ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนขอคำปรึกษาครับ เกี่ยวกับการเลือกซื้อรถราคา 2 ล้าน  (อ่าน 8687 ครั้ง)

ออฟไลน์ APTLAND

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • อีเมล์
อยากขอความกรุณาปรึกษาหน่อยครับ จะซื้อรถในวงเงิน 1.5 - 2.5 ล้าน แต่อ่านมาก ฟังมาก ยิ่งเครียดและสับสน ตัดสินใจไม่ถูกครับ

ปัจจุบันใช้ MB W124 E220 Auto  LPG ปี 1993 สภาพสวยมาก ซึ่งจะครบบรรลุนิติภาวะในปีหน้าแล้ว จึงอยากหาคู่ให้ โดยเก็บคันนี้ไว้เป็นรถเสริม ชอบในความเป้น MB ความนุ่มแน่น นั่งสบาย ภูมิฐาน ภายในสวย (ในระดับรถปีใกล้เคียงกัน) แม้จะเครื่อง 2200 แต่ก็ทำความเร็วได้พอสมควร 170 สบายๆ ไม่เหนื่อย  สำหรับค่าซ่อมบำรุง รับราคาอู่นอกศูนย์ได้สบายๆ ไม่หนักกระเป๋า

ปีนี้ก็เลยอยากจะหารถที่สมรรถนะ ค่าซ่อม และระดับของรถที่ใกล้เคียงกัน  MB C200 กับ Teana Sport 2.5 ตัวใหม่ปัจจุบัน และ BMW X1 แต่ถ้าถามใจนะครับ คือชอบ หน้าตา C200  และความเป็น MB มากกว่า  แต่ก็ชอบความหรูหรา กว้างขวาง ใหญ่โต และชุดแต่งรอบคัน ของ Teana เช่นกัน

ปัญหาคือ จริงๆ แล้ว ผมมีปัญญาซื้อรถครับ ซื้อ SLK200 ตัวใหม่ก็ยังไหว เพราะตัวคนเดียวเก็บเงินมา 20 ปี เหลืออีก 15 ปี จะเกษียณอายุ 60 แต่สิ่งที่กลัวคือ เงินเดือนมันไม่ได้มากมาย เกินครึ่งแสนมาไม่มาก   และคิดว่าเงินที่เหลือจากการซื้อรถครั้งนี้ รวมถึงเงินเดือนด้วย  ต้องเก็บต่อไปเพื่อใช้หลังเกษียณ(ไม่มีบำนาญ)  ดังนั้น สิ่งที่กลัวที่สุดคือ ค่าซ่่อมหลังหมดประกัน ค่าบำรุงรักษาระยะยาว เพราะถ้าเจอค่าอะไหล่หลายหมื่นหรือเป็นแสน สองแสน คงสู้ไม่ไหว

ฟังจากช่างของอู่นอกศูนย์ ซึ่งสนิทกัน บอกว่า ค่าอะไหล่ Teana ก็แพงไม่แพ้ C200 อะไหล่บางตัวแพงกว่ามาก แต่อ่านจากเวปต่างๆ บอกว่า C200 เป็นรุ่นใหม่ ถ้าระบบอะไรที่เกี่ยวกับไฟฟ้าหลักเสีย มีเปลี่ยนเป็นแสน สองแสนยังมี และค่าบำรุงรักษาตามระยะราคาสูงกว่า Teana มาก

จึงขอความกรุณาปรึกษา บนพื้นฐานว่า ผมอายุ 45 ออกแนวไม่ยอมแก่ การใช้ระยะยาว 15 ปี ขึ้นไป โดยไม่ขายรถเปลี่ยนรถ อาจเป็นรถคันสุดท้ายในชีวิต ไม่มีธุรกิจหลังเกษียณ และพื้นที่ใช้รถอยู่ที่หาดใหญ่ สงขลา  ขับรถเร็วปานกลาง 140 - 150 แต่ไม่ซิ่ง  ดังนี้ ครับ

1. ค่าอะไหล่และค่าซ่อมบำรุงในระยะหลังประกันหมด ของทั้ง 2 รุ่นนี้ ต่างกันแค่ไหนอย่างไร มีเวปไหนที่ลงพวกค่าอะไหร่ของ 2 รุ่นนี้บ้างไหมครับ

