Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HLM ที่ มกราคม 24, 2023, 04:57:35
-
(https://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2023/01/2023_test_mg4-01.jpg)
อัตราเร่ง 0-100 km/h ทำได้เฉลี่ย 8.44 วินาที
อัตราเร่ง 80-120 km/h ทำได้เฉลี่ย 5.92 วินาที
Electricity Consumption
ระยะทางบน Trip Meter A : 111.8 กิโลเมตร
วิ่งเฉลี่ยที่ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เปิดแอร์ นั่ง 2 คน
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า ทำได้เฉลี่ย 4.633 km/kWh
อ่านต่อได้ที่นี้ : https://www.headlightmag.com/2023-01-24-preview-acceleration-fuel-consumption-mg-4-electric-final2/
-
ในกลุม fb ชาวเน็ตลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าขับดีมาก น่าสนใจทีเดียว ติดที่รูปทรงดูโบไปหน่อย
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
ถ้าเป็น HEV น่าจะออกแบบมาเพื่อวิ่งผสมแหละครับ พลังงานส่วนเกินกลับเข้าแบต เอากลับมาใช้ช่วงชลอตัว-ไต่ความเร็ว แต่ BEV นี่น่าจะเป็นกรณี มีเท่าไหร่ เอาไปหมุนล้อได้ยิ่งมากยิ่งดี มีอุปสรรคคือแรงต้านต่าง ๆ นี่แหละ (อากาศ) ซึ่งถ้าขับช้ากว่านี้น่าจะได้ตัวเลขที่สะท้อนความจริงที่สุด
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
ถ้าเป็น HEV น่าจะออกแบบมาเพื่อวิ่งผสมแหละครับ พลังงานส่วนเกินกลับเข้าแบต เอากลับมาใช้ช่วงชลอตัว-ไต่ความเร็ว แต่ BEV นี่น่าจะเป็นกรณี มีเท่าไหร่ เอาไปหมุนล้อได้ยิ่งมากยิ่งดี มีอุปสรรคคือแรงต้านต่าง ๆ นี่แหละ (อากาศ) ซึ่งถ้าขับช้ากว่านี้น่าจะได้ตัวเลขที่สะท้อนความจริงที่สุด
ช่วงเบรค ช่วงชะลอรถ ระบบมัน regen ไฟกลับมาด้วยครับ
รถ BEV วิ่งบนสภาพจราจรทั่วไปมันจะได้ประมาณ 5-6-7 km กว่าๆ
ต่อ 1kWh เลยครับ ซึ่งจะดีกว่าวิ่งแช่ยาวๆ ไม่มีผ่อน
(โดยทั่วไปก็ทำไม่ค่อยได้อยู่แล้ว ถึงต้องมาวิ่งตอนตี 1, ตี 2 แบบที่ HLM ทดสอบอยู่นี่)
-
ถ้ามีบ้าน หรือ townhome ชานเมืองก็น่าสนเลยนะนั่น ใช้งานวันละ 50-60 โล 3-4 วันเสียบชาร์ตทีนึง ราคาไม่เกินล้าน แรงพอๆ กะ 1.5 โบ แต่ก็ต้องรอดูเรื่องความเสถียรกันยาวๆ
ปล. XC40 EV นี่เพราะทรงตัวถังมันเหรอไงเนี่ย กินไฟสุด ๆ
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
ถ้าเป็น HEV น่าจะออกแบบมาเพื่อวิ่งผสมแหละครับ พลังงานส่วนเกินกลับเข้าแบต เอากลับมาใช้ช่วงชลอตัว-ไต่ความเร็ว แต่ BEV นี่น่าจะเป็นกรณี มีเท่าไหร่ เอาไปหมุนล้อได้ยิ่งมากยิ่งดี มีอุปสรรคคือแรงต้านต่าง ๆ นี่แหละ (อากาศ) ซึ่งถ้าขับช้ากว่านี้น่าจะได้ตัวเลขที่สะท้อนความจริงที่สุด
