มีพับไฟฟ้าให้ ที่นี่เขาไม่นิยมพับกันครับ เขาเลยตัดออกซะ)
-
ด้านท้าย มีไฟท้ายโฉมใหม่ดูสวยงามและลงตัวมากๆ ผมแหละหนึ่งคนที่ชอบการดีไซน์ไฟท้ายมันมาก ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรเลย! แค่ดูแล้วลงตัวก็เท่านั้นเอง
-
ฝาท้ายสามารถแยกเปิดได้สองบาน คือเปิดเฉพาะบานกระจก หรือเปิดทั้งบานประตูเลย การเปิดบานกระจกนั้น เราสามารถเปิดได้สองแบบครับ แบบแรกคือ กดปุ่มตรงคิ้วขอบป้ายทะเบียน ซึ่งปุ่มมันจะอยู่ทางด้านขวา มองหาตัวอักษรที่เขาสลักไว้ว่า GLASS พร้อมลูกศรชี้ลง นั่นแหละครับ กดปุ่มไปซะ หรือไม่ก็แค่หยิบรีโมทมา แล้วกดปุ่มที่มีรูปฝาท้าย พร้อมระบุว่า 2X นั่นแหละครับ (ตัว 2011 เท่าที่ดูรูปในเว็บไซต์ จะไม่มีคำว่า 2X ครับ) กดไปสองครั้ง เท่านั้นบานกระจกก็จะปลดล็อกออกมาพร้อมเด้งขึ้น ในระดับความเร็วที่เหมาะสม ไม่น่าจะเป็นอันตรายมากหากถูกกระจกตอนเด้งออกมา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่่ห่างจากบานกระจกก่อนเปิดนะครับ แต่บางครั้งมันเหมือนมีอะไรติดอยู่ หรือถ้าไม่ได้เปิดประจำ มันจะไม่ค่อยเด้งขึ้น เราต้องเอานิ้วเขี่ยมันขึ้นมาอีกทีนึง
-
ถ้าจะเปิดทั้งบานก็งัดตรงมือเปิดฝาท้ายด้านล่างได้เลยครับ ไม่สามารถเปิดได้ด้วยรีโมทครับ
-
เปิดประตูมาดูภายในกันบ้าง ทึ่งครับ เปลี่ยนไปได้อย่างมาก ออกแบบเอาใจคนอเมริกันจริงๆ ทำคอนโซลแบนๆ เรียบๆ มีร่องเล็กน้อยไว้แก้เบื่อ รุ่น Limited ที่มาพร้อมกับ Leather Package จะถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา พร้อมภายในสีดำ เบาะนั่งหุ้มหนัง แต่คันที่เป็นรุ่น XLT นั้น จะเป็นแบบเมทัลลิก ภายในสีเบจครับ (มีสีเทากับสีดำให้เลือก แต่ก็ยังถูกตกแต่งด้วยเมทัลลิก นอกเสียจากว่าเราจะเลือก Leather Package ซึ่งก็ยังมีสีเทากับเบจตกแต่งด้วยเมทัลลิกให้เลือกอยู่ดีครับ)
-
พวงมาลัยแบบสี่ก้าน พร้อมระบบ Multi-function แล้วก็ Cruise Control ให้ด้วยครับ ก้านเปิดไฟเลี้ยวจะรวมตัวกับที่ปัดน้ำฝน ซึ่งจะต้องปรับกันหลายระดับหน่อย ถึงจะปัดได้ตามความเร็วที่ต้องการครับ ส่วนสวิทช์เปิดไฟหน้าจะอยู่ด้านซ้ายของพวงมาลัยครับ
-
รุ่น Limited จะมี Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ครับ รองรับอุปกรณ์ USB ด้วยระบบ SYNC powered by Microsoft แถมทีเด็ด ต้องมี Voice Command (ขออภัยทีครับ ไม่มีโอกาสได้ลองเลย (- -!) แหะๆ)
-
