Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Toriotoroo ที่ พฤษภาคม 26, 2023, 09:55:38
-
สวัสดีครับทุกคน วันนี้ขอปรึกษาการซื้อรถใหม่ครับ
พอดีผมได้ขายรถเก่าออกไปแล้วครับ (Isuzu Mu-x) เลยแพลนเปลี่ยนรถใหม่ กะเป็นรถขับประจำวัน ประหยัดน้ำมัน ขับง่ายๆ เบาๆ เพราะใช้อยู่โซนในเมือง ที่รถค่อนข้างติดครับ ไปต่างจังหวัดบ้าง 3 เดือนครั้งครับ ตอนนี้คิดไม่ตกระหว่าง Civic ehev กับ BYD Atto3 ครับ โดยส่วนตัวอยากได้ BYD ครับ เพราะเป็นคนสนใจในเรื่อง IT พอสมควร เลยคิดว่าระบบในรถ รวมถึงเรื่องการหาจุดชาร์ตไฟ ไม่น่ามีปัญหาครับ แต่อีกใจนึง ก็กลัวเวลาออก roadtrip กับเพื่อน แล้วจะไปไม่ทันเพื่อน เนื่องด้วยต้องรอชาร์ตไฟ กับอีกประเด็นคือผมเป็นคนใช้รถนาน ขั้นต่ำมี 7-8 ปี ก็กลัวเรื่องราคาขายต่อ กับเรื่องความไม่แน่นอนของระบบรถในอนาคต เลยอยากปรึกษา+ขอความคิดเห็นหลายๆท่านครับ ว่าควรจะเป็นแนวทางไหนดี คือตอนนี้คันไหนก็ได้ครับ เพราะราคาพอๆกัน แต่แค่อยากฟังแนวคิดของหลายๆคนครับผม ขอบคุณครับ
* ขอเพิ่มเติมข้อมูลตัวเองครับ ที่บ้านมี Fortuner กับ Sienta ด้วยครับ เป็นรถแม่กับรถพี่สาว สามารถสลับกันขับได้ตลอดครับ
-
คิดว่าทุกเหตุผลที่คุณยังกังวลมันก็เป็นคำตอบเองอยู่แล้วครับ ลองลิสต์ข้อดีข้อเสียให้คะแนนเทียบกันดูสิครับ การพิจารณาด้วยเหตุผลกับความอยากลองมักไม่เป็นทางเดียวกัน ส่วนตัวผมคงไม่ลองรถจีนในช่วงหลายปีนี้หรอกครับ เหตุผลหลักๆคือ Reliability ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ซึ่งมีผลต่อการใช้งานประจำวันมาก และที่สำคัญคือ Safety ที่ยังไม่มีข้อมูลพิสูจน์มากและนานพอครับ
-
รถคันนี้ จะเป็นรถคันเดียวของบ้านไหมครับ
ถ้ามีคันอื่นไว้เดินทางไกล เลือก atto ก็จะประหยัดเรื่องการเดินทางได้มากเลย
แต่ถ้ามีคันเดียว ผมว่า civic น่าจะสบายใจกว่า
แต่ถ้าคิดว่า จัดการบริหารจุดชาจน์ได้ ลอง atto ก็ได้ครับ
ส่วนเรื่องการใช้งาน(ด้านความอเนกประสงค์) option จากราคาที่จ่ายผมว่า atto ดูจะดีกว่า civic อยู่นะครับ
-
คิดว่าทุกเหตุผลที่คุณยังกังวลมันก็เป็นคำตอบเองอยู่แล้วครับ ลองลิสต์ข้อดีข้อเสียให้คะแนนเทียบกันดูสิครับ การพิจารณาด้วยเหตุผลกับความอยากลองมักไม่เป็นทางเดียวกัน ส่วนตัวผมคงไม่ลองรถจีนในช่วงหลายปีนี้หรอกครับ เหตุผลหลักๆคือ Reliability ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ซึ่งมีผลต่อการใช้งานประจำวันมาก และที่สำคัญคือ Safety ที่ยังไม่มีข้อมูลพิสูจน์มากและนานพอครับ
