Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: MoO Cnoe ที่ พฤษภาคม 18, 2009, 11:13:02
-
ครับก่อนอื่นต้องขอสวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้ครับ
อันนี้เป็นรีวิวแรกในชีวิตของผม เห็นเพื่อนๆพี่ๆน้องๆหลายคนทำ
ก็เลยอยากจะลองทำบ้าง ถ้ามีข้อมูลตรงไหนผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
-
โคโรลล่า อัลติส รหัส ZZE120 เปิดตัวเมื่อกลางๆค่อนปลายปี 2001
ได้ออกแบบฉีกแนวลอกคราบสู่ภาพลักษณ์ใหม่จากรุ่นก่อนหน้านี้ AE112
หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ไฮทอร์ค นั้นอย่างชัดเจน
-
ตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมาก รวมถึงภายในที่กว้างขวาง หรูหรา ได้เป็นที่ฮือฮามาก
ในหมู่รถ compact carเมืองไทยในช่วงนั้น เพราะในรุ่นนี้นั้น ได้เปลี่ยนวิถีรถในเมืองไทยอยู่หลายอย่าง
ทั้งด้านมิติตัวรถ หรือแม้กระทั่งเรื่องราคา โมเดลAE112หรือไฮทอร์คนั้น รุ่นท๊อปสุด 1.8SE G มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 808,000
แต่ในอัลติสรุ่นใหม่นั้น เปิดตัวด้วยรุ่นท๊อปสุด 1.8G มีราคาค่าตัวถึง 978,000 ซึ่งมากกว่ารุ่นเก่าถึง 170,000เลยทีเดียว
ตรงจุดนี้เองทำให้ราคารถยนต์ของเมืองไทยเกิดการปั่นป่วน จนรถรุ่นหลังๆที่เปิดตัวได้รับอานิสงส์ปรับขึ้นราคาตามกันไปหมด
-
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันราคาแพงก็จริงแต่ก็มีะซื้อมาใช้อย่างเกลื่อนเมือง รวมถึงการนำมาทำเป็นแท๊กซี่ด้วย
สาเหตุนี้เอง ในสายตาหลายๆคน(เกือบทุกคนก็ว่าได้ 55)ว่าอัลติสรุ่นนี้มันก็เป็นสัญลักษณ์ของแท๊กซี่ไปเสียแล้ว
และนี่เอง เป็นจุดหนึ่งที่ผมไม่ค่อยปลื้มเลย ทำให้อัลติสในสายตาของคนทั่วๆไปมันดูlook cheap ทั้งๆที่มันก็มีเป็นรถคลาสเดียวกัน
เหมือนกับคู่แข่งของมัน อย่าง civic neo lancer ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นรถที่ใครๆก็มีโอกาสสัมผัสได้
(มีใครคิดเหมือนผมบ้างมั้ยเนี่ย)
-
ราคาขายที่เปิดตัวมา แบ่งออกเป็น6รุ่นย่อย
1.6J M/T 738,000
1.6J A/T 778,000
1.6E M/T 788,000
1.6E A/T 838,000
1.8E A/T 898,000
1.8G A/T 978,000 (เบาะหนัง)
อีกซักพักก็เพิ่มอีก1รุ่นย่อย ภายนอกติดสเกิร์ตรอบคัน+สปอยเลอร์
ภายในเปลี่ยนเป็นสีดำล้วน เบาะหุ้มด้วยหนัง ภายในตกแต่งด้วยสีเงินเมทัลลิค
หัวเกียร์กลมสปอร์ต ไฟหน้ารมดำ ออพชั่นเท่ากับตัว1.8E
1.8s A/T 950,000 (เบาะหนัง)
-
ผมซื้อคันนี้มาเป็นมือสองครับ เจ้าของเดิมผ่อนต่อไม่ไหว รถออกเดือนสิงหาคม 2002
แต่ผมซื้อมาราวๆปี2003ถ้าจำไม่ผิด รถยังใหม่ๆอยู่เลย รวมๆแล้วก็ราคาประมาณ7แสนบาท
ลืมบอกไปครับของผมเป็นรุ่น 1.6E A/T
รูปลักษณ์ภายนอก
ตัวถังนั้นดูอวบเลยทีเดียว ถูกใจคนไทยที่ชอบรถที่ดูใหญ่ไว้ก่อน
อย่างอื่นว่าทีหลัง จุดนี้เลยเรียกคะแนนจากคู่แข่งไปได้มาก
มิติตัวรถ ยาว4530มม กว้าง1705มม สูง1480มม ฐานล้อยาว 2600มม
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด5.2เมตร
-
