Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: GUDJA-MAN ที่ พฤษภาคม 18, 2009, 13:46:47
-
เมื่อซักราวๆ 14 ปีที่แล้ว
มีเพลงโฆษณารถยนต์รุ่นหนึ่ง ซึ่งในตัวโฆษณาจะมีรถซีดานขนาดกลางหน้าตาถึกๆ รุ่นนึงวิ่งผ่าน
พร้อมกับเสียงร้องของเจ๊ Mariah Carey
ที่ร้องว่า I can't live..if living is without you
แน่นอนครับ บางท่านถ้า(เกิดทัน และยัง)จำกันได้ คงทราบว่าเป็นเพลงในโฆษณา TOYOTA CAMRY โฉมแรกที่ขายในบ้านเรานั่นเอง
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความบังเอิญ หรือ อยากจะให้คล้องจากกับชื่อรุ่นรถหรือเปล่า
ทั้งชื่อคนร้องคือ Mariah Carey
คำว่า I can't live ในเพลง
และชื่อรุ่นรถ Camry
ต่างก็ออกเสียง รี่ๆ รี้ๆ เหมือนกัน
-
ตอนดูโฆษณาตัวนี้นั้น ผมเองบอกตรงๆ ว่าในตอนนั้น ผมดูแล้วหน้าตารถมันไม่ค่อยน่าสนใจซักเท่าไหร่
จนกระทั่งไปซื้อหนังสือรถเล่มนึง(ที่ปัจจุบันไม่มีขายแล้ว)มาอ่านดู ก็สะดุดตากับพวกอุปกรณ์ และราคาที่เปิดตัว
ซึ่งตอนนั้นเจ้า CAMRY SXV10 รุ่นนี้เป็นรถนำเข้าที่ทำราคาได้น่าสนใจมาก
โดยแบ่งเป็นเครื่อง 2,200cc ซึ่งมีให้เลือกอยู่ด้วยกัน 4 แบบ คือ
2.2GXI
2.2GXI 4ECT
2.2GXI + ABS
2.2GXI 4ECT + ABS
สุดท้ายเป็นรุ่น V6 เครื่อง 3,000cc
สมัยนั้นถ้ามองโดยรอบ คู่แข่งจากชาติเดียวกัน ในเวลานั้น ก็จะมี
- GALANT ULTIMA V6
- 626 CRONOS V6
- CEFIRO 24V
- ACCORD 2.2 VTI-S
ซึ่ง ณ เวลานั้น ต่างก็ทำตลาดในราคาไล่เลี่ยกันทั้งหมด
-
พูดเกริ่นมาคร่าวๆ แล้ว เรามาเข้าเรื่องดูตัวรถกันเลยดีกว่าครับ
รถคันที่นำมาเล่าให้ฟังกันนี้ เป็น TOYOTA CAMRY 2.2GXI 4ECT ABS ปี 1994
สภาพผ่านมา 14 ปี กับระยะทาง 178,xxx km. ก็มีสภาพอย่างที่เห็นครับ
สีที่เห็นนั้น ยังเป็นสีเดิมจากโรงงาน ในส่วนที่เคยทำสีมา ก็แค่กันชนหน้า+หลัง เท่านั้น เนื่องจากในการใช้งานทั่วไปมันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง
มิติตัวรถ ยาว 4,725 มม. กว้าง 1,770 มม. สูง 1,400 มม.
ความยาวช่วงล้อ 2,620มม.
น้ำหนัก 1,830 กก.