ขอบคุณมากครับผม
-
รถคันนี้ จะเป็นรถคันเดียวของบ้านไหมครับ
ถ้ามีคันอื่นไว้เดินทางไกล เลือก atto ก็จะประหยัดเรื่องการเดินทางได้มากเลย
แต่ถ้ามีคันเดียว ผมว่า civic น่าจะสบายใจกว่า
แต่ถ้าคิดว่า จัดการบริหารจุดชาจน์ได้ ลอง atto ก็ได้ครับ
ส่วนเรื่องการใช้งาน(ด้านความอเนกประสงค์) option จากราคาที่จ่ายผมว่า atto ดูจะดีกว่า civic อยู่นะครับ
ที่บ้านมี Fortuner กับ Sienta อยู่ครับ เป็นรถแม่กับพี่สาว สามารถสลับกันขับได้ครับผม
-
คิดว่าทุกเหตุผลที่คุณยังกังวลมันก็เป็นคำตอบเองอยู่แล้วครับ ลองลิสต์ข้อดีข้อเสียให้คะแนนเทียบกันดูสิครับ การพิจารณาด้วยเหตุผลกับความอยากลองมักไม่เป็นทางเดียวกัน ส่วนตัวผมคงไม่ลองรถจีนในช่วงหลายปีนี้หรอกครับ เหตุผลหลักๆคือ Reliability ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ซึ่งมีผลต่อการใช้งานประจำวันมาก และที่สำคัญคือ Safety ที่ยังไม่มีข้อมูลพิสูจน์มากและนานพอครับ
เห็นด้วยครับ Software firmware มี reliability และความน่าเชื่อถือต่ำมากๆ
เทียบกับค่ายญี่ปุ่น อย่าง Civic FC (นับถึงวันนี้ เกือบ 10 ปี ที่ออกมาแล้ว) ที่มี ACC มีระบบเบรคก่อนชน มันทำงานได้สมบูรณ์ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงงาน
แต่รถจีนทุกวันนี้ ออกจากโรงงานมา Software firmware ยังเอ๋ออยู่เลย แล้วสาวกก็ได้แต่หวังว่า รอ Firmware ออกมาอัพเดท ไม่รู้จะออกมาแก้รึป่าว ออกมาเดือนไหน
ครึ่งปีออก Firmware แก้มาที แต่ก็ไม่ได้แก้ตรงจุดปัญหา ไปแก้บัคเล็กๆน้อยๆ
-
ถามก่อนครับ อยู่บ้านที่สามารถติด Wall charge ได้ หรืออยู่คอนโดครับเพราะเรื่องนี้สำคัญสุด
ที่บอกว่าหาจุดชาร์จได้ไม่มีปัญหานี้ ลองไปเช่าใช้ชีวิตกับรถไฟฟ้า ที่ไม่มีที่ชาร์จที่บ้านดูครับ
แรกๆอะรับได้ แต่นานๆเป็นปี ต้องค่อยไปนั่งรอชาร์จ 30-50 นาที ตลอดเวลา ไม่สนุกนะครับ
ต้องค่อยจองตู้ PTT ช่วงวันหยุดหรือหลัง 4ทุ่ม เพื่อให้ได้เรท 4.5B/Kw และชาร์จได้สูงสุดแค่ 55 นาที
ต้องจองก่อนชาร์จเกือบทุกครั้ง เพราะไม่งันไม่ได้ชาร์จแน่ๆ เพราะมีคนอยู่ที่ตู้อยู่แล้ว ถ้าจองแล้วมาช้าไป 10 นาที
เสียตังค่าจองไปเลย20บาท อาจจะเล็กน้อย แต่ อาจจะเสียเวลาชาร์จไปอีกนะครับ เช่นจองรอบ 6:00-6:55
แต่มาถึงตอน 6:09 พอดี ก็จะชาร์จได้แค่ 46 นาที ไม่เกินนี้ เกิน 55 นาทีไม่ได้
ที่ชาร์จ EA,MEA, และอีกหลายๆอันไม่มีเรท Off-peak เป็น 7.1-8 B/Kw Fix เลย
และถ้าชาร์จ AC ข้างนอกบ้าน เลิกคิดไปได้เลยใช้งานจริง ชาร์จ 2 Hr เพิ่งได้ไฟมา 10-15%