2. ความคงทนของชิ้นส่วน เครื่องยนต์ ที่มีผลต่อการเสีย ซ่อม เปลี่ยน ในระยะยาว ของทีั้ง 2 รุ่น

3. มีตัวเลือกอื่น ที่น่าสนใจกว่า 2 รุ่นนี้หรือไม่ เพราะอะไร

4. ถ้าเป็นท่าน (ไม่ต้องคิดถึงปัจจัยที่ผมกล่าวถึงตัวผมเอง) ท่านจะเลือกตัวไหน เพราะอะไร ครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ



ออฟไลน์ nunix

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 345
    • อีเมล์
ถ้าชอบแนวเบนซ์และสปอร์ต
ลองดู SLK รุ่นก่อนหน้านี้ r171 ไหมครับ ยังสวยและมีเสน่ห์
อะไหล่เครื่องใช้ร่วมกันหลายตัวรุ่นก่อนหน้านี้ได้
สนนราคามือสองสภาพดี 2ล้านกว่าบวกลบ ถูกกว่าของใหม่ สองล้าน
เก็บสองล้านไว้เป็นทุนยามเกษียณ (ผมเคยอ่านหนังสือเขาบอกให้เก็บ 4 ล้าน ใช้ยามเกษียณครับ)

ออฟไลน์ Exeter

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 93
Teana เถอะครับ แล้วเก็บเงินไว้ลองลงทุนหาอะไรทำหลังเกษียณดีกว่าครับ หลังเกษียณยังต้องอยู่อีกยี่สิบสามสิบปี เดี๋ยวก็ได้ซื้อคันใหม่อีกครับ เก็บเงินไว้ลงทุนดีกว่าครับ ลองหาอะไรความเสี่ยงต่ำๆทำดู มีเงินดีกว่ามีรถนะครับ เพราะจากที่บอกว่าเงินเดือนเกินครึ่งแสนมานิดหน่อยก็ถือว่าไม่เยอะ เหลือเวลาเก็บอีกสิบกว่าปีก็ได้ไม่กี่ล้าน (ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะครับ พูดตามหลักความจริง) เพราะถ้าเจ็บป่วย เงินก้อนพวกนี้แป้ปๆก็หายหมดแล้วครับ

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,672
ผมมองว่าแนวเดิมดีกว่าครับ C200 ใช้รถยาวๆ BENZ ดูสวยยาวนานครับ
ผมชอบ C200 คันสวยกำลังดี ท้ายไม่ยาวจนเกินงาม รูปร่างกำลังดี


ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
มาเชียร์ทีน่าครับ

ใช้ 10 ปีสบายๆครับ พอหลังจากนั้น เก็บเงินซื้อคันใหม่ ใช้ต่อได้อีก
ไม่อยากให้มองเป็นรถคันสุดท้ายเลยครับ หดหู่ใจยังไงไม่รู้

C200 มันไม่เหมือนเจ้า W124 แล้วนะครับ
ระบบไฟฟ้า เซ็นเซอร์ อื่นๆอีกมากมาย ถ้าจะเทียบกับรถที่ทนถึกอย่าง W124 คงลำบากครับ
เจ้าคันนี้ก็ใช้ 10 ปีได้สบายๆเหมือนกัน แต่ราคาค่าตัวมัน เป็นไปได้ ก็อยากให้เลือกทีน่าแทน
หากคุณขับ W124 บ่อยๆ ทีน่าก็เหมือนกับน้องๆ W124 ล่ะครับ

แล้วแต่คนจะมองครับ คุณพ่อผมเกษียรปีนี้ มีบำนาญน่าจะ 3 หมื่นต่อเดือน
คุณพ่อผมเลือกพรีอุสเป็นรถไว้ใช้งานหลังเกษียร
แกบอกว่า เกษียรวัยทำงาน แต่ความเป็นพ่อ เป็นสามี ไม่ได้เกษียรตาม
ต้องเป็น ขสมก (ขับรถส่งเมียกู) เหมือนเดิม แกเลยอยากได้ความประหยัดแทน
(อีกหน่อยต้องคอยรับส่งลูกผมด้วย หุๆ)
แต่ลุงผม ทำกรมศุลฯ เกษียรมานานแล้ว มีบำนาญเท่าเงินเดือนเด็กจบใหม่
แกเลือกคบกับอัลติส CNG ขับรถเที่ยวทั่วไทย ถ่ายรูป มีความสุขมากมาย
ส่วนลุงคนรอง เกษียรออกมา(ไม่มีบำนาญ) ตอนนี้ทำสวน ขับกระบะ มีความสุขตามอัตภาพครับ