-
ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในรถ เราลองมาดูกุญแจกันก่อนครับ
ลูกกุญแจของ CAMRY รุ่นนี้นั้น ถ้าสังเกตดีๆ จะมีปุ่มกลมๆ ด้านข้างมาให้
ซึ่งจะเป็นรีโมทควบคุมการเปิด-ปิดของประตู ทั้ง 4 บาน
และในยามค่ำคืน หรือ ในสถานที่ที่มีความสว่างน้อย ก็จะมีไฟส่องสว่างที่รูกุญแจประตูมาให้ด้วย
-
เมื่อเปิดประตูเข้ามาสู่ห้องโดยสาร ก็จะพบเบาะนั่งขนาดค่อนข้างใหญ่
ตัวเบาะนั่งสามารถนั่งได้นานๆ ได้อย่างไม่เมื่อยล้า
เบาะคนขับสามารถปรับได้ 8 ทิศทาง และสามารถปรับ support ดันหลังได้ด้วย
-
ในส่วนของเบาะหลังนั้นก็ทำได้ดีเช่นกัน ส่วนรองนั่งมีให้มาก ทำให้นั่งได้อย่างเต็มก้น
ตรงกลางเบาะสามารถดึงลงมาทำเป็นที่วางแขนได้ และตัวเบาะนั้นก็สามารถพับลงมาได้เช่นเดียวกัน
มีเข็มขัดนิรภัยมาให้ทั้งหมด 5 ตำแหน่ง
-
มาดูทางด้านหน้ากันบ้าง คอนโซลหน้าสีเทามีขนาดใหญ่ ส่วนโค้งที่โอบอุ้มแผงมาตรวัดค่อนข้างสูงไปซักนิด
สำหรับผู้ขับขี่ที่รูปร่างเล็ก อาจจะรู้สึกว่าช่วงโค้งนั้นมันบดบังสายตาไปบ้าง
พวงมาลัย 4 ก้านหน้าตาธรรมดาทั่วไป ปรับระดับสูงต่ำได้
แต่ที่เรื่องที่น่าติ คือตำแหน่งแป้นกดแตรตรงกลางนั้นค่อนข้างแข็ง และไม่สามารถกดบริเวณขอบฝาได้
แถมยังต้องใช้แรงมากในการกด ราวกับว่าต้องรวบรวมกำลังภายใน แล้วใช้ฝ่ามือซัดเข้าไปเต็มๆ ที่แป้นแตรอย่างแรง
นั่นแหละ.....ถึงจะดัง!!
ซึ่งบางสถานการณ์ ถ้าเผลอกด หรือ เคาะเบาๆ ก็อาจจะไม่ทันการก็เป็นได้นะครับ
ข้างๆ เป็นก้านสวิทช์ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาได้ ขวามือเป็นก้านควบคุมไฟเลี้ยว-ไฟหน้า
-
มาตรวัดต่างๆ หน้าตาบ่งบอกถึงรถว่าอยู่ในยุค 90
ซ้ายมือสุด ก็เป็นไฟเตือนต่างๆ เช่น ABS, ไฟเตือนน้ำมันใกล้หมด, ไฟเตือนระบบเครื่องยนต์
ถัดมาเป็นมาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ความจุ 70 ลิตร
มาตรบันทึกระยะทางยังคงเป็นแบบอนาลอก มีไฟบอกตำแหน่งเกียร์อยู่ตรงกลาง
ต่อจากนั้นก็จะเป็นมาตรวัดรอบ
ด้านใต้นั้นก็ยังจะมีไฟเตือนต่างๆ เช่น ไฟเตือนไฟฉุกเฉิน(ซึ่งจะกระพริบโชว์ต่อเมื่อเปิดไฟฉุกเฉิน), ไฟเตือนระบบเบรค, ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่อง, ไฟเตือนไฟชาร์จ, ไฟเตือนเบรกมือ และ ไฟเตือนไฟสูง
เขยิบมาด้านขวา ก็จะเป็นมาตรวัดอุณหภูมิ
และถ้าสังเกตุกันดีๆ ในด้านขวามือ เหนือไฟเตือนประตูเปิด จะเห็นไฟเตือนหลอดไฟขาด
ซึ่งในสมัยนั้นไฟเตือนลักษณะนี้ ส่วนมากจะเห็นในรถยุโรปซะมากกว่า
-
ช่องกลางนั้นก็เป็นที่รวบรวมสวิทช์ต่างๆ ด้านบนเป็นปุ่มไฟฉุกเฉิน ตรงกลางเป็นที่รวบรวมสารพัดปุ่มปรับแอร์ และแทรกปุ่มละลายฝ้าทั้งด้านหน้าและด้านหลังเอาไว้