ช่วงเบรค ช่วงชะลอรถ ระบบมัน regen ไฟกลับมาด้วยครับ
รถ BEV วิ่งบนสภาพจราจรทั่วไปมันจะได้ประมาณ 5-6-7 km กว่าๆ
ต่อ 1kWh เลยครับ ซึ่งจะดีกว่าวิ่งแช่ยาวๆ ไม่มีผ่อน
(โดยทั่วไปก็ทำไม่ค่อยได้อยู่แล้ว ถึงต้องมาวิ่งตอนตี 1, ตี 2 แบบที่ HLM ทดสอบอยู่นี่)
ใช่ครับ เข้าใจเรื่อง regen
แต่ว่าพลังงานที่จะได้กลับมา มันก็ต้องใช้จากแบตเตอรี่ไปแต่แรก ต่างจาก HEV ที่เขาขายว่าเป็น excess energy น่ะครับ และถ้ายิ่ง regen จากการเบรคเพราะเร่งเกินจำเป็น มันจะดึงกลับมา ก็มี loss ไม่มากก็น้อย ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งดู EE เรื่อง EQXX น่ะครับ ว่า BEV มันจะมีจุดที่คุ้มที่สุด ต้อง cruise นะ
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
จริงครับ Atto ผมขับเร็ว 140-160 เลวร้ายยังไงก็ยังได้ 5km/kwh ถ้ายิ่งใช้งานนอกเมือง 90-110 นี่ไป 6.5km/kwh สบายๆเลย รถติดๆผมไป 7km/kwh ได้สบายๆ
ยังแอบ งงๆกับผลการเทสนิดนึง ผมใช้ Normal และ High Regen
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
จริงครับ Atto ผมขับเร็ว 140-160 เลวร้ายยังไงก็ยังได้ 5km/kwh ถ้ายิ่งใช้งานนอกเมือง 90-110 นี่ไป 6.5km/kwh สบายๆเลย รถติดๆผมไป 7km/kwh ได้สบายๆ
ยังแอบ งงๆกับผลการเทสนิดนึง ผมใช้ Normal และ High Regen
ใช่ครับ ที่ผมจะสื่อคือ การ Test แบบเดิม
มันจะให้ค่า Km/L ที่ดีที่สุดสำหรับรถ ICE ล้วน
และการใช้งานจริงของรถคันนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะกินมากกว่า
ตัวเลขทดสอบ
แต่กับรถกลุ่ม xEV ทั้งหลาย การทดสอบแบบเดิม
มักให้ค่าความสิ้นเปลืองสูงกว่าการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ผมอยากแนะนำว่า
1. ถ้ามีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองรวมทั้งหมดที่ยืมมาลองขับด้วยก็จะดี
แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวแปรให้เท่าๆ กันได้ทุกครั้งของการ
ใช้รถ แต่มันพอให้เห็นภาพว่าถ้าซื้อรถคันนั้นไปใช้แล้วจะเจอกับ
อัตราสิ้นเปลืองประมาณเท่าไหร่ (แบบคร่าวๆ นะ)
2. เราคงเอาอัตราสิ้นเปลืองของรถ ICE ล้วน กับ รถ xEV ที่ได้จาก
การทดสอบแบบ HLM มาเทียบกันตรงๆ แบบในตารางไม่ได้
เพราะอัตราความสิ้นเปลืองในการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถทั้งสองแบบ
จะวิ่งออกไปคนละข้างจากตัวเลขทดสอบครับ
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
ถ้าเทียบกับรถสันดาป รถ BEV มันจะ counterintuitive ตรงที่วิ่งรถติดๆ วิ่งในเมือง ขยับๆ หยุดๆ จะประหยัดกว่าวิ่งทางไกลแช่ยาวๆครับ ยิ่งวิ่งมอเตอร์เวย์ 100+ ยาวๆ ระยะลดไวมาก