เริ่มด้วยโคมไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ซึ่งผมมองว่ามันก็สวยดีนะ
ประกอบด้วยสองโคม แยกเป็นไฟต่ำและไฟสูง ถัดมาเป็นไฟเลี้ยว
กระจังหน้าลายซี่ตั้ง ชุบโครเมี่ยมพร้อมโลโก้โตโยต้าตรงกลาง
ด้านล่างเป็นไฟตัดหมอก ทรงสี่เหลี่ยมปลายแหลมไปถุงมุมกันชน
ซึ่งจะมีมาให้ในรุ่น 1.8ขึ้นไป แต่ของผมรุ่น 1.6Eเอาไปติดตั้งเพิ่มเองครับ
กระจกหน้าค่อนข้างจะลาด ทำให้บานกระจกหน้ามีขนาดใหญ่
มาที่ด้านข้างตัวรถ
ซุ้มล้อนั้นโป่งออกมาเล็กน้อย ด้านล่างเป็น ล้อแม็กซ์ติดรถลายหกก้าน 15นิ้ว
มาพร้อมยางขนาด195/60 R15 Bridgestone potenza RE88
ซึ่งยางชุดใหม่ผมได้เปลี่ยนเป็น AR10 ขนาดเท่าเดิม เรียบร้อยแล้ว
ผลที่ได้นุ่มขึ้น หนึบขึ้นนิดหน่อย
-
ถัดมาเป็นไฟเลี้ยวข้างตัวรถ สีขาวขุ่นๆ (ไฟเลี้ยวนะครับ อย่าคิดเป็นอย่างอื่นไป)
มือเปิดประตูแบบgrip typeชุบโครเมี่ยม พร้อมแถบคาดกลางประตูแปะเส้นโครเมียม
(ทั้งสองรายการ1.6Jจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ)
กระจกมองข้างค่อนข้างใหญ่ ปรับและพับด้วยไฟฟ้า เสาCมองจากข้างนอกดูใหญ่โต
ประตูก็เปิดออกได้กว้างเข้าออกสะดวกดีครับ ประตูข้างหลัง โค้งและตัดยาวลงมาจนถึงขอบล่าง
ด้านข้างรถแปะสเกิร์ตข้างให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น 1.6Eขึ้นไป ด้านหลังนั้นยกค่อนข้างสูงครับ
เวลาไม่มีคนนั่งแต่เวลามีคนนั่งแล้ว มันก็จะสูงเท่ากับด้านหน้าเป็นปกติ ผมชอบนะ การดีไซน์แบบนี้
ไม่เหมือนบางค่าย เวลาไม่มีคนนั่ง ด้านหน้าด้านหลังสูงเท่าๆกัน
แต่พอเวลานั่งแล้วท้ายห้อยเลย ดูไม่สวย(เก๋งนิสสันเป็นแทบทุกรุ่น)
แต่ยังไงผมก็รักนิสสันครับ อ้าววว!!
เอ๊ นี่ผมรีวิวรถยี่ห้อไหนอยู่กันแน่ เริ่มงง 555
-
ไฟท้ายสวยงามเลยทีเดียว แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่ตัวถังเป็นวงสองวง
วงใหญ่เป็นไฟเบรค ที่เวลาติดไฟแล้วเหมือนรูปก้นหอย วนๆ ทั้งๆที่เป็นหลอดไฟดวงเดียว
แต่มันสะท้อนเหมือนหลอดแบบLED อยู่เหมือนกัน วงเล็กเป็นไฟเลี้ยวสีส้ม ไฟท้ายอีกส่วนที่ฝาท้าย
เป็นวงกลมเช่นกัน แต่สองข้างนั้นไม่เหมือนกัน ด้านซ้ายเป็นไฟถอยดวงเดียว ส่วนข้างขวาเป็นไฟตัดหมอกหลัง
สีแด๊งแดง ที่หลายท่านบ่นนักหนา ว่าจะเปิดทำซากอะไร ในช่วงแรกๆคนที่บ้านชอบทัก อ้าว!! ไฟถอยหลังขาดรึเปล่า
ทำไมติดแค่ข้างเดียว จุดนี้ผมไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ อยากให้มันเป็นสองข้างเหมือนรถทั่วไป แต่ได้อย่างก็เสียอย่าง
ผมได้ไฟตัดหมอกหลังมา เวลาฝนตกหนักมันช่วยคันหลังให้เห็นรถเราได้ดีทีเดียว ดีกว่าเปิดไฟฉุกเฉินให้ชาวบ้านเค้าด่าเล่น
อยู่มากโข มีไฟเบรคดวงที่สามตรงกลางกระจกหลังด้านล่างให้มาด้วย กรอบป้ายทะเบียนมีคิ้วโครเมี่ยม
ขนาดเขื่องแปะอยู่พร้อมฝังโลโก้สามห่วงอยู่ตรงกลาง
-
ถัดลงมาเป็น กันชนหลังที่ยื่นออกมาบ้าง ซึ่งรถของผมได้ติดเซนเซอร์ถอยหลังมาสองจุด
สร้างความรำคาญให้แก้วหูชั้นในของผมนั้นอยู่ตลอดเวลาถอยหลัง
แต่มันก็ช่วยให้เราสะดวกขึ้นบ้าง แต่เวลาใกล้สิ่งกีดขวางเสียงมันเหมือน
หัวใจจะหยุดเต้นกันเลยดีเดียว ตี๊ดดดดดดด!!