ถัดลงมาเป็นวิทยุขนาด 2 din ควบคุมกล่อง CD ได้
เสียงที่ออกจากลำโพงติดรถนั้น ถ้าไม่ซีเรียส ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่พอฟังได้
มองถัดมาด้านล่างสุดก็จะพบเก๊ะใส่เหรียญขนาดใหญ่ พร้อมกับที่วางแก้ว 2 ใบในด้านล่าง
-
คันเกียร์เป็นแบบทั่วๆ ไป มีปุ่ม overdrive มาให้ด้านหลัง แทนที่จะแปะไว้ด้านข้างเหมือนรถตระกูลอื่นของ TOYOTA
ถ้าไม่ได้ขับบ่อยๆ เวลาจะกดใช้งาน ก็อาจจะไม่ชินมือนัก
ข้างๆ เป็นปุ่ม ECT power ถ้ากดไปแล้วระบบจะสั่งการให้เกียร์ลากได้นานขึ้น เพื่อรีดเค้นกำลังยามเร่งแซง
-
ทางด้านขวามือนั้นเป็นที่อยู่ของสวิทช์ปรับกระจกมองข้าง มองเหลือบๆ ไปข้างล่างจะเป็นสวิทช์ตัดการทำงานของรีโมทเปิดประตู
และถ้าสังเกตดีๆ รถรุ่นนี้ได้รูเสียบกุญแจเรืองแสงมาให้ด้วย
-
มองแหงนหน้าขึ้นด้านบน จะพบไฟส่องแผนที่
ส่วนแผงบังแดดนั้นก็มีกระจกแต่งหน้า พร้อมไฟส่องมาให้พร้อม ทั้ง 2 ตำแหน่ง
-
แผงประตูหน้าตาธรรมดาๆ ทั่วไป ตรงกลางเป็นสวิทช์กระจกไฟฟ้า และที่ปลายของมือจับปิดประตูนั้น จะมีลำโพงทวีตเตอร์แปะมาให้
ส่วนด้านล่างก็จะเป็นไฟเตือนเปิดประตูสีแดงติดมาให้ทั้ง 2 บานหน้า
-
ด้านหลัง
-
ท้ายรถนั้นมีขนาดใหญ่ วางถุงกอล์ฟ หรือ กระเป๋าเดินทางได้หลายใบ
ด้านในเป็นกล่อง CD changer 12 แผ่น ติดมาเป็นอุปกรณ์มาตราฐาน
-
ใต้ฝากระโปรงนั้นเป็นที่อยู่ของเครื่องรหัส 5S-FE
เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2164cc 129 แรงม้า
-
สมรถนะ
0-100km/h 15.37 วินาที
80-120km/h 13.10 วินาที
ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์
เกียร์ 1 70km/h@6250rpm
เกียร์ 2 120km/h@6250rpm
เกียร์ 3 170km/h@5,500rpm (รอบเครื่องนั้นสุดแค่นี้ ไม่สามารถขยับขึ้นไปได้อีก)
เกียร์ 4 180km/h@4,200rpm
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
ในเมือง 5.7-7.5km/L (ถ.สาทร)
นอกเมือง 10km/L
-
การบังคับควบคุม
ในช่วงความเร็วต่ำ ตัวรถให้ความนุ่มนวลค่อนข้างมาก ระบบกันสะเทือนดูดซับแรงกระแทกได้ดี
พวงมาลัยมีน้ำหนักเบา สามารถทุ่นแรงในการหมุนไปได้เยอะ
แต่ในย่านความเร็วระดับ 120km/h ขึ้นไป พวงมาลัยที่ไวและน้ำหนักเบานี้ จะส่งผลทำให้ความมั่นใจในการควบคุมนั้นน้อยลงไปบ้าง
บวกกับท่านั่งในการขับ ซึ่งตัวเบาะมีระดับค่อนข้างต่ำ รวมทั้งพวงมาลัยที่มีตำแหน่งตั้งตรงไปซักนิด ทำให้นั่งขับได้ไม่ค่อยถนัดนัก
การโยกปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูงๆ ระดับ 140km/h ขึ้นไป ตัวรถจะมีอาการ oversteer ท้ายออกให้สัมผัสกันได้บางๆ
