ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้ารถยนต์ที่เราใช้กำลังจะเสีย...มีวิธีสังเกตอาการอย่างไรบ้างครับ?  (อ่าน 12817 ครั้ง)

ออฟไลน์ Is@r@

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • อีเมล์
ถ้ารถยนต์ที่เราใช้กำลังจะเสีย...มีวิธีสังเกตอาการอย่างไรบ้างครับ?

ตั้งแต่ผมขับรถมา เคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้เสียวไส้อยู่ครั้งเดียว คือ ตอนที่ขอยืมนิสสัน บลูเบิร์ดของอาเจ็กมาขับ รถคันนี้ติดแก๊สแอลพีจีนะครับ ปรากฏว่า ขับไปประมาณ 30 นาทีในการจราจรปกติ มีเสียงเหมือนน้ำเดือดดังมาจากข้างหน้า สักพักมีเสียงดังปุ๊กๆๆ เหวอไปสักพัก เอาไงดีหว่าๆ แฟนก็พูดให้กังวล แก๊สระเบิดหรือเปล่าเนี่ย จิตตกกันไปใหญ่

ตอนนั้นเข้าใจว่าคงเป็นปัญหาเรื่องความร้อน หรือไม่ก็หม้อน้ำ เท่านั้นแหละครับ ดับเครื่องแล้วจอดหาของกินแถวร้านสะดวกซื้อเลย จอดข้างทางทิ้งไว้ชั่วโมงกว่าจึงจะขับต่อไปได้ คราวนี้ขับกลับเลย ไปเปลี่ยนกับมิตซูบิชิ อีคาร์อีกคัน เจ้านี้ก็จอมกระตุกเลยเวลาเข้าเกียร์ แถมเคยหลังคารั่ว ฝนตกเข้ามาในรถด้วย ประสบการณ์โชกโชน

บลูเบิร์ดนี่เจ๊กแกรักมาก...พาเข้าอู่บ่อยๆ แต่เสียบ่อยๆ เดี๋ยวสักพักผ้าเบรกหลังดัง สักพักหม้อน้ำมีปัญหา นั่นโน่นนี่ แต่อีคาร์ที่บ้านเราใช้กันทิ้งๆขว้างๆกลับทนกว่าซะงั้น บางครั้งใช้รถแล้วเหมือนวัดดวง ไม่รู้ล่วงหน้าว่ามันจะเสียเมื่อไหร่ ยังไง

วันนั้นพอถึงบ้าน สักพักเจ็กถาม... “ทำไมรีบกลับ”? ผมตอบว่า “รถมันมีเสียงหม้อน้ำเดือดครับ กลัวมันระเบิด”
เจ็กด่านิดหน่อยแล้วก็ถาม... “อ้าว...แล้วเมิงทำยังไง”? ผมตอบว่า “จอดครับ รอจนเสียงหายแล้วขับลับมา”
นึกว่าเจ็กจะด่า...แต่เจ็กดันบอกว่า “ทีหลังฝากเติมน้ำให้ด้วย”

หลังจากนั้น นอยด์ไปพักใหญ่ กลัวว่ารถเจ๊กพังขึ้นมาแล้วเจ๊กจะด่า แต่ก็ยังยืมรถเจ็กไปทำธุระอยู่เสมอมา เหอๆๆ

ผมใช้รถเป็นอย่างเดียวครับ พื้นฐานเรื่องช่างอนุบาลมาก บางครั้ง ผมถือว่าเรานี่โชคดีมากที่ใช้รถแล้วไม่ค่อยเสียกลางทาง ต้องไปเดือดร้อนคนอื่นแต่ก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าอาการที่รถเป็นอยู่นั่น อะไรจะเสียตามมาบ้าง มันเหมือนว่าตอนผมใช้ก็ปกติดี พอเจ๊กเอาไปแป๊บๆ ไอ้นั่นเสีย ไอ้นี่หมดอีกแระ

ก็เลยสอบถามที่นี่ครับว่า เวลาคุณใช้รถไป พอมันถึงเวลาที่กลไกบางอย่างมัน “กำลังจะเสีย” มันจะมีลักษณะหรืออาการ “ฟ้อง” ก่อนหรือเปล่าครับ

บางครั้งเวลาผมสังเกตรถคันอื่น ก็คิดว่าอาการหรือลักษณะต่อไปนี้น่าจะเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอะไรมันเสีย อาทิ