และเรทแพงมาก ชั่วโมงล่ะ 60 บาท ถ้าฝนตก ลำบากมาก เพราะไม่ค่อยมีหลังคา ถอดๆเสียบที่ชาร์จ เปียกแน่นอน
APP ชาร์จ, ตู้ชาร์จ มี เออๆบ้าง ของ Atto3 ผมชาร์จ Connect เรียบร้อย
ชาร์จไปสักพังระบบตัด ต้องมาค่อยดูใน APP ว่ายังชาร์จอยู่ไหม เพราะไม่อย่างนั่น จะเสียเวลาเสียบทิ้งไว้
โดยที่ไฟไม่เข้า ผมโดนตู้ของ PTT มาหลายครั้งแล้ว ไม่รู้เพราะมันร้อนหรือเปล่าระบบเลยตัด เพิ่งชาร์จไปได้ 40บาท
โดนตัดไม่ชาร์จสะงัน
และถ้าชาร์จแต่ DC ระยะยาว แบตเสื่อมเร็วกว่า AC มาก เพราะความร้อนสูง ทุก Brand ไม่แนะนำให้ชาร์จแต่ DC
และคุณบอกใช้รถค่อนข้างนาน ดูแล้วชาร์จแต่ DC แบตเสื่อมไวแน่นอน ระยะยาวค่าแบตไม่ถูกแน่นอน
เอาเรื่อง ออกต่างจังหวัดบ้าง
ตอนนี้ไม่ต้องห่วง มีจุดชาร์จค่อนข้างเยอะ ระยะ 50-100 KM มีแน่นอน
โดยเฉพาะของ PT ที่เป็น EleXa แต่ก็จะร้านให้รอชาร์จน้อย มีแต่ร้านกาแฟ พันธ์ไทย
ในขณะที่ PTT มีร้านให้แวะรอชาร์จเยอะกว่า คนเลยเยอะกว่า เลยต้อง วางแผนดีๆ เพราะต้องกดจองก่อนเสมอ
อย่างที่บอกข้างบน ถ้ามาถึงแล้วไม่ทัน 10นาที โดนปล่อยให้คนอื่นชาร์จเลย
ยังไม่นับพวกเห็นแก่ตัว จอดค้างในช่องชาร์จ ทำให้เราชาร์จไม่ทันด้วยนะ
ผมขับจาก กรุงเทพ-อุทัย-พิษณุโลก-กรุงเทพ ประมาณ 800 กว่าโล One day Trip ไหว้พระ
อาจจะเพราะมือใหม่ เลยค่อนข้างกังวล เลยจะแวะชาร์จทุกครั้ง ที่เหลือระยะทางวิ่งประมาณ 150KM-180KM
Atto3 บอกว่าวิ่งได้ 480KM(NEDC) ถ้าออกต่างจังหวัดทำความเร็ว 100-130 Km/H ได้ระยะดีสุด ก็ 320-360Km
รวมๆแล้วกว่าจะถึงบ้าน ผมชาร์จไป 5รอบ แรกๆขับตอนเช้าๆก็ สบายดีอยู่ ตั้ง ครูซขับ 95Km/h ไปเรื่อยๆ
แวะกินข้าวเช้าแล้ว ชาร์จ แวะกินข้าวกลางวันแล้วชาร์จ ก็ชิวดี แต่พอ ขากลับเริ่มมืดแล้ว อยากกลับบ้าน เพราะเหนื่อยแล้ว
เริ่มขับเร็ว 110-140 Km แบตลดเร็วโคตรๆ ยิ่งพอแบตต่ำกว่า 40% ยิ่งเร็ว จะรู้เลย เสียเวลาชาร์จให้รำคาญใจพอสมควร
อาจจะต้องไปรอคนอื่น ชาร์จอยู่ก่อน แล้วเราถึง ชาร์จได้ ทำให้เสียเวลารอชาร์จ เพิ่มเป็น 1Hr ขึ้นไปอีก
สรุปคือสำหรับผม ถ้ามีรถคันเดียว แล้วมีวิ่งในเมืองและออกต่างจังหวัดด้วย ไม่มีWall Charge ที่บ้านด้วย
อย่าซื้อรถ BEV เลยครับ ผมว่ายังไงก็ไม่สนุกที่ต้องรอชาร์จ ตลอดเวลา
แต่ถ้าเป็นรถคันที่2 ใช้ขับในเมืองเป็นส่วนมาก วิ่งไกลบ้างระยะไม่เกิน 300Km
มีรถน้ำมันอีกคันไว้วิ่งไกลๆ แถมที่บ้านติด Wall charge มี Solarcell+ TOU มิเตอร์ รีบซื้อเลยครับ