-
เริ่มเข้ามาด้านในรถกันบ้าง
ภาพนี้เป็นภายในของตัวเก่า ae112 อัลติสตัวใหม่นี้ออกแบบได้ดูดีกว่าเดิมเยอะ
-
ภายในห้องโดยสารถูกออกให้ดูหรูหรา กว้างขวาง ใช้สีทูโทน ครึ่งบนนั้นจะใช้สีเบจ
ส่วนครึ่งล่างจะเป็นสีครีม คอนโซลหน้าไม่ลาดลงมาแต่จะยื่นออกมาตรงๆ
เพราะว่ากระจกหน้าที่ลาดลงมามาก ทำให้มันต้องเป็นแบบนั้น
แต่มันก็ดีที่วางของได้เยอะครับ เช่นเอกสารต่างๆ หรือแม้แต่ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาหน้ารถก็ตาม
กว้างจนเตะบอลได้ 55
-
ด้านล่างเป็นช่องเก็บของ ก็กว้างอยู่ใส่ขวดน้ำ0.5ลิตรได้ประมาณ4ขวดกับหนังสืออีก2-3เล่ม
-
คอนโซลส่วนบนนั้นที่เป็นสีเบจ ตรงกลางจะเป็นช่องสำหรับวิทยุ ซึ่งผมได้ไปเปลี่ยนเป็นของ
pioneerรุ่น FH-P6200 วิทยุเทปซีดี พร้อมCD changerอีก6แผ่นด้านหลัง
ตัวfrontนั้นเป็นจอกราฟฟิคแสดงผลเปลี่ยนสีได้10สี แพรวพราวเลยครับ
ด้านหลังกดออกมาแล้ว เป็นช่องใส่เทปและซีดี1แผ่น
-
ช่องแอร์นั้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาบอยู่ข้างๆวิทยุ
ด้านบนหลังคา มีไฟอ่านแผนที่ให้สองดวง
ที่บังแดดมีกระจกส่องหน้าให้ทั้งสองข้าง
-
ถัดลงมาเป็นส่วนล่างตกแต่งด้วยลายไม้ ซึ่งจริงๆแล้วในรุ่น1.6Eนั้น
เป็นพลาสติกด้านสีดำ ผมรับไม่ได้เลยไปใส่ลายไม้แทน
1.6E เดิมๆ ก่อนไปใส่ลายไม้และเปลี่ยนวิทยุ
-
บนสุดจะเป็นนาฬิกา มีปุ่มข้างๆสองปุ่ม ด้านซ้ายเป็นไล่ฝ้ากระจกหลัง
ด้านขวาจะเป็นไฟฉุกเฉิน ลงมาเป็นที่ปรับแอร์แบบรางเลื่อน มีปุ่มA/C
และโหมดเลือก 5โหมด เย็นบน เย็นล่าง ไล่ฝ้ากระจกหน้า ฯลฯ
เหมือนๆรถทั่วไปที่เค้ามีกัน ซึ่งในรุ่น 1.8นั้น จะเป็นแบบออโต้
และตกแต่งด้วยลายไม้ให้จากโรงงาน ทำให้ดูหรูหราขึ้นมาก
รูปล่างเป็นของรุ่น 1.8G
-
ลงมาเป็นช่องเก็บของแบบเปิดฝาออก เก็บของได้เยอะเลย
เพราะลึกมาก ใส่กล่องซีดีได้หลายกล่อง ลงมาเป็น
ช่องปิดคล้ายๆกัน ใส่ของเล็กๆน้อยๆ
-
ลงมาอีกนิดนึงเป็นชุดควบคุม3ช่อง ซ้ายสุดเป็นปุ่มไฟตัดหมอกหน้า(ติดเพิ่มเอง)
และปุ่มECT สำหรับเวลาต้องการให้เกียร์เปลี่ยนช้าลง และลากรอบให้สูงขึ้น
เมื่อกดแล้วจะมีไฟสีเขียว ECT PWR ติดที่มาตรวัด ในรุ่น1.8G จะเพิ่มปุ่ม VSCและTRC
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวมาอีกสองปุ่ม ด้านขวาสุดเป็นที่จุดบุหรี่
-
มาถึงเกียร์อัตโนมัติ แบบรางเลื่อนธรรมดา หัวเกียร์อันสะบึ้มแต่จับถนัดมือ
มีปุ่มเปลี่ยนเกียร์และปุ่มo/D overdrive สำหรับเวลาเร่งแซง
เมื่อกดแล้วจะตัดลงมาเป็นเกียร์3เมื่อใช้เกียร์4อยู่
(แต่หากใช้เกียร์ต่ำกว่านั้น เกียร์สูงสุดจะอยู่แค่เกียร์3)
ที่ฝาครอบชุดเกียร์จะมีปุ่มshift lock เวลาไม่ได้เหยียบเบรคหรือสตาร์ทเครื่อง
ถ้าไม่กดปุ่มนี้ จะไม่สามารถเลื่อนเกียร์ได้ ซึ่งปกติถ้าไม่เข้าเกียร์PหรือNก็จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องได้
หรือถ้าจะดับเครื่องแล้วดึงกุญแจออก โดยที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง N ก็ไม่สามารถเอากุญแจออกได้
ต่ำลงมาเป็นเบรคมือ
ด้านซ้ายมีช่องวางแก้วน้ำพร้อมฝาปิด ขนาดใส่ได้สามขวดน้ำ0.5ลิตร
หรือ1ขวดในแนวนอนโดยที่สามารถปิดฝาลงได้สนิท
-
ที่เท้าแขนเป็นแบบสองชั้น ชั้นแรกใส่ของ ได้เล็กๆน้อยๆ
ชั้นล่างค่อนข้างลึกใส่ของได้เยอะ รวมถึงใส่ขวดน้ำขนาด0.5ลิตร
ตราสิงห์ได้สี่ขวด(แนวตั้ง) แล้วยังเหลือที่ใส่ซีดีได้อีกสองสามแผ่น
โดยที่สามารถปิดที่เท้าแขนลงมาได้สนิท
-
ระดับความสูงของที่เท้าแขนนั้นจัดว่าใช้ได้ ต่ำไปนิดเดียว
