Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ เมษายน 01, 2023, 21:25:40
-
นอกจาก Mazda 2 ที่เป็นเครือง 1.3-1.5 นอกนั้น Mazda นี่เครื่องโตๆ ทั้งนั้นเลยครับ ขนาด CX-3 ยังเครื่อง 2.0
ผมเคยพาพ่อผมไปดูรถ ชอบภายในของเขานะครับ สวยงามวัสดุ Hi class กว่าญี่ปุ่นเจ้าอื่น
แต่ไปติดตรงเขาใช้เครื่องโตมาก คือ 2.5 NA ไม่มี Hybrid
ตัว Turbo ของ CX-5 นี่ก็เครื่อง 2.5 แตกต่างจาก Honda ที่ใช้เครื่อง 1.5 Turbo และมี 2.0 Hybrid ให้เลือกครับ
ที่สำคัญ คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ผมว่าสู้รถรุ่นใหม่ๆ ยุคนี้ไม่ได้เลยครับ เดียวนี้คนอื่นเขาไปที่ 16 โลลิตรกันหมดแล้วนะครับ
คิดอย่างไรกันครับ
-
ตรงข้ามกับผมเลยครับ ...
ผมซื้อ CX3 เพราะมันเครื่อง 2.0 นี่ล่ะครับ ในงบ 8แสนไม่เกิน 9 แสน เค้าได้เครื่องใหญ่ที่สุดแล้ว 156 แรงม้า 0-100 9.5 วิ
ค่ายอื่น 8แสนกว่าบาท ได้แค่เครื่อง 1.5 มันเล็กไปครับ ไม่ทันใจ
รถมันต้องมีกำลังครับ ไม่ใช่ขับไปลุ้นไป เดียวโดนวัยรุ่น 1.9 ดันเอาหนีๆไม่ออก โดนอัดคลิปลงเพจ R4 อีก ไม่ไหวครับอาย ...
ส่วนเรื่องกินน้ำมัน ก็เรื่องรองครับ จ่ายได้ เฉลี่ย 13-14 อะ สบาย
-
Honda เครื่อง 1.5 Turbo กับ 2.0 Hybrid ได้ทั้งแรง และประหยัด
Toyota เครื่อง 1.8 Hybrid ประหยัดก็จริง แต่อืด
Mazda เครื่อง 2.0 ถึงไม่ได้ประหยัดเท่าคู่แข่ง แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้อืด
สำหรับผม การที่ Mazda เอาเครื่องโตๆ มาวาง มันยังทำให้ผมพอจะชายตามองบ้าง มีใครมาถาม ก็ยังพอมีอารมณ์แนะนำอยู่บ้าง
แต่ถ้าวันใด Mazda เอาเครื่องเล็กมา แล้วไม่ได้พ่วงเทอร์โบ หรือเป็นไฮบริดสมรรถนะสูง ผมคงตัดออกจากตัวเลือกแบบถาวร รวมถึงไปแนะนำทุกคนที่รู้จักว่าอย่าใช้ Mazda ด้วย
ส่วนตัวก็หวังว่า Mazda จะยังคงใช้เครื่องโตๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาเครื่องที่แรงเท่าเดิม หรือแรงกว่าเดิม แต่ประหยัดกว่านี้มาลงได้
-
ไม่ซื้อเพราะมันแคบครับ
น้ำมันถ้าในเมือง 6-7 โลลิตร นอกเมืองไม่เกิน 12 ผมถือว่ากิน
ถ้าทำได้ดีกว่านั้นอยู่ในเรทที่รับได้ครับ
ส่วนเรื่องหน้าตาตอนนี้มันไม่ว๊าวแล้ว เฉยๆไปทางน่าเบื่อด้วยซ้ำเหมือนๆกันไปหมด
-
ผมไม่ติดเรื่องน้ำมัน แต่ก็คิดว่ามันเปลืองจริงๆนะครับ
พอดีผมพึ่งได้ mini f60 มาแบบงงๆ(แม่ไปยึดลูกค้ามาได้)
คือ r60 เป็นเครื่อง 1.6t 6เกียร์
F60 เป็นเรรื่อง 2.0t 7-9เกียร์(ผมไม่เคยไล่ดูเลย ไม่รู้ด้วยว่ากี่เกียร์)
สมรรถนะของ 2 รุ่นนี้พอๆกันครับ แต่คาแร็คเตอร์ต่างกันลิบลับ การบริโภคน้ำมันก็ต่างกันพอสมควร
การออกแบบ f60 คือ วิ่งความเร็วสูง แต่รอบต่ำแบบดีเซล??? รอบต่ำมากๆครับ ทำให้เวลาซิ่ง ไร้อารมณ์ เคยอัดรถกลับจากจอมเทียนมาสมุทรสาครชั่วโมงนิดๆ หน้าปัทม์โชว์ 12โลลิตร ความเร็วเฉลี่ย 120-160 ตลอดทาง ประหยัดเว่อร์วัง
วิ่งชิลๆ กรุงเทพโคราชความเร็วแถวๆ 100-120 16โลลิตร!!!