๑.เฟืองท้ายของรถกระบะมีคราบน้ำมันไหลเยิ้มออกมา อาการอะไรจะตามมา
๒.มีคนมาจอดรถไว้หน้าบ้าน ตอนเช้าขับออกไป ทิ้งคราบน้ำมันไว้บนพื้นถนนเต็มเลย บางทีก็เป็นน้ำธรรมดาๆ มันไหลมาจากอะไร
๓.ล้างหม้อน้ำ แล้วพบว่าน้ำที่ไหลผ่านหม้อน้ำมีสีแดงอิฐ ปกติหรือสนิมครับ
๔.รถยุโรปเพื่อนบอกว่า น้ำเข้าฝาสูบ ฝาสูบผุ (หือ...ฝาสูบมันอยู่ข้างใน เพื่อนเราจะรู้ได้ไง มีอะไรบอกล่ะนั่น)
๕.(อันนี้รถฝรั่งเศสของเพื่อน) มีช่วงนึงมันมากินเหล้าไม่ได้ เพราะต้องเก็บเงินซ่อมตุ้มไฮโดรลิคช่วงล่างด้านหลัง ต้องเปลี่ยนทั้งลูก (มันเป็นรถที่แปลกนะครับ ต้องเอาไปเช็คความดันแก๊สอะไรสักอย่างทุกๆหมื่นกิโลเมตร แต่นั่งแล้วสบาย นิ่มเหลือๆ แต่ก็งงว่ารู้ได้ไงว่าเสียแล้ว)
๖. ยางรองแท่นเครื่อง ความสำคัญของมันคืออะไรครับ ทำไมคนชอบบอกว่ามันสำคัญจัง
๗.พ่อกับเจ๊กเตือน..ระวังสายพานไทม์มิ่งขาด (ก่อนมันจะเสียต้องฟังเสียงหรืองัดแงะแกะฝาครับ?)
๘.เกียร์พัง ต้องเปลี่ยนลูกใหม่ (อันนี้ดูจากอะไรครับ? ถ้าเข้าเกียร์แล้วกระตุกแรงๆนี่เกี่ยวหรือเปล่า)
๙.รอบเดินเบา ออกตัวแล้วสั่นเป็นเจ้าเข้า กึ๊กๆๆๆ พอรอบขึ้นไป2000กว่าๆ อาการสั่นก็หายไป เหยียบ 120 ก็ยังไม่สั่นเท่าเหยียบ 20 เกิดจากวาวล์...ต้องตั้งวาวล์ใหม่...จริงหรอ?
๑๐. ...นึกไม่ออกครับ...สงสัยเท่านี้ละกัน

หึหึ..แต่ละอย่าง

นี่แหละครับ อาการแบบนี้ที่ผมไม่รู้ ถ้าเรารู้แล้วรีบชิงซ่อมเชิงป้องกันมันย่อมดีกว่าซ่อมเก็บงานทีหลังอย่างแน่นอน บางอาการผมเคยเป็นกับตัวนะ ต้องถือเคล็ดพักรถ ใช้วิธีแอบเข้าปั้มซื้อของเพื่อพักรถอยู่เนืองๆ (อีคาร์นี่ ไปโคราชทีต้องพักที่ปั้มแถวแยกสระบุรี ลำตะคอง ฟาร์มโชคชัยหรือโลตัสปากช่องที่ใดที่หนึ่ง และก่อนถึงตัวเมืองโคราช... 4 ที่นี้เป็นกิจวัตรเลย เคยฝืนยิงตรง ความร้อนขึ้นกระจาย)

ถ้ามีช่องทางชี้แนวทางวิเคราะห์อาการเสียของรถยนต์จะเป็นพระคุณและวิทยาทานแก่ผมอย่างมากเลยครับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
จากความรู้งูๆปลาๆของผมนะครับ


ิอะไหล่สิ้นเปลือง สังเกตุตามอายุใช้งานเอง
อย่างเช่น
ยาง 3ปี หรือ 5 หมื่นโลค่อยเปลี่ยน หรือจะรอมันดอกโลน ยางแตก เบรคไม่อยู่ก็แล้วแต่
แบต 2 ปีเปลี่ยน หรือจะรอให้สตาตไม่ติดก่อนค่อยเปลี่ยนก็แล้วแต่
กรองอากาศ กรองแอร์ จะไม่เปลี่ยนก็ได้ แต่รถกินน้ำมันขึ้น เร่งอืดลง แอร์ไม่เย็น ก็ตามใจ
อะไหล่เช็คระยะ จะไม่เปลี่ยน ไม่เข้าเช็คระยะก็ได้ แต่ผลที่ตามมาก็...