ออฟไลน์ title

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
    • อีเมล์
1.5 - 2.5 ล้าน

ถ้าเน้นคุณภาพดีๆ
1. Toyota New Camry Hybrid
2. Skoda Superb Ambiente
3. Peugeot 508 new 2.0 Diesel
4. Volvo V60 DRive
5. Volvo S60 DRive
6. Volkswagen Passat CC 2.0 TSI
ส่วน Teana รอตัวใหม่เลยดีกว่าครับ ส่วนทั้ง 6 ตัวนี้ล้วนฉกาจเรียกว่าคนมองต้องตาต้องใจตลอด ถ้าอยู่ กทมฯการดูแลไม่น่ามีปัญหา
ถ้าเอา make sure ปลอดภัยก็ตัวแรก Camry เลยครับ แต่แน่ใจนะว่าไม่สน PPV SUV

ออฟไลน์ mick

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,548
Benz รุ่นใหม่ๆค่าซ่อมไม่ถูกนะครับ ตัว CGI มีเทอร์โบ เสียที่น่าจะถึงแสน เกียร์อีก รถใหม่ๆศูนย์นอกก็ต้องเบิกของศูนย์นะครับ
ถ้ารถเก่าไม่เสียบ่อยก็น่าจะใช้ได้ต่อนะครับ เก็บเงินไว้ยามป่วยไข้ดีกว่าครับ รถมันของนอกกาย ราคาตกสนุกสนาน Benz ปีแรกก็น่าจะอย่างน้อย 2-3แสน model change ในอีก สองปี ก็ 5 แสน

ออฟไลน์ decptt

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,571
ตามปัจจัยที่มี และตัวเลือกที่ให้มา
ผมคิดว่า Teana 200 ก็พอครับ (ตัดอ๊อปชั่นลูกเล่นไปบ้าง) น่าจะพอครับ เก็บเงินไว้ลงทุนดีกว่า
แต่ถ้าเอาลูกเล่นด้วย Teana 250xv ก็น่าจะลุ้นขับมันส์นะครับ ติดแก๊สได้ทั้งคู่เลย

ตัวเลือกที่ได้เพิ่มมา
 Teana [Altima] ตัวใหม่ (เครื่องยนต์ใหม่)
Accord (รุ่นนำเข้าญี่ปุ่น) ช่วงล่างแข็งดี
รถเล็กลงมาหน่อย
Ford Focus 2.0TDCI (ปีหน้า) ช่วงล่างแน่น
Altis CNG
Lancer EX (CNG)

ถ้าจะเอาเรื่องการบำรุงรักษาถูก ช่วงล่างไร้กังวลไปอีก 20 ปี แนะนำกระบะครับ (ยิ่งอยู่กับไอน้ำทะเลด้วย)
Vigo, BT-50Pro, New Ranger, New D-Max , Triton(ปีหน้าโฉมใหม่)ได้ทุกรุ่นครับ
คิดว่า ยังไงก็ 15กิโลลิตร
ยังมีพวก Fortuner, Everest, MU-7, Pajero Sport

ถ้าจะติดแก๊ส
Vigo, Triton , Fortuner, Pajero เครื่องเบนซิน

แต่ถ้าไม่รวมปัจจัยใดๆทั้งสิ้น ประกอบกับเงินที่พอมีอยู่ ผมว่า เล่น Benz ครับ

ออฟไลน์ novic

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 112
    • อีเมล์
เป็นผม หา E class CDI ดีเซลปี 2003 ประมาณ 1.5ล้าน
แต่หัวฉีด BOSCH น่าจะแพงนรกนะ ::)

ออฟไลน์ Nong xc60

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
ใช้ต่อยาวนานขนาด 15 ปีและอาจจะเป็นคันสุดท้าย เบนซ์เลยครับ ขอให้ดูแลตรวจเช็คเป็นประจำเบนซ์ใช้ได้ยาวแน่นอนครับ