พาอ้อมไปไกลเลย แค่จะบอกว่า ถ้ามาสด้าทำอะไรกับเครื่องตัวปัจจุบันสักหน่อย อาจจะช่วยให้ขายดีขึ้นเพราะจะประหยัดขึ้น เช่น 2.0t 6เกียร์ทดชิดกว่านี้
CX30 ที่ใช้อยู่ ก็กินเท่า r60 ที่ขายไป ประมาณ 10โลลิตร
แต่เวลาซิ่งก็กินน้อยกว่า r60 แต่เวลาเล่น 4-6พันรอบก็สนุกดีครับ
วิ่งรับลูกรถติดๆพระราม2 10โลลิตร
วิ่งชิลๆกรุงเทพโคราช ทำได้แค่ 11-12โลลิตร
ซิ่งกรุงเทพชลบุรี 9โลลิตร(แต่ไม่ได้ทำเวลานะครับ)
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมชอบนั่งอยู่หลังพวงมาลัย cx30 มากกว่า r60 หรือ f60(ตัว entry) คือ มันรู้สึกสงบมากครับ แอร์เย็น รถเงียบ เครื่องเสียงดี ช่วงล่างดีกว่าเวลาไม่บู๊ คือ ฟินมากๆครับ เวลาเข้าโค้งความเร็วสูง ระบบช่วยเหลือก็ทำให้รถนิ่งระดับนึงครับ
ปล.ก่อนซื้อมาสด้า ผมก็มีมาถามในบอร์ดนี้เรื่องการกินน้ำมันครับ 9-12 โลลิตรที่ 40บาท ยังรับได้อยู่
ตอนนั้นผมกลัวเหมือน space wagon คือกินแบบไร้สาระมาก ผมก็กลัวมาสด้าจะกินระดับ 8-9โลลิตรตอนรถติด แต่พอซื้อมาใช้ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
-
ถ้าราวๆ3ปีก่อนผมคิดว่ายังน่าใช้อยู่น่ะ NA 2.0/2.5 ขับทางไกลน่าจะสมูธดี
ตัดภาพมาปัจจุบันค่ายต่างๆเข้ามีทางเลือกให้ลูกค้าเยอะมาก downsizing-turbo, hev, phev, ev
ซึ่งเมื่อเทียบกับ mazda ตอนนี้มีแค่ na หลักๆอย่างเดียว (ถ้าไม่นับพวกเครื่องดีเซล) ค่อนข้างจะโบราณไปหน่อยละ
ยิ่ง motor show สังเกตได้เลยว่าไม่มีรถโมเดลใหม่อย่าง cx-60 phev, cx-5/cx-8 my2023
แต่...มีสิ่งหนึ่งที่ลูกค้ายังชอบอยู่ทุกวันนี้คือเรื่องการขับขี่กับเกียร์ที่เป็น torque converter มันยังให้อารมณ์ในการขับที่สนุกมากกว่าค่ายอื่นที่เป็น cvt
-
ผมไม่กลัวเรื่องกินน้ำมันครับแต่ผมไม่ชอบรถเสียจุกจิก
ไม่ชอบเก๋งที่มีโบเพราะพอเก่ากลัวเหมือนพวกรถกระบะที่มีโบเวลาโบพังลากอย่างอื่นพังไปอีกหลายอย่าง :-X
ผมไม่เอาHybridค่าส่วนต่างไม่คุ้มผมใช้รถน้อย :-X
สรุปใช้คันเก่าต่อรอรถไฟฟ้า
-
Mazda มีดีมากกว่าแค่เครื่อง 2.0 นะครับ เช่น
Mazda CX-30 SP
ภายในหรูเกินหน้าในระดับเดียวกัน
กล้อง 360 ชัดมากสุด ใช้สะดวกมาก
ภายในเก็บเสียงดีสุด
ลำโพงให้ดีสุด
ระบบหยุดอัตโมมัติ ขณะถอยกรณีจะชนรถด้านหลัง เคยจะถอยชน BMW3 ป้ายแดงมาแล้ว 1 ครั้ง
เบาะนั่งสบาย ขับไกลไม่เมื่อย
จริงๆ รถมันมีข้อดี เยอะครับ มากกว่าแค่เครื่อง 2.0 คนใช้รุ่นนี้ก็เริ่มเยอะ
-
การใส่เครื่อง 2.0 ของมาสด้า ในความรู้สึกผม มันเป็นสิ่งที่ดีนะ
แต่มันไม่ได้ดีที่สุด ในด้านพละกำลัง หรือการกินน้ำมัน
พอ skyactiv 2.0 มา มันเหมือนก้าวทัน เครื่อง K20z ที่วางใน civic FD 2.0
แต่ก้าวทันเมื่อรุ่น 10ปีที่แล้วโน่น
ตอนนี้ 1.5 turbo ของ honda ล้ำกว่ามาก
เครื่อง Honda ซับซ้อนกว่าแพงกว่า ถ้าเน้นเครื่องเสร็จ honda
เม็ดเงินที่ลงมือพัฒนา mazda เปอร์เซนต์ เป็นช่วงล่าง กับเกรดวัสดุการตกแต่งมากกว่า
ถ้าจะซื้อมาสด้า คงเป็นเรื่องนี้แหละ
แต่ต้องยอมรับ ก้าวข้ามเรื่องแคบกว่า ขายต่อราคาตกกว่า และเรื่องศูนย์ไม่แพร่หลายเท่าเจ้าตลาด ก่อนนะ
-
ส่วนตัวชอบ turbo/hybrid แรงบิดมาที่รอบต่ำ ขับสนุกกว่าครับ ไม่ต้องเค้นเยอะ
เครื่อง 2.0 แรงก็จริง แต่ใช้รอบสูง
เคยลองขับ City 1.0 turbo เทียบ Civic 1.8 ยังแอบแปลกใจว่า City ดึงดีกว่าซะงั้น
-
จริงๆ รถใหญ่ เขาทำเครื่องใหญ่ออกมาก็ถูกค้องแล้วนะครับ มันมีเรื่องกำลังเครื่องที่ต้องมาฉุดลากตัวรถที่ขนาดใหญ่ขึ้นตามมาด้วยครับ
เพียงแต่รถยุคใหม่ เขาสามารถทำเครื่องเล็ก ให้มีกำลังเท่าเครื่องใหญ่ได้ จากกำลังของเทอร์โบมาช่วย ทำให้สามารถทำแรงม้าออกได้ใกล้เคียงกับเครื่อง na (ไม่มีเทอร์โบมาช่วย) ที่แรงม้าพอๆกันจะต้องใช้เครื่องที่ใหญ่ซีซีเยอะครับ
อย่างของ ฮอนด้า เองเมืองนอกเขา ถ้ารุ่นที่ต้องการกำลังเยอะๆ ถ้าผมจำไม่ผิด เขาก็มีรุ่นที่เป็น 2000 ซีซี 4 สูบ เทอร์โบ ให้เลือกด้วยนะครับ ไม่ได้มีแต่เครื่อง 1500 อย่างเดียวครับ
-
มาสด้าไม่ได้เด่นเรื่องความประหยัดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
ถ้าคุณอยากได้รถขับสนุก ภายในดูดี วัสดุน่าสัมผัสกว่าคู่แข่ง คุณถึงจะรู้สึกว่ามันน่าใช้ครับ
-
ผมสนใจเพราะเครื่องใหญ่ให้กำลังดีนี่แหละครับ (CX-5 2.5T) แต่ก็แอบขัดใจตรงอัตราการกินน้ำมันไม่สมกับเป็นเครื่องยุคใหม่ ถึงผมจะเบิกค่าน้ำมันได้ทั้งหมด แต่กินพอๆกับ EJ25T ผมว่ามันเกินไปหน่อย ... แต่เอาถึงสุดท้ายแล้วว่าถ้าผมมีที่ว่างจะซื้อรถอีก 1 คัน ก็มีโอกาสเป็นเจ้านี่สูงครับ
ปล. ผมว่า segmentation เค้าชัดครับ ไม่พยายามเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน
-
ที่ไม่ซื้อ Mazda น่าจะเหตุผลอื่น ๆ นะไม่ใช่เรื่องกินน้ำมัน
-
ทำไมต้องมี Stereo type ว่าคนซื้อรถต้องเน้นประหยัดอันดับแรก ???