แก้ไขโดยการเอาหมอนใบเล็กๆ มาวางก็จะพอดีและนุ่มด้วย
ไม่รู้ว่าคนออกแบบเค้าจงใจให้เวลาที่เปิดที่เท้าแขนออกแล้ว
มันพลิกไปเป็นที่วางของด้านหลังได้หรือว่าแค่บังเอิญ
ดังรูป
-
พวงมาลัยแบบหุ้มหนังพร้อมairbag 1ลูก ปรับระดับขึ้นลงได้ แต่ปรับเข้าออกไม่ได้
ขนาดกำลังเหมาะมือ ถัดเข้าไปเป็นมาตรวัดซึ่งในรุ่น1.6นั้น ผมว่ามันธรรมดามากๆ
ไม่มีลูกเล่นอะไรเลย ด้านในแบนเรียบ ไม่มีส่วนนูนเว้า
เหมือนเอาพลาสติกเจาะให้แสงเข้าเวลาเปิดไฟเท่านั้นเอง
แต่ในรุ่น1.8Eจะเป็นแบบoptritonเรืองแสงสีขาว ส่วนในรุ่น1.8G
จะเปลี่ยนได้สามสี น้ำเงิน ขาว และส้ม
-
ซ้ายสุดเป็นมาตรวัดรอบ สูงสุด8000รอบ redlineที่ 6400รอบ
ถัดมาเป็นมาตรวัดความเร็ว สูงสุดที่220km/h มีจอแสดงระยะทางที่วิ่ง
1บรรทัดอยู่ด้านล่าง ด้านขวาบนเป็นมาตรวัดอุณหภูมิ ด้านล่างเป็น
มาตรวัดปริมาณน้ำมัน พร้อมระบุตัวหนังสือ FUEL DOORว่าฝาถังน้ำมันอยู่ด้านไหน
เผื่อมีคนหลงๆลืมๆ มีไฟเตือนสีส้มรูปถังน้ำมันอยู่มุมล่างขวา
เมื่อน้ำมันใกล้หมด ผมเคยลองจับดู เมื่อไฟติดยังวิ่งไปได้อีกประมาณ
100 กิโลเมตร ที่ความเร็วเฉลี่ย 90-100Km/h
-
ถัดออกมาจากมาตรวัดเป็นช่องแอร์ ด้านล่างช่องแอร์เป็น
ชุดควบคุมปรับและพับกระจกมองข้างไฟฟ้า ด้านซ้ายของชุดควบคุม
มีช่องใส่เหรียญได้ซัก5-6เหรียญ อีกช่องที่ว่างอยู่ในรุ่น1.8G
จะเป็นไฟสัญญาณ security สำหรับชุดกุญแจ Immobilizer
ลงมาอีกซักนิดเป็นช่องเก็บของที่เปิดง้างออกมา ใส่ของได้นิดหน่อย
เหมาะใส่พวกบัตรต่างๆได้ดี มีจอแสดงผลของเซนเซอร์ถอยหลัง
ที่แสดงระยะเหลือก่อนชนสิ่งกีดขวาง
-
แผงประดูด้านข้าง มีปุ่มล๊อกกระจกผู้โดยสาร และปุ่มเซนทรัลล๊อก
รูปแบบเหมือนในโตโยต้าทุกๆคัน มีปุ่มควบคุมกระจกไฟฟ้าทั้งสี่บาน
โดยด้านคนขับจะเป็นแบบautoทั้งขึ้นและลง
ด้านล่างเป็นช่องใส่ของยาวทั้งแนวประตู ใส่หนังสือขนาดA4หนา1.5cm ได้สองสามเล่ม
คุณภาพการประกอบดีครับ ไม่มีเสียงน่ารำคาญเอี๊ยดอ๊าดของชิ้นส่วนภายในต่างๆ
จะมีก็แต่ เสียดดังของแผงประตูข้างตอนที่ผมเท้าแขนและกดลงไปเท่านั้น
โดยถ้าวิ่งปกติ ไม่ว่าจะสั่นแค่ไหน มันก็ไม่มีเสียงมารบกวนใจเลยครับ
-
มาถึงเบาะนั่งคู่หน้าบ้าง เบาะรถถูกเซทให้สูงกว่ารถซีดานทั่วไปนิดหน่อย
แต่มันก็ทำให้เข้าออกสะดวกเวลาหย่อนก้นลงนั่ง ก็ไม่ต้องลงไปมาก เวลาออกจากรถเช่นเดียวกัน
ก็ไม่ต้องลุกทะยานตัวขึ้นมากนัก ส่วนพนักพิงหลังนั้นก็กระชับพอสมควร มีขนาดเล็กไปนิดนึงสำหรับผม
(ผมสูง174 หนัก90) แต่สำหรับคนทั่วไปคงไม่เป็นปัญหา มีที่รองศีรษะความนิ่มกำลังดี ปรับสูงต่ำและเอนได้
แต่ที่เป็นปัญหาของคนทั่วไป นั่นก็คือเบาะรองนั่งที่สั้นไป ทำให้ไม่ค่อยสบาย เวลาเดินทางไกล
แต่ความนุ่มของเบาะก็ใช้ได้ ไม่นุ่มไม่แข็งจนเกินไป ที่ปรับเบาะนั้นเป็นแบบอัตโนมือ
พร้อมที่หมุนปรับระดับทั้งขึ้นและลง อยู่สองอัน
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นปัญหามากคือระยะนั่งเวลาขับ
มันช่างไม่สบายเอาเสียเลย ด้วยที่ระดับของเบาะนั่งนั้นสูง เหมือนๆระดับของรถMPVอย่างวิช
และช่วงลึกของแป้นคันเร่งมันน้อย ทำให้ขาต้องชันๆผิดวิสัย เมื่อยมาก แต่ถ้าปรับให้นั่งสบายไม่เมื่อย
มือกำพวงมาลัย แล้วแขนจะตึงสุดพอดี ซึ่งผิดหลักการนั่งขับรถที่ถูกต้อง และมันจะไปเบียดทพื้นที่
egroomด้านหลังอยู่นิดหน่อย
แต่ฝั่งคนนั่งด้านหน้าไม่ได้เหยียบคันเร่ง ความกว้าง leg room
ก็มีอย่างพอเพียงครับ ส่วนheadroom ผมนั่งดูก็มีพื้นที่เหลือไม่เป็นปัญหาถึงแม้กระจกหน้าจะลาดไปบ้าง