โคตรประหยัด ขับมันกว่ารถน้ำมันมาก เร่งติดเท้า ลืมรถน้ำมันได้ง่ายๆเลย
อ้อ Atto3 มีข้อเสียด้วยนะที่ผมเจอ
1. เสียงลมจากกระจกมองข้างฝั่งคนขับ เวลาวิ่งเกิน 100Km/h เสียงเข้ามาในรถพอสมควรเลย
2. แอร์เย็นช้า และไม่ค่อยฉ่ำ สู้ GoodCat ไม่ได้เลย
3. โช๊คหน้าด้านซ้าย เวลาขึ้นเนินที่เอาไว้ ชลอรถ กับพวกคอสะพาน ถ้าขึ้นเร็วๆ ไม่เบาเลย
จะได้ยินเสียง กึกๆดังพวกสมควรเลย ผมว่าเพราะ โช๊คมันนิ่มไป เวลายืดสุดลงสุด เลยมีเสียงดัง
-
มันไม่เหมือน isuzu ที่คุณขายไปแน่ๆครับ ซื้อสดหรือผ่อนหมด ใช้ไป 10 ปี ยังเหมือนมีทอง 3บาทขึ้นไปเก็บไว้ในบ้านเป็นทรัพย์สิน พร้อมขายออกเอาไปดาวน์หรือหักส่วนลดคันใหม่ได้ทุกเมื่อ
ส่วนรถไฟฟ้า 8ปีผ่านไป มันก็คืออนาคต ยังมาไม่ถึง
แต่ปัจจุบัน มีใครคิดจะซื้อพรีอุสมือสองอายุ 8 ปีไหม
CR-Z hybrid ก็จอดทิ้ง ไม่ก็ติดมือเจ้าของ
ถ้าปัจจัยไม่ใช่ปัญหาสำหรับรถไฟฟ้า ก็น่าซื้อครับ
แต่ตรรกะ รถไฟฟ้า ไม่เท่ากับรถจีน ต้องคิดให้หนักๆ
จีนเป็นผู้ผลิตที่ดีได้ แต่บริการหลังการขายยังไม่มาในตอนนี้ ไปดู mg รุ่นแรกๆครับ เริ่มมีคนทิ้งรถกันบ้างแล้ว
-
ใจคุณไป BYD Atto 3 แล้วครับ
บ้านก็มีรถหลายครับ ลุยได้เลย 8)
-
ถ้าไม่ติดปัญหาด้านการชาร์จไฟรถ และตัวรถ จัด Atto 3 เลยครับ
แต่ถ้าติดปัญหาแม้แต่ข้อเดียว รบมถึงการเป็นห่วงการขายต่อ หรือ roadtrip ช้า ความน่าจัดมันก็ลดลงจริงๆ
-
Civicครับ เพราะทรงเอนกประสงค์มีfortuner กับ sientaแล้ว
-
ถ้าคิดจะเอารถไฟฟ้า อย่าคิดเรื่องขายต่อ...
ใช้แบบผม 15-20 ปี ค่อยคิดซื้อ
-
รถคันนี้ จะเป็นรถคันเดียวของบ้านไหมครับ
ถ้ามีคันอื่นไว้เดินทางไกล เลือก atto ก็จะประหยัดเรื่องการเดินทางได้มากเลย
แต่ถ้ามีคันเดียว ผมว่า civic น่าจะสบายใจกว่า
แต่ถ้าคิดว่า จัดการบริหารจุดชาจน์ได้ ลอง atto ก็ได้ครับ
ส่วนเรื่องการใช้งาน(ด้านความอเนกประสงค์) option จากราคาที่จ่ายผมว่า atto ดูจะดีกว่า civic อยู่นะครับ
ออฟชั่นเยอะไปก็เท่านั้น ใช่ว่ามันจะใช้ได้จริงทั้งหมดนะ
ลองไปดูในกลุ่ม atto 3 หรือรถไฟฟ้าแบรนด์จีนได้ สิ่งที่ต้องทำหลังจาก สตาร์ทรถ คือ เข้าไปปิดฟังชั่นเตือนการชน ซึ่งก็ต้องเข้าไปในเมนู ไม่มีปุ่มให้กด ถ้าลืมปิดจะเจออาการรถเบรคโง่ๆ เกือบโดนชนท้ายหลายคัน จนสมาชิกเตือนให้ปิดมันทุกครั้ง ไม่งั้นอาจจะโดนชนท้าย ในขณะที่ civic ผมแทบไม่เจอคนทำแบบนี้
