Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nimnim_thailand ที่ เมษายน 03, 2023, 10:18:47
-
อุบัติเหตุของปี 2565 ที่ผ่านมา จากรายงานของศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน พบว่า มีอุบัติเหตุสะสมรวมกว่า 939,713 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 4.7% มีผู้บาดเจ็บสะสมอยู่ที่ 924,799 ราย
คำถามคือ
เทคโนโลยีของรถยนต์ ที่ช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น มันกลายเป็น ทำให้คนที่ขับรถไม่เก่ง หรือขับรถไม่เป็น ใช้รถอยู่บนท้องถนนได้มากขึ้นหรือป่าวครับ เห็นภาพอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ล้วนเกิดจากการขับขี่แบบไร้ประสบการณ์ เช่น ทางร่วม ทางแยก ทางยูเทิร์น ขับแบบไม่มีชะลอ เหมือนไม่รู้ว่า บริเวณเหล่านั้น มันอันตราย และเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ หรือแม้กระทั้ง จะเลี้ยวจะแซง ก็ไม่มีการดูจังหวะ หรือคิดว่า รถมันแซงแล้วมันจะเปิดไฟบอกอัตโนมัติ
ผมดูหนังเรื่อง otto ที่ทอมแฮ้งค์แสดง มีประโยคเด็ดที่พูดว่า " คนที่ถอยรถ โดยใช้เซ็นเซอร์ช่วยถอย .....คนๆนั้น ไม่ควรขับรถ "
ผมว่ามันคือเรื่องจริงนะ เพราะ เรามักจะเห็นข่าว คนถอยรถทับคนตาย ทับเด็กตาย ทั้งๆที่รถก็มีเซ็นเซอร์ช่วยถอยอยู่แล้ว จริงๆแล้วคนประเภทนั้น ไม่ควรจับรถด้วยซ้ำ
หมายเหตุ..... ใช้รถ ใช้ถนน ขับขี่กันด้วยความระมัดระวังนะครับ ทุกวันนี้การที่จะบอกว่า เบื่อ อยากจะไปขับรถเล่น ...ถ้าออกไปใช้ถนนเมื่อไหร่ เท่ากับว่า คุณสมัครใจที่จะพาตัวเองไปเสี่ยงภัยทันที
-
ผมให้น้ำหนักด้าน การบังคับใช้กฏหมายนะ
ถ้าการมีด่านมันทำให้คนขับรถยนต์ มีระเบียบมากขึ้น เสียเวลาเพิ่มต่อทริป 5-10 นาที ช่างมันเถอะครับ
ก็ตั้งไปครับ เบื่อพวกนักรบด่านเถื่อน
-
ลองให้มอไซด์เลิกวิ่งในเมืองสัก 3 เดือนสิครับ ยอดลดทันตาเลย
-
ไม่มีวินัยจราจร
-ขับช้าแช่ขวา
-มอไซค์วิ่ง เลน 1 เลน2 เลนขวาสุดแช่ยาวๆ
-ไม่เคารพเครื่องหมายจราจร เปลี่ยนเลนในจุดคับขัน ปาด/แทรก จุดคับขัน หลายครั้งเกิดการปะทะกัน
-ไม่มีทักษะ และความสามารถในการบังคับรถ และไม่มีความรู้เรืองจราจร (ไม่มีใบขับขี่)
-ขับรถเร็วมากเกินไป
เหล่านี้ล้วนเป็นจุดเกิดอุบัติเหตุ
ผมมองว่ามีเยอะครับ
-
สถิติปี 65 มากกว่า ปี 64 เพราะเลิกล็อกดาวน์โควิดครับ
-
สถิติปี 65 มากกว่า ปี 64 เพราะเลิกล็อกดาวน์โควิดครับ
เห็นด้วยกับความเห็นนี้
-
แยกประเด็นระหว่างเทคโนโลยีกับทักษะและจิตสำนึกในการใช้ถนนร่วมกัน เทคโนโลยีมันดีอยู่แล้วที่พัฒนาไป แต่ไม่ใช่เหตุผลว่าคนขับจะอ้างว่าทักษะหรือจิตสำนึกลดลงเพราะมีเทคโนโลยี
เจอมากับตัว Blind spot ทำงานอยู่รถอยู่ขนานกันยังจะหักเปลี่ยนเลนมาเลย ชน 100% แน่นอน ผมต้องบีบแตรเตือนเลย
ถ้ามองมุมเทคโนโลยีเลย ปัญหาอุบัติเหตุจะลดไปเยอะเลยถ้าต่อไปมีระบบขับขี่อัตโนมัติและรถทุกคันในถนนเป็นระบบไม่มีคนขับ 100% ก็ขอให้พัฒนากันไปจนถึงจุดนั้นละกันแต่อีกนานนนนนน
-
ถ้าดูละเอียดไปกว่านั้นจะเห็นว่าสัดส่วนอุบัติเหตุ บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ แล้วยังต้องดูช่วงอายุ ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุและความสัมพันธ์กับการดื่มสุราหรือไม่ด้วยครับ
-
ถ้าดูละเอียดไปกว่านั้นจะเห็นว่าสัดส่วนอุบัติเหตุ บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ แล้วยังต้องดูช่วงอายุ ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุและความสัมพันธ์กับการดื่มสุราหรือไม่ด้วยครับ
เห็นด้วยกับอันนี้
สุดท้ายมันไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถยนต์เพียงอย่างเดียวเลย
-
พึ่งต่อไปขับขี่ 5 ปี -> 5 ปี
นอกจากตรวจสี ลานสายตา reaction แบบคร่าวๆแล้ว
ให้ดู video 1 hr เป็นไอหนุ่ม 2 คนพาเที่ยว สาระ 5 นาที น้ำ 55 นาที ไม่มีรณรงค์หรือกวดขันใดๆทั้งสิ้น
ขากลับเจอรถจอดขวางเกียร์ P ออกไม่ได้อีก ในขนส่งเลย
- มอไซ ฝ่าไฟแดงเจอเยอะมากๆ
- รถยนต์ จอดขาวแดง เยอะมากๆ
- แช่ขวา เยอะมากๆ
- แทรกซ้าย ปาดเยอะมากๆ (ขับด่วนพระราม 6 เจอทุกวัน)
- ไฟแดงแล้วยังไม่หยุดเยอะมากๆ
ลองให้มอไซด์เลิกวิ่งในเมืองสัก 3 เดือนสิครับ ยอดลดทันตาเลย
พูดอะไรโง่ๆจัง แล้วให้เค้าเดินทางยังไงหรือครับ?
