Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Zkodty ที่ เมษายน 20, 2023, 14:17:55
-
ถ้าต้องเลือก ทั้งสองคัน เลือกอะไรดีครับ :)
-
ขับทางไกล ขับยาวๆ Teana สบายกว่าเยอะครับ
Sylphy ได้ความคล่องตัวยามวิ่งในเมือง แต่การทรงตัว ความสบายของเบาะ เทียบไม่ได้เลย ครับ
โดยเฉพาะเบาะ sylphy นั่งดีๆ นั่งนานๆ มันปวดหลังนะครับ หลายคนบ่น แล้วก็ช่วงล่าง ยังไม่รองรับความแรงครับ ต้องทำอีกเยอะ ไม่งั้น ไม่กล้าขับไกลครับ
-
L33 ดีกว่าเยอะครับ อัตราสิ้นเปลืองกดเยอะๆไม่น่าหนีกัน ช่วงล่างL33 ไม่ต้องทำก็ขับดีแล้ว เบาะภายในอีก
-
ถ้าต้องเลือก ทั้งสองคัน เลือกอะไรดีครับ :)
L33 2.5xv ครับ
เคยมีคำถามขึ้นในใจสำหรับผม และ คนในครอบครัวครับ ว่าถ้าเลือกได้คันเดียวจะเลือกคันไหน หมายถึง ถ้าต้องเลือกเก็บไว้คันเดียว
ความจริง คือ ชอบทั้งสองคัน มีดีคนละแบบ แต่ถ้ารวมครบๆแล้ว L33-2.5 ครบกว่าครับ
และคำตอบของคนนั่งก็เลือก L33 -2.5
จะปล่อย 33 ออก คนนั่งที่บ้านไม่โอเค สักคนครับ
เพิ่มเติม
- ถ้าเอาเร็ว กดพร้อมกันไม่มีใครถอน 33-2.5 น่าจะตามหลังครับ
- 1.6 พ่วงหอย กินกว่า 33-2.5 สำหรับทางไกล กินกว่าราว 0.5 กม/ลิตร ในกรณีที่ขับตามกฏหมายและไม่บู๊พร่ำเพรื่อ
- ขับให้ประหยัดทางไกล 33-2.5 ทำได้ง่ายกว่า
- ความสบาย 33 ดีกว่า ทั้งความนิ่ง เงียบ เหมาะสำหรับเดินทางไกลอย่างยิ่ง ขับแล้วเหงา คนอื่นหลับหมด
- B17 คันเล็ก ในเมืองขับสบายกว่า ทางไกลสั่งได้ไม่ต้องเค้น แต่ไม่ควรเร็วกว่า 130 สำหรับรถเดิมๆ แต่เกินเป็นบางทีแป๊บๆ พอได้
- B17 turbo ถ้าจะเอามาบู๊ ต้องทำช่วงล่างครับ
- B17 turbo ตอนบู๊หนักๆ สูบน้ำมันมาก แต่แรงก็มาเหลือเฟือ แรงเยอะ กินเยอะ
- B17 เดินทางไกลไม่แย่ เก็บเสียงดี เงียบใช้ได้ ภายในกว้าง legroom แถวสองไม่เป็นรอง 33 เพียงแต่ 33 นั้นดีกว่าไปอีกขั้นในภาพรวม
ขอให้ตัดสินใจได้ครับ
-
ทำไมโจทย์นี้ ไม่มีเหตุผลต้องเลือก Sylphy เลย เพราะอย่างได้เครื่องเทอร์โบเหรอครับ?
-
ผมว่า ความต้องการ รุ่นรถ 2 รุ่นนี้
ถ้าอายุไม่ถึง 40 ยังไม่มีครอบครัว เอา silphy DIG
แต่ถ้า 40 up ขอเอาความสบาย นุ่มๆนั่งสบายๆ ลงมาไม่ปวดหลังปวดเอว เอา teana
-
โจทย์นี้ง่ายมาก ตอบตัวเองให้ได้ว่า ชอบซิ่งหรือนั่งขับสบาย ๆ
-
เป็นผมไม่เอาทั้ง 2 นะครับ อะไหล่โคตระจะเปราะ แถมซดน้ำมันเป็นถังรั่ว ยอมไปเอาซูบารุ XV มือสองยังทนมือทนเท้ากว่าครับ
-
ถ้าแค่ 2 ตัวนี้ เลือก Teana ครับ ดีกว่าทุกอย่าง
-
เป็นผมไม่เอาทั้ง 2 นะครับ อะไหล่โคตระจะเปราะ แถมซดน้ำมันเป็นถังรั่ว ยอมไปเอาซูบารุ XV มือสองยังทนมือทนเท้ากว่าครับ
XV อาจจะประหยัดกว่าครับ
ผมจดทุกถังตั้งแต่ออกป้ายแดงทั้งสองคัน ได้ 7-8 ปี วิ่งคันละ 9.5 และ 9.6 หมื่นกม. หารออกมาได้
L33.2.5 ได้ 15.1 กม/ลิตร E20
B17 turbo ได้ 14.3 กม/ลิตร E10
เงื่อนไข ขับเดินทาง ตจว.85% กทม.15% ส่วนมากความเร็วตามกฎหมายกำหนด
ตัวเลขที่ใช้เองตามนี้ อาจไม่ตรงกับนักทดสอบ แต่คือตัวเลขที่หารออกมาจากที่ขับไปคันละ 100,000 กม.