แบกน้ำหนักเยอะก็มีส่วนนะครับ มัน Sensitive กว่ารถสันดาปเยอะในเรื่องพวกนี้
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
ถ้าเป็น HEV น่าจะออกแบบมาเพื่อวิ่งผสมแหละครับ พลังงานส่วนเกินกลับเข้าแบต เอากลับมาใช้ช่วงชลอตัว-ไต่ความเร็ว แต่ BEV นี่น่าจะเป็นกรณี มีเท่าไหร่ เอาไปหมุนล้อได้ยิ่งมากยิ่งดี มีอุปสรรคคือแรงต้านต่าง ๆ นี่แหละ (อากาศ) ซึ่งถ้าขับช้ากว่านี้น่าจะได้ตัวเลขที่สะท้อนความจริงที่สุด
ช่วงเบรค ช่วงชะลอรถ ระบบมัน regen ไฟกลับมาด้วยครับ
รถ BEV วิ่งบนสภาพจราจรทั่วไปมันจะได้ประมาณ 5-6-7 km กว่าๆ
ต่อ 1kWh เลยครับ ซึ่งจะดีกว่าวิ่งแช่ยาวๆ ไม่มีผ่อน
(โดยทั่วไปก็ทำไม่ค่อยได้อยู่แล้ว ถึงต้องมาวิ่งตอนตี 1, ตี 2 แบบที่ HLM ทดสอบอยู่นี่)
ใช่ครับ เข้าใจเรื่อง regen
แต่ว่าพลังงานที่จะได้กลับมา มันก็ต้องใช้จากแบตเตอรี่ไปแต่แรก ต่างจาก HEV ที่เขาขายว่าเป็น excess energy น่ะครับ และถ้ายิ่ง regen จากการเบรคเพราะเร่งเกินจำเป็น มันจะดึงกลับมา ก็มี loss ไม่มากก็น้อย ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งดู EE เรื่อง EQXX น่ะครับ ว่า BEV มันจะมีจุดที่คุ้มที่สุด ต้อง cruise นะ
สูตรพื้นฐานในการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองคือเอาระยะทางที่วิ่งได้ หาร ด้วยพลังงานที่ใช้ไป
สำหรับรถ xEV คือถ้าเหยียบตลอด พลังงานใช้ไป ระยะทางก็เพิ่มขึ้นมา อันนั้นตรงตัวดี
แต่พอเราผ่อนคันเร่ง ระยะทางยังเพิ่มจากรถไหลๆ ไป แต่พลังงานไม่ถูกใช้นะครับ
ระยะทางเพิ่ม ในขณะที่พลังงานที่จ่ายออกไปยังเท่าเดิมก่อนปล่อยคันเร่ง
ผลคือ ระยะทางต่อพลังงานมันก็จะดีขึ้น
ใน 1 ทริป ที่เราเดินทาง มันมีไหลๆ แบบนี้เยอะนะครับ และช่วงไหลๆ นี่มันยังชาร์จไฟกลับ
แม้จะนิดๆหน่อยๆ แต่มันก็ช่วยตอนเราเร่งกลับไปอีก ครับ
-
ขับหลัง บาล้านน้ำหนักดี ช่วงล่างหนึบแน่น แรงพอประมาณ นี่มัน MX5 คนจนหรือเปล่าเนี้ย
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
จริงครับ Atto ผมขับเร็ว 140-160 เลวร้ายยังไงก็ยังได้ 5km/kwh ถ้ายิ่งใช้งานนอกเมือง 90-110 นี่ไป 6.5km/kwh สบายๆเลย รถติดๆผมไป 7km/kwh ได้สบายๆ
ยังแอบ งงๆกับผลการเทสนิดนึง ผมใช้ Normal และ High Regen
ใช่ครับ ที่ผมจะสื่อคือ การ Test แบบเดิม
มันจะให้ค่า Km/L ที่ดีที่สุดสำหรับรถ ICE ล้วน
และการใช้งานจริงของรถคันนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะกินมากกว่า
ตัวเลขทดสอบ
แต่กับรถกลุ่ม xEV ทั้งหลาย การทดสอบแบบเดิม