ที่เท้าแขนฝั่งประตูออกแบบมาค่อนข้างดี คือมันวางแล้วสบาย กว้างดีครับ ผ้าที่บุแผงด้านข้างก็ให้สัมผัสที่ดี
(รุ่น1.8Gเท่านั้นที่เป็นหนังทั้งเบาะ ที่เท้าแขนตรงกลางและแผงประตู)
-
มาถึงเบาะนั่งด้านหลัง นั่งสบายอยู่ เบาะนั่งให้สัมผัสที่นิ่มกว่าด้านหน้านิดหน่อย
เบาะรองนั่งสั้นไปนิดเหมือนเคย รุ่น1.6ไม่มีที่เท้าแขนมาให้ ส่วนในรุ่น1.8จะมี
ที่เท้าแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำตกแต่งด้วยลายไม้มาให้
และเบาะหลังสามารถพับลงมาได้ 60:40
-
ระดับของเบาะหลังกับที่วางของมันมีระดับเท่ากัน เวลาผมวางของไว้แล้วเบรคแรงๆหน่อย
ของมันก็จะไหลลงมาได้ มีที่รองศีรษะสองอันมาให้ ปรับสูงต่ำได้
แต่ปรับเอนไม่ได้เหมือนของคู่หน้า
แผงประตูข้างของด้านหลังนั้นไม่มีที่ใส่ของมาให้ ระยะlegroom ถ้าปรับเบาะหน้าปกติ
มันก็มีเหลือพอให้นั่งสบาย สำหรับด้านหลังครับเข่าไม่ติดกับเบาะหน้า headroomมีเหลือครับ
-
มาถึงที่ใส่ของท้ายรถ กว้างขวางพอสมควร
แต่มีที่ติอยู่คือ แผงกั้นระหว่างเบาะหลังกับที่ใส่ของท้ายรถ
มันเป็นเพียงแค่ฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นสีดำเท่านั้น (ทำให้ดีหน่อยก็ไม่ได้นะ)
ด้านล่างเป็นที่ใส่ยางอะไหล่ซึ่งให้เป็นแบบกระทะเหล็ก ฝาท้ายเวลาปิดต้องออกแรงปิดนิดหน่อย
ฝาท้ายมีน้ำหนักเบา เปิดยกขึ้นไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมายเท่า ตอนปิด
-
มาดูเรื่องเครื่องยนต์และการขับขี่กันบ้าง อัลติสนั้นมีอยู่สองขนาดคือ 1,600 ซีซี
รหัส 3ZZ-FE 1,598 ซีซี 110 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม.ที่ 3,800 รอบ/นาที
และ1800cc รหัส 1ZZ-FE 1,794 ซีซี
136 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.4 กก.-ม.ที่ 4,200 รอบ/นาที
ความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 50ลิตร
โดยตัวที่ผมใช้อยู่เป็นเครื่องยนต์1600ซีซี การตอบสนองถือว่าใช้ได้
มีอืดบางในบางจังหวะช่วงความเร็ว100-120 แต่หลังจาก120ไปแล้ว
ก็ไหลได้เรื่อยๆครับ เมื่อออกตัวคันเร่งตอบสนองดีมาก(ย้ำว่าดีมาก)
สั่งเท่าไหร่ มาเท่านั้น เหยียบน้อยนุ่มลื่น เหยียบมากมาแรงดังเท้าสั่ง
จุดนี้เองทำให้มันประหยัดน้ำมันมาก ในบางทีประหยัดกว่ารุ่นน้องอย่างวีออสซะอีก
ซึ่งในรถบางคันคันเร่งตอบสนองช้า ทำให้ไม่ทันใจก็เหยียบลึกลงไปอีก
อย่าลืมว่าเหยียบเท่าไหร่ มันก็บริโภคน้ำมัน ตามเท้าคุณครับ
ตรงจุดนี้ประทับใจมากครับ ความเร็วสูงสุดที่ผมเคยทำไว้อยู่ที่165km/h
ไม่รู้ด้วยรถผมมีปัญหาหรืออย่างไร เวลาเหยียบเกิน160 จะมีเสียงวื้ดๆ
ดังเข้ามาให้ได้ยิน ไม่รู้มาจากเครื่อง ยาง หรือเสียงลมกันแน่
แต่คาดว่าน่าจะทำความเร็วได้มากกว่านี้อยู่อีกนิดหน่อย
การขับขี่ที่100km/h นั้นใช้รอบเครื่องยนต์ที่ 2400 รอบ/นาที
อัตราการบริโภคน้ำมันทำได้ดีทีเดียว
นอกเมืองใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 100-120km/h จะอยู่ที่ประมาณ 15 กม/ลิตร
ส่วนในเมืองจะอยู่ที่ 10-11 กม/ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการขับขี่และสภาพการจราจรด้วย
อัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดที่เคยทำได้ อยู่ที่17 กม/ลิตร ใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 80-90km/h
(อัตราการสิ้นเปลืองอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่คงไม่มาก เพราะไม่ได้วัดอย่างจริงจังเหมือนนักทดสอบรถทั่วไป ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ)