-
ถ้าคนมีวินัยที่ดีและค่านิยมการขับขี่ที่ถูกต้อง แล้วได้ใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ดีอย่างถูกต้อง ก็จะปลอดภัย
บ้านเราผมว่ามันกลับกันไปหมดครับ
วินัยก็..... เทคโนโลยีที่ดียังอยู่เฉพาะรุ่นแพง หรือ รถที่มาดีๆโดนดัดแปลงในทางที่ผิด
-
ลองให้มอไซด์เลิกวิ่งในเมืองสัก 3 เดือนสิครับ ยอดลดทันตาเลย
ลองให้รถยนไม่วิ่งในเมือง ยอดก็ลดทันตาครับ เพราะที่ชนคือรถกับรถ และมอไซกับรถ มอไซชนมอไซมันมีน้อยมากครับ
ความคิดของคุณอธิบายคำเดียวได้ว่าโง่และเห็นแก่ตัวเพราะ "กูขับรถกูมีตังกูดีกว่าคนขี่มอไซ"
ขี่มอไซในกรุงเทพเป็นปีก่อนแล้วค่อยมาพูดครับ
ถ้าคนไม่ขี่มอไซกันรถก็จะติดยิ่งกว่านี้ครับบอกเลย แล้วส่วนใหญ่ที่ขี่มอไซ เค้าขี่เพราะไม่มีเงินเหมือนพวกคุณครับ เพราะฉะนั้นจะหวังให้เค้าทำตามระเบียบทั้งที่เค้าไม่มีเงินซื้ออาหารแดกให้ครอบครัว priority เค้าไม่ได้อยู่ที่การเคารพกฎหรือรถคันอื่นครับ ปัญหาในชีวิตเค้าหนักกว่าพวกคุณครับ
บทสรุปของผมคือ ไหนๆก็มองว่าคนขี่มอไซด้อยกว่า งั้นเค้าจะชนรถอะไรแล้วตายไป ก็เรื่องของเค้าครับ จบ
Your arrogance is what is wrong with this country. Shut the fuck up.
-
ผู้ใหญ่ควรมองเป็นวาระแห่งชาตินะครับ ควรปลูกฝังสอนวิชาการจราจรในประเทศให้เป็น 1 ในวิชาหลักเลย เพราะที่เกิดอุบัติเหตุ เจ็บ-ตายกัน ก็ขับเร็ว ฝ่าฝืนกฏจราจรแทบทั้งนั้น
-
ขนาดนั้นเลยรึฮะ? ว้าวกับความคิดมากๆเลย
ลองให้มอไซด์เลิกวิ่งในเมืองสัก 3 เดือนสิครับ ยอดลดทันตาเลย
-
หลักๆมันเป็นเรื่องของวินัยและการกวดขันที่ไม่ได้เรื่อง
ผมเคยพูดตั้งแต่กระทู้เรื่องอุปกรณ์ช่วยแล้ว (ไม่น่าเกิน 1-2 เดือน) ว่าถ้าไม่มีสองอันนั้นแล้วขับรถไม่ได้ ไปยกเลิกใบขับขี่แล้วอย่าจับพวงมาลัยเลย สงสารเพื่อนร่วมทางเขา
จริงๆถ้าพูดถึงสาเหตุลึกลงไปอีกมันก็จะลากไปการเมืองอีก เดี๋ยวกระทู้ก็พาลโดนล็อกอีก (ขยันชิบหายกับเรื่องล็อกกระทู้ อีปัญหาบอทโพสกับอัพเดทฐานข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองที่เก่าตั้งแต่มกราดันช้ายังกับราชการ)
ลองให้มอไซด์เลิกวิ่งในเมืองสัก 3 เดือนสิครับ ยอดลดทันตาเลย
อันนี้ผมว่าถึงแม้จะดูตอบแล้วแสดงวุฒิภาวะของคนตอบออกมา แต่พูดจริงๆผมว่ามอไซควรถูกกวดขันให้มากกว่าปัจจุบันนะ
ไม่ต้องถึงขนาดเลิกวิ่งแบบที่คนสมองทึบนี่ตอบก็ได้ แต่คือต้องกวดให้เข้มมากขึ้น โดยเฉพาะพวกไรเดอร์และแมสเซนเจอร์ พูดตรงๆทั้งช่วงโควิทและหลังโควิทมานี่ ผมเกือบชนไรเดอร์มาหลายรอบแล้ว ปาดระยะแบบเบรคทิ่มไม่ก็แทรกเข้ามุมอับตลอด
ปล. จริงๆข้อมูลพาดหัวแค่จำนวนแบบนี้ พูดแบบแฟร์ๆ ผมก็ปัดตก แล้วบอกแค่ว่าเพิ่มเพราะคลายโควิทแล้วรถวิ่งเยอะขึ้นก็จบ
ถ้าอยากให้มันสร้างสรรค์หรือเอาไปใช้ได้มากกว่านี้ ต้องเอามาแยกตามประเภทรถ รวมถึงความรุนแรงของอุบัติเหตุ
เช่น ถ้ามอไซเพิ่มขึ้นก็ต้องไปกวดขันฝั่งมอไซ
ถ้ารถกระบะเพิ่มขึ้นก็ต้องไปดูฝั่งกระบะ
ของพวกนี้ถ้าเหมารวมแล้วบอกถนนอันตรายขึ้น มันก็จบแค่นั้น
ไม่ได้สร้างสรรค์หรือไปต่อยอดอะไรได้เลย แล้วก็จะมีคนเสนอความเห็นซื่อบื่อโทษว่ามอไซไม่ควรวิ่งเพราะยอดนับมันเพิ่ม
-
ผมแอบแปลกใจนะ เวลาคุยกันเรื่องอุบัติเหตุและการแก้ปัญหา น้อยคนมาก ที่จะมุ่งประเด็นไปที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบจริงจัง
เอาแค่ในกระทู้นี้ ผมเห็นมีอยู่ท่านเดียว ที่พูดถึง ผมแอบแปลกใจมากๆ ทั้งๆที่มันเป็น 1 ในปัจจัยหลักๆของอุบัติเหตุและความสูญเสียเลยน่ะ
(ไม่ได้บอกว่าทั้งหมด แต่เป็น1ในปัจจัยใหญ่ๆ)และผมสังเกตุว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการที่มีคนเมา มักมีความเสียหายสูง เนื่องจากคนที่เมา
จะสูญเสียสติสัมปชัญญะ รวมถึงการตอบสนองของร่างกายที่ช้าลง แต่ดันมีความใจกล้าขึ้นกว่าปกติ สวนทางกับสติ
(เรื่องแบบนี้ทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว ผมคงไม่พูดต่อเยอะ) พูดง่ายๆคือถ้าสุราเข้าปากคือ ใจจะใหญ่ขึ้น แต่ฝีมือกากลงนั่นเอง
แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องขับรถน่ะครับ ความสูญสูบเสียที่เกิดจากคนที่ดื่มแอลกอฮออล์(สุรา , เหล้า เครื่องดื่มมึนเมา ฯลฯ แล้วแต่จะเรียก)
มันมีอยู่ทุกรูปแบบ ผมเชื่อว่าทุกคนก็เห็นในข่าวอยู่เกือบทุกวัน >> เมาแล้วตีกันกลางวงเหล้า , เมาแล้วแทงกัน-ยิงกัน , เมาฆ่าข่มขื่น ฯลฯ