มักให้ค่าความสิ้นเปลืองสูงกว่าการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ผมอยากแนะนำว่า
1. ถ้ามีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองรวมทั้งหมดที่ยืมมาลองขับด้วยก็จะดี
แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวแปรให้เท่าๆ กันได้ทุกครั้งของการ
ใช้รถ แต่มันพอให้เห็นภาพว่าถ้าซื้อรถคันนั้นไปใช้แล้วจะเจอกับ
อัตราสิ้นเปลืองประมาณเท่าไหร่ (แบบคร่าวๆ นะ)
2. เราคงเอาอัตราสิ้นเปลืองของรถ ICE ล้วน กับ รถ xEV ที่ได้จาก
การทดสอบแบบ HLM มาเทียบกันตรงๆ แบบในตารางไม่ได้
เพราะอัตราความสิ้นเปลืองในการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถทั้งสองแบบ
จะวิ่งออกไปคนละข้างจากตัวเลขทดสอบครับ
เอาจริงๆ กลับกัน อัตราสิ้นเปลืองรถ Ice ที่เว็ปทำได้ ผมซื้อมาใช้ ไม่เคยได้ถึงเลยครับ น้อยกว่า 3-4 โล/ลิตรตลอดทุกคัน มันอาจจะต้องเหมือนกับเทสอัตราสิ้นเปลือง BEV ที่จะกินมากกว่าใช้งานจริง ตรงนี้จะหาข้อสรุปไปทางไหนดี 555
-
ประทับใจไมล์แข็งโป๊ก
-
ไปลองขับมาก็ชอบในเรื่องของการขับขี่นะ
แต่จะไม่ซื้อเพราะจอกลาง UI ใช้งานยากและตัวอักษรเล็กมากกกกกก มากที่สุดเท่าที่เคยเห็นในรถ
แล้วระบบหลายๆอย่างเอาไปอยู่ในจอซะหมด จะปรับโหมดการขับหรือแรงหน่วง regen ก็ต้องดูจากจอกลาง ขนาดจะปิดรถยังต้องกดจากจอเลย ไม่มีปุ่มแยก
ทำให้การกดจอระหว่างขับนี่แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมันเล็กทั้งปุ่มและตัวอักษร ออกแบบได้ Epic Fail มากๆ
ผมติดแค่จุดนี้อย่างเดียวเลย :(
-
อยากให้ mg4 เอารุ่นขับ4ล้อมาขายจัง คงจะแรงกว่านี้อีกโข
-
:) 4.63 km/kw หากชาร์จตู้ 7.5 หรือ 8.5 บาทต่อหน่วย ตกโลละเกือบ2บาท ทำไมมันเป็นงงๆอย่างนี้
ผมใช้ ep กดไม่คิดชีวิต หรือบรรทุก1.8 ตัน ขับยังไงก็ยังได้ 6.5-7 km/kw รีเซททริปหมื่นกิโลดูอัตราสิ้นเปลืองยังได้ 7.3 km/kw น่าฉงนดีแท้ 8)
-
ได้รถมาแล้ว ชอบมากครับ ไม่ชอบอย่างเดียวคือ ตัวรถไม่ยอมจำค่าการขับของเรา เวลาสตาร์ทใหม่ต้องเข้าไปตั้งต่าใหม่ทุกครั้งเลย น่าเบื่อมาก
-
รถน้ำมันบ้านๆแบบผม เจอรถไฟฟ้าต้องชิดซ้ายอย่างเดียวละตอนนี้ 555
-
เจอบนถนนหลายคันแล้ว ถือว่าส่งมอบได้เร็วดีนะครับ
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
จริงครับ Atto ผมขับเร็ว 140-160 เลวร้ายยังไงก็ยังได้ 5km/kwh ถ้ายิ่งใช้งานนอกเมือง 90-110 นี่ไป 6.5km/kwh สบายๆเลย รถติดๆผมไป 7km/kwh ได้สบายๆ
ยังแอบ งงๆกับผลการเทสนิดนึง ผมใช้ Normal และ High Regen
ใช่ครับ ที่ผมจะสื่อคือ การ Test แบบเดิม
มันจะให้ค่า Km/L ที่ดีที่สุดสำหรับรถ ICE ล้วน