ส่วนหนึ่งเพราะช่วงล่างที่ set มานุ่มนวล บวกกับยางที่ใช้อยู่ตอนนี้ไม่ค่อยเกาะถนนมากนัก จึงต้องใช้สมาธิในการขับพอสมควร
และในส่วนของเบรกนั้น การชะลอความเร็วทำได้ดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
-
ทัศนวิสัย
มุมมองโดยรอบถึงว่าปรอดโปร่ง
จะมีจุดด้อย ก็ตรงที่กระจกมองข้างมีขนาดค่อนข้างเล็ก มุมมองหลอกตาไปซักนิด
ส่วนการถอยจอดนั้น ถ้าใครเคยขับ CORONA ท้ายโด่ง คงจะพอเข้าใจ เพราะความรู้สึกนั้นแทบไม่ต่างกันเลย
การกะระยะถอยจะทำได้ค่อนข้างยากซักนิด สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้ขับ
-
ความประณีต
ในเรื่องของการประกอบนั้น ไม่มีข้อติ
ในส่วนของตัวรถ ได้ผ่านการใช้งานมาสิบกว่าปี อุปกรณ์ภายในเริ่มมีการเสื่อมสภาพไปบ้าง
ตัวหนังที่หุ้มคอนโซลหน้า เริ่มพองออกมาให้เห็น แต่ในส่วนอื่นก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
-
การบำรุงรักษา
โดยทั่วไปก็บำรุงรักษาตามปกติ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก ตามระยะทาง
ในส่วนของจุดที่เคยเสีย ก็จะมีพวกลูกปืนล้อหน้า, แรคพวงมาลัย, แท๊งน้ำมันเครื่อง, ตู้แอร์, หม้อน้ำรั่ว, ไฟ ABS โชว์ เป็นต้น
-
สรุป
CAMRY SXV10 รุ่นนี้นั้น ถือได้ว่าเป็นรถที่น่าสนใจ และหลายคนอาจจะมองข้าม
หน้าตาแม้ว่าจะไม่โดดเด่นเหมือนคู่แข่ง แต่อุปกรณ์ติดรถ และวัสดุภายในนั้นคุณภาพดีกว่า
ด้านอัตราเร่ง ถ้าว่ากันในยุคโน้น ถือว่าไม่ขี้เหร่ แต่ถ้ามาเทียบในยุคปัจจุบัน คงโดนพวกรถ city car รุ่นใหม่ๆ หรือแม้แต่ taxi meter สวนเป็นทุ่ง
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าใครเคยใช้แต่รถคันเล็กๆ คงมองว่ากินจุไปหน่อย
แต่ว่าตัวเลขที่ได้ออกมานั้น ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไปของรถที่มีน้ำหนักและความจุระดับนี้
การบังคับควบคุมนั้น ถือว่าให้ความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง เน้นขับสบายๆ นั่งนุ่มๆ ซะมากกว่า
เรื่องเบรคนั้นวางใจได้
ส่วนราคาตอนนี้ในตลาดมือสองถือว่าต่ำมาก ป้วนเปี้ยนอยู่ในระดับ 2 แสนเศษๆ
ถ้าใครก็ตามที่อยากได้รถใหญ่ นั่งสบาย ขับสบายๆ ไม่ขี้อ้อน
นั่นแหละครับ CAMRY SXV10
-
มาติดตามอ่านครับ
:)
-
ขอบคุณครับ รถสวยดีจัง ไม่เก่าหรอกครับ
-
ชอบครับรู่นนี้เคยนั่งของแม่เพื่อน ก็นั่งสบายใช้ได้เลยนะ
-
รุ่นนี้ เคยนั่งแล้วครับ
ดีใช้ได้ครับ
-
อ่านแล้วคิดถึงรถตัวเองเลยครับ เคยใช้รุ่นนี้เหมือนกัน
แต่เป็นสีแดง เบาะนั่งสบายมาก สบายกว่า แคมรี่รุ่นปัจจุบันอีกครับ
ช่วงล่างนุ่มมาก บางทีรู้สึกว่านุ่มเกินไปครับ
ตอนขายไป ขับไป 140000 กว่าโล เมื่อ เจ็ดปีที่แล้วครับ ใช้คุ้มมากๆ