รอบๆ ช่องแอร์ด้านซ้ายและด้านขวาจะมีกรอบโครเมียมมาให้ในรุ่น Limited เพิ่มความโดดเด่น ลดความน่าเบื่อไปได้เยอะครับ
-
ด้านบนคอนโซลกลาง จะมีจอเล็กๆ ไว้บอกข้อมูลของเครื่องเสียง นาฬิกา อุณหภูมิภายนอก และเข็มทิศ digital สำหรับรุ่น Limited ครับ
-
มาตรวัดดูดีมากครับ รวมถึงแผงควบคุมที่จัดอยู่อย่างเป็นระเบียบ โทนสีของไฟเป็นสีฟ้าครับ ให้ความรู้สึกสบายตา ผ่อนคลายดีครับ (แต่อาจจะทำให้ง่วงได้นะ มาแนวเดียวกับ Tucson เลย) วัสดุที่ใช้ก็ไม่ถือว่าดีนัก สำหรับรสนิยมคนไทย แต่ก็อยู่ในระดับเดียวกับ Dodge กับ Jeep ที่เคยทำรีวิวไปก่อนหน้านั้นครับ
-
แสงสว่างในห้องโดยสารก็มีมาครบทุกตำแหน่งครับ ในรุ่น Limited จะมี Ambient Light สีฟ้า ตามที่วางเท้า ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางครับ
-
กระจกมองหลังมีระบบตัดแสงอัตโนมัติ ทั้งสองรุ่นย่อยครับ
-
ใกล้ๆ กันก็มีกล่องเก็บแว่นตาไว้ถึงสองอัน! ซึ่งถือว่าดีมาก เอาใจผู้โดยสารหน้ามากๆ (ถึงว่าล่ะ วัสดุสีดำเงาถึงหายไปไงล่ะ มีแค่พลาสติกดำด้าน standard มากๆ)
-
D Krub :P
-
แต่ยังดีที่ให้วัสดุหนังมาบุไว้ตรงแผงข้างประตู (ในรุ่น XLT ใช้ผ้าแบบเดียวกับเบาะ) แต่ไม่มีฟองน้ำมารองไว้เลย รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่นุ่มหน่อย มาบุตรงที่วางแขนของประตูทั้งสี่บานครับ นับว่าใส่ใจกว่าคู่แข่ง(แบรนด์อเมริกัน)ครับ รุ่น XLT จะใช้มือเปิดประตูสีดำ แต่ในรุ่น Limited จะใช้โครเมียมครับ แต่ที่น่าแปลกคือ วัสดุตกแต่งด้านหน้า จะดูดีแค่ไหน ด้านหลังให้มาแค่พลาสติกสีดำด้านทั้งสองรุ่นย่อยเลย!
-
เบาะนั่่งฝั่งคนขับสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้โดยสารจะปรับด้วยมือครับ เบาะนั่งด้านหลังนั้น ไม่สามารถปรับเอนได้ (แต่พับลงได้แบบ 60:40) ฟองน้ำนุ่มกำลังดี แต่บางครั้งเบาะนั่งรู้สึกว่าจะไม่ค่อย support เท่าไรนัก เบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยผ้าสาก ตามรุ่นอื่นๆ ในตลาด แต่เบาะหลัง ด้านหน้าของส่วนที่รองนั่งนั้น จะใช้วัสดุเดียวกับพรมปูพื้นรถ ด้วยเหตุที่ว่า น่าจะเป็นการป้องกันความสกปรก เพราะว่าส่วนนี้ จะต้องลงไปสัมผัสกับพรมปูพื้นรถ เมื่อเราต้องการพับเบาะ (ต้องดึงส่วนเบาะรองนั่งมาก่อน พลิกไปข้างหน้า ก่อนที่จะพับพนักพิงลงมาครับ)
-
ในรุ่นที่มี Leather package นั้น เบาะนั่งหุ้มหนัง มี Heated Seat ในตำแหน่งคู่หน้าไว้ใช้ในยามหนาวเย็นครับ แต่มันไม่สามารถปรับระดับความร้อนได้ ซึ่งมันก็ร้อนเกินไปหน่อยครับ