คนซื้อรถเพราะสมรรถนะ ความหรู ความแรงมีเยอะแยะไป
ส่วนตัวผมมองว่าถ้าจะซื้อรถที่สูงกว่า Eco Car แล้วยังต้องมากังวลอัตรากินน้ำมันที่ต่างกันแค่ 2-3 กม./ลิตร คนซื้อน่าจะกลับไปพิจารณาตัวเองก่อนว่ารถมันเกินกำลังตัวเองไปหรือไม่
-
ผมซื้อก็เพราะเครื่องใหญ่ ไม่ Hybrid ไม่ Turbo เนี่ยแหละครับ
CX8 ที่ใช้อยู่ กินน้ำมันที่ 9.8 โล/ลิตร ส่วนใหญ่ขับในเมือง ผมรับได้นะครับ
-
ผมจะซื้อ mazda ก้เพราะเครื่องใหญ่นี่แหละครับ
ชอบแบบ Na ยังอยากให้เอาเครื่อง 2.5L มาลง M3, 30 ิอยู่เลย
แต่ข้อเสียหลักๆของ mazda เลยคนนั่งหลังไม่ค่อยสบาย size อย่าง.CX-30 นั่งหลังสู้ cross, HR-v ไม่ได้เลย
-
ตัวรถรวมถึงเครื่องยนต์ทำให้สนใจ mazda แต่วิธีการบริหารจัดการหลังการขาย และการแก้ปัญหาไม่ว่าจะน้ำดัน ปั๊มติ๊ก ทำให้ไม่สนจน mazda ครับ
-
เชื่อว่ามีเยอะครับ อาจจะเยอะกว่าคนไม่ซื้อเพราะปั๊มติ้ก น้ำดันด้วยเพราะเป็นอะไรที่เห็นชัดๆจากสเปคในขณะที่เจ้าอื่นไปไฮบริด ไปเทอร์โบหมดแล้ว
อย่างไรก็ตามผมก็ยังใช้อยู่เพราะวิ่งแค่วันละ10-15โล ผมเอาเครื่องที่แรง ที่ปัญหาน้อย(รึเปล่า55) กับหน้าตาภายนอกภายในที่ถูกใจไว่ก่อน
แต่คนที่เค้าขับรถวันละ50-100โล จะไม่ซื้อก็ไม่แปลก
-
อ่านเจอมาเยอะ ที่บอกว่า มาสด้าเครื่องโบราณ เครื่องเทอร์โบ ฮอนด้าเทคโนโลยีดีกว่าเยอะ ตรงนี้ งง ใครมาอธิบายทีสิ ..
เครื่อง skyactiv เนี่ย เครื่องฉีดตรงนะครับ ถ้าเทียบโตโยต้าก็คือเครื่อง D4S ในแคมรี่แล้ว และรถยุโรปทุกวันนี้ก็ฉีดตรงหมด = โบราณ
คือการมีเครื่องเล็ก+โบ คือไฮเทคที่สุดแล้วหรือครับ
-
ก็ถูกแล้ว ใหญ่เป็นต่อ
เล็กฉีดสเตียรอยด์ ก็ต้องดูว่า ทนทายาดได้แค่ไหน
-
ผมเองมองว่า Mazda น่าจะเป็นไม่กี่ผู้ผลิต
ที่มุ่งมั่นในการสร้างรถเพื่อคนขับ ประณีตในรายละเอียด
และมีความอนุรักษ์นิยมสูง
ผมกลับรู้สึกดีที่เขาไม่เน้นตลาดใหญ่ แบบ Toyota
ผมเองขอยังมีความคิดจะซื้อ Mazda 3 เก็บไว้
แม้เครื่องยนต์ 2.0 na จะไม่ได้ให้พละกำลังดีแบบ 1.5T หรือ 2.0 HEV แต่มันมีความเป็นธรรมชาติกว่า
ยังไม่นับการส่งกำลัง และช่วงล่าง ที่มันให้ความเป็นรถยนต์ แบบที่รถยนต์ควรเป็น
ตัวผมเองมีรถเครื่อง turbo และ PHEV แม้อัตราเร่งจะดีกว่า แต่มันขาดความเป็นธรรมชาติ การคาดเอาการส่งกำลังมันคาดคะเนไม่ได้ แบบ n/a
Mazda เองเขารู้ว่าตรงเองมีเป้าหมายคืออะไร ลูกค้าเขาคือใคร ในกลุ่มรถตลาด Toyota Honda MG Mazda ผมยังคงมี Mazda เป็นตัวเลือกแรก ๆ เสมอ
ผมเองก็ยังกลัวลึก ๆ ว่า ถ้า Mazda ไทย ไม่เปิด line up ใหม่ ๆ มันคงจะค่อย ๆ หายไปจากตลาด เหลือแต่ผู้เล่นตลาด mass ซึ่งมันไม่ตรงกันความต้องการของผม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คงเหลือแค่ BMW และ Audi ซึ่งผมยังกังวลในแง่การบำรุงรักษาระยะยาว
อัตราการสิ้นเปลืองสำหรับผทเป็นหัวข้อท้าย ๆ ในการตัดสินใจครับ ผมเองมีรถที่บริโภคตั้งแต่ 6 - 20+ km/l น้อยครั้งมากรู้สึกว่าเราต้องมากกังวลว่ารถเราจะกินน้ำมันไหน ผมเน้นขับสนุกเป็นหลักครับ
-
ถ้าผมอยากได้รถประหยัดน้ำมัน ผมไม่ดู Mazda เลยครับ ต่อให้เป็น Mazda 2 ก็เถอะ
ไปลองขับมาหลายรุ่น ทั้ง 2 3 CX5 จนถึง BT-50 จะซื้อหลายรอบแล้ว เหตุผลที่อยากได้คือเรื่องการขับขี่ล้วนๆ แต่ที่ไม่ได้ซื้อซักที จนตอนนี้ไม่เคยคิดจะซื้อยี่ห้อนี้อีกเลย เพราะเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวรถครับ
-
ผมว่ามาถกกันว่าเครื่อง 2.0 2.5 ของมาสด้านี่มันกินน้ำมันจริงไหมก่อนดีกว่า
ซึ่งตรงนี้คงต้องเอาตัวเลขต่างๆ ในเงื่อนไขต่างๆมากางกันเลยว่ากินกว่าเพื่อนร่วมคลาสหรือไม่อย่างไร
คนกลุ่มที่คำนึงถึงความประหยัดเป็นเรื่องแรก ยังไงๆก็มองรถที่ถูกที่สุดและน่าจะประหยัดน้ำมันที่สุดมาก่อน
ดังนั้นไม่น่าใช่กลุ่มเป้าหมายของเครื่อง 2.0 2.5 ของค่ายนี้ครับ
คนทั่วไปอาจคิดว่าช่วงนี้ค่ายนี้เงียบจัง
มาสด้าอาจจะอ่านขาดก็ได้นะครับว่าช่วงนี้คลื่นลมแรง ไม่เป็นใจกับทางเขา ทำอะไรไปอาจจะมีแต่เสีย