ออฟไลน์ JJ

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 191
ชอบ Benz ก็จัด c 200 ดีกว่าครับ อย่าฝืนความต้องการตัวเองเลยครับ ถ้าดูแลรถดีๆ Benz ก็ใช้ได้เป็นสิบกว่าปี

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,047
ก่อนอื่นสำหรับอายุ 45 และเงินเดือนครึ่งแสน ถือว่าคุณอาเก็บและบริหารเงินได้ดีพอสมควรเลยนะครับเนี่ย
ในตัวเลือกก็ขอเชียร์เทียน่าครับ นุ่ม นิ่ง มากกว่า แต่ปัญหาคือมันเป็นรถขนาดเดิม อาจจะเทอะทะในบางเวลา

ก็อยากให้ลองพิจารณา S60 หรือพริอุสบ้าง? เพราะเทียน่านั้น บริโภคน้ำมันไม่น้อยเท่าไหร่

GeMiNi

  • บุคคลทั่วไป
คันสุดท้าย+ใช้ยาว ก็C200ดีกว่าครับ สวยนานกว่าแน่นอน
เอาตัวstandardก็ระบบไฟฟ้าน้อยลง คิดว่าน่าจะทนพอสมควรครับ ค่าซ่อมก็น่าจะถูกลงด้วย

แต่โจทย์คล้ายพ่อผมมากเลยนะครับ ปีที่แล้วก็กะจะซื้อรถเป็นคันสุดท้ายเหมือนกัน งบประมานนี้
ตอนนั้นตัวเลือกก็มีตั้งแต่ C200,CT200h,X1,Teana,S80(ตอนนี้คงมี 3 series F30กับS60เพิ่มมาเป็นตัวเลือก)
สุดท้ายด้วยความที่ท่านชอบเบนซ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สุดท้ายเลยได้C200มาครับ

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,708
    • อีเมล์

ถ้ามี Plan เปลี่ยนรถ กะจะแนะนำ Sonata Sport 2.0G ซะหน่อยนะครับ
แต่ถ้ากะจะใช้นานๆ ขอแนะนำ Camry 2.5G ก็พอ ไม่ก็ Accord 2.4JP ครับ

เหตุผลที่แนะนำ
Camry 2.5G เพราะ ภายในดูภูมิฐานดี เครื่องยนต์ก็แรงพอตัวแล้ว แถมเกียร์แบบอัตโนมัติ 6 จังหวะก็ดูเรียบง่าย ทนดี
แถมใช้ระยะยาวไม่น่าห่วง เพราะ Toyota ก็คือ Toyota วันยันค่ำ

Accord 2.4JP เพราะ ช่วงล่าง การควบคุมให้ความมั่นใจได้ดี เกียร์ก็พื้นๆ ไม่น่าห่วง แถมเป็นรุ่นนำเข้า จำนวนจำกัดด้วย
ที่สำคัญคือ ซันรูฟ  ;D

อยากเชียร์ Camry Hybrid Navigator เหลือเกิน แต่ติดตรงที่ใช้งานนาน กลัวแบตเตอรี่มันลากลับบ้านก่อน

1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,047
อยากเชียร์ Camry Hybrid Navigator เหลือเกิน แต่ติดตรงที่ใช้งานนาน กลัวแบตเตอรี่มันลากลับบ้านก่อน


เดี๋ยวนี้ไม่ต้องกลัวแล้วล่ะครับ
และถ้าถึงมันต้องลาจริงๆ ก็ไม่ต่างจากอะไหล่ชิ้นอื่นที่ต้องพบจุดจบจากการใช้งานเป็นเวลานานจนได้ไม่ใช่หรือครับ

ออฟไลน์ Mike:D

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 208
    • อีเมล์
อยากเชียร์ Camry Hybrid Navigator เหลือเกิน แต่ติดตรงที่ใช้งานนาน กลัวแบตเตอรี่มันลากลับบ้านก่อน


เดี๋ยวนี้ไม่ต้องกลัวแล้วล่ะครับ
และถ้าถึงมันต้องลาจริงๆ ก็ไม่ต่างจากอะไหล่ชิ้นอื่นที่ต้องพบจุดจบจากการใช้งานเป็นเวลานานจนได้ไม่ใช่หรือครับ