คือ อย่าให้พิมพ์หมดเลยครับ เยอะมาก หลายๆเคสจากคนปกติ พอเหล้าเข้าปาก กลายเป็นอีกคนนึงเลย พอเหตุเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดคือ
ไม่เสียชีวิตก็พิการ ไม่พิการก็เสียอนาคต ฯลฯ จะเห็นได้ว่าสุราคือเครื่องดื่มช่วยลดประชากร หรือตัดอนาคตของคนที่มีประสิทธิภาพมากๆ
ตายเร็วยิ่งกว่าโรคร้ายใดๆ ดื่มค่ำนี้ อาจจะตายคืนนั้นเลย (ผมเห็นมาเยอะ) หรืออย่างช้าสุดๆ อนาคต โรคตับไตก็จะมาหา (นี่ก็เห็นมาเยอะ)
แต่ของสิ่งนี้กลับหาซื้อได้ง่ายๆตามร้านชำทั่วไป หรือซุปเปอร์มาเก็ต ร้านค้าต่างๆ มีขายทุกวัน กินกันทั่วไป อย่างกับว่ามันเป็นของดี
ถ้าอยากลดอุบัติเหตุ-อาชญากรรม ลองบังคับไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ทุกนิดดูสัก 1-2 ปี แล้วดูสถิติสิครับ
ถ้าทำได้ ผมมั้นใจว่าไม่ใช่ลดลงแค่ 4-5% น่าจะลดไปเป็น 10%++ แล้วอุบัติเหตุรุนแรงอาจจะลดลงมาก เพราะถ้าคนสติปกติ ไม่เมา
จะสามารถบังคับรถ ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ดีกว่า อุบัติเหตุอาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนกัน แต่ก็มีแนวโน้มจะเบากว่าคนที่เมาแล้วขับ
ถ้ารวมเหตุอาชญกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขับรถเข้าไปด้วย เผลอ % ที่ลดลงจะเยอะลงมากๆๆเข้าไปอีกนะครับ
เรื่องนี้ควรเป็นวาระแห่งชาติน่ะ ควรจะเข้มงวดกว่านี้ ขนาดในศาสนาพุทธ ยังบรรจุลงในศีลข้อที่ 5 เลย...
จริงๆไม่ต้องเลิกขายก็ได้ แค่บังคับขายสัปดาห์ละ 1-2 วันก็ได้ เวลาไหนถึงเวลาไหน ว่ากันไป
แต่บ้านเราผมมั้นใจว่าทำไม่ได้หรอกครับ ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ อย่าถือสา ภาษีเครื่องดื่มมึนเมามันเยอะ
เจ้าของโรงงานก็นามสกุลใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น จะให้เลิกขายได้ไง คนชอบกินก็เยอะ.....ก็อย่างท่านบนว่า พูดไปเดี๋ยวก็เข้าการเมือง งั้นก็เท่านี้แหละครับ
ที่อยากจะแนะนำคือ ถ้าแก้ไม่ได้ก็อยู่กับมันต่อไปให้ได้ครับ อยู่ให้เป็น ดีที่สุด ถ้าชอบกินกันก็รับผลที่ตามมาจากมันให้ได้แล้วกันครับ
อยู่กันมาได้ขนาดนี้ ก็น่าจะอยู่ต่อแบบนี้ไปได้อีกไม่มีปัญหานะ.
ปล. ส่วนเรื่องอื่นๆก็ล้วนมีผลครับ แต่ท่านอื่นพูดไปหมดแล้ว ผมเลยไม่พูดซ้ำ
-
สถิติปี 65 มากกว่า ปี 64 เพราะเลิกล็อกดาวน์โควิดครับ
เห็นด้วยกับความเห็นนี้
เป็นอีกปัจจับนึงนะครับ
-
ต้องขออภัยความเห็น โง่ๆ ของผมด้วยละกันครับ ผมอาจจะอคติกับมอไซด์มากไปหน่อย แต่ก็นั่้นแหละ มันเป็นความรู้สึกที่แบบเจอทุกวัน เห็นทุกวันของพี่ๆมอไซด์ทั้งหลายใน กทม นั่นแหละ
ก็น้อมรับคำด่าละกัน ถือว่าแสดงความเห็นไม่เข้าท่าไปแล้วอะเนอะ
-
ปัญหาอยู่ที่จิตสำนึกของคนด้วยส่วนหนึ่ง
ขับช้า แต่แช่ขวา พอจะแซงก็เร่งใส่ สุดท้ายนก็เขม่นกันปาดหน้ากันไปมา
เปลี่ยนช่องทาง ไม่สนใจรถด้านหลัง หรือด้านข้าง
ขับรถสภาพไม่สมบูรณ์ ไฟไม่ติดบ้าง ติดไฟความสว่างเกินไป
ฯลฯ
พวกนี้เป็นสาเหตุได้ทั้งนั้น ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดขึ้นถึงจะช่วงลดจำนวนลงได้
ยิ่งตอนนี้ไม่เห็นด่าน ยิ่งสนุกกันเลย
-
สถิติปี 65 มากกว่า ปี 64 เพราะเลิกล็อกดาวน์โควิดครับ
เห็นด้วยกับความเห็นนี้
เป็นอีกปัจจับนึงนะครับ
Covid + work from home ครับ
แล้วถ้าผล ปี 66 ออก จะเพิ่งขึ้นอีกครับ
ผมแอบแปลกใจนะ เวลาคุยกันเรื่องอุบัติเหตุและการแก้ปัญหา น้อยคนมาก ที่จะมุ่งประเด็นไปที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบจริงจัง
เอาแค่ในกระทู้นี้ ผมเห็นมีอยู่ท่านเดียว ที่พูดถึง ผมแอบแปลกใจมากๆ ทั้งๆที่มันเป็น 1 ในปัจจัยหลักๆของอุบัติเหตุและความสูญเสียเลยน่ะ
อันนี้เอาจริงผมไม่ได้คิดถึงเลยครับ ส่วนนึงคือผมใช้รถกลางวันถึงค่ำๆเป็นส่วนมาก เลยไม่เจอเคสพวกนี้เท่าไร่
ส่วนใหญ่เจอ ขับแบบมึนๆ ไม่สนใจโลก ไม่สนใจกฏจราจรมากกว่าครับ เส้นทึบจะเปลี่ยนเลน ทางเข้าจะออก ทางออกจะเข้า ไฟเลี้ยวไม่เปิด แซงเลนที่สอง กับขับเร็วแบบไร้สาระ อะไรแบบนี้มากกว่า
ผมเองเป็นคนไม่ได้ดื่มครับ บางทีไปร้านอาหารที่ต้องขับรถมา ก็เห็นเขาสั้งเหล้าเบียร์กินกันทั้งโต๊ะ ก็แปลกใจว่า แอลกฮอมันไม่เกินหรอตอนขับกลับ หรืออาจมีคนขับรถนั้งรออยู๋ที่รถ...