อยู่นิ่งๆ แก้ปัญหาหลังบ้านตัวเองไปก่อนดีกว่า ทิศทางลมเปลี่ยนแล้วค่อยลุยกันใหม่ก็ไม่สาย
-
ผมนี่ขับ Altis 1.6 CVT กับ Mazda3 2.0 แล้วได้อัตราสิ้นเปลืองพอๆกัน
ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้กินอะไรขนาดนั้น เมื่อเทียบกับเครื่อง NA ด้วยกัน
บางทียังเคยขับ Vios 1.5 CVT โฉมสุดท้าย แล้วกินน้ำมันกว่าเครื่อง 2.0 เลย (Vios น้ำมัน E20 เคยได้ 10-11 km/l แต่เฉลี่ยปกติจะอยู่ 12-13)
แต่ถ้าเทียบกับเครื่อง 1.5 turbo ของ Honda แล้ว อันนั้นเขาทั้งแรงและประหยัดกว่า 2.0 ของ Mazda จริงๆ
ก็ไม่รู้ว่าทำไม Mazda ถึงไม่ทำเครื่อง downsize turbo ออกมาบ้าง แต่ถ้าทำออกมาตอนนี้คงไม่ทันแล้วหล่ะ ทำ EV ไปเลยดีกว่า
แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้เลือก Civic 1.5t เพราะเข็ดกับศูนย์ Honda แถวบ้าน แล้วก็ไม่มั่นใจกับคุณภาพตัวรถของ Honda ซักเท่าไหร่
-
ไม่ซื้อ อีกต่อไปแล้ว เพราะ อะไหล่แพง ซ่อมแพง
ถึงจะเอาบำรุงรักษาฟรีมาล่อ ก็ไม่เอาแล้ว
ส่วนเรื่องกินน้ำมันไม่เป็นประเด็น
-
ถามในนี้ อาจจะไม่มีคนคิดเหมือนจขกท.เท่าไหร่ครับ เพราะนี่บอร์ดคนชอบรถ สมรรถนะ ดีไซน์ ช่วงล่าง สำคัญกว่าอยู่แล้ว
ถ้าไปถามคนทั่วไปที่ไม่สนใจรถ ก็ไม่แน่ครับ
-
มันก็ไม่ได้กินน้ำมันกว่ายี่ห้ออื่นมากกว่าขนาดนั้น แค่มันขับสนุกกว่าเลยเผลอเหยียบมากกว่า ถ้าขับเรื่อย ๆ ก็ประหยัดพอกันล่ะครับ
-
2.0 sky g ถ้าอยู่ในรถมาสด้า 3 ไม่ได้เลวร้ายนะครับ เรื่องอัตราสิ้นเปลือง กินกว่า civic 1.5t อยู่ 1.5
Km/l ถ้าใช้งานยาวๆหรือนอกเมืองแต่ถ้าขับรถไม่เกิน 110 หรือใช้งานในเมืองไม่เหมาะหรอกครับ รถกิน
น้ำมันพอสมควรแน่ๆ ซื้อรถยี่ห้อนี้ ภายในสวยดีแต่เก่าไว วัสดุเหี่ยวไวไม่ใช่ใช้ของไม่ดีนะครับ แต่สต้อคนาน
ตากแดด บางคันเห็นแล้วสงสารเลยจอดอยู่ไม่ได้ติดฟิล์มด้วย
-
ใช้ cx30 อยู่ ในกลุ่มชมแบบโอเว่อเกินไปเรื่องกินน้ำมัน คือขับแบบเลี้ยงคันเร่ง ขับจริงสู้ honda 1.8 ยังไม่ได้เลย ดิ้นกันใหญ่ แค่เครื่องฉีดตรง ที่ว่าประหยัดคือเทียบกับเครื่องตัวเดิมแค่นั้น ผมเคยใช้ มาสด้า 2 มาก่อน
-
สาเหตุที่ไม่ซื้อ Mazda
1.ภายในแคบ
2.บริการหลังการขาย แก้ปัญหาไม่ค่อยจบ ช่างไม่เก่ง เข้าศูนย์แต่ละครั้งแพง
-
ปี 21 ถึงเวลาเปลี่ยนรถพอดี ตั้งใจจะซื้อ Mazda ครับ ตัดสินใจ ระหว่าง 3 กับ CX-30
เหตุผลคือ Mazda เป็นเจ้าเดียว ที่ ยังไม่ CVT และ มี 2.0 ให้เลือกครับ
แต่สุดท้าย ไม่ได้ซื้อ ไปซื้อ ยุโรป มือ 2 แทน
-
มีพี่สาวผมซื้อ 1 คน เพราะว่า เครื่อง 2.0 n/a นี่เลยครับ
เพราะว่าเขาอยากได้รถสันดาปล้วน ในรถซีดาน C-segment ตัวท็อป
ขยับมาจากรถ eco car คันแรก เทียบไปเทียบมา มาตกลงปลงใจกับเจ้า
mazda 3 เฉยเลยครับ เท่าที่ผมดูแล้ว ศูนย์ในจังหวัดผมยอดดีอยู่นะครับ
แต่ส่วนใหญ่จะเป็น CX-30 ซ่ะมากกว่า
-
คิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ซื้อเพราความเป็น Mazda นี้แหละ
รถทำมาเอาใจคนขับ ภายในแคบกว่าคู่แข่ง
ไหนจะเรื่องศูนย์บริการอีก
เหตุผลที่คนซื้อก็เพราะมันเป็น mazda นี้แหละ จบตั้งแต่โรงงาน น่าจะเป็นยี่ห้อแรกๆใน C-Seg ที่ใส่ล้อขอบ 18 มาให้
ช่วงล่างเอาอยู่สำหรับการขับขี่ปรกติ
แต่กลุ่มที่จะแต่งมองว่ามันตัน ยังไง เอา civic 1.5t ทำเครื่อง+ช่วงล่างไปได้ไกลกว่า mazda3
เครื่องยนต์ มองว่ามันล้าหลังกว่า 1.5t แต่พอได้ลอง 1.5t+cvt กับ 2.0s+6at เรื่องฟิลลิ่งการขับ อาจรวมถึงภายในด้วย Mazda กินขาดลอย
สุดท้ายถ้าต้องเลือก ผมก็คงเลือก civic อยู่ดี
เรื่องการกินน้ำมัน ต่างกัน ไม่ถึง 2kml ผมรับได้นะ
-
ก่อนผมจะถอย Cross ผมชอบและเกือบจะจัด CX30 มาแล้ว แต่เหตุผลที่ผมไม่จัด ไม่ใช่เรื่องแคบ เพราะส่วนใหญ่ผมใช้รถคนเดียว ไม่ใช่เรื่องกินน้ำมัน (Tiida ประหยัดตรงไหนละ 555) แต่เหตุผลที่ไม่เอาเลยคือ ตัวรถโทรมเร็วมาก ผมทั้งนั่ง ขับของเพื่อน ทั้งเช่ารถมาขับ ขนาดรถอายุ 4-5 ปี รู้สึกว่าโทรมเหมือนรถอายุ 10 ปี เลย เป็นเกือบทุกคัน เลยตัดสินใจไม่เอาครับ