-
ช่องเก็บของมีมาให้พอสมควร มีลิ้นชักเก็บของด้านหน้า (จะเตี้ยไปถึงไหนเนี่ย) เมื่อเปิดออกมา อู้วว เล่มคู่มือกับเอกสารประจำรถ แค่นั้นก็เต็มแล้ว! พอๆ กับ Jeep Compass เลยนะเนี่ย) ส่วนกล่องเก็บของตรงคอนโซลกลางขนาดใหญ่พอสมควร ใช้วางแขนได้ ช่องเสียบไฟ 12V มีมาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ รวมทั้งยังมีช่องเล็กๆ ไว้ด้วย คงเอาไว้สำหรับใส่อุปกรณ์ที่ชาร์จไฟครับ
-
ในที่สุด รุ่นนี้มันก็มีช่องเก็บของด้านหลังเบาะนั่งมาให้ทั้งสองฝั่ง น้อยรุ่นมากที่จะมีให้ แต่รุ่นอื่นๆ ที่เคยเช่ามาก่อนหน้านี้ยังไม่ใช่ตัวท็อป ช่องเก็บของหลังเบาะนี้จึงโดนตัดออกไปบ้างครับ
และแล้ว เรามาดูเรื่องแปลกๆ ที่ฟอร์ดมักจะทำให้เราได้บ่นกันอีกแล้ว
ปัญหานั้น มีทั้งใน Mazda 2 รวมถึง Ford Fiesta ด้วย นั่นก็คือ
มือจับบริเวณเหนือศีรษะ ใช้ในการโหนยามที่ต้องการยึดตัวเองให้อยู่ในที่นั่ง ซึ่ง มันไม่มีมาให้เลย มีแค่อันเดียวตรงฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า แล้วก็เป็นแบบที่โหนเวลาจะเหนี่ยวตัวขึ้นรถ แต่ยังมีที่แขวนเสื้อให้นะ แต่ย้ายมาอยู่ช่วงเสา C ครับ
-
ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังนั้น มีมาให้ในระดับที่ควรจะเป็น วางถุงกอล์ฟแบบเฉียงๆ ได้ครับ แผงปิดสัมภาระมีให้ในรุ่น Limited ครับ (ขออภัยนะครับ ไม่ได้ถ่ายพื้นที่ห้องสัมภาระมาครับ) แถมยังมีจุดยึดไว้บนเพดานด้วยครับ
-
เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร V6 240 แรงม้าที่ 6,550 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 223 ปอนด์-ฟุต หรือประมาณ 300 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ดูตัวเลขแล้วแรงมากครับ แต่การใช้งานจริง จะมาแบบไหลๆ เรื่อยๆ มีแรงดึงอยู่ แต่ไม่มากเท่ารถญี่ปุ่นที่กดแล้วพุ่งครับ เสียงเครื่องฟังแล้วเร้าใจดี (ก็แหงล่ะ มันมี 6 สูบนี่)
-
เครื่องยนต์นี้ไม่เรื่องมาก กินได้หลายอย่าง ตั้งแต่ Regular ออคเทน 87 ได้จนถึง E85 ได้เลยครับ พร้อมฝาถังน้ำมันแบบใช้ลิ้นวาล์วปิดแทนฝาเกลียว แบบเดียวกันกับ Ford Fiesta ครับ ตอนเติมน้ำมันครั้งแรกแอบตกใจ ตามด้วยอารมณ์ดีใจมากกกกก (บ้าไปแล้ว) การใช้งานก็สะดวกดีครับ หยอดหัวจ่ายเข้าไปเลย (ดีใจจนถ่ายภาพนี้ไม่ชัดเลยไงล่ะ)
-