จริงๆอยากให้ตั้งด่านโซนที่มีร้านเหล้าไปเลย ถ้าคนขับไม่เมา มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว... นอกจากตั้งใจเมาแล้วขับ..
-
ผมแอบแปลกใจนะ เวลาคุยกันเรื่องอุบัติเหตุและการแก้ปัญหา น้อยคนมาก ที่จะมุ่งประเด็นไปที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบจริงจัง
เอาแค่ในกระทู้นี้ ผมเห็นมีอยู่ท่านเดียว ที่พูดถึง ผมแอบแปลกใจมากๆ ทั้งๆที่มันเป็น 1 ในปัจจัยหลักๆของอุบัติเหตุและความสูญเสียเลยน่ะ
(ไม่ได้บอกว่าทั้งหมด แต่เป็น1ในปัจจัยใหญ่ๆ)และผมสังเกตุว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการที่มีคนเมา มักมีความเสียหายสูง เนื่องจากคนที่เมา
จะสูญเสียสติสัมปชัญญะ รวมถึงการตอบสนองของร่างกายที่ช้าลง แต่ดันมีความใจกล้าขึ้นกว่าปกติ สวนทางกับสติ
(เรื่องแบบนี้ทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว ผมคงไม่พูดต่อเยอะ) พูดง่ายๆคือถ้าสุราเข้าปากคือ ใจจะใหญ่ขึ้น แต่ฝีมือกากลงนั่นเอง
แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องขับรถน่ะครับ ความสูญสูบเสียที่เกิดจากคนที่ดื่มแอลกอฮออล์(สุรา , เหล้า เครื่องดื่มมึนเมา ฯลฯ แล้วแต่จะเรียก)
มันมีอยู่ทุกรูปแบบ ผมเชื่อว่าทุกคนก็เห็นในข่าวอยู่เกือบทุกวัน >> เมาแล้วตีกันกลางวงเหล้า , เมาแล้วแทงกัน-ยิงกัน , เมาฆ่าข่มขื่น ฯลฯ
คือ อย่าให้พิมพ์หมดเลยครับ เยอะมาก หลายๆเคสจากคนปกติ พอเหล้าเข้าปาก กลายเป็นอีกคนนึงเลย พอเหตุเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดคือ
ไม่เสียชีวิตก็พิการ ไม่พิการก็เสียอนาคต ฯลฯ จะเห็นได้ว่าสุราคือเครื่องดื่มช่วยลดประชากร หรือตัดอนาคตของคนที่มีประสิทธิภาพมากๆ
ตายเร็วยิ่งกว่าโรคร้ายใดๆ ดื่มค่ำนี้ อาจจะตายคืนนั้นเลย (ผมเห็นมาเยอะ) หรืออย่างช้าสุดๆ อนาคต โรคตับไตก็จะมาหา (นี่ก็เห็นมาเยอะ)
แต่ของสิ่งนี้กลับหาซื้อได้ง่ายๆตามร้านชำทั่วไป หรือซุปเปอร์มาเก็ต ร้านค้าต่างๆ มีขายทุกวัน กินกันทั่วไป อย่างกับว่ามันเป็นของดี
ถ้าอยากลดอุบัติเหตุ-อาชญากรรม ลองบังคับไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ทุกนิดดูสัก 1-2 ปี แล้วดูสถิติสิครับ
ถ้าทำได้ ผมมั้นใจว่าไม่ใช่ลดลงแค่ 4-5% น่าจะลดไปเป็น 10%++ แล้วอุบัติเหตุรุนแรงอาจจะลดลงมาก เพราะถ้าคนสติปกติ ไม่เมา
จะสามารถบังคับรถ ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ดีกว่า อุบัติเหตุอาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนกัน แต่ก็มีแนวโน้มจะเบากว่าคนที่เมาแล้วขับ
ถ้ารวมเหตุอาชญกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขับรถเข้าไปด้วย เผลอ % ที่ลดลงจะเยอะลงมากๆๆเข้าไปอีกนะครับ
เรื่องนี้ควรเป็นวาระแห่งชาติน่ะ ควรจะเข้มงวดกว่านี้ ขนาดในศาสนาพุทธ ยังบรรจุลงในศีลข้อที่ 5 เลย...
จริงๆไม่ต้องเลิกขายก็ได้ แค่บังคับขายสัปดาห์ละ 1-2 วันก็ได้ เวลาไหนถึงเวลาไหน ว่ากันไป
แต่บ้านเราผมมั้นใจว่าทำไม่ได้หรอกครับ ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ อย่าถือสา ภาษีเครื่องดื่มมึนเมามันเยอะ
เจ้าของโรงงานก็นามสกุลใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น จะให้เลิกขายได้ไง คนชอบกินก็เยอะ.....ก็อย่างท่านบนว่า พูดไปเดี๋ยวก็เข้าการเมือง งั้นก็เท่านี้แหละครับ
ที่อยากจะแนะนำคือ ถ้าแก้ไม่ได้ก็อยู่กับมันต่อไปให้ได้ครับ อยู่ให้เป็น ดีที่สุด ถ้าชอบกินกันก็รับผลที่ตามมาจากมันให้ได้แล้วกันครับ
อยู่กันมาได้ขนาดนี้ ก็น่าจะอยู่ต่อแบบนี้ไปได้อีกไม่มีปัญหานะ.