-
ผมมองว่ากินน้ำมันแทบไม่ใช่ปัญหาเลยครับ
คุณลองดูกระทู้รวบรวมตัวเลขอัตราเร่งกับสิ้นเปลืองด้านบนที่ปักหมุดไว้ดู
Mazda ไม่ได้กินดุเดือดกว่าชาวบ้านแบบเลขแย่ไป 3-4km/l อะไรขนาดนั้น
ยิ่งเครือ C-Seg SUV CX-5 กิน 15km/l พอๆกับชาวบ้าน ส่วน CX-3 ดูกินเยอะ (14.88km/l) ก็เพราะใน B-Seg SUV มีแต่กลุ่มเครื่องเล็กกว่า บางรุ่นก็พ่วงไฮบริด (Kicks ไป 19 ลิตรนู่น)
C-seg ธรรมดาก็กินมาตราฐาน 17 โลลิตร แล้วอย่าลืม Segment นี้ไม่มีเครื่อง 2.0 ลิตรเจ้าอื่นแล้ว
ผมมองว่าคนที่จะไม่ซื้อ Mazda เรื่องอัตรากินน้ำมันในยุค Skyactiv นี่คือไม่มีอะครับ ถ้าเป็นยุคแชร์แพลตฟอร์มกับ Ford อะผมเข้าใจ (ยุค Mazda 2 ตูดเป็ด)
ถ้าคนจะไม่ซื้อ เป็นเพราะเรื่องอื่นล้วนๆ เช่น
1. ที่ข้างหลังคับแคบ อย่างที่นั่งด้านหลัง รถบ้าอะไรออกแบบให้มี 5 ที่นั่ง แต่นั่งได้เหมือน Coupe
2. ปัญหาน้ำดันในกลุ่มดีเซล ถ้ากลุ่มเบนซิน.. เอ่ มีรึเปล่านะ หัวฉีด?
3. ปัญหาศูนย์บริการที่เรื่องมากแบบปญอ (ถ่ายน้ำมันเองประกันขาด เออ เอากับเขาสิ)
4. ราคาอะไหล่ที่แพงแบบไร้สาระ (ยังดีมันไม่เปราะเท่านิสสัน ไม่งั้นน่าจะมีประท้วงกันแล้วมั้ง)
แค่นั้นเลยที่คนจะไม่ซื้อ Mazda
-
ผมชอบเครื่อง NA นะ กินนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่กลัวนโยบายไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้ (ถึงตอนนี้จะยอมแล้ว) กับศูนย์บริการที่หาดีๆยาก แถวบ้านก็ปิดไป 2 แห่งแล้ว
-
ตอนนั้นที่ซื้อ 2 1.5D ก็เพราะแค่ว่ารีวิวสื่อบอกมันขับดี ไปนั่งแล้วชอบ พื้นที่แคบก็ไม่เป็นประเด็น แล้วต้องการรถที่มีอัตราเร่งเป็นรถที่ใช้เป็นรถคันเดียวไปทุกที่ที่มีถนนได้
เรื่องน้ำมันนี่แทบไม่ได้คิดเลยว่ามันจะประหยัดกว่าชาวบ้านหรือเปลืองกว่า ขอแค่ตรงโจทย์ด้านบนพอ + ชอบ ก็จัดมา
สุดท้ายแล้วใช้มาเข้าปีที่ 7 ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องน้ำมัน เพราะน้ำมันที่จ่ายไปก็ไปเอาคืนที่ค่าบำรุงรักษา พอแตะเข้าแสนโลนี่อะไหล่ช่วงล่างหลายตัวก็ต้องเปลี่ยนเรื่อยๆ ล่ะ Space Wagon เข้าปีที่ 16 ยังไม่หนักขนาดนี้ (หรือเพราะตัวนี้มันกินน้ำมันไปมากกว่าแล้วก็ไม่รู้ ถถถถถถถ)
ไม่รู้ว่าเครื่อง 2.0 2.5 NA ถ้าไม่ได้ขับตามมาตรฐาน hlm ทดสอบแล้วมันจะกินในชีวิตประจำวันไปกว่ารถ Turbo / xEV มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าต่างกัน คนซื้อคือมีผลแน่ครับ
คนใช้รถแพงๆ ขนาดใหญ่ๆ เค้าก็มีกลุ่มคนที่อยากได้ประหยัดน้ำมันอยู่ ไม่ใช่เรื่องไหวไม่ไหวเกินกำลังอะไร มีใครไม่ชอบประหยัดค่าใช้จ่ายบ้าง มันก็ต้องมีคนที่จำเป็นต้องใช้รถขนาดนั้นแต่ไม่อยากจ่ายเยอะ ลำพังจ่ายค่ารถคันนึงก็อยากได้รถที่คุ้มค่าให้สมกับที่เค้าจะหาเงินมาซื้อได้ไม่บ่อยครั้งนักอยู่แล้วครับ
-
มาสด้านี่เป็นอะไรที่มักโดนยกมาพูดทับถมเกินจริงตลอดแต่ไหนแค่ไรแล้ว ตั้งแต่สมัยมาสด้า3bkกัซีวิคfd เว็บนี้เองทำการทดลองขับความต่างอยู่ที่ไม่เกิน3กิโลลิตรแต่คนเอาไปพูดกันต่อว่าซดน้ำมันมากกกกกใช้ไม่ได้เลย มันไม่ได้ซดขนาด5กิโลลิตรอย่างฮัมเมอร์เนอะ เบาะหลังก็อีกพูดกันว่าแคบมากกกกกกกแคบจนนั่งไม่ได้เลยนั่งได้แต่เบาะหน้าผมใช้มาสด้า3มาหลายปีอยู่คนก็นั่งหลังกัน3คนไม่ได้มีใครบ่นเลยโอ้ยแคบมากอึดอัดนั่งไม่ได้เลย จนมาใช้ฟอร์ดโฟกัสที่พื้นฐานเกียวกันเด้ะก็ไม่ได้มีใครมาบ่นเลยว่าแคบมากอึดอัดนั่งไม่ได้ จนผมงงว่าจะด.จ.รกันไปทำไม? มันไม่ได้เล็กขนาด dog seat อย่างออดี้ tt เลย พวกพากันพูดเกินจริงไปมากมาย ผมเห็นด้วยกับที่มีคนว่ากินน้ำมันต่างกันไม่เกิน5กิโลลิตรมันก็มีคนที่ไม่ได้สนใจความต่างแบบกระสิดกระเมีเยนแบบนี้อ่ะครับ ตลาดเค้ามีของเค้า คนซื้อรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อต้องการไม่เหมือนกัน จะเกทับจะเหยียดกันเกินจริงทำไม?