พ่วงกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เปลี่ยนได้อย่างนุ่มนวลพอสมควร เสียงคำรามของเครื่องยนต์ยามเร่งออกตัวนั้นให้อารมณ์สนุกได้พอสมควรเลยล่ะครับ เกียร์แบบนี้ล่ะที่เหมาะกับ SUV ตามความเห็นของผมครับ
-
ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อแบบอัตโนมัติครับ ส่วนรุ่น XLT นั้น ไม่ได้ก้มดูครับ เลยไม่ทราบว่าขับเคลื่อนแบบไหนครับ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่รู้สึกแตกต่างมากนัก ถ้าไม่ได้วิ่งบนทางลื่น บนหิมะ จะมีเพียงแค่น้ำหนักที่เพิ่มมาไม่กี่กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งต้องวัดด้วยตัวเลขครับ
-
ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ Double Lateral Semi-trailing arm ด้วยความที่รถมันสูง จุดศูนย์ถ่วงก็จะสูงอยู่พอสมควร เวลาเข้าโค้งก็จะรู้สึกโยนๆ เหวี่ยงๆ นิดหน่อยตามประสาครับ
-
ระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสก์หลังดรัม พร้อม ABS, AdvanceTrac, RSC (Roll Stability Control), ถุงลมด้านหน้า ด้านข้าง รวมถึงม่านนิรภัย, หมอนรองศีรษะทุกตำแหน่งที่นั่ง เข็มขัดนิรภัย 3 จุดทุกที่นั่ง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานครับ
-
ถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารตอนหน้านั้น จะมีเซ็นเซอร์วัดน้ำหนัก ตำแหน่งท่านั่ง ถ้าไม่มีคนนั่ง หรือนั่งไม่เหมาะสม ระบบจะปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ทำงานในเวลาที่ถูกต้องเท่านั้น โดยเราจะสามารถดูไฟ LED ตรงคอนโซลกลางที่จะบอกว่าระบบได้ปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารหรือไม่ ถ้าปิดจะมีไฟขึ้นครับ
แต่ระยะหลังๆ มานี้ รถคันนี้ (XLT) เหมือนจะมีปัญหากับระบบนี้ซะเหลือเกิน ผมพยายามที่จะนั่งให้เหมาะสมแล้ว ก็ต้องนั่งแบบหลังเกือบตรง ไฟถึงจะดับ รู้สึกมันจะทำงานดีเกินไปหรือเปล่านะครับเนี่ย
เข็มขัดนิรภัย คันนี้ จะมีปัญหาเนื่องจากมันไม่ค่อยจะดีดตัวกลับเท่าใดนัก ต้องคอยใช้มือปรับเอาเอง เฮ้อ รถเช่ามันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ (รูปเบลอนิดนึงนะครับ)
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ ไม่มีในคันสีแดงอันเป็นรุ่น Limited แต่อย่างใด จึงพูดได้เต็มปากว่าเป็นปัญหาเฉพาะคันครับ
-
เทคโนโลยีที่ให้มานั้น ถือว่าทันสมัยครับ แถมยังมีระบบช่วยจอดขนานด้วย (มาเป็นอุปกรณ์เสริม) รวมทั้งระบบนำทาง ที่จะมาพร้อมกับกล้องถอยหลังที่มีจออยู่ในกระจกส่องหลังครับ
-