ปล. ส่วนเรื่องอื่นๆก็ล้วนมีผลครับ แต่ท่านอื่นพูดไปหมดแล้ว ผมเลยไม่พูดซ้ำ
จริงๆ เป็น 1 ในปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ อันร้ายแรงเลยหล่ะครับ และที่คนไม่ค่อยพูดถึงนั่นเพราะว่า .... มันไม่ควรมีคนเมาแล้วขับ หรือคนดื่มแล้วขับบนท้องถนนโดยเด็ดขาดเลย เพราะมันทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทันที จริงๆโทษทางกฏหมายก็ไม่ถือว่าเบานะครับ ใครที่เคยโดนจับโดนปรับแล้ว ก็แหยง ไม่กล้าขับเวลาดู แต่เพราะ ณ ปัจจุบัน เกิดความหย่อนยานในการตั้งด่านตรวจ ซึ่งเทียบกับก่อนหน้านี้ ไม่ได้เลย แล้วยิ่งยุคนี้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยกล้าตั้งด่านตรวจ กลัวเจอพวกหัวหมอบ้าง กลัวเจอเส้นใหญ่บ้าง และที่สำคัญ การตั้งด่าน มันมีค่าใช้จ่าย กลัวได้ไม่คุ้มเสีย
-
ต้องขออภัยความเห็น โง่ๆ ของผมด้วยละกันครับ ผมอาจจะอคติกับมอไซด์มากไปหน่อย แต่ก็นั่้นแหละ มันเป็นความรู้สึกที่แบบเจอทุกวัน เห็นทุกวันของพี่ๆมอไซด์ทั้งหลายใน กทม นั่นแหละ
ก็น้อมรับคำด่าละกัน ถือว่าแสดงความเห็นไม่เข้าท่าไปแล้วอะเนอะ
ไม่โง่หรอกพี่ จริงๆ แล้วรถมอไซค์มันมี issue เยอะจริงๆ
เพียงแค่พี่เม้นท์แบบสรุปสั้นๆ ไปหน่อยแค่นั้นเอง
เอาจริงๆ ประเทศที่มีประชากรมอไซค์เยอะๆ อ่ะ คนประเทศนั้นก็ระอาเหมือนกัน
อย่างเวียดนาม ไต้หวัน หรือ อินเดียก็ตามที
สังเกตกันมั้ยครับว่าปัจจุบันนี้ มอไซค์จำนวนมากๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้อยู่ในกฏหมาย
กฎเกณฑ์อะไรเลย คนขับก็ไม่มีใบขับขี่เยอะมากๆๆๆ ตั้งแต่เด็ก ตัวเล็กตัวน้อย
วัยรุ่นหนุ่มสาว ไปยันเจ๊ๆ ป้าๆ ลุงๆ ยายๆ แต่บิดคันเร่งได้ก็ไปกันแล้ว
กฎจราจร กติกา มารยาท ะไรก็ไม่รู้ทั้งนั้น
ตัวรถเองน่ะ ทะเบียนไม่จด พรบ ไม่มี ตรวจสภาพไม่ทำ รถไม่มีอะไรซักอย่าง
ที่มันถูกกฎหมายเลยนะ พวกนี้มีเป็นจำนวนมากๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วแตะต้องไม่ได้ รังแกคนจนขึ้นมาล่ะ เสรีภาพ ความเท่าเทียมต้องมา
คุกคามประชาชนต้องมี สารพัดจะมาอ้าง รวมพวก รวมหมู่ต่อรองสิทธิ
จะวิ่งไปทุกที่ สะพาน อุโมงค์ ทางเท้า ย้อนศร ฝ่าไฟแดง ห้ามกลับรถ ห้ามเลี้ยว
ไปมันทุกที่ อ้างแค่ว่ามีสิทธิ์ เสียภาษีเหมือนกัน แต่ไม่รู้จัก ภ.ง.ด. คืออะไร
ภาษีป้ายน่ะเหรอ อุ้ย ไม่ได้จด ไม่ได้ต่อทะเบียนนั่นแหละ
-
ผมแอบแปลกใจนะ เวลาคุยกันเรื่องอุบัติเหตุและการแก้ปัญหา น้อยคนมาก ที่จะมุ่งประเด็นไปที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบจริงจัง
เอาแค่ในกระทู้นี้ ผมเห็นมีอยู่ท่านเดียว ที่พูดถึง ผมแอบแปลกใจมากๆ ทั้งๆที่มันเป็น 1 ในปัจจัยหลักๆของอุบัติเหตุและความสูญเสียเลยน่ะ
อันนี้เอาจริงผมไม่ได้คิดถึงเลยครับ ส่วนนึงคือผมใช้รถกลางวันถึงค่ำๆเป็นส่วนมาก เลยไม่เจอเคสพวกนี้เท่าไร่
ส่วนใหญ่เจอ ขับแบบมึนๆ ไม่สนใจโลก ไม่สนใจกฏจราจรมากกว่าครับ เส้นทึบจะเปลี่ยนเลน ทางเข้าจะออก ทางออกจะเข้า ไฟเลี้ยวไม่เปิด แซงเลนที่สอง กับขับเร็วแบบไร้สาระ อะไรแบบนี้มากกว่า
ผมเองเป็นคนไม่ได้ดื่มครับ บางทีไปร้านอาหารที่ต้องขับรถมา ก็เห็นเขาสั้งเหล้าเบียร์กินกันทั้งโต๊ะ ก็แปลกใจว่า แอลกฮอมันไม่เกินหรอตอนขับกลับ หรืออาจมีคนขับรถนั้งรออยู๋ที่รถ...
จริงๆอยากให้ตั้งด่านโซนที่มีร้านเหล้าไปเลย ถ้าคนขับไม่เมา มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว... นอกจากตั้งใจเมาแล้วขับ..
[/quote]
ไอพวกที่คุณเจอขับรถแปลกๆ พวกนี้แหละครับ ครึ่งนึงเผลอๆเป็นพวกที่เมาอยู่ บางคนดื่มแต่หัววันก็มี แต่คุณแค่ไม่รู้แค่นั้นเองว่าเค้าเมา...
ส่วนวรรคที่2 เรื่องนั้นเค้าไม่มีคนขับอะไรที่ไหรหรอกครับ 100 ละ 99 ขับกลับเองทั้งนั้น เราถึงได้เห็นข่าวแบบที่เห็นบ่อยๆนั่นไง
ที่คุณบอกว่าถ้าคนขับไม่เมา มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว... ถูกต้องครับ.... แต่คุณคิดว่าในความเป็นจริงมันเป็นแบบนั้นมั๊ยละครับ?