และการใช้งานจริงของรถคันนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะกินมากกว่า
ตัวเลขทดสอบ
แต่กับรถกลุ่ม xEV ทั้งหลาย การทดสอบแบบเดิม
มักให้ค่าความสิ้นเปลืองสูงกว่าการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ผมอยากแนะนำว่า
1. ถ้ามีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองรวมทั้งหมดที่ยืมมาลองขับด้วยก็จะดี
แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวแปรให้เท่าๆ กันได้ทุกครั้งของการ
ใช้รถ แต่มันพอให้เห็นภาพว่าถ้าซื้อรถคันนั้นไปใช้แล้วจะเจอกับ
อัตราสิ้นเปลืองประมาณเท่าไหร่ (แบบคร่าวๆ นะ)
2. เราคงเอาอัตราสิ้นเปลืองของรถ ICE ล้วน กับ รถ xEV ที่ได้จาก
การทดสอบแบบ HLM มาเทียบกันตรงๆ แบบในตารางไม่ได้
เพราะอัตราความสิ้นเปลืองในการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถทั้งสองแบบ
จะวิ่งออกไปคนละข้างจากตัวเลขทดสอบครับ
เอาจริงๆ กลับกัน อัตราสิ้นเปลืองรถ Ice ที่เว็ปทำได้ ผมซื้อมาใช้ ไม่เคยได้ถึงเลยครับ น้อยกว่า 3-4 โล/ลิตรตลอดทุกคัน มันอาจจะต้องเหมือนกับเทสอัตราสิ้นเปลือง BEV ที่จะกินมากกว่าใช้งานจริง ตรงนี้จะหาข้อสรุปไปทางไหนดี 555
ที่รถevทั้งหลายกินไฟเวลาวิ่งความเร็วสูง มากกว่าในเมืองไม่ใช่เพราะเรื่อง regen ข่วยอะไรทั้งนั้นครับ เหตุมันมาจากธรรมชาติของมอเตอร์ที่เวลามันปั่นรอบสูงมันจะยิ่งกินไฟแบบก้าวกระโดด แค่นั้นเลย ที่ความเร็วต่ำ regen ไม่ได้ช่วยอย่างมีนัยยะสำคัญขนาดนั้น จะได้ผลจริงๆคือปล่อยไหลจากความเร็วสูงน่ะครับไฟถึงจะได้กลับมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยหน่อย
ทีนี้การกินไฟมอเตอร์เนี้ยมันจะกินแบบก้าวกระโดดเลย การเพิ่มความเร็วแค่20% แต่การกินไฟเพิ่มขึ้นอาจจะเกือบ50% มอเตอร์มันมีรอบประหยัดไฟอยู่แค่ช่วงนึงเท่านั้นถ้าปั่นเร็วกว่านั้นคือกินไฟมหาโหด รถ ev บ้านเราสมมุติคนนึงวิ่ง90 คันนึง 120 อัตรากินไฟต่างกันมากโขแล้ว
แต่ถ้าวิ่งความเร็วต่ำใช้ไฟน้อยมาก โหลดมอเตอร์ไม่เยอะ รอบไม่จัด การวิ่งไหลๆในเมืองรถพวกนี้มันใช้พอๆกับเครื่องทำน้ำอุ่นในบ้านเลยด้วยซ้ำ
-
อัตราเร่งพอๆ Good Cat 500 แต่กินไฟพอๆ Good Cat GT เลยแหะ
แต่รถขับดีจริงครับ ไปลองสั้นๆ หนึบกำลังดี พวงมาลัยคมใช้ได้ ผมให้กึ่งกลางระหว่าง Mazda 2 กับ Chev Sonic เลย
แต่มห้ซื้อใช้จริงคงขอดูกันไปก่อน
ปล. ยังตะหงิดกับตัวเริ่มต้น 869,000 อยู่ว่าทำไมไม่ให้กล้องถอยหลังมา อันนี้ก็ตัดน่าเกลียดไป
-
ส่วนตัวผมมองว่า อัตราการกินไฟ เขาไม่ได้อยากได้ตัวเลขที่สะท้อนการใช้งานจริงขนาดนั้นครับ