แต่อะไหล่หลักๆ ยังไงๆก็ต้องเปลี่ยน ต้องแก้ไขทันที
พวกอะไหล่หลักๆ ต้องสังเกตุเอาเอง

- ถ้าท่อยางรั่ว หรือกรอบแตก เวลาจอดรถ กลับบ้าน หรือถึงที่หมาย ลองก้มดูซักหน่อย
น้ำยาหล่อเย็น มันมีสี สังเกตุง่าย ดูซิว่าน้ำที่หยดมีสีมั้ย
เปิดกระโปรงรถดูบ้าง มีคราบน้ำยาหล่อเย็นมั้ย รั่วตรงไหน ลองบีบๆท่อน้ำดูยังนิ่ม ยังหยุ่นอยู่มั้ย หรือแข็งกรอบแล้ว

- เครื่องสั่นมั้ย เสียงดังมั้ย นั่นหมายถึงยางแท่นเครื่องเสื่อม

- อัตราสิ้นเปลืองแปลกๆมั้ย บางคันวิ่งได้ 14 โลลิตรตลอด จู่ๆเหลือ 10 โลลิตร ทั้งที่ขับเหมือนเดิม
หรืออัตราเร่งด้อยลง รถไม่มีแรง
กรองอากาศตันมั้ย เกิดอะไรกับระบบส่งกำลังหรือเปล่า คลัชลื่น? แอร์โฟลวเสียมั้ย

เยอะแยะึครับ ใช้ตาดู หูฟัง โดยเฉพาะเสียงมักจะมาก่อน

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 677
    • อีเมล์
๑.เฟืองท้ายของรถกระบะมีคราบน้ำมันไหลเยิ้มออกมา อาการอะไรจะตามมา
๒.มีคนมาจอดรถไว้หน้าบ้าน ตอนเช้าขับออกไป ทิ้งคราบน้ำมันไว้บนพื้นถนนเต็มเลย บางทีก็เป็นน้ำธรรมดาๆ มันไหลมาจากอะไร
๓.ล้างหม้อน้ำ แล้วพบว่าน้ำที่ไหลผ่านหม้อน้ำมีสีแดงอิฐ ปกติหรือสนิมครับ
๔.รถยุโรปเพื่อนบอกว่า น้ำเข้าฝาสูบ ฝาสูบผุ (หือ...ฝาสูบมันอยู่ข้างใน เพื่อนเราจะรู้ได้ไง มีอะไรบอกล่ะนั่น)
๕.(อันนี้รถฝรั่งเศสของเพื่อน) มีช่วงนึงมันมากินเหล้าไม่ได้ เพราะต้องเก็บเงินซ่อมตุ้มไฮโดรลิคช่วงล่างด้านหลัง ต้องเปลี่ยนทั้งลูก (มันเป็นรถที่แปลกนะครับ ต้องเอาไปเช็คความดันแก๊สอะไรสักอย่างทุกๆหมื่นกิโลเมตร แต่นั่งแล้วสบาย นิ่มเหลือๆ แต่ก็งงว่ารู้ได้ไงว่าเสียแล้ว)
๖. ยางรองแท่นเครื่อง ความสำคัญของมันคืออะไรครับ ทำไมคนชอบบอกว่ามันสำคัญจัง
๗.พ่อกับเจ๊กเตือน..ระวังสายพานไทม์มิ่งขาด (ก่อนมันจะเสียต้องฟังเสียงหรืองัดแงะแกะฝาครับ?)
๘.เกียร์พัง ต้องเปลี่ยนลูกใหม่ (อันนี้ดูจากอะไรครับ? ถ้าเข้าเกียร์แล้วกระตุกแรงๆนี่เกี่ยวหรือเปล่า)
๙.รอบเดินเบา ออกตัวแล้วสั่นเป็นเจ้าเข้า กึ๊กๆๆๆ พอรอบขึ้นไป2000กว่าๆ อาการสั่นก็หายไป เหยียบ 120 ก็ยังไม่สั่นเท่าเหยียบ 20 เกิดจากวาวล์...ต้องตั้งวาวล์ใหม่...จริงหรอ?
ข้อ 1 ไม่ทราบครับ