ตัวอย่างมีให้เห็นตลอดเวลาครับ
ผมแอบแปลกใจนะ เวลาคุยกันเรื่องอุบัติเหตุและการแก้ปัญหา น้อยคนมาก ที่จะมุ่งประเด็นไปที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบจริงจัง
เอาแค่ในกระทู้นี้ ผมเห็นมีอยู่ท่านเดียว ที่พูดถึง ผมแอบแปลกใจมากๆ ทั้งๆที่มันเป็น 1 ในปัจจัยหลักๆของอุบัติเหตุและความสูญเสียเลยน่ะ
(ไม่ได้บอกว่าทั้งหมด แต่เป็น1ในปัจจัยใหญ่ๆ)และผมสังเกตุว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการที่มีคนเมา มักมีความเสียหายสูง เนื่องจากคนที่เมา
จะสูญเสียสติสัมปชัญญะ รวมถึงการตอบสนองของร่างกายที่ช้าลง แต่ดันมีความใจกล้าขึ้นกว่าปกติ สวนทางกับสติ
(เรื่องแบบนี้ทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว ผมคงไม่พูดต่อเยอะ) พูดง่ายๆคือถ้าสุราเข้าปากคือ ใจจะใหญ่ขึ้น แต่ฝีมือกากลงนั่นเอง
แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องขับรถน่ะครับ ความสูญสูบเสียที่เกิดจากคนที่ดื่มแอลกอฮออล์(สุรา , เหล้า เครื่องดื่มมึนเมา ฯลฯ แล้วแต่จะเรียก)
มันมีอยู่ทุกรูปแบบ ผมเชื่อว่าทุกคนก็เห็นในข่าวอยู่เกือบทุกวัน >> เมาแล้วตีกันกลางวงเหล้า , เมาแล้วแทงกัน-ยิงกัน , เมาฆ่าข่มขื่น ฯลฯ
คือ อย่าให้พิมพ์หมดเลยครับ เยอะมาก หลายๆเคสจากคนปกติ พอเหล้าเข้าปาก กลายเป็นอีกคนนึงเลย พอเหตุเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดคือ
ไม่เสียชีวิตก็พิการ ไม่พิการก็เสียอนาคต ฯลฯ จะเห็นได้ว่าสุราคือเครื่องดื่มช่วยลดประชากร หรือตัดอนาคตของคนที่มีประสิทธิภาพมากๆ
ตายเร็วยิ่งกว่าโรคร้ายใดๆ ดื่มค่ำนี้ อาจจะตายคืนนั้นเลย (ผมเห็นมาเยอะ) หรืออย่างช้าสุดๆ อนาคต โรคตับไตก็จะมาหา (นี่ก็เห็นมาเยอะ)
แต่ของสิ่งนี้กลับหาซื้อได้ง่ายๆตามร้านชำทั่วไป หรือซุปเปอร์มาเก็ต ร้านค้าต่างๆ มีขายทุกวัน กินกันทั่วไป อย่างกับว่ามันเป็นของดี
ถ้าอยากลดอุบัติเหตุ-อาชญากรรม ลองบังคับไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ทุกนิดดูสัก 1-2 ปี แล้วดูสถิติสิครับ
ถ้าทำได้ ผมมั้นใจว่าไม่ใช่ลดลงแค่ 4-5% น่าจะลดไปเป็น 10%++ แล้วอุบัติเหตุรุนแรงอาจจะลดลงมาก เพราะถ้าคนสติปกติ ไม่เมา
จะสามารถบังคับรถ ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ดีกว่า อุบัติเหตุอาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนกัน แต่ก็มีแนวโน้มจะเบากว่าคนที่เมาแล้วขับ
ถ้ารวมเหตุอาชญกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขับรถเข้าไปด้วย เผลอ % ที่ลดลงจะเยอะลงมากๆๆเข้าไปอีกนะครับ
เรื่องนี้ควรเป็นวาระแห่งชาติน่ะ ควรจะเข้มงวดกว่านี้ ขนาดในศาสนาพุทธ ยังบรรจุลงในศีลข้อที่ 5 เลย...
จริงๆไม่ต้องเลิกขายก็ได้ แค่บังคับขายสัปดาห์ละ 1-2 วันก็ได้ เวลาไหนถึงเวลาไหน ว่ากันไป
แต่บ้านเราผมมั้นใจว่าทำไม่ได้หรอกครับ ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ อย่าถือสา ภาษีเครื่องดื่มมึนเมามันเยอะ
เจ้าของโรงงานก็นามสกุลใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น จะให้เลิกขายได้ไง คนชอบกินก็เยอะ.....ก็อย่างท่านบนว่า พูดไปเดี๋ยวก็เข้าการเมือง งั้นก็เท่านี้แหละครับ
ที่อยากจะแนะนำคือ ถ้าแก้ไม่ได้ก็อยู่กับมันต่อไปให้ได้ครับ อยู่ให้เป็น ดีที่สุด ถ้าชอบกินกันก็รับผลที่ตามมาจากมันให้ได้แล้วกันครับ
อยู่กันมาได้ขนาดนี้ ก็น่าจะอยู่ต่อแบบนี้ไปได้อีกไม่มีปัญหานะ.
