ผมขอแชร์ประสบการณ์ของผมแล้วกันนะคับ
คือผมอะเคยเปิดร้านอาหารคับ
ก็ดูแลลูกน้องเหมือนครอบครัวคับ คือดูแลทั้งในเรื่องงานรวมถึงเรื่องส่วนตัวของพวกเค้าด้วย
แต่ก็ต้องมีระยะห่างของเราเองนะคับ แต่ไม่ควรให้ลูกน้องรับรู้ได้ถึงระยะห่างของเรากับเค้าคับ
ผมจะทำตัวให้ไม่ต่างจากเค้าคับ คือผมกินไร ลูกน้องผมจะได้กินอย่างนั้นด้วย
บางทีผมไปเที่ยวไหน ก็จะซื้อของมาฝากพวกเค้า
คือผมจะบอกลูกน้องเลยว่ามีอะไรให้คุยกัน คุยได้ทุกเรื่อง ชวนได้ก็จะชวน ชวนไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้
จะเล่นจะทำอะไร ไม่ว่า แต่ขอให้ไม่เสียงาน แค่นี้ผมพอใจแล้ว ผมจะบอกเค้าไว้เลย
ผมหุ้นกับเพื่อนคับ คือถ้ากับลูกน้องนี่ผมกับเพื่อนจะตกลงกันไว้ก่อนเลยว่า
เพื่อนผมจะใจดี แต่ผมจะทำตัวดุๆคับ คือผมจะต้องทำตัวให้ลูกน้องเกรงใจนิดนึงคับ
คือกับเพื่อนผมนี่ลูกน้องจะเข้าหาจะเข้ามาเล่นด้วยตลอด
ส่วนผมนี่ลูกน้องจะไม่ค่อยกล้าเข้าหาคับ เว้นแต่ถ้ามีเรื่องใหญ่ๆจริงๆถึงจะเข้ามา
คือมันก็มีข้อดีและข้อเสียนะคับ คือถ้าใจดีเกินไปลูกน้องก็จะไม่เชื่อฟังคับ จะเล่นจนเสียงาน
แต่ถ้าใจร้ายเกินไปลูกน้องก็จะเกร็ง และกลัวคับ และเขาจะทำงานให้เราได้ไม่ดี ไม่เต็มใจทำงาน
งานของเรามันงานบริการคับ ถ้าลูกน้องเกิดเครียด บางทีเค้าก็จะไม่เต็มที่ในการทำงาน
-อย่างเพื่อนผมนี่ สั่งลูกน้องไม่ค่อยได้ แต่ลูกน้องอะ มีอะไรมีปัญหาอะไรก็จะแบบมาระบายมาเล่าให้เพื่อนผมฟังเสมอทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องในร้าน
บางทีก็มาเล่าเรื่องผมให้เพื่อนผมฟัง ว่าผมดุ เค้ากลัวผมกัน อย่างเรื่องในร้านที่ลูกน้องมาเล่าให้เพื่อนผมฟังก็ดีนะคับ เราจะได้นำมาปรับปรุง
-ส่วนผมนี่ สั่งอะไรลูกน้องมักจะทำอย่างเคร่งครัด แต่ก็จะไม่ค่อยมาคุยอะไรกับผมมากนัก นอกจากผมจะชวนพวกเค้าคุย
ส่วนข้อ 2 นี้ ผมอะเป็นเลยคับ ผมเป็นคนอารมณ์ศิลปิน (อารมณ์แบบอยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็จะไม่ทำ)
และก็อายุมากกว่าเพื่อนคับ ที่เพื่อนผมทำกับผมและผมทำกับเพื่อนก็คือ จริงใจให้กันคับ
มีอะไรพูดกันตรงๆ คับ และอีกอย่างคือ ก่อนที่เราจะหุ้นกันนี่ เรารู้จักนิสัยใจคอกันดีพอแล้วคับ เราถึงหุ้นกับ
ผมคนใจร้อน เพื่อนผมคนใจเย็นคับ