ข้อ 2 ผมเดามี 2 อย่าง ถ้าเรื่องเล็กก็คือน้ำแอร์ (ไม่ใช่น้ำยาแอร์นะ) อันนี้เป็นเรื่องปกติขิงแอร์ทุกตัวที่จะมีน้ำหยด แรงขึ้นมานิดก็คือน้ำมันเครื่อง

        รถเก่าๆ ไปอาจมีการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง ถ้าเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นไร แค่ต้องคอยเติมกลับไม่ให้พร่อง แต่ถ้าปล่อยจนรั่วมากๆ อันนี้มีแววพัง ครับ

ข้อ 3 สนิมครับ กาต้มน้ำดื่มยังมีตะกรันขึ้น หม้อน้ำก็ต้องมี ระยะสั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าสีแดงสะสมตัวมากๆ หม้อน้ำตัน ทีนี้ก็เครื่องฮีทครับ

        ถ้าใช้น้ำยาหล่อเย็น (Coolant) จะชลอการเกิดสนิมได้ ถ้ากัดฟันซื้อน้ำยาศูนย์เลยมีแววจะชลอได้มาก แต่ถ้าใช้น้ำเปล่าไปแล้ว สนิมขึ้นแล้ว

        อย่าเทน้ำยาลงไปนะครับ น้ำยาบางยี่ห้อจะกัดตะกรัน แล้วหม้อน้ำทะลุ

ข้อ 4 ไม่ทราบครับ

ข้อ 5 ไม่ทราบครับ

ข้อ 6 ยางแท่นเครื่อง ชื่อก็บอกว่าเป็นแท่นของเครื่อง ยึดเครื่องให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะอยู่ และซับแรงสะเทือน

        ถ้ายางเรื่อมทรุด (เสื่อม) อย่างแรกคือ รถจะสั่นมากขึ้น แรงกว่านั้นก็อาจมีเสียงตีๆๆๆ มาจากห้องเครื่อง มีประสบการณ์ตรงแค่ระดับนี้ผมก็เปลี่ยนแล้ว

        อาการที่หนักกว่านี้จากยางแท่นเครื่องทรุดผมไม่ทราบแล้วครับ

ข้อ 7 ไทม์มิ่งคือตัวที่คอยควบคุมจังหวะการจุดระเบิดเผาไหม้ของลูกสูบในเครื่อง ถ้าไทม์มิ่งขาด ก็....

        จริงๆ พวกอีซูซุจะใช้ไทม์มิ่งเป็นโซ่ พังยากมาก แต่เสียงดัง รถใหม่ๆ เลยใช้ไทม์มิ่งแบบสายพานยาง เงียบกว่า แต่อายุจำกัด

ข้อ 8 ไม่ทราบครับ แต่ถ้ามีอาการว่า เหยียบคันเร่งไปแล้วรอบพุ่งวืดๆ แต่รถไม่พุ่งตามรอบ สันนิษฐานเป็นคลัทช์ไว้ก่อน เบากว่าเกียร์พัง

ข้อ 9 ไม่ทราบครับ แต่เท่าที่เล่ามา มันอาจเกี่ยวกับยางแท่นเครื่องก็ได้เนาะ

ออฟไลน์ chaivat

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 177
    • อีเมล์
สวัสดีครับ
ผมว่าท่านเจ้าของกระทู้คงรู้คำตอบแล้วตั้งคำถามได้ขนาดนี้