ถ้าคิดในแง่ดี อาจจะบอกว่าเดี๋ยวเค้าก็อัพเดทซอฟแวร์ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ 😂 แล้วพอมีเวอร์ชั่นอัพเดทออกมา มันก็จะมีอาการเออๆ อื่นๆตามมาอีก จนในกลุ่มต้องรอให้มีคนทดลองอัพก่อน ถ้าไม่มีปัญหาถึงจะทำตาม ออฟชั่นที่มีเยอะ(แต่ใช้ไม่ได้จริง)แทนที่จะเพิ่มความสะดวก กลับเพิ่มความลำบากซะงั้น 😂
-
ถ้ายังไม่รวยขนาดซื้อมาขับเล่นได้ ช่วงนี้ผมแนะนำข้ามรถจีนไปก่อนครับ ให้คนอื่นเค้าลองไปก่อน
พอมันเสถียร (ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่) ค่อยซื้อครับ
ถ้า choice มีเท่านี้เลือก civic Ehev RS ครับ
ถ้าจะเอา EL เอา 1.5 turbo ดีกว่าครับ
-
ถ้าคันเดียว civic แต่ตามโจทย์มีรถคันอื่นสลับ ลองรถถ่านก็ดีครับ
แต่ปัจจุบัน มีใครคิดจะซื้อพรีอุสมือสองอายุ 8 ปีไหม
ราว ๆ ปีสองปี พี่แพนเขียนให้ไทยรัฐ ราคาแข็งขึ้นมาสักพักได้เลยครับ
-
ดูแล้วน่าจะชอบ atto3 ใช่ไหมครับ
ถ้ารับกับราคาที่น่าจะตกเยอะได้ ผมว่าโอเคอยุ๋ อย่างน้อยก็ได้ลองครับ แต่ถ้าชอบ tech จริงๆ ขยับไป tesla เลยน่าจะเวิคกว่าครับ
เอาจริงๆ คิดว่า จะcivic / atto3 ก็ตอบโจทย์คุณได้หมด ยกเว้นแค่วิ่งทางไกล ที่อาจต้องสลับรถกับคนอื่นบ้าง
ส่วนตัวผมเอง ถ้าต้องเลือก ผมจิ้ม civic ครับ อยู่ได้ยาวๆ ศูนย์ยังอยู่ชัวร์ๆ และน่าจะซ่อมไม่ยากมากครับ ออฟชั่นผมเอาที่ต้องการใช้พอ
-
ผมก็เป็นคนชอบ IT เล่นคอมเขียนโปรแกรมจริงจังอยู่กับ IT มาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก็มีบริษัทให้บริการแอป
แต่กับของหลายๆอย่างผมกลับไม่ชอบความดิจิตอลจ๋าเกินไป อย่าง นาฬิกาผมชอบพวกกลไก ฟังเพลงแบบจริงจังในห้องผมก็มีแผ่นเสียง ถ่ายรูปผมก็เล่น RF full manual รวมไปถึงฟิล์ม
ส่วนรถนี่ผมว่าระบบ hi-tech ต่างๆเป็นตัวเสริม ความปลอดภัย สะดวกสบาย และที่สำคัญคือความน่าเชื่อถือไว้วางใจได้ต้องมาก่อน
แค่อยากจะบอกว่าซื้อรถไม่ใช่ประกอบคอม อย่าไปสนใจเรื่องความ hi-tech มากกว่าประเด็นอื่นๆที่รถดีๆควรจะมีครับ
-
จากที่อ่านผมแนะนำ byd นะครับ
ตัดเรื่องความเป็น IT ออกไปมันก็คือรถแหละครับ ดูระยะทางความสะดวกดีกว่า
ถ้าไม่มี wall charge ผมว่าแอบลำบากช่วงนี้แอปล่มบ่อยมากครับ ผมเป็นคนนึงที่ใช้แต่รถไฟฟ้าปัจจุบัน และไม่มี wall charge
จริงๆพอมีโอกาสผมก็ชาร์จตลอดแหละ แต่หลังๆ แอปล่มตลอดเลยครับ EA/Evstation
atto3 วิ่งจริงๆคิดไปแค่ 300 พอครับ น่าจะเป็นแบต LFP หลัง 20% ลงไวมาก อย่าเสี่ยงดีกว่า และมันไม่ได้คำนวนจากแรงเท้าเหมือน bmw เติมเท่าไหร่เต็ม 450 เหยียบแรงก็ไหลเป็นน้ำเลยครับ