เกียร์ CVT ถ้าเข้าใจเขา ก็พอไปได้ครับ
33 ไม่มีซ่อมใหญ่ เปลี่ยนตามระยะ , ในประกันเคลมยางเบ้าโช้ค หนึ่งครั้ง (จ่ายค่าซ่อมนอกจากเช็คระยะ มีแค่บุ้ชสายเกียร์ และ ล้างหัวฉีด ไม่ได้เสีย แต่ทำก่อนแนวป้องกัน) อนาคต เกินแสน กม. น่าจะเป็นช่วงล่างหลัง
B17 มีซีลรอบเครื่องครั้งนึง, ในประกันเคลมหม้อน้ำ หนึ่งครั้ง (ที่จ่ายค่าซ่อมนอกเช็คระยะ มีแค่บุ้ชสายเกียร์ทำก่อนเสีย และ ซ่อมซีลรอบเครื่อง)
ช่วงล่างเดิมทั้งสองคัน ยังปกติ
** ใน 8 ปีนั้น มีอีกคัน คือ เซียนต้า อายุ 6 ปี ขับแบบเดียวกัน เส้นทางคล้ายกัน แต่อาจวิ่งในเมืองมากกว่านิดหน่อย ระยะวิ่ง 105,000 กม. จดเหมือนกันได้ออกมาราว 14.91 กม/ลิตร E20
รวมสามคันก็วิ่งไป 296,000 กม ใน 8 ปี
ตัวเลขเฉลี่ยน้ำมันถึงเดือน พย.2565 ครับ
-
ขอบคุณทุกๆท่านมากๆครับ
ส่วนตัวแอบเอนไป L33 ครับ
เพราะดูครบครันกว่าแบบที่ทุกๆท่านว่าจริงๆ
ซึ่งคิดว่าอะไหล่น่าจะเยอะกว่าด้วย
ขออภัยครับ ลืมบอกว่าตอนนี่ใช้ B17 Turbo อยู่ครับ
:D
-
เป็นผมไม่เอาทั้ง 2 นะครับ อะไหล่โคตระจะเปราะ แถมซดน้ำมันเป็นถังรั่ว ยอมไปเอาซูบารุ XV มือสองยังทนมือทนเท้ากว่าครับ
XV อาจจะประหยัดกว่าครับ
ผมจดทุกถังตั้งแต่ออกป้ายแดงทั้งสองคัน ได้ 7-8 ปี วิ่งคันละ 9.5 และ 9.6 หมื่นกม. หารออกมาได้
L33.2.5 ได้ 15.1 กม/ลิตร E20
B17 turbo ได้ 14.3 กม/ลิตร E10
เงื่อนไข ขับเดินทาง ตจว.85% กทม.15% ส่วนมากความเร็วตามกฎหมายกำหนด
ตัวเลขที่ใช้เองตามนี้ อาจไม่ตรงกับนักทดสอบ แต่คือตัวเลขที่หารออกมาจากที่ขับไปคันละ 100,000 กม.
เกียร์ CVT ถ้าเข้าใจเขา ก็พอไปได้ครับ
33 ไม่มีซ่อมใหญ่ เปลี่ยนตามระยะ , ในประกันเคลมยางเบ้าโช้ค หนึ่งครั้ง (จ่ายค่าซ่อมนอกจากเช็คระยะ มีแค่บุ้ชสายเกียร์ และ ล้างหัวฉีด ไม่ได้เสีย แต่ทำก่อนแนวป้องกัน) อนาคต เกินแสน กม. น่าจะเป็นช่วงล่างหลัง
B17 มีซีลรอบเครื่องครั้งนึง, ในประกันเคลมหม้อน้ำ หนึ่งครั้ง (ที่จ่ายค่าซ่อมนอกเช็คระยะ มีแค่บุ้ชสายเกียร์ทำก่อนเสีย และ ซ่อมซีลรอบเครื่อง)
ช่วงล่างเดิมทั้งสองคัน ยังปกติ
** ใน 8 ปีนั้น มีอีกคัน คือ เซียนต้า อายุ 6 ปี ขับแบบเดียวกัน เส้นทางคล้ายกัน แต่อาจวิ่งในเมืองมากกว่านิดหน่อย ระยะวิ่ง 105,000 กม. จดเหมือนกันได้ออกมาราว 14.91 กม/ลิตร E20
รวมสามคันก็วิ่งไป 296,000 กม ใน 8 ปี
ตัวเลขเฉลี่ยน้ำมันถึงเดือน พย.2565 ครับ
เห็นพี่รู้จักกันว่า เทียน่านี่ซดเปลืองแบบไร้สาระแถมอะไหล่ไม่ถูกและไม่ทนครับ พวกปีกนกที่ออกแบบเหมือนของนิสสัน มาร์ช ที่ไม่มีจุดหมุนทำให้มันขาดได้ง่ายครับ ซึ่งผมไม่โอเคครับยังมีพวกคอนโซลเหนียวจอกลางลาโลกเร็ว รวมไปถึงแอร์หรือพัดลมหม้อน้ำที่ใจเสาะมากครับ
-