.เฟืองท้ายของรถกระบะมีคราบน้ำมันไหลเยิ้มออกมา อาการอะไรจะตามมา
ถ้าเยิ้มแล้วระดับต่ำลงไปเรื่อยๆ จนขาดการหล่อลื่นหรือไม่พอ เสียงมาก่อนแล้วก็พังลูกปืนไปก่อนหน้าสัมผัสเดือยหมู/บายศรีตามมา
๒.มีคนมาจอดรถไว้หน้าบ้าน ตอนเช้าขับออกไป ทิ้งคราบน้ำมันไว้บนพื้นถนนเต็มเลย บางทีก็เป็นน้ำธรรมดาๆ มันไหลมาจากอะไร
ใหลมาจากเฟืองท้าย ปลายเกียร์ ซีลข้อเหวี่ยง ซีลพุลเล่ห์หน้า อ่างเครื่อง อ่างเกียร์  กระบอกเบรก แม่ปั้มเบรก พวกน้ำก็ ปั้มน้ำ ตาน้ำ
หม้อน้ำ ท่อยาง ปลั๊กถ่ายน้ำหม้อน้ำ ฯลฯ
๓.ล้างหม้อน้ำ แล้วพบว่าน้ำที่ไหลผ่านหม้อน้ำมีสีแดงอิฐ ปกติหรือสนิมครับ
   ยังผิดปกติ ล้างไม่หมดสนิมยังมีอยู่
๔.รถยุโรปเพื่อนบอกว่า น้ำเข้าฝาสูบ ฝาสูบผุ (หือ...ฝาสูบมันอยู่ข้างใน เพื่อนเราจะรู้ได้ไง มีอะไรบอกล่ะนั่น)
 สีน้ำมันเครื่องเปลี่ยนและมีมาก หรือเข้าใปอยู่ในระบบหล่อเย็นมีน้ำมันผสม (รถญี่ปุ่น หรือ อเมริกา ก็เป็น)
๕.(อันนี้รถฝรั่งเศสของเพื่อน) มีช่วงนึงมันมากินเหล้าไม่ได้ เพราะต้องเก็บเงินซ่อมตุ้มไฮโดรลิคช่วงล่างด้านหลัง ต้องเปลี่ยนทั้งลูก (มันเป็นรถที่แปลกนะครับ ต้องเอาไปเช็คความดันแก๊สอะไรสักอย่างทุกๆหมื่นกิโลเมตร แต่นั่งแล้วสบาย นิ่มเหลือๆ แต่ก็งงว่ารู้ได้ไงว่าเสียแล้ว)
 ข้อนี้ไม่ทราบครับ ซีตรองไม่เคยศึกษา
๖. ยางรองแท่นเครื่อง ความสำคัญของมันคืออะไรครับ ทำไมคนชอบบอกว่ามันสำคัญจัง
  รองรับเครื่องให้อยู่ในตำแหน่ง และ absorb แรงจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบให้น้อยลง
๗.พ่อกับเจ๊กเตือน..ระวังสายพานไทม์มิ่งขาด (ก่อนมันจะเสียต้องฟังเสียงหรืองัดแงะแกะฝาครับ?)
  เปิดฝาหน้าตรวจดูด้วยสายตาน่าจะเป็นวิธีเดียว เปลี่ยนตามระยะปรอดภัยที่สุด
๘.เกียร์พัง ต้องเปลี่ยนลูกใหม่ (อันนี้ดูจากอะไรครับ? ถ้าเข้าเกียร์แล้วกระตุกแรงๆนี่เกี่ยวหรือเปล่า)
   เกียร์ Manual  คงต้องดูระบบครัช เกียร์ออโตคงต้องมองที่แรงดันน้ำมัน / Valve body  ถ้าอาการกระตุกแรง
๙.รอบเดินเบา ออกตัวแล้วสั่นเป็นเจ้าเข้า กึ๊กๆๆๆ พอรอบขึ้นไป2000กว่าๆ อาการสั่นก็หายไป เหยียบ 120 ก็ยังไม่สั่นเท่าเหยียบ 20 เกิดจากวาวล์...ต้องตั้งวาวล์ใหม่...จริงหรอ?
   ข้อนี้ไม่ทราบครับเพราะไม่เคยปล่อยให้วาวยันหรือห่าง
  ก็เป็นการทดสอบภูมิที่เก็บไว้ว่ามันถูกหรือผิด ถ้าผิดและมีเพื่อนๆให้คำตอบที่ดีก็จะปรับที่เข้าใจใหม่ครับ
 

ออฟไลน์ kowit1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 524
สังเกตุสัก 5 ปี จะเริ่มเสีย เปื่อยยุ่ยขาด สัก 10 ปี อาจดับเอง

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
บางอย่างก็มีอาการฟ้องนะครับ บางอย่างก็ไม่มี