สรุป Ford ทำให้ผมลืมภาพรุ่นเก่า ไปได้เลย! สามารถนำตัวถังเดิมที่ขายมา 6 ปีแล้ว เอามาจัดการ Big Minor change จนได้ออกมาขนาดนี้ ซึ่งผมไม่เคยได้สัมผัสรุ่นก่อนหน้านี้มา จึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าดีกว่ากันหรือไม่ เพียงใด ในด้านสมรรถนะครับ แต่ในด้านดีไซน์นั้น ดูดุดัน บึกบึน ตามสไตล์อเมริกัน แต่ยังไม่ลืมคุณภาพของวัสดุภายใน ที่ให้มาอย่างเหมาะสมครับ
-
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ เชิญติชมได้ตามอัธยาศัยครับ :)
-
อยากเห็นระบบ SYNC ของ Microsoft+Ford ในรถบ้านเราจังครับ
เคยดูในคลิป มันทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งอ่าน sms ให้เราฟัง
-
ขอบคุณครับ
นี่คือตัวเดียวกับไทยในตอนนี้ใช่ปะครับ ถ้าใช่ผมอยากได้ Escape minorchange ที่เส้นสายด้านข้างแบบอเมริกา ด้านหน้าแบบไทย ด้านท้ายแบบอเมริกา ภายในแบบไทย เครื่องตอนนี้ในไทยเหลือแค่ 2.3 L เองอดีต 3.0 L ของไทยรู้สึกว่าแค่ 212 แรงม้าเองครับไม่รู้เครื่องเดียวกันปล่าวถ้าใช่ ผมอยากให้ฟอร์ดเอาเครื่อง 3.0 v6 ตัวนี้มาขายด้วยจัง สามารถเติมน้ำมันได้หลากหลายด้วย(แต่ในไทยคุณภาพน้ำมันแย่จัง)ผมว่าจะเพิ่มยอดขายได้พอสมควรตอนนี้ผมไม่ค่อยเห็น Escape ป้ายแดงเลยทั้งที่ในอดีตเคยขายได้เยอะมาก ปลายอายุการตลาดแล้วครับสำหรับไทย ก็ตั้งแต่ปี 2003-ปัจจุบัน ก็ 7 ปีแล้วแต่ยอดขายปัจจุบันรู้สึกว่าน้อยมาก(รู้สึกนะครับ) big MC ซะทีก็คงดีนะสำหรับ Escape ในไทย
-
พี่จะบอกเบสต์ว่า
รู้ตัวไหมว่า
โลเกชัน ที่ถ่ายคันแดงหนะ โคตรเจ๋งเลย
แค่เพียง เบสต์ เอารถไปจอดเทียบกับ หน้าบ้านฝั่งตรงข้าม ตรงตึกแดง
ตั้งล้อตรงก็ได้ หรือจะหันล้อ ให้เห็นกระทะล้อก็ได้
แต่เบสต์ จะต้องยืนถ่าย บนฟุตบาธ ในตำแหน่งเดียวกับที่ยืนถ่ายรูปชุดนี้
เท่านี้ รูปก็จะออกมา เทพโคตร เหมือนรูปโปรโมทของบริษัทรถแล้ว!!!!
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
-
ดีไซน์ภายในเชยไปหน่อย นอกนั้นดูดีกว่ารุ่นโบราณของไทยเราเยอะครับ
-
ขอบคุณมากๆครับ
-
ออกแบบเพื่อคนUSA จริง บึกได้ใจ บ้านเรากับดูอ่อนช้อยกว่ากันเยอะเลย
แต่เมือนนอกยังดรัมเบรกบ้านเราดิสแล้ว แต่ผมก็ชอบดรัมมากกว่า ^^
-
ของไทยดันใช้หน้า ไต้หวัน อยากได้หน้าตา US จังเลย ทั้งๆที่โฉมแรกหน้าเหมือนกันนะ
-
ของไทยดันใช้หน้า ไต้หวัน อยากได้หน้าตา US จังเลย ทั้งๆที่โฉมแรกหน้าเหมือนกันนะ
ใช่ๆๆ คิดเหมือนกัน ชอบหน้า อเมริกามากกว่าเยอะเลย