ภาพรวมL33นั่งสบายกว่าและดูดีกว่าครับ ส่วนความจุกจิก บอกตรงๆว่า นิสสันน่าจะจุกจิกเหใือนกันกันครับ เพราะฉะนั้นส่วนตัวเลือกคันนั้งสบายครับ อัตราเร่งไม่ได้เป็นรองกว่ากันเท่าไร
-
ตัวเลือกมันต่างกันเกินไปครับ คำตอบมันจึงเป็นไปทางเดียวกัน
-
ตัวเลือกมันต่างกันเกินไปครับ คำตอบมันจึงเป็นไปทางเดียวกัน
สำหรับผม ถ้ามีแค่สองคัน ก็เห็นตามข้างบน ตัวผมเองคงไม่เอาทั้ง ถ้าเอาทั้งสองคัน มาแลก ss ผม (ซึ่งราคาถูกกว่า) ผมก็ไม่เอาทั้งคู่แหละครับ
-
L33 ดูได้เปรียบกว่าหลายๆสิ่งเลยครับ
แต่ส่วนตัวชอบคันไม่ใหญ่อยู่แล้ว ผมเลือก B17 มีหอยแน่นอนครับ ;D
-
ข้อมูลเพิ่มเติม เชิงเปรีบเทียบ เรื่องการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
เป็นการเก็บข้อมูลตั้งแต่ ธค 2014 - เมษายน 2023 (update ล่าสุด 21-04-2566)
B17 DIG กินน้ำมันมากกว่าราว 0.851 กม/ลิตร
คิดเป็นค่าน้ำมัน บาท/กม. DIG จ่ายมากกว่า 0.269 บาท/กม. (ราคาน้ำมันเฉลี่ย ปี 2015-2023)
** บนเงื่อนไข การขับทาง ตจว. 85% กทม.15% ในรูปแบบการขับขี่ตามกฏหมายกำหนด **
L33 ช่วง 5000 กม.แรก มีเติม E10 บ้างแต่น้อยมาก
L33 เริ่มบันทึก ธค 2014
B17 DIG เริ่มบันทึก ธค 2015
NSP170 เริ่มบันทึก ตค 2017 เป็นช่วงปีที่น้ำมันเริ่มราคาสูงขึ้นแล้ว
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/04/21/y7z5Sn.jpg)
-
มีคำถามอีกข้อ ในปี 2014 ตอนที่จะซื้อ L33-2.5 ว่า ควรเลือก hybrid ไหม?
ในสภาพการใช้งานแบบที่ผมใช้ คือ ตจว.85% กทม 15%
จากข้อมูลสะสมมา 8-9 ปี 98,030 กม. มีคำตอบครับ
อัตราสิ้นเปลือง
L33-2.5 15.22 กม/ลิตร
hybrid ผมให้ถึง 19.00 กม/ลิตร
ในระยะวิ่ง 98,030 กม
จำนวนลิตรที่ L33-2.5 ใช้ 6439.24 ลิตร
จำนวนลิตรที่ Hybrid จะใช้ 5159.49 ลิตร
ราคาน้ำมันเฉลี่ย ช่วงปี 2014-2023 25.01 บาท/ลิตร
hybrid จ่ายค่าน้ำมัน 129050.62 บาท
L33-2.5 จ่ายค่าน้ำมัน 161060.20 บาท
ส่วนต่างค่าน้ำมัน 1 แสน กม. 32009.58 บาท
ค่าตัวรถ Hybrid ปี 2014 เทียบกับรถ L33-2.5 ผมจำไม่ได้ว่าต่างกันเท่าไหร่? น่าจะมากกว่า 32,000 บาทหลายเท่านัก
ถ้าเพิ่มให้รถ Hybrid กินน้ำมันเฉลี่ยถึง 20 กม/ลิตร ก็จะมีส่วนต่างค่าน้ำมันเท่ากับ 38,462.12 บาท ตลอดเวลา 9 ปี หรือ 98,300 กม.
และ ถ้าเปลี่ยนเป็นใช้ราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 35 บาท/ลิตร
ส่วนต่างค่าน้ำมันใน 98,030 กม.ในรถ L33-2.5 ที่มากกว่า Hybrid ก็แค่เพียง 53,820 บาท เมื่อให้รถ Hybrid กินน้ำมันที่ 20 กม/ลิตร ครับ
ยังไม่นับส่วนต่างค่าตัวรถ Hybrid ที่ถ้าเงินยังอยู่กับเรา สามารถลงุทนงอกเงยออกมาได้อีก ถ้านับจริง อาจจะมีส่วนต่างที่น้อยกว่านี้
** ในรูปแบบการใช้งานส่วนตัวแบบของผมครับ **