-
ไม่ ซื้อ เพราะฟ้องลูกค้า เอาเปรียบ แต่คนไทยก็ยังยอมให้เอาเปรียบกันต่อไป
-
Mazda เครื่องยนต์ Sky active ค่อนข้างเก่าแล้ว ประสิทธิภาพความประหยัดพละกำลัง
สู้ Dynamic Force ของ Toyota หรือ 1.5 Turbo ของ Honda ไม่ใด้ครับ
เขาเลยต้องเอาด้านอื่นมาสู้ เช่น Trimการตกแต่งที่ดีกว่า การเก็บเสียงดีกว่า เครื่องเสียงดีกว่า
Mazda ไม่ประสพความสำเร็จเรื่องพัฒนาเครื่องยนต์เท่าที่ควร
ทำ Diesel ก็เจอน้ำดัน ทำ Sky active X ก็แพง เลยต้องลากตัวเครื่องเบ็นซิน ปจบ มาเป็นสิบปีแล้ว
-
ซื้อ mazda 3 bm เพราะตอนนั้นไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ครับ กับภายใน และ option ที่โอเคสุดนะตอนปี 2015 ปัจจุบันก็ยังขับดี รถติดๆ 7-9 km/L ทางไกล กทม - เชียงใหม่ แบบทำเวลา 6-7 ชม ยังได้ 12-14 km/L ก็รับได้ครับ ได้เครื่องเล็กแรงๆ ก็ดีครับ ภาษีประจำปีก็ถูกดี รอคันใหม่ที่ใช่อยู่เหมือนกันครับ แต่ไม่รีบ เพราะยังไม่มีปัญหาเลย ขับดีมาก
-
อยากได้ CX5 ตัว 2.5NA อยู่ครับ
อัตราเร่งดี
กินน้ำมันเป็นเรื่องน่ากังวลไหม ก็น่ากังวลนะครับถ้าคุณขับเดือนละ สองหมื่นโลขึ้นไป
มีคนใช้ HRV-eHEv กับ CX8 2.5
ในเมืองด้วยนะ 9 โลลิตรกับ 16 โลลิตร ขับวันละ 80 กิโลเมตร
8.8 กับ 5 ลิตร ต่างกันวันละ 120 บาท
เหมือนเยอะเนอะ แต่คนซื้้อรถคันละ เกือบสองล้าน จ่ายค่าน้ำมันต่างกันเดือนละ 3000 บาท มันใช่ประเด็นไหม
อย่างที่ เรปบนๆบอก ถ้าใช้รถ 1.5 ล้านบวก แล้วเดือนค่าน้ำมันต่างกันเกินไม่เกิน 5 พัน แต่มานั่งกังวล ใช้รถเกินตัวละครับ
-
ไม่ ซื้อ เพราะฟ้องลูกค้า เอาเปรียบ แต่คนไทยก็ยังยอมให้เอาเปรียบกันต่อไป
เรื่องฟ้องลูกค้าก็เรื่องนึงนะครับ แต่ที่บอกเอาเปรียบนี่ยังไงหรอ ...
คือถ้าวัดความเอาเปรียบ เทียบคุณภาพวัสดุและ option ต่อราคาแล้วบอกเอาเปรียบคงไม่ใช่นะครับ .. . แบบไหนคือไม่เอาเปรียบ สเป็กด้วนๆ เซ็นเซอร์ถอยไม่มี กล้องรอบคันไม่มี เบรคมือโบราณ เครื่อง 1.5 เบาะปรับมือ ขาย เกือบ 9 แสน คือไม่เอาเปรียบ
-
อยากได้ CX5 ตัว 2.5NA อยู่ครับ
อัตราเร่งดี
กินน้ำมันเป็นเรื่องน่ากังวลไหม ก็น่ากังวลนะครับถ้าคุณขับเดือนละ สองหมื่นโลขึ้นไป
มีคนใช้ HRV-eHEv กับ CX8 2.5
ในเมืองด้วยนะ 9 โลลิตรกับ 16 โลลิตร ขับวันละ 80 กิโลเมตร
8.8 กับ 5 ลิตร ต่างกันวันละ 120 บาท
เหมือนเยอะเนอะ แต่คนซื้้อรถคันละ เกือบสองล้าน จ่ายค่าน้ำมันต่างกันเดือนละ 3000 บาท มันใช่ประเด็นไหม
อย่างที่ เรปบนๆบอก ถ้าใช้รถ 1.5 ล้านบวก แล้วเดือนค่าน้ำมันต่างกันเกินไม่เกิน 5 พัน แต่มานั่งกังวล ใช้รถเกินตัวละครับ
เพื่อนผม Volvo D5 กับ T8
จาก D5 ที่ได้ 18kml++ ทางไกล มาเจอ T8 ที่ทางไกล ได้ 12kml
กลายเป็น T8 ไว้วิ่งในเมือง วิ่งไกลๆ เอา D5 ไป นอกจากนั้งเต็มคัน เอา t8 ไป
อาจไม่ได้เป็นประเด็นมาก แต่แต่เบาลงได้ มันก็ดีครับ
-
ก่อนจะซื้อ HRV อะชอบนะ อยากได้ Cx3 ไม่ก็ Cx5 พอไปดูแล้ว มันแคบไปจริง ตอนนั้นคือต้องขนของเลยตัดทิ้ง
-
ไม่ ซื้อ เพราะฟ้องลูกค้า เอาเปรียบ แต่คนไทยก็ยังยอมให้เอาเปรียบกันต่อไป
เรื่องฟ้องลูกค้าก็เรื่องนึงนะครับ แต่ที่บอกเอาเปรียบนี่ยังไงหรอ ...