-
ขอบคุณครับ
นี่คือตัวเดียวกับไทยในตอนนี้ใช่ปะครับ ถ้าใช่ผมอยากได้ Escape minorchange ที่เส้นสายด้านข้างแบบอเมริกา ด้านหน้าแบบไทย ด้านท้ายแบบอเมริกา ภายในแบบไทย เครื่องตอนนี้ในไทยเหลือแค่ 2.3 L เองอดีต 3.0 L ของไทยรู้สึกว่าแค่ 212 แรงม้าเองครับไม่รู้เครื่องเดียวกันปล่าวถ้าใช่ ผมอยากให้ฟอร์ดเอาเครื่อง 3.0 v6 ตัวนี้มาขายด้วยจัง สามารถเติมน้ำมันได้หลากหลายด้วย(แต่ในไทยคุณภาพน้ำมันแย่จัง)ผมว่าจะเพิ่มยอดขายได้พอสมควรตอนนี้ผมไม่ค่อยเห็น Escape ป้ายแดงเลยทั้งที่ในอดีตเคยขายได้เยอะมาก ปลายอายุการตลาดแล้วครับสำหรับไทย ก็ตั้งแต่ปี 2003-ปัจจุบัน ก็ 7 ปีแล้วแต่ยอดขายปัจจุบันรู้สึกว่าน้อยมาก(รู้สึกนะครับ) big MC ซะทีก็คงดีนะสำหรับ Escape ในไทย
ตัวถังเดียวกับไทย ถูกต้องครับ แต่ว่าเปลือกกันชนต่างๆ ไฟหน้า ไฟท้าย ต่างกัน ทำให้หลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องต้องปรับปรุงไปด้วยครับ
แต่ถ้าภายในมันได้พลาสติกที่ดีกว่านี้อีกหน่อย จะรักมันมากกว่าเดิมอีกล่ะครับ
เครื่องยนต์อาจจะเป็นบล็อคเดียวกัน แต่ต้องปรับปรุงวัสดุท่อทางเดินน้ำมัน ถังน้ำมันให้รองรับ E85 ได้ (น่าเสียดาย แถวบ้านไม่ค่อยมีปั็ม E85 เท่าไร เลยไม่ได้ลองมาครับ) ที่นี่ รุ่นนี้เห็นบ่อยกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะเจ้า Jeep Compass นั่นครับ
-
พี่จะบอกเบสต์ว่า
รู้ตัวไหมว่า
โลเกชัน ที่ถ่ายคันแดงหนะ โคตรเจ๋งเลย
แค่เพียง เบสต์ เอารถไปจอดเทียบกับ หน้าบ้านฝั่งตรงข้าม ตรงตึกแดง
ตั้งล้อตรงก็ได้ หรือจะหันล้อ ให้เห็นกระทะล้อก็ได้
แต่เบสต์ จะต้องยืนถ่าย บนฟุตบาธ ในตำแหน่งเดียวกับที่ยืนถ่ายรูปชุดนี้
เท่านี้ รูปก็จะออกมา เทพโคตร เหมือนรูปโปรโมทของบริษัทรถแล้ว!!!!
ขอบคุณมากครับพี่จิมมี่
เรื่องโลเกชั่นน่ะ แหะๆ แถวๆ บ้านเลยล่ะครับ :D เนื่องจากว่าโรงจอดรถของบ้านนั้น ยังมีของอยู่ เลยต้องมาจอดตามที่จอดรถริมทางเดินของหมู่บ้านน่ะครับ
ถ้าผมขับรถได้เมื่อไร ผมจะทำตามคำแนะนำของพี่จิมมี่นะครับ แต่การทำวิธีนี้ ต้องทำอย่างรวดเร็วมาก เพราะว่ามันเป็นทางเดินรถครับ (ก่อนที่จะถ่ายรูปคันนี้ E Class Coupe สีขาวก็แล่นผ่านไป ว่าแล้วก็ต้องเข้าไปอ่านรีวิวพี่จิมมี่เหมือนกันนะเนี่ย)
เบสท์ขอคำแนะนำจากพี่จิมมี่เกี่ยวกับโลเกชั่นถ่ายรูป Mini Cooper S สีขาว หน่อยครับ ว่าโลเกชั่นแบบไหนจึงจะถ่ายออกมาได้สวยงามครับ (รีวิวต่อไปครับ)