ส่วนอัตราเร่งจาก0-100 โดยเปิดระบบเกียร์ECT จะอยู่ที่ราวๆ 12.35 วินาที อาจจะไม่ตรงผิดเพี้ยนไปบ้างเพราะรถก็มีอายุ7ปีแล้วครับ
ช่วงล่างถือว่าโอเคครับ ไม่นิ่มไม่แข็งจนเกินไป แต่ด้านท้ายอาจจะย้วยไปบ้าง เข้าโค้งให้ความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง
พวงมาลัยอาจจะเบาไปนิดเมื่อใช้ความเร็วสูง แต่ถ้ามาใช้ในเมืองมันสะดวกมากๆครับ
หักแซง เลี้ยวตามตรอกซอกซอยได้ดีครับ ส่วนด้านระบบเบรคให้ความมั่นใจได้ดี
แตะนิดหน่อยก็เบรคแล้ว(เค้าเรียกกันยังไงนะผมก็จำไม่ได้)
มีABSมาให้ด้วย โดยจะเป็นดิสก์เบรคให้ทั้งสี่ล้อ (1.6J ด้านหลังจะเป็นดรัมเบรค)
-
ด้านทัศนวิสัยด้านหน้า ชัดเจนดีครับ แต่ว่าเวลาแดดส่องเนี่ย
เงาของคอนโซลจะสะท้อนขึ้นกระจก อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกระจก
หรือว่าวัสดุของคอนโซลกันแน่ ที่รับแสงแดดแล้วสะท้อนดีเหลือเกิน
สะท้อนเป้งเข้ามาตรงส่วนของกระจกมอง ในบางครั้งมันก็เป็นปัญหา
ทำให้มองยากบ้างนิดหน่อย
-
แต่ด้านหน้ายังไม่เท่าไหร่ ด้านข้างเนี่ยสิสะท้อนมากๆเวลามองกระจกข้างแล้วลำบาก
เงาของช่องแอร์และปุ่มควบคุมกระจกมองข้างสะท้อนขึ้นแทน
รถข้างๆที่วิ่งมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มองยากมากเลยครับ ไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี
(อย่างที่เห็นในภาพ)
เสาAขนาดใหญ่ไปนิด ทำให้บางมุม บดบังไปบ้าง แต่ก็ไม่มากครับ
-
ส่วนคุณภาพวัสดุของห้องโดยสารที่ให้มาอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
ไม่รู้ว่ารุ่น1.8 คุณภาพวัสดุจะดีขึ้นรึเปล่า แต่ถึงอย่างไร
ก็ยังคงสู้ รถจากค่ายนิสสันไม่ได้
(เอ๊ ผมเชียร์นิสสันมากไปรึเปล่าเนี่ยครับ 555)
-
เสาcด้านหลังที่ค่อนข้างจะใหญ่ เวลาแซงหรือเลี้ยวออกจากซอยที่มีถนนเลนสวนกัน
ก็ต้องใช้ความระมัดระวังมากหน่อยแค่นั้นเอง
กระจกบานหลัง ดูลาดๆทำให้มองว่าเล็ก
ห้องโดยสารด้านหลัง ดูอึดอัดไปนิดนึง
แต่คนนั่งเต็ม ก็ยังมองเห็นข้างนอกครับ
-
สรุปปิดท้าย
ถือว่ารถคันนี้ตอบสนองการใช้งานของผมได้ดีครับ เพราะปกติทุกวัน
ผมจะใช้รถไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตทุกวัน ไปกลับก็ประมาณ 110กม.
ทำให้ผมมีเงินเหลือกินข้าวเยอะหน่อย เพราะมันเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันครับ
ห้องโดยสารก็ใช้ได้กว้างขวาง แต่ติดตรงที่ท่าขับ จะเมื่อยขาบ้าง เพราะเบาะรองนั่งและช่วงแป้นคันเร่งที่สั้น
แต่ก็ดีกว่าผมใช้ cefiro A32รถอีกคันของผม ขับแล้วนั่งสบายมาก แต่กระเป๋าฉีกเป็นรูโหว่ เพราะค่าน้ำมัน
-
ซึ่งราคาอัลติสมือสองในตอนนี้ (ณ เดือนพฤษภาคม2009) รถปี2001-2003รุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์
อยู่ที่ประมาณสามแสนปลายๆถึงสี่แสนกลางๆ ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพด้วย
ถ้าจะเล่นรุ่นนี้ก็แนะนำให้ซื้อ 1.8G ไปเลยเพราะได้ของเล่นมาเยอะคุ้มค่ามากครับกับราคาระดับนี้
และอะไหล่ที่หาง่ายและราคาถูก เพราะรถใช้เป็นแท๊กซี่เยอะ ทำให้มีอะไหล่อยู่ทั่วไปและราคาไม่แพง
ตั้งแต่ที่ซื้อรถมาก็ยังไม่มีรายการซ่อมใหญ่อะไร มีแต่เล็กๆน้อยๆเช่น เปลี่ยนผ้าเบรค สายพาน ซึ่งมันก็หมดอายุไปตามสภาพ
-
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ ต้องขออภัยด้วยถ้าหากมีข้อผิดพลาดในบางครั้ง
และรูปรถในภาพที่ผมไม่ได้ล้างรถ เพราะช่วงนี้ฝนตกทุกวัน และผมไม่ค่อยจะมีเวลา