ผมเดาว่าทางทีมงาน ต้องการเปรียบเทียบการกินไฟของรถแต่ละคันใน segment เดียวกันมากกว่า ว่าคันไหนกินกว่าคันไหน กินกว่ากันมากน้อยเพียงใด ในสภาวะตัวแปรเดียวกัน เพื่อให้เปรียบเทียบกันให้ได้มากที่สุดก็น่าจะเท่านั้นครับ
-
ผมว่าทำ อัตราสิ้นเปลืองแบบนี้ดีแล้ว
จะได้รู้ว่าเดินทางไกลด้วยความเร็ว 110 จะได้ Range ประมาณเท่าไร
อัตราสิ้นเปลืองประมาณกี่บาท/กิโลเมตร คำนวนต่อเองได้
อัตราสิ้นเปลืองในเมืองถ้ามีก็ดี แต่เข้าใจว่ากำหนดมาตรฐานในการทดสอบยาก
เวลาเปรียบเทียบมันก็อาจจะไม่ค่อยตรงสักเท่าไร
-
ส่วนตัวผมมองว่า อัตราการกินไฟ เขาไม่ได้อยากได้ตัวเลขที่สะท้อนการใช้งานจริงขนาดนั้นครับ
ผมเดาว่าทางทีมงาน ต้องการเปรียบเทียบการกินไฟของรถแต่ละคันใน segment เดียวกันมากกว่า ว่าคันไหนกินกว่าคันไหน กินกว่ากันมากน้อยเพียงใด ในสภาวะตัวแปรเดียวกัน เพื่อให้เปรียบเทียบกันให้ได้มากที่สุดก็น่าจะเท่านั้นครับ
เห็นด้วยครับ พอมีมาตรฐานแบบนี้เราก็เทียบกันได้เองอยู่แล้ว
-
เท่าที่สังเกต
พวกรถที่มีไฟฟ้ามาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น BEV, HEV เนี่ย
การทดสอบแบบ HLM ที่วิ่งนิ่งๆ 110 นี่ มักจะกินมากกว่า
การขับแบบวิ่งๆ หยุดๆ เร่งๆ ผ่อนๆ แบบที่ใช้ในชีวิตจริงนะครับ
จริงครับ Atto ผมขับเร็ว 140-160 เลวร้ายยังไงก็ยังได้ 5km/kwh ถ้ายิ่งใช้งานนอกเมือง 90-110 นี่ไป 6.5km/kwh สบายๆเลย รถติดๆผมไป 7km/kwh ได้สบายๆ
ยังแอบ งงๆกับผลการเทสนิดนึง ผมใช้ Normal และ High Regen
ใช่ครับ ที่ผมจะสื่อคือ การ Test แบบเดิม
มันจะให้ค่า Km/L ที่ดีที่สุดสำหรับรถ ICE ล้วน
และการใช้งานจริงของรถคันนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะกินมากกว่า
ตัวเลขทดสอบ
แต่กับรถกลุ่ม xEV ทั้งหลาย การทดสอบแบบเดิม
มักให้ค่าความสิ้นเปลืองสูงกว่าการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ผมอยากแนะนำว่า
1. ถ้ามีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองรวมทั้งหมดที่ยืมมาลองขับด้วยก็จะดี
แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวแปรให้เท่าๆ กันได้ทุกครั้งของการ
ใช้รถ แต่มันพอให้เห็นภาพว่าถ้าซื้อรถคันนั้นไปใช้แล้วจะเจอกับ
อัตราสิ้นเปลืองประมาณเท่าไหร่ (แบบคร่าวๆ นะ)
2. เราคงเอาอัตราสิ้นเปลืองของรถ ICE ล้วน กับ รถ xEV ที่ได้จาก
การทดสอบแบบ HLM มาเทียบกันตรงๆ แบบในตารางไม่ได้
เพราะอัตราความสิ้นเปลืองในการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถทั้งสองแบบ
จะวิ่งออกไปคนละข้างจากตัวเลขทดสอบครับ