คือถ้าวัดความเอาเปรียบ เทียบคุณภาพวัสดุและ option ต่อราคาแล้วบอกเอาเปรียบคงไม่ใช่นะครับ .. . แบบไหนคือไม่เอาเปรียบ สเป็กด้วนๆ เซ็นเซอร์ถอยไม่มี กล้องรอบคันไม่มี เบรคมือโบราณ เครื่อง 1.5 เบาะปรับมือ ขาย เกือบ 9 แสน คือไม่เอาเปรียบ
เห็นด้วยเลยครับ สงสัยว่าเอาเปรียบตรงไหน
วัสดุดีที่สุดในคลาสเดียวกัน ออฟชันก็สุดในคลาส
ทั้งๆที่เสียภาษีเยอะกว่า
ในขณะที่รถตลาด วัสดุมีแต่พลาสติกแข็ง
ออฟชั้นก็กั๊ก
-
กลายเป็นกระทู้โจมตี mazda ไปซะแล้ว
-
ถ้าแปดแสนเก้าแสนได้เครื่อง1.5 โครงสร้างบริโอ หรือ mpv ที่มาจากอินโด วางเครื่อง 1.5 ที่ขายกันแปดเก้าแสน บสงรุ่นก็เกียร์โบราณพระเจ้าเหา บางรุ่นประกอบได้ชุ่ยๆ ห้องเครื่องไม่น่าดู เปลือยเป็นสีรองพื้นไม่พ่นสี แต่ขายแปดเก้าแสนผมไม่เอาหรอกนะครับ แม้ว่าจะซดเปลืองแต่เครื่องมันแรงสมราคา แถมภายในภายนอกดูดี โครงสร้างตัวถังดีผมก็ซื้อนะครับ ไม่ใช่เครื่อง 1500 แต่ขายราคาเครื่อง 1.5เทอร์โบ เครื่องสองพันแบบทุกค่ายยุ่นชอบทำ แต่ทั้งนี้ผมมองว่ามาสด้าควรมีเครื่องโบกับเกียร์ตัวใหม่ 7-8สปีกมาให้ได้แล้วไม่ใช่แซยิดแบบนี้ครับ แม้ว่าเครื่องตัวนี้จะทนไม่จุกจิกก็ตามแต่ควรปรับปรุงสมรรถนะบ้าง
-
ผมว่าคนที่มอง Mazda น่าจะเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้วนะครับ ถ้าจะไม่ซื้อ คงเป็นปัจจับอื่นที่หลายๆ ท่านได้บอกเอาไว้แล้ว ส่วนคนที่ซื้อ คงทำใจกับเรื่องการกินน้ำมันอยู่แล้ว
-
แวะมาให้ข้อมูลเพิ่ม cx5 ke เติม E20 ขับทางไกล เคยประหยัดสุด 15 ก.ม./ลิตร (90 ก.ม./ช.ม.) => ทดลองวิ่งยาวๆ
อัตราสิ้นเปลืองปกติ อยู่แถว 12 - 13 ก.ม./ลิตร E20 ถ้าเติม GS-95 จะดีกว่ากันอีกราว 1 ก.ม./ลิตร => วิ่งแถวอมตะซิตี้-ศรีราชา
สำหรับผมก็พอใจนะ รถคันใหญ่ วิ่งได้ระดับนี้ แม้จะไม่ประหยัดเท่าคู่แข่งรุ่นใหม่ๆ
-
ใช่ ไม่ซื้อ เพราะว่า ค่อนข้างกินน้ำมัน เพราะมันเป็นรถใช้ทุกวัน ก็ต้องหาประหยัดไว้ก่อนสิ
บางคนบอกมันขับสนุก ส่วนตัวผมถ้าขับเอาสนุก ไม่เอารถแบบนี้หรอก หารถที่ขับสนุกจริงๆดีกว่า
-
ผมซื้อ SUV ยังไงก็กินน้ำมันอยู่แล้ว
ที่ไม่ซื้อ MAZDA เพราะไม่มีรถ
เมื่อเดือน 8 จะซื้อ CX-5 แต่ไม่มีรถ เลยต้องไปเอา FORESTER แทน
-
ผมซื้อ SUV ยังไงก็กินน้ำมันอยู่แล้ว
ที่ไม่ซื้อ MAZDA เพราะไม่มีรถ
เมื่อเดือน 8 จะซื้อ CX-5 แต่ไม่มีรถ เลยต้องไปเอา FORESTER แทน
เห็นญาติออกฟอเรสเตอร์แกก็ใช้งานดีไม่จุกจิกครับ
-
ปี 2023 แล้ว แต่รถเล็กน้ำหนักเบาเครื่องใหญ่ ก็ยังเป็น cx3 อยู่ดี
ขับเล่น ๆ ซักปี จากนั้นก็เปลี่ยนปลายท่อ ใส่ยางสปอร์ต รีแมพ 8)
-
เรื่องกินน้ำมัน ผมก็ติดนะ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นให้มีผลต่อการซื้อไม่ซื้อขนาดนั้น
แต่ติดแบบเต็ม ๆ คือความแคบด้านหลังเนี่ยแหละคับ
-
คนใช้มาสด้า ส่วนใหญ่ เค้าชอบความแรง ขับสนุก ภายในดูดี เรื่องน้ำมันเป็นรองครับ แต่ก็ไม่ได้กินอะไรขนาดนั้นนะครับ 11-13 รับได้
-
ปี 2023 แล้ว แต่รถเล็กน้ำหนักเบาเครื่องใหญ่ ก็ยังเป็น cx3 อยู่ดี
ขับเล่น ๆ ซักปี จากนั้นก็เปลี่ยนปลายท่อ ใส่ยางสปอร์ต รีแมพ 8)
นั่นแหละครับ จะให้ไปออกรถเครื่องพันพ้าราคาแปดเก้าแสนมันไม่สมเหตุผลเลย ทั้งที่บางรุ่นคืออีโค่คาร์ยกสูงวาง
เครื่อง1,500cc จะไปไฮบริดก็กลัวหาอู่ทำเป็นได้ยากครับ ราคาแบต อินเวอร์เตอร์และปั๊มเบรคไฮบริดราคาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักครับ
-
เราใช้ Camry 2.0 มาก็เฉยๆ กับการกินน้ำมันนะ ไม่ค่อยปรู๊ดปร๊าดเท่าไร ถ้าเป็น CX3 ตัวถังเล็ก เบากว่า คงปรู๊ดปร๊าดสะใจดี แต่สุดท้ายไปจบ CHR Hybrid ซะงั้น เพราะเรื่องฝุ่น PM2.5 ล้วนๆเลย 😅 แต่ Hybrid ก็แอบเปลี่ยนความคิดเราเหมือนกันว่ามันประหยัดน้ำมันมาก คันต่อไปก็อยากได้ประหยัดแบบนี้ แต่ไม่เอาอืดๆแบบนี้ 😂
-
ต้องไม่เข้าใจผิดคิดว่า 2.0 มัน ใหญ่ เสียก่อนครับ
แต่ก็เห็นด้วยที่มันควรจะพัฒนากว่านี้ อยู่กับที่มาจะ 10 ปีละ
-
มาสด้านี่เป็นอะไรที่มักโดนยกมาพูดทับถมเกินจริงตลอดแต่ไหนแค่ไรแล้ว ตั้งแต่สมัยมาสด้า3bkกัซีวิคfd เว็บนี้เองทำการทดลองขับความต่างอยู่ที่ไม่เกิน3กิโลลิตรแต่คนเอาไปพูดกันต่อว่าซดน้ำมันมากกกกกใช้ไม่ได้เลย มันไม่ได้ซดขนาด5กิโลลิตรอย่างฮัมเมอร์เนอะ เบาะหลังก็อีกพูดกันว่าแคบมากกกกกกกแคบจนนั่งไม่ได้เลยนั่งได้แต่เบาะหน้าผมใช้มาสด้า3มาหลายปีอยู่คนก็นั่งหลังกัน3คนไม่ได้มีใครบ่นเลยโอ้ยแคบมากอึดอัดนั่งไม่ได้เลย จนมาใช้ฟอร์ดโฟกัสที่พื้นฐานเกียวกันเด้ะก็ไม่ได้มีใครมาบ่นเลยว่าแคบมากอึดอัดนั่งไม่ได้ จนผมงงว่าจะด.จ.รกันไปทำไม? มันไม่ได้เล็กขนาด dog seat อย่างออดี้ tt เลย พวกพากันพูดเกินจริงไปมากมาย ผมเห็นด้วยกับที่มีคนว่ากินน้ำมันต่างกันไม่เกิน5กิโลลิตรมันก็มีคนที่ไม่ได้สนใจความต่างแบบกระสิดกระเมีเยนแบบนี้อ่ะครับ ตลาดเค้ามีของเค้า คนซื้อรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อต้องการไม่เหมือนกัน จะเกทับจะเหยียดกันเกินจริงทำไม?