ซึ่งผมก็ไม่ค่อยชอบการล้างรถที่ปั้มเอาเสียเลย ล้างเองทุกครั้งซะมากกว่า
เพราะอย่างน้อยที่สุด เราก็อาจจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของรถ และรีบแก้ไขได้โดยเร็ว
-
จบแล้วครับบบ
มีข้อเสนอะแนะอย่างไร ผมขอน้อมรับทุกคำติชมครับ
-
ของแถมครับ รูปแสดงวิวัฒนาการของ โคโรลล่า จากปี1967-2008
-
ู^^
-
ล่าสุดครับ
-
และสุดท้ายจริงๆ
ภาพนี้มันบอกว่า อัลติสนั้นเหนือกว่าซีวิค
(ขำๆน่ะครับ แต่.....เจ้าของซีวิคคงไม่ขำด้วย)
หลายคนคงเคยเห็นภาพนี้แล้ว
สถานที่ถ่ายภาพ : ที่จอดรถชั้นดาดฟ้า ห้างเซนทรัล แจ้งวัฒนะ
รูปภาพอ้างอิงเพิ่มเติม จาก : www.altisclub.com
www.thaicar.com
www.headlightmag.com
ขอบคุณเว็บไซต์ www.headlightmag.com ที่มีwebboardให้ผมได้ลงข้อมูล และได้รับข้อมูลดีๆจากที่นี่ด้วย
-
โอ้โห
เขียนละเอียดได้มากกว่าผมอีกนะเนี่ย อย่างนี้ต้องขอปรบมือให้ครับ
เป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหา Altis มือสองได้อย่างดี และทำให้เราได้ทราบว่า
รถรุ่นเก่า ก็มีหลายอย่างที่ยังถือว่าดี โดยเฉพาะไอ้แผงประตูที่ไม่มีเสียงกวนใจเนี่ย รถผม (นิสสัน)
เป็นมาตลอดเลยนะ ซื้อมายังไม่ครบปีเลย
ผมเคยขับ แต่ไม่เคยเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ สมัยก่อนพ่อเพื่อนเคยทำกิจการจับรถมือสองปล่อย มีทั้งรุ่น 1.8 และ 1.6 สิ่งนึงที่ผมชอบในรถตัวนี้คือเครื่องยนต์นี่ล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็น 1.6 หรือ 1.8 นิสัยเหมือนกันอย่างนึงคือเครื่องตอบสนองตามเท้า เรียกแรงบิดได้คุ้มขนาดเครื่อง ใช้งานได้อย่างคล่องตัว
ตำแหน่งการขับขี่คุณกับผมมีปัญหาคล้ายๆกัน ผมมีความรู้สึกว่าถ้าปรับให้มือแขนจับถนัด ขาจะไม่ถนัด แต่ถ้าปรับให้ขาเหยียบสบาย แขนก็จะใกล้เกินไป ถ้ารถรุ่นนี้พวงมาลัยปรับเข้า-ออกได้ เรื่องนี้ก็น่าจะหมดปัญหา
และผมรู้สึกว่าถ้าให้ขับไกลๆ ผมชอบรุ่นเก่านี้มากกว่าตัวใหม่อีกครับถึงแม้ช่วงล่างจะย้วยกว่า (แต่ขับไม่เกิน 120 ผมว่าก็โอเคนะ)
-
มาติดตามอ่านครับ
-
สุดยอดเลยค้าบ
;D
วันหลังจะทำให้ได้ละเอียดแบบนี้้เลยค้าบ
-
เขียนดีครับ ผมชอบ อ่านง่ายดี^_^
-
ชัดเจนดี
อ่านง่ายสบายตา
เยี่ยมครับ
-
ขอบคุณคร๊าบบบ
-
อ่านสนุกดีมากครับ รายละเอียดเยอะดีครับ เข้าใจเอาขวดน้ำมาแสดงว่า ความจุของช่องเก็บของแต่ละช่อง ใหญ่ขนาดไหน แจ๋วจริงๆ
ผมขอเสริมเล็กน้อย
1. ท่านั่งขับ ผมเคยขับรุ่นนี้อยู่บ้าง แต่ไม่บ่อย แต่ทุกครั้งจะรู้สึกถึงปัญหาเหมือนคุณ Commander Cheng เปี๊ยบ
ถ้าแขนพอดี ขาจะงอๆ ครับ หรือถ้าขาพอดี ต้องเหยียดแขนมากเกินไป ทำให้เมื่อยทั้งแขนและหลัง
2. ช่วงล่าง ผมว่าช่วงล่างรุ่นนี้มันย้วยไปครับ ให้ความมั่นใจสู้ Vios ไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ Vios เบากว่าเป็นร้อยโล
เวลาขับเร็วๆ แทรกซ้าย ป่ายขวา บนทางด่วน ทำได้แป๊บเดียว แล้วก็ต้องยอมมันครับ ใจไม่ถึงพอ
ครั้งนึง เคยนั่งแท็กซี่ รุ่น Limo โห...ไอ้คนขับ เหยียบซะ หัวใจแทบวาย
ตอนเข้าโค้งบนทางด่วน เสียววูบบบบ เพราะลุ้นว่า มันจะแหกโค้ง ทะลุกำแพง ตกลงไปข้างล่างหรือเปล่า
3. แต่ผมชอบรุ่นนี้ตรงที่มันเป็น Taxi เยอะนะ เพราะเวลาได้นั่งมันที่เบาะหลัง มันกว้างขวาง โอ่โถงดีครับ รู้สึกไม่อึดอัด
จำได้ว่า สมัยตอนที่มันฮิตเป็น Taxi เวลาผมเรียก ผมจะเจาะจงนั่งแต่รุ่นนี้เท่านั้น รุ่น 3 ห่วง / ไฮทอร์ค ไม่อยากนั่งเลย เพราะเล็กกว่ากันเยอะ
ปล. ไม่ทราบว่า น้ำดื่ม 3-4 ยี่ห้อนั้น ยี่ห้อไหนอร่อยกว่ากัน ?