เมื่อ 2 วันก่อน รถผมคอยล์จุดระเบิดเสีย ทำให้เครื่องสะดุด เดินไม่เต็มสูบ
ตอนออกจากบ้านก็ขับมาดีๆ ไม่มีอาการอะไรเลย ทุกอย่างปกติ หลังจากขับมาได้สัก 15 กิโล ก็มาเจอรถติด
แล้วอยู่ๆก็เกิดอาการขึ้นมาดื้อๆ
วันรุ่งขึ้นก็ไปเปลี่ยนคอยล์ใหม่ ช่างก็บอกถึงอายุมันพอดี

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,095
พวกระบบไฟฟ้านี่ส่วนมากจะไม่มีการเตือนมันจะเสียก็เสียเลยครับ
หรือพวกท่อยางน้ำถ้ามันเสียสภาพน้ำพุ่งปี๊ดเอาง่ายๆครับ (สัก 2-3ปีควรโล๊ะเปลี่ยนเลยครับ)
หรือพวกวาวล์น้ำเกิดตายขึ้นมา เครื่องฮีต(ภายในไม่กี่นาที) ถ้าไ่ม่ดูเข็มความร้อน ได้เสียตังค์หนักครับ
หรืออย่างพวกของเหลว ก็เปลี่ยนตามระยะทาง หรือระยะเวลาที่กำหนดครับ

แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ต้องสังเกตุอาการรถดูครับ
ถ้ารู้สึกว่ามันผิดปรกติเพียงเล็กน้อยแล้วตรวจสอบและซ่อมเลยกับอู่ที่ซ่อมเฉพาะ รถก็ยังอยู่ได้อีกนานครับ
แต่ถ้าปล่อยปัญหามันเกิดมากๆ ก็ต้องดูครับว่าอันไหนต้องแก้ก่อน อันไหนแก้หลัง แล้วค่อยๆเก็บงานครับ
การซ่อมถ้ามีสันณิฐานก็ลองแก้จากค่าใช้จ่ายน้อยก่อนถ้าจบก็โอเค แต่ถ้าไม่จบก็ต้องทำตามลำดับต่อไปครับ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 20, 2012, 11:16:10 โดย redsun »

ออฟไลน์ Bier

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
    • อีเมล์
ข้อ 1 ถ้ายังเติมน้ำมันเฟืองท้ายชดเชยตลอดก็ไม่มีอาการ  แต่ควรเช็คว่ามันรั่วซึมมาได้ไง แล้วแก้ไขครับ
ข้อ 2 มีคนตอบให้แล้วตั้งเยอะ ไปดูว่ารั่วมาจากไหน 
ข้อ 3,4 ฝาสูบโก่ง เสริมข้อสี่ เมื่อฝาสูบโก่ง ทำให้น้ำเข้าไปในระบบเสื้อสูบทำให้เกิด ตามด และผุกร่อนตามมา อาจต้องเชื่อมพอกแล้วปาดหรือถ้าทำไม่ได้ก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ เพราะเสื้อสูบทะลุแล้ว ครับ
ข้อ 5 เพื่อนคุณรู้เพราะว่าเวลาโช๊คทำงานเสียงจะดังผิดปกติครับ 
ข้อ 6 ความสำคัญคือ ช่วยยึดเครื่องยนต์ให้ติดกับตัวรถและลดแรงสั่นสะเทื่อนจากเครื่องยนต์มาสู่ตัวรถ
ข้อ 7 เปิดดูด้วยตาปล่าวแล้วพิจารณาเอาว่าควรเปลี่ยนหรือยัง เช่น มีแตกลายงาไหม๊ สายพานรุ่ยหรือยัง กดสายพานดูว่าแข็งป่าวให้ตัวได้ไหม๊
ข้อ 8 เข้าเกียร์แล้วกระตุกแรงๆ หรือใส่เกียร์แล้วเกียร์ไม่เข้า วิ่งไม่ไป แสดงว่ามันใกล้ลาโลกแล้ว ควรจะหาตามเชียงกงเปลียนใหม่ หรือโอเวอร์ฮอร์น ก็ตามใจ
ข้อ 9 มอเตอร์เดินเบาเสีย ไม่ต้องเปลี่ยนไปหาตัวชดเชยรอบเดินเบาของโตโยต้ามาแปลงใส่ ไม่เกิน 500 จบ เครื่องไม่สั่น

 ;D