ปล. ส่วนเรื่องอื่นๆก็ล้วนมีผลครับ แต่ท่านอื่นพูดไปหมดแล้ว ผมเลยไม่พูดซ้ำ
จริงๆ เป็น 1 ในปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ อันร้ายแรงเลยหล่ะครับ และที่คนไม่ค่อยพูดถึงนั่นเพราะว่า .... มันไม่ควรมีคนเมาแล้วขับ หรือคนดื่มแล้วขับบนท้องถนนโดยเด็ดขาดเลย เพราะมันทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทันที จริงๆโทษทางกฏหมายก็ไม่ถือว่าเบานะครับ ใครที่เคยโดนจับโดนปรับแล้ว ก็แหยง ไม่กล้าขับเวลาดู แต่เพราะ ณ ปัจจุบัน เกิดความหย่อนยานในการตั้งด่านตรวจ ซึ่งเทียบกับก่อนหน้านี้ ไม่ได้เลย แล้วยิ่งยุคนี้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยกล้าตั้งด่านตรวจ กลัวเจอพวกหัวหมอบ้าง กลัวเจอเส้นใหญ่บ้าง และที่สำคัญ การตั้งด่าน มันมีค่าใช้จ่าย กลัวได้ไม่คุ้มเสีย
พูดถึงโทษทางกฎหมายดื่มแล้วขับก็ไม่เบาครับ แต่จะยกตัวอย่างเรื่องยาเสพติดครับ ขนาดโทษหนักกว่าดื่มแล้วขับเยอะมากๆๆๆ
และหาซื้อยากกว่าสุราเยอะมากๆๆๆๆ แต่มันก็ยังมีคนหามาเสพจนทำให้เกิดความเสียหายถึงชีวิต เสียอนาคต เดือดร้อนกันมาโดยตลอดไม่จบไม่สิ้นครับ
แล้วนับประสาอะไรกับสุราที่หาซื้อได้ง่ายๆตามร้านชำทั่วไปละครับ? คือถ้ามันยังมีขาย ยังกินกันอยู่แบบนี้ ก็จะเป็นแบบนี้ไปไม่จบไม่สิ้นครับ ก็จะกลับไปเรื่องเดิมตามเม้นแรกของผมอยู่ดีครับ
-
มอไซค์คือสุดยอดพาหนะแห่งความตาย
FATALITY :P
-
อ่านแต่ละเม้นเรื่องมอเตอร์ไซค์แล้ว เอาซะคนที่พึ่งถอย Vespa มาหมาดๆ อย่างผมกลายเป็นภาระบนท้องถนนเลย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับที่เพื่อนร่วมชาว 2 ล้อ มันมีความเสี่ยงมากกว่าจริงๆ
แต่สุดท้ายอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้กับรถทุกชนิด และทุกชนิดหลักๆ ก็อยู่บนพื้นฐานความประมาทจากส่วนใดส่วนนึงที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ
-
ลองให้มอไซด์เลิกวิ่งในเมืองสัก 3 เดือนสิครับ ยอดลดทันตาเลย
ผมขอเห็นด้วยกับเม้นนี้ครับ เพราะส่วนตัวปีที่แล้วเจอมอไซต์ เฉี่ยวชนมา 3 ครั้ง ชนแล้วหนี 1 ครั้ง และเจอทำนักเร่งกร่างเจ้าถนน หัวร้อนใส่หลายครั้งไม่ว่าจะด่าทอหรือ ขับมาท้าท้ายปิดเล่นส์มองหน้าหาเรื่องต่างๆ ผมขับรถแทบไม่มีปัญหากับรถใหญ่เลยครับ
-
ปี64 ครึ่งปีแรกเราโควิดละรอก3 กราฟพุ่งถึงหลักล้านคน คนก็ไม่ค่อยเดินทางไม่ได้ใช้รถ ซึ่งพอปี65 เราเปิดประเทศเต็มที่อุบัติเหตุจะมากขึ้นก็ไม่แปลกครับ
-
ผมพยายามจับผิดอุบัติเหตุที่เกิดจากดูมือถือในคลิปอุบัติเหตุ
ก็มีบ้างนะ แต่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
ส่วนพวกเล่นมือถือไป ขับไป ผมพุ่งประเด็นไปที่ พวกนี้ทำให้เกิดรถติดสะสมหนักขึ้น หรือรถชนท้ายกัน(แต่ไม่ใหญ่โตจนเป็นคลิป)เสียมากกว่า
ส่วนใหญ่ก็ตามที่คุณบอกมา ถูกหมดยกเว้นที่ดาราคนนั้นบอก
ผมขับรถมามากกว่า 30 ปีแล้ว
เคยเกิดอุบัติเหตุใหญ่ครั้งเดียวคือโดนคนง่วงนอนชนท้ายแล้วกระเด็นไปโดนคันหน้า
และอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเบาๆน่าจะไม่เกิน 5 ครั้งในชีวิต
ทุกวันนี้ผมติดเซ็นเซอร์และกล้องถอยจอดแบบงอมแงมเลยครับ แบบนี้ผมควรจะต้องเลิกขับรถไปเลยหรือเปล่า
-
เดี๋ยวนี้เขาด่ากันแรงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย :'( :'(
-
แล้วกฎหมายใหม่ที่ว่าทำผิดจะหักแต้ม ยึดใบขับขี่ ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง ไม่เห็นมีใครกลัวเลย
-
การบังคับใช้กฎหมายไม่มี ผมขับรถไป จ.อุดร ทั้งไปทั้งกลับ 700 กม. x 2 =1,400 กม. ไม่เห็นรถตำรวจทางหลวงออกตรวจซักคันเดียว แต่ดันเห็นตำรวจทางหลวงนำขบวน VIP 3 ครั้ง นี่แสดงว่ากำลังการบังคับกฎหมายเกือบจะเหลือ 0 แล้ว นี่คือวิกฤติยิ่งกว่าวิกฤติอีกนะครับ
ประเทศที่มีอุบัติเหตุน้อย คนตายจากรถชนน้อย เราจะเห็นรถสายตรวจคอยเรียกตรวจรถบนถนนบ่อยๆ บนทางหลวงมีรถสายตรวจออกตรวจตลอดเวลา และคอยเรียกรถผิดกฎให้จอดแจ้งข้อหาออกใบสั่ง ของประเทศไทยเราขาดตรงนี้ไปมากๆๆๆ จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะมีกฎหมายแรงๆ แต่การบังคับใช้แทบไม่มี
เสริมนิดนึง การตั้งด่านอาจจะช่วยได้นิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ความผิดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือ moving violation คือความผิดขณะขับรถบนทาง เช่น ไม่เปิดไฟเลี้ยว แซงไหล่ทาง ซึ่งแบบนี้การตั้งด่านไม่ช่วย ต้องใช้รถสายตรวจออกตรวจเยอะๆ จะจับความผิดซึ่งหน้าจากด้านหลังผู้กระทำผิดเท่านั้น
-
แล้วกฎหมายใหม่ที่ว่าทำผิดจะหักแต้ม ยึดใบขับขี่ ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง ไม่เห็นมีใครกลัวเลย
โอกาศที่ตำรวจจะเรียกถ้าเราไม่ได้แหกกฏจริงๆ ต่อหน้าจุดที่เขาดักมันแทบจะไม่มีเลยครับ...
ได้แค่ทำให้คนกลัวแค่ช่วงแรกๆ สุดท้ายไม่มีใบขับขี่ก็ไม่เป็นอะไรเพราะไม่มีใครมาตรวจ หรือโชคร้ายโดนเรียกก็จ่ายค่าปรับไปจบ..
