ไฟสูง จริงจริงแล้วถ้าสังเกตุที่ก้านไฟหน้ารถบางคันจะเขียนไว้ว่า "Pass"
แปลว่ามันเป็นสิ่งสากลที่การ ยกไฟสูงสั้นสั้น แปลว่าเราให้ทางคันหน้าไปก่อน ให้ทางคนเดินข้ามถนน ฯลฯ ครับ
แต่เรามาใช้กันผิดจนกลายเป็น Norm ของประเทศไปแล้วว่าไฟสูงคือการบอกว่าไม่ให้ออกมา
ซึ่งผมก็คิดว่าจะมาเปลี่ยนตอนนี้มันคงจะลำบากมากแล้ว เอาเป็นถ้ายกไฟค้างนานก็คือไม่ให้ออก
แต่ถ้ากระพริบสั้นสั้นก็คือให้ทางแบบที่หลายท่านบอกไว้ น่าจะดีที่สุดครับ
ส่วนไฟฉุกเฉิน หรือเปิด ซ้ายขวา ซ้ายขวา นั้นเป็นสิ่งที่ใช้กันมานานแล้ว แต่คนรุ่นใหม่เริ่มจะไม่ทราบกัน
คือเวลาวิ่งออกต่างจังหวัด แล้วเจอเหตุการณ์ข้างหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เราจะเปิดไฟฉุกเฉินให้กระพริบ 2-3 ครั้ง
หรือถ้าไม่อยากเอื้อมมือไป ก็ให้สัญญาณ ซ้ายขวา ซ้ายขวา แทน เพื่อให้คันหลังใช้ความระมัดระวังและชะลอความเร็ว
บางทีจะเห็นใช้เมื่อเจอทางร่วมทางแยกที่ไม่มีไฟเขียวไฟแดง คือเปิดก่อนถึงแยก พอถึงแยกแล้วก็ปิดแล้วทำตามปกติ
แต่หลายคนไปเห็นเค้าใช้กันมา แล้วก็นึกไปเองว่าเวลาจะตรงผ่านแยกต้องเปิดไฟฉุกเฉิน มันเลย"แพร่"หลายกันอย่างผิดผิดไปทั่วกรุงเทพฯ
ส่วนการวิ่งต่างจังหวัดนั้น ในถนนเลนเดี่ยวที่รถวิ่งสวนกันไปกลับ สัญญาณไฟมาจากกลุ่มคนใช้รถบรรทุกด้วยกันอยู่แล้ว
เปิดไฟเลี้ยวซ้าย คือบอกว่าข้างหน้าทางโล่งให้แซงได้เลย เปิดไฟเลี้ยวขวา คือบอกว่าอย่าเพิ่งแซงมีรถสวนมา
เป็นมารยาทและน้ำใจของพี่พี่สิบล้อ สิบแปดล้อ และรถพ่วงทั้งหลาย ที่มีให้เพื่อนร่วมทาง จะได้ไม่ต้องมาติดชะลอเค้าอยู่คันเดียว
การกระพริบไฟสูงรัวรัวแบบยาวยาว นั้นไม่ได้เป็นสัญญาณมาตรฐานอะไร แต่หลังหลังมักจะรู้กันว่า มีตำรวจตั้งด่านด้านหน้า
ไม่ว่าจะดักความเร็ว หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ ขับรถทางไกลสังเกตุดีดีครับ แม้กระทั่งบนทางด่วนเดี๋ยวนี้ก็มีนะ ทำกันเยอะด้วย
ผมเคยขับกลับมาจากสระบุรี ขึ้นดอนเมืองโทลเวย์ ช่วงกำลังจะผ่านด่านแรก รถที่เพิ่งออกจากด่านมากระพริบไฟกันจ้าละหวั่น
ถ้าไม่ทันสังเกตุมองไปฝั่งตรงข้ามก็คงแย่ไปแล้ว ปรากฎว่าเค้าตั้งด่านตรวจจับความเร็ว เราเห็นก่อนเลยชะลอความเร็วลงมาก่อน รอดตัวไป