ขอบคุณมากครับ
-
ออกแบบเพื่อคนUSA จริง บึกได้ใจ บ้านเรากับดูอ่อนช้อยกว่ากันเยอะเลย
แต่เมือนนอกยังดรัมเบรกบ้านเราดิสแล้ว แต่ผมก็ชอบดรัมมากกว่า ^^
ใช่ครับ บึกบึน หนักแน่น
ลืมบอกไปว่า ฝาถังน้ำมันแบบนี้ มันไม่มีการล็อคด้วยนะครับ (ลองเปิดดูตอนล็อดรถแล้ว) แต่ถ้าใครจะดูดน้ำมัน คงยากหน่อย ต้องมีกรวยของฟอร์ดด้วย อิอิ สงสัยนี่เป็นการออกแบบเพื่อคนอเมริกามั้ง ฮ่าๆ
-
ของไทยดันใช้หน้า ไต้หวัน อยากได้หน้าตา US จังเลย ทั้งๆที่โฉมแรกหน้าเหมือนกันนะ
ใช่ๆๆ คิดเหมือนกัน ชอบหน้า อเมริกามากกว่าเยอะเลย
มองบางมุม เหมือนหน้าหักนะครับ แต่รวมๆ ก็สวยดี เหมาะกับตัวมันเองครับ
เวอร์ชั่นไทย ไต้หวัน Kinetic หวานจ๋าเลย
-
ขอบคุณมาก รูปเยอะดีชอบๆๆ
-
ขอบคุณครับ
ผมว่าโฉม USA สวยกว่าของไทยเยอะเลยอะ
ของไทยดูติ๋มมากกกกกอะ
-
สวยกว่าของไทยจริงๆ ถ้าไม่ติดที่กระจังหน้าที่ดูรถกระบะไปหน่อย
แต่โดยรวมชอบกว่าเวอร์ชั่นไทยครับ
-
ขอบคุณมากครับสำหรับ Review รถในต่างแดนอีกคัน
ตอนที่เห็น Escape เวอร์ชั่นนี้ครั้งแรก ตอนแรกคิดว่าคงเป็น Model Change ของตัวปัจจุบัน เพราะผมชอบตัวนี้มากๆ
เสียดายที่ Ford Thailand ดันไม่เอาโฉมนี้มาทำตลาดบ้านเรา ดั้นไปเอาโฉมติ๋มมาซะนี่
-
ขอเข้ามาเพิ่มเติมเรื่องเครื่องเสียงนิดนึงนะครับ
วันนี้ได้ลองเปิด Satellite Radio ที่เขาเรียกว่า SIRIUS น่ะครับ เนื่องจากคันที่เป็นรุ่น XLT นั้น น่าจะไม่ได้ทำการสมัครไว้ครับ เลยไม่ได้ลองฟังวิทยุของมัน แต่คันสีแดงนี้ ได้ลองแล้ว ผมว่าคุณภาพเสียงก็ไม่ได้ต่างกับ FM เลยล่ะครับ ลำโพงปกติ มันก็ทำงานได้ดี เสียงเบส เสียงแหลม มาอย่างเหมาะสมอยู่แล้ว แถมเวลาที่วิ่งลอดใต้สะพานทางด่วน สัญญาณดาวเทียมก็จะลดน้อยลง ส่งผลให้เสียงวิทยุเบาลงไปตามความแรงของสัญญาณ ซึ่งก็ไม่ดีเท่าไร และมันก็เป็นจุดอ่อนของสัญญาณดาวเทียมทุกประเภทครับ
ระบบ Voice Command ก็ใช้งานง่าย คำสั่งทั่วๆ ไป สั่งเล่นทั้งหมด เล่นเฉพาะอัลบั้ม เล่นซ้ำ เล่นแบบสุ่มอะไรก็ว่ากันไป สั่งได้หมดครับ และก็การพูดก็ไม่ต้องอาศัยสำเนียงอันงดงามมากนัก เอาเป็นว่าใครเคยใช้ Voice Command ของ BlackBerry แล้ว ก็สามารถบอกได้ว่า อารมณ์เดียวกันครับ แต่อันนี้ฟังก์ชั่นมันก็เยอะเหมือนกันครับ แต่ก็ยังใช้งานง่าย และเป็นมิตรอยู่
-
รูปร่าง.........น่ารักอะ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
-
ขอบคุณที่ทำรีวิวดีๆ ให้อ่านนะครับ ;D ;D ;D ;D