ระบบตัดแต้มเคยเอามาใช้แล้วอย่างน้อยๆรอบนึงแล้ว แล้วก็ปล่อยผ่านไป
ด้านที่คนกลัวที่สุดคือด่านแอลกฮอ ถ้าเป่าแล้วเกิน คือนอนคุกแล้วรอขึ้นศาล ต้องทำสาธารณะประโยชน์อีก
ในขณะที่ข้อหาอื่นๆ ส่วนใหญ่จบที่ตำรวจเปรียบเทียบปรับแล้วจบกันไป ขับเร็วเกินกำหนดบ่อยๆ สะสมเป็นปึก ก็ไม่ได้มีผลอะไร
ถ้าแก้ไขให้บางเคสต้องขึ้นศาล แล้วติดกล้องไว้ เปิดโอกาศให้สู้กันในศาลผมเชื่อว่าหลายๆอย่างมันจะดีขึ้นครับ
เซอเซอร์กล้องถอยทำให้ความสามารถในการถอยเองลดลงครับ ยิ่งการกะระยะด้านหลังคือห่างเป็นเมตรเลย
ตัวเซนเซอร์มีปัญหาที่อาจทำให้เราลืมมองไปบ้าง ซึ่งถ้ามีอะไรวิ่งตัดท้ายรถ อาจไม่เห็น
ส่วนกล้องถอยคิดว่ามันแก้ปัญหานี่ได้นะครับ
-
สถิติเกิดอุบัติเหตุมากขนาดนี้ ยังไม่เห็นความตั้งใจที่จะแก้ไขเลย
เอาแค่นโยบายหาเสียงตอนนี้ ยังไม่เห็นมีพรรคไหนหาเสียงเรื่องนี้
-
สถิติปี 65 มากกว่า ปี 64 เพราะเลิกล็อกดาวน์โควิดครับ
+1 คนกลับมาสัญจรกันมากขึ้น
-
เทคโนโลยีสมัยนี้ มันเป็นตัวช่วยความปลอดภัยก็ดีนะครับ แต่ให้มันผู้ช่วย ไม่ใช่เป็นตัวหลัก ขับรถก็ควรขับเหมือนแบบ
ไม่มีกล้อง ไม่ค้องมีเซนเซอร์ต่างๆ ก็ควรรู้ว่า ระยะนี้ต้องเบรคแล้วนะ ใกล้คันหน้ามากไปไหม ง่วงแล้วล้างหน้าหน่อยไหม
ผมขับมาตั้งแต่ปี 93 รถ ที่ไม่มีตัวช่วยใด ๆ ก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุครับ
อุบัติเหตุหลักๆ มาจากความประมาท ถนนไม่ชินขับเร็ว ดื่มเมามาแล้วขับรถ รถไม่พร้อม ยางไม่ดีช่วงล่างไม่ดีขับเร็ว
ขับไม่เว้นระยะเผื่อเบรคกันเลย รถสมัยนี้ก็เร่งได้เร็วกันทั้งนั้น พวกรถมอเตอร์ไซด์มุดไปมา ผมเบรคให้ไปได้ก็หลายครั้งอยู่
ที่เห็นกับตัวเองครั้งนึ่ง รถออกมาจากซอย ตรงขวาจะกลับรถเลย รถทางตรงมาเบรคไม่ทัน ต้องวิ่งหลบไปทางขวาฝั่งเลนสวนแล้ว
เบรค ถ้าไม่ใช่ 6 โมงกว่าวันอาทิตย์แบบนั้น เลนสวนมาคงชนไม่เหลือ ผมนี่เบรคชลอแล้วแบบดวงเคาดีจริงๆ ขับแบบนี้ไม่น่ารอด
-
แล้วกฎหมายใหม่ที่ว่าทำผิดจะหักแต้ม ยึดใบขับขี่ ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง ไม่เห็นมีใครกลัวเลย
ผมว่าก็็แค่ออกมาเล่นปาหี่นั่นแหละไม่ได้มีอะไรเป็นเรื่องปกติมาก
ทุกวันนี้ใบสั่งไม่จ่ายยังต่อทะเบียนได้กันอยู่เลย จะไปเอาอะไรกับเรื่องหักแต้ม
-
** ผมว่าไม่มีวินัย มารยาท และ ทักษะในการขับรถครับ **
วันก่อน บนถนนเส้น บางบัว-ทองสุพรรณ ระยะเวลาไม่ถึง 30 นาที ผมเกือบชน 3 ครั้ง เก๋ง , กะบะ , มอเตอร์ไซแว้น ในช่วงเย็น ๆ
- รถเก๋งจู่ ๆ ปาดหน้าเรากระทันหัน แล้วมาช้าแช่ขวายาว ๆ เพื่อกลับรถอีก 5 กิโล
- กะบะ ออกจากซอยด้วยความเร็วสูง แล้วตีโค้งกว้างมาก และไม่ยอมออกจากเลนด้วยนะ
เบรคหัวทิ่ม กดแตรไล่เลยครับ
- มอเตอร์ไซแว้นถอดเสื้อไม่สวมหมวก 2 คัน ขับรถย้อนศร แล้วมากลับรถบนถนนเลนซ้าย
กางศอก (เหมือนกิ้งก่าแผงคอ) แล้วก้มหัว บิดคันเร่ง ปาดหน้ารถเลย
และไม่หลบออกเลนซ้ายด้วยนะ ขับแช่เลยจนเราต้องกดแตร่ไล่ยาว ๆ แล้วมันก็หลบแบบขับก้มหน้า
ผมมองกระจกหลัง มันก็ยกขาหมอบท่าซุปเปอร์แมน พ่ะน่ะ 555555 ;D
-
ผมเชื่อแบบสุดๆ เลยว่า
มารยาท กับ วินัย จราจร สอนกันไม่ได้ ถ้าใจคนมันไม่รับ
กฏหมาย มันก็แค่ถูกบังคับใช้บ้าง ปล่อยปะละเลย บ้าง ข้อหาจราจร มีเป็น 100 เป็น 1000 ข้อหา แต่ใบสั่งทุกวันนี้ เจอกันแต่ไม่ถึง 5 ข้อหาเลยมั้ง
หลักๆ ก็ขับรถเร็วเกินกำหนด , วิ่งไหล่ทาง, เส้นทึบ
แต่อุบัติเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากเมาแล้วขับ(ผมเชื่อว่าแบบนั้น) แต่ข้อหาที่ทำให้เกิดอุบัติเยอะที่สุด กลับ ถูกควบคุมหรือเอาจริงเอาจังน้อยมาก
ผมสนับสนุนให้โทษเมาแล้วขับ คือ ระงับใบขับขี่สัก 5 ปี หรือ ยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีวิต ไปเลยครับ
อีกอย่าง ผมสนับสนุนให้ยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพ เพราะคนที่มี วินัยจราจรหลายคน(จะเรียกว่าส่วนเยอะ ส่วนน้อยก็ว่าไป) แทบจะไม่ได้สนใจแล้ว
เพราะไม่ต้องไปต่อใบขับขี่ บางคนอาจจะไม่สมประกอบ สติสัมปะชัญญะ รวมถึงจิตสำนึก แทบไม่มีแล้วก็ได้ (เจอมากับตัวเองแล้ว)