เอาจริงๆ กลับกัน อัตราสิ้นเปลืองรถ Ice ที่เว็ปทำได้ ผมซื้อมาใช้ ไม่เคยได้ถึงเลยครับ น้อยกว่า 3-4 โล/ลิตรตลอดทุกคัน มันอาจจะต้องเหมือนกับเทสอัตราสิ้นเปลือง BEV ที่จะกินมากกว่าใช้งานจริง ตรงนี้จะหาข้อสรุปไปทางไหนดี 555
ที่รถevทั้งหลายกินไฟเวลาวิ่งความเร็วสูง มากกว่าในเมืองไม่ใช่เพราะเรื่อง regen ข่วยอะไรทั้งนั้นครับ เหตุมันมาจากธรรมชาติของมอเตอร์ที่เวลามันปั่นรอบสูงมันจะยิ่งกินไฟแบบก้าวกระโดด แค่นั้นเลย ที่ความเร็วต่ำ regen ไม่ได้ช่วยอย่างมีนัยยะสำคัญขนาดนั้น จะได้ผลจริงๆคือปล่อยไหลจากความเร็วสูงน่ะครับไฟถึงจะได้กลับมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยหน่อย
ทีนี้การกินไฟมอเตอร์เนี้ยมันจะกินแบบก้าวกระโดดเลย การเพิ่มความเร็วแค่20% แต่การกินไฟเพิ่มขึ้นอาจจะเกือบ50% มอเตอร์มันมีรอบประหยัดไฟอยู่แค่ช่วงนึงเท่านั้นถ้าปั่นเร็วกว่านั้นคือกินไฟมหาโหด รถ ev บ้านเราสมมุติคนนึงวิ่ง90 คันนึง 120 อัตรากินไฟต่างกันมากโขแล้ว
แต่ถ้าวิ่งความเร็วต่ำใช้ไฟน้อยมาก โหลดมอเตอร์ไม่เยอะ รอบไม่จัด การวิ่งไหลๆในเมืองรถพวกนี้มันใช้พอๆกับเครื่องทำน้ำอุ่นในบ้านเลยด้วยซ้ำ
และก็เรื่องพื้นฐานของแบต ฯ ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีผลไหม คือเท่าที่ทราบแบต ฯ ไม่ชอบการใช้หรือชาร์จที่กระแสสูง ๆ ยิ่งใช้กระแสสูง ๆ capacity มันจะลดลง
การขับเร็ว กระแสดิสชาร์จสูงกว่าวิ่งช้าแน่นอน
-
เข้าไปดูทีมงานก็ทำตารางได้เหมาะสมดีแล้วครับ
อัตราเร่งเทียบกับรถน้ำมันได้ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเทียบกับเฉพาะรถไฟฟ้าด้วยกัน
คือคนดูอัตราสิ้นเปลืองของทั้งรถน้ำมันทั้งรถไฟฟ้าคงไม่ได้คิดว่าขับจริงจะได้เท่าที่ทีมงานเทสอยู่แล้ว
แต่ดูเพื่อเทียบกับรถคันอื่นว่าในสภาวะควบคุมเดียวกัน คันไหนกินมากกว่าน้อยกว่าเท่านั้นเอง
ส่วน 4นี่ปัญหาเดียวกับgood catเลยแฮะ เอาทุกอย่างไว้ในจอ ปุ่มเล็กกดยาก ไม่จำค่าที่เคยตั้งไว้ต้องมากดใหม่ทุกครั้งที่ขับ
-
เปิดแอร์วิ่ง 110 นี้ไม่เหมาะกับรถ BEV แล้ว
จริงๆก็ต้องแต่ kicks แล้ว
-
170 ม้า ความเร็วสูงสุด 173กม./ชม.
ในขณะที่ Civic 178 ม้า ความเร็วสูงสุดได้ 208กม./ชม.
ทำไมต่างกันเยอะจัง
-
170 ม้า ความเร็วสูงสุด 173กม./ชม.
ในขณะที่ Civic 178 ม้า ความเร็วสูงสุดได้ 208กม./ชม.
ทำไมต่างกันเยอะจัง
รถไฟฟ้า เป็นมอเตอร์หมุนส่งกำลังลงล้อครับ น่าจะหมุนได้ระดับ 10,000 รอบ ในรถบ้านๆ และไม่ได้มีเกียร์มาช่วยทดกำลัง
ทำให้ความเร็วสูงสุดของมันไม่ได้สูง เหมือนกันอัตราเร่งครับ ถ้าจะให้ความเร็วสูงสุดเพิ่มคือต้องเพิ่มรอบมอเตอร์
เท่าที่ทราบจะมีพวก Taycan ที่มีเกียร์ต่อจากมอเตอร์ก่อนลงล้อ ทำให้ความเร็วสูงสุดมากขึ้นครับ