เรื่อง tech อย่าไปคาดหวังอะไรเยอะเลยครับ มีเหมือนๆกันในรถยุคปัจจุบันถ้าไม่นับ audi กับพวกรถ entry class ต่างๆ
ภาพรวมผมว่าไม่ได้แย่ไปกว่า tesla นะครับระบบต่างๆทำได้ดี ใน segment ของมันและเพียงพอต่อการใช้งาน เพราะของฟรุ้งฟริ้งที่ tesla มีเอาจริงๆก็แทบไม่ได้ใช้ครับ มีแค่ auto steer ที่ใช้ประจำกับ summon (พอดีที่คอนโดซองมันแคบ) ระบบต่างๆอยู่ในเมืองเปิดไปก็โดนแทรกครับ เจอมอไซก็เหวอแล้วขับเองดีกว่า อื่นๆ ก็ไม่ได้จำเป็นต่อการใช้งานเท่าไหร่ครับ
-
ถ้าไม่ใช่รถคันเดียวของบ้าน ลอง BYD จบๆ ไปเลยครับ หายค้างคา
Civic เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ มันไม่ตอบโจทย์สาย IT
-
Byd คนใช้เยอะมากแล้วครับ เห็นเยอะกว่า civic ตัวปัจจุบันอีก
-
Byd น่าใช้กว่า civic เยอะครับ
-
ถ้าไม่ใช่รถคันเดียวของบ้าน ลอง BYD จบๆ ไปเลยครับ หายค้างคา
Civic เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ มันไม่ตอบโจทย์สาย IT
+1
-
สวัสดีครับทุกคน วันนี้ขอปรึกษาการซื้อรถใหม่ครับ
พอดีผมได้ขายรถเก่าออกไปแล้วครับ (Isuzu Mu-x) เลยแพลนเปลี่ยนรถใหม่ กะเป็นรถขับประจำวัน ประหยัดน้ำมัน ขับง่ายๆ เบาๆ เพราะใช้อยู่โซนในเมือง ที่รถค่อนข้างติดครับ ไปต่างจังหวัดบ้าง 3 เดือนครั้งครับ ตอนนี้คิดไม่ตกระหว่าง Civic ehev กับ BYD Atto3 ครับ โดยส่วนตัวอยากได้ BYD ครับ เพราะเป็นคนสนใจในเรื่อง IT พอสมควร เลยคิดว่าระบบในรถ รวมถึงเรื่องการหาจุดชาร์ตไฟ ไม่น่ามีปัญหาครับ แต่อีกใจนึง ก็กลัวเวลาออก roadtrip กับเพื่อน แล้วจะไปไม่ทันเพื่อน เนื่องด้วยต้องรอชาร์ตไฟ กับอีกประเด็นคือผมเป็นคนใช้รถนาน ขั้นต่ำมี 7-8 ปี ก็กลัวเรื่องราคาขายต่อ กับเรื่องความไม่แน่นอนของระบบรถในอนาคต เลยอยากปรึกษา+ขอความคิดเห็นหลายๆท่านครับ ว่าควรจะเป็นแนวทางไหนดี คือตอนนี้คันไหนก็ได้ครับ เพราะราคาพอๆกัน แต่แค่อยากฟังแนวคิดของหลายๆคนครับผม ขอบคุณครับ
* ขอเพิ่มเติมข้อมูลตัวเองครับ ที่บ้านมี Fortuner กับ Sienta ด้วยครับ เป็นรถแม่กับรถพี่สาว สามารถสลับกันขับได้ตลอดครับ
ตอบสั้นๆ ตามโจทย์นะครับ
คำตอบไปได้ทั้ง 2 แบรนด์เลยครับ
แต่ถ้าราคาขายต่อ ราคาตก ยังไง Byd เจ็บหนักแน่นอนครับ อย่างเช่นปัจจุบันรถไฟฟ้าวันนี้วิ่งได ้300-500โล ชาร์จความเร็วเท่านั้นเท่านี้ อนาคตข้างหน้าวิ่งได้ไกลขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้น
สุดท้ายราคารถไฟฟ้าล้วนจะราคาคล้ายกับ smart phone ตกรุ่น รุ่นหนึ่งครับ
สรุปเรื่องราคาขายต่อ
BYD เจ็บใจมากกว่า
Honda เจ็บใจน้อย