-
ดีครับ ผมชอบอัลติสตัวนี้ครับ ชอบมากกว่าตัวใหม่อีกครับ :D
-
ผมนั่งเป็นแท็กซี่ประจำเลยครับ นั่งสบาย ใหญ่กว่า Corolla ไฮทอร์คมากเลยครับ
ปล. อยากให้พี่ช่วยรีวิว A32 ด้วยครับ เพราะที่บ้านผมก็มี แต่ผมไม่มีใบขับขี่ ไม่รู้จะรีวิวทำไมถ้าไม่พูดถึงเรื่องการขับ
-
เยี่ยมไปเลยครับ
ผมก็ใช้ Altis 1.6 E Auto ปี 2002 เหมือนกันเลยครับ ;D
-
ผมมีตัว 1.8 แต่แนะนำว่า 1.6 ก็พอแล้วครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
-
ก่อนหน้านี้ใช้ตัว 1.8S 2003 อยู่ โดยรวมก็ดูดีและเป็นที่พูดถึงกันมาก ในด้านดีไชน์ ใช้งานดีไม่มีงอแง
แต่เสียอยู่ข้อเดียว เป็นtaxi กันเกลื่อนเมือง แต่ก็คิดในแงดีนะที่ใช้เป็นtaxi เยอะเพราะมันอึด
ปล. my family :) my toyota
-
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นมากๆเลยครับ
จะนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงต่อๆไป
คันต่อไปของผมก็คงเป็น cefiro A32
ตัวfacelift ครั้งแรก
แต่ว่าวันนี้หลังจากโพสต์รีวิวเสร็จ
เอาเซฟิโร่ไปขับ
ดันเผลอไปหน่อย จิ้มตูดซีอาร์วี
กระจังหน้ายุบไปนิดนึง 555
-
ผมว่าเจ้าของกระทู้นี่ชอบปั๊มน้ำมันที่มีของแถมชัวส์ๆ สังเกตุจากขวดน้ำนะ อิอิอิ
-
ผมชอบเบาะผ้าของaltisมากนุ่มดี ;)
-
ขอreview น้ำขวดในรถด้วยครับ(เอ้ยไม่ใช่ ;D ;D) อันติ๊ด2001 กับ 2004 มันต่างกันยังไงครับผมดูไม่ออกเลย :o (แต่ผมว่าน้ำทิพย์อร่อยกว่า น้ำสิงห์นะ ::) )
-
เป็นรถที่ผมคิดว่ามันนั่งสบายมากครับ กว้าง โอ่อ่าจริงๆ ภายในFDเล็กไปเลยนะครับถ้าเทียบกับตัวนี้
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับผม รีวีวได้ดีมากเลยครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ตัวนี้ผมชอบภายใน กว้างขวางดีแถมอุปกรณ์ภายในก็ให้มาเยอะดีครับ ขนาดไฟตรงแผงประตูยังมีให้เลย
-
ขอreview น้ำขวดในรถด้วยครับ(เอ้ยไม่ใช่ ;D ;D) อันติ๊ด2001 กับ 2004 มันต่างกันยังไงครับผมดูไม่ออกเลย :o (แต่ผมว่าน้ำทิพย์อร่อยกว่า น้ำสิงห์นะ ::) )
ตัว2004เนี่ย จะเปลี่ยนกระจังหน้า ไฟหน้าให้ใสและมีในกรอบมีเหลี่ยมมุมมากขึ้น
เปลี่ยนไฟตัดหมอกหน้าเป็นรูปทรงสี่เหลียมมนๆ
ลายล้อแม็กซ์ ไฟท้ายเปลี่ยนเป็นแบบLED
คิ้วบนกรอบป้ายทะเบียนปรับทรงนิดหน่อย
ภายในเปลี่ยนแบบพวงมาลัยนิดหน่อย เปลี่ยนมาตรวัดมีกรอให้มีกรอบกลมๆล้อม
อย่างอื่นก็ไม่แน่ใจแล้วครับ
: )
-
ขอreview น้ำขวดในรถด้วยครับ(เอ้ยไม่ใช่ ;D ;D) อันติ๊ด2001 กับ 2004 มันต่างกันยังไงครับผมดูไม่ออกเลย :o (แต่ผมว่าน้ำทิพย์อร่อยกว่า น้ำสิงห์นะ ::) )
ตัว2004เนี่ย จะเปลี่ยนกระจังหน้า ไฟหน้าให้ใสและมีในกรอบมีเหลี่ยมมุมมากขึ้น
เปลี่ยนไฟตัดหมอกหน้าเป็นรูปทรงสี่เหลียมมนๆ
ลายล้อแม็กซ์ ไฟท้ายเปลี่ยนเป็นแบบLED
คิ้วบนกรอบป้ายทะเบียนปรับทรงนิดหน่อย
ภายในเปลี่ยนแบบพวงมาลัยนิดหน่อย เปลี่ยนมาตรวัดมีกรอให้มีกรอบกลมๆล้อม
อย่างอื่นก็ไม่แน่ใจแล้วครับ
: )
ขอเพิ่มเติมจากคุณ MoO นะครับ
ตัวไมเนอร์เชนจ์รอบแรก รุ่น 1.8 G
- จะได้ลายไม้คนละสีกับรถคุณ MoO ครับ เป็นสีเข้มคล้ายๆ กับลายไม้วอลนัท
- เพิ่มเบาะไฟฟ้าคนขับ
- ล้อ 16 นิ้ว ในรุ่น 1.8 ส่วน 1.6 จะได้ขอบ 15 ลายคล้ายๆ VIOS ตัวเก่า
- พวงมาลัย เพิ่มก้าน multi function
-
ขอบคุณสำหรับ รีวิว ดีๆ ครับ
-
ขอบคุณครับ อยากรีวิวแจ๊สตัวเองเหมือนกันแต่แฟนขับไปทำงานทุกวันเลย ปล.คราวหน้าล้างรถข้างนอกด้วยนิดนึงนะครับ รูปจะได้สวยๆใสๆ ;D
-
ขอบคุณครับ อยากรีวิวแจ๊สตัวเองเหมือนกันแต่แฟนขับไปทำงานทุกวันเลย ปล.คราวหน้าล้างรถข้างนอกด้วยนิดนึงนะครับ รูปจะได้สวยๆใสๆ ;D
ครับผม
คันต่อไปล้างแน่ๆ
-
โอย เห็นแล้วคิดถึง 1.8E ที่จากมามากๆเลยครับ ใช้ชีวิตร่วมกับเค้ามาถึง สองแสนเจ็ดกว่ากิโล ดันต้องมาพลัดพรากจากกัน คุ้มจริงๆครับ
รีวิวแน่นมากๆข้อมูล
-
ขอบคุณครับ
-
อัลติสเท่