-
สวยมากๆเลย
ขอบคุณสำหรับ reviewครับ
-
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเคยขับของน้า
โอ้มันสุดยอดเลย เร็ว แรง นิ่ง เงียบ แน่น ใหญ่ กว้าง เนียบ หรู ไม่ร่อน เกาะโค้ง สุดยอดครับ
(ก่อนหน้านี้ขับแต่กระบะ)
ปล. my family :) my toyota
-
รถโตโยต้าในอดีตน่าใช้กว่าตอนนี้ซะอีก :)
-
ชอบมากเลย ตอนที่ออกมาใหม่ๆ
-
ชอบมากเลยครับรุ่นนี้ ตั้งแต่ผมเห็นรุ่นนี้ครั้งแรก รู้สึกถึงความหรูเลยครับ ผมว่าตัวนี้ดูสวยกว่าตัวไม้บรรทัดอีกนะครับ
และขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆอย่างนี้ครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ :)
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
เนื้อหาเขียนได้ดีเลยครับ
ไม่แน่ใจว่าตัวนี้นำเข้าจากออสเตรเลียหรือเปล่าครับ
เห็นเค้าเรียกกันว่า รุ่นจิงโจ้
เคยจะซื้อรุ่นนี้มาใช้เหมือนกัน
แต่ไม่ชอบรูปทรงภายนอกมันซักเท่าไหร่
เลยไม่เอา
เมื่อก่อนที่บ้านมั่นใจในโตโยต้ามาก
แต่เดี๋ยวนี้มันกลับกลายเป็นภาพลบ
ไปซะหมด เนื่องจากลดคุณภาพลง
แต่ราคากลับแพงขึ้น
: (
-
รุ่นนี้เป็นสเป็คที่พบได้ในออสเตรเลีย
แต่นำเข้าจากออสเตรเลียหรือเปล่า อืม..ถามใครดี ไม่แน่ใจ
ตัวนี้เคยขับ 2.2 a/t และ 3.0V6 ตัว 2.2 นั้นจะไปเรื่อยๆเอื่อยๆ แต่ 3.0นี่ใช้ได้เลย
มีแรงดึงและ soundtrack ประกอบที่เร้าใจขึ้นเยอะ ถ้าไม่นับเรื่องค่าน้ำมัน
สำหรับรีวิวนี้อ่านแล้วรู้สึกดี ภายในวันเดียว เรามีรีวิวอย่างดีจาก user
โผล่มาถึงสองคันพร้อมกัน เยี่ยมจริงๆครับ
ปล. สำหรับแคมรี่ตัวนี้ เตือนอย่างเดียวครับ
ระวังฝาครอบล้อแม็กโดนงัดนะ เอาจริงๆ
-
ถ้าพวกระบบแอร์ติดตั้งในไทยครับ เป็นของ denso
มีสมุดรับประกันของแอร์แยกมาให้ต่างหาก
ฝาครอบล้อ โดนไปเหมือนกันครับ
ถ้าเบิกใหม่ฝาละพันกว่าบาท
หรือไม่ ก็ต้องแวะไปย่านคลองถม ช่วงกลางคืน
มีวางโชว์อยู่ ไม่รู้คนขายไปหามาจากไหน ::)
-
ก็ฝาอันที่พี่โดนงัดไปนั่นแหละครับ
-
เมื่อก่อนชอบรุ่นนี้มากๆ
ขอบคุณครับ
-
น่าใช้ทีเดียวคับ
-
โห อัตราบริโภค ในเมืองโหดเหมือนกัน 5.7-7.5
ผมว่า เจ้า s40 2.0 โหดแล้วน่ะ 7-8 นี่
-
ผมว่าสวยกว่าไม้บรรทัดเหมือนกันครับ
-
ขอบคุณครับ
-
ผมใช้อยู่รุ่นเดียว สีเดียว กับเข้าของกระทู้เลย แต่ของผมเกียธรรมดา
มีข้อดีหลายอย่าง เรื่องเครื่องเสียง ความสะดวกสบาย เป็นต้น
แต่ขับเร็วๆ ระวังพวงมาลัยให้ดี มันไวมากๆ หักหลบแรงๆ ไม่เป็นมวยอาจเอาไม่อยู่
เครื่องอืดจริงๆ แถมกินจุอีก
เรื่องจุกจิกก็พอสมควรตามประสารถเก่า ไม่ว่ากันครับ
แต่โดยรวมใช้ได้ทีเดียว
-
ขอบคุณครับ คอนโซลยังไม่ล้าเลยนะครับเนี่ย