แคบก็คือแคบ ไม่เห็นต้องอ้างเยอะ ที่เขาไม่บ่นอาจจะเพราะเกรงใจมากกว่า
ซื้อมาสด้าอย่าเอาคนไปนั่งหลังเลย ทรมานเขาเปล่าๆ
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/02/06/LQ9co1.jpg)
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/02/06/LQ9LRS.jpg)
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/02/06/LQ9eun.jpg)
-
ค่าน้ำมันไม่กลัว กลัวที่แคบ กับมันต่อยอดความแรงลำบาก
-
สำหรับผมเรื่องเครื่องถือว่าเป็นปัจจัยรองครับ ที่ไม่ซื้อเพราะปัจจัยอื่นตามที่สมาชิกหลายท่านพิมพ์ไว้มากกว่า
แคบ, แข็ง (จะว่าสนุกมันก็ไม่ได้สนุกขนาดนั้น เหมือนไม่ลง sweet spot ของความสบายหรือความสนุก), ศูนย์บริการและการบำรุงรักษาที่ยังไม่ค่อยดี
-
เรื่องกินน้ำมัน ผมว่ามีผลนะครับ ถ้าเปรียบเทียบ mazda3, cx-30 กับ corolla, corolla cross ราคาพอกัน แต่ได้เครื่อง hybrid
ใช้จนหมดอายุแบต น่าจะประหยัดไปได้เกือบแสน
-
ถ้าคนบอกว่า ไม่แคร์เรื่องส่วนต่างค่าน้ำมัน อาจจะดูแปลกๆ เพราะรถแทบทุกค่าย เขายังมาทาง down sizing หมดเลย
จะมีเงินแค่ไหน ขนาดยี่ห้อใหญ่ๆ แพงๆ เขาต้องเข็น PHEV หรือ HEV ออกมา ขนาดค่ายดาวยังมีตัว NGT (ติดแก๊ซ) ออกมาเลย
จะบอกว่า เครื่อง 2.0 หรือ 2.5 ดีแล้ว ไม่สน ผมว่าอันนี้เหมือนอวยเกินไปหน่อย
ผมว่า เขาอยากทำแหละ ไม่งั้นจะยอมหนีจากโรตาลี่ มาทำสันดาบ 4 สูบ หรือ จนคิดคิดคน SkyactivX หรือ Mazda PHEV ใน CX-60, CX-90 ในเมืองนอกเช่นกัน (แต่ช้ากว่าคนอื่นเขามาก)
อีกอย่าง คือ ตัวรถแคบ ผมลองนั่งดู ลองใช้ดู ก็ไม่ได้ปลื้มนะ แล้วยิ่งการแคบ มันตกแต่งให้กว้างไม่ได้ มันคือ จุดที่คนหันหน้านีกันไปเยอะ
ช่วงล่างไม่ดี(มาก) ยังทำให้ดีขึ้นได้ แต่ ตัวถังแคบ จบเห่เลย
ราคาค่าซ่อมบำรุงแพง ยังพอถูๆ ไถๆ ไปได้อยู่ ถึงจะถูกด่า ถูกเทียบ ก็ยังกล้อมแกล้มไปวันๆ ได้
-
ถ้าคนบอกว่า ไม่แคร์เรื่องส่วนต่างค่าน้ำมัน อาจจะดูแปลกๆ เพราะรถแทบทุกค่าย เขายังมาทาง down sizing หมดเลย
จะมีเงินแค่ไหน ขนาดยี่ห้อใหญ่ๆ แพงๆ เขาต้องเข็น PHEV หรือ HEV ออกมา ขนาดค่ายดาวยังมีตัว NGT (ติดแก๊ซ) ออกมาเลย
จะบอกว่า เครื่อง 2.0 หรือ 2.5 ดีแล้ว ไม่สน ผมว่าอันนี้เหมือนอวยเกินไปหน่อย
ผมว่า เขาอยากทำแหละ ไม่งั้นจะยอมหนีจากโรตาลี่ มาทำสันดาบ 4 สูบ หรือ จนคิดคิดคน SkyactivX หรือ Mazda PHEV ใน CX-60, CX-90 ในเมืองนอกเช่นกัน (แต่ช้ากว่าคนอื่นเขามาก)
อีกอย่าง คือ ตัวรถแคบ ผมลองนั่งดู ลองใช้ดู ก็ไม่ได้ปลื้มนะ แล้วยิ่งการแคบ มันตกแต่งให้กว้างไม่ได้ มันคือ จุดที่คนหันหน้านีกันไปเยอะ
ช่วงล่างไม่ดี(มาก) ยังทำให้ดีขึ้นได้ แต่ ตัวถังแคบ จบเห่เลย
ราคาค่าซ่อมบำรุงแพง ยังพอถูๆ ไถๆ ไปได้อยู่ ถึงจะถูกด่า ถูกเทียบ ก็ยังกล้อมแกล้มไปวันๆ ได้
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล ข่าวน้ำมันขึ้นหลักสตางค์ที่เอามาลง ยังเห็นบนกันระงม แล้วบอกไม่สนส่วนต่างค่าน้ำมัน
;D ;D ;D ;D
-
ผมไม่ชอบ บริษัทแม่ ครับ นโยบายแปลกๆ
รถเพื่อน M2 เบนซิน ขับมาจะ 5 ปี ยังไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เลย มันบอกเป็นนโยบายบริษัท
ถ้าเปลี่ยนต้องเซ็นยอมรับ ก็เลยไม่เปลี่ยนเดี๋ยวประกันเกียร์หมด