+1

ออฟไลน์ Nioka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,037
ตามความเห็นผม เงินเดือนแบบนี้ และเหลือเวลาเก็บเงินอีกหลายปี

อนาคต ถ้าลงทุนดีๆ มีเงินหลายล้านก็สบายแล้วครับ


เอาส่วนนึงของบทความมาให้อ่าน ครับ

พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง  แอนน์ ไชเบอร์ ซึ่งผมเคยเขียนถึงนานมาแล้วว่า  เธอน่าจะเป็น “ไอดอล” ของนักลงทุน  “คนแก่”  ทั่วโลก  เพราะเธอเริ่มลงทุนเมื่ออายุ 50 ปี โดยที่เธอเป็นเพียงเสมียนและมีเงินเดือนน้อยมากไม่ต้องพูดถึงความรู้ในการเลือกหุ้น  เธอเริ่มจากเงินประมาณ 5,000 ดอลลาร์ โดยลงทุนซื้อหุ้นที่เป็น  “ซุปเปอร์สต็อก” ที่ผลิตและขายสินค้าที่เธอรู้จักดีเช่น โคคาโคลา   บริษัทยาเช่นเชอริงพลาวก์  เธอซื้อแล้วก็เก็บ  ติดตามดูกิจการของบริษัทไปเรื่อย ๆ  เมื่อได้เงินปันผลมาก็ลงทุนเพิ่มในหุ้นทบต้นไปเรื่อย ๆ  สุดท้ายในวันที่เธอตาย  ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านเหรียญ ซึ่งเธอบริจาคให้กับโรงพยาบาลหมดเนื่องจากเธอไม่เคยแต่งงานและไม่มีญาติพี่น้อง  สิ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จระดับนั้นก็คือ  เวลาในการลงทุนอีก 51 ปี เพราะเธอตายตอนอายุ 101 ปี และผลตอบแทนที่เธอทำได้คือเฉลี่ยปีละประมาณ 17-18%   ซึ่งก็เป็นผลตอบแทนที่ดีมาก ๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่ Value Investor มีโอกาสทำได้

  คนมักจะถามว่า  แก่แล้วจะหาเงินมาก ๆ  ไปทำอะไร  ได้แล้วก็  “ไม่มีโอกาสใช้”   หรือคนที่มีเงินเก็บ  “พอดี ๆ” ก็อาจจะกลัวว่าจะขาดทุนจากหุ้นแล้วเงินจะไม่เหลือพอใช้จนตาย   คำตอบของผมก็คือ  เราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร  เราอาจจะคำนวณว่าเราจะตายเมื่ออายุ 80 ปี  แต่เราอาจจะอยู่จนถึง 100 ปีก็ได้   และเมื่อถึงเวลานั้นเรายังจะมีเงินพอใช้หรือไม่?  ดังนั้น  การไม่ลงทุนในหุ้นจึงอาจจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงพอ ๆ หรือมากกว่าการลงทุนในหุ้นก็ได้  ข้อสรุปสุดท้ายของผมก็คือ  มีโอกาสสูงที่คุณควรลงทุนในหุ้นแม้ว่าคุณจะอายุมากแล้ว  ไม่มีคำว่าสายเกินไป

Link : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=51704
Credit : คุณ little wing และ ดร.นิเวศน์ ครับ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,062
    • อีเมล์
อยากจะแนะนำเจ้า skoda superb ครับ ถ้าไม่ติดเรื่องภาพลักษณํทางสังคม เพราะมันเป็นรถประกอบนอกที่ราคาไม่แพง แต่อัดอุปกรณ์มาเต็มพิกัด พื้นที่ภายในเยอะมากชนิดที่ E-Class และ Series5 ยังอาย ตอนนี้มีโปรแกรมฟรีค่าบำรุงรักษา5ฟรีแล้วด้วยดูน่าซื้อเข้าไปอีก คนรู้จักผมแนะนำให้ไปลองsuperbชอบกันทุกคนเลย จุดด้อยที่ผมเจอคือเบาะรองนั่งสั้นไปนิดเดียวจริงๆ

ออฟไลน์ 12345678910

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 251
เนตไม่ดี ดูกะทู้ล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2012, 09:15:55 โดย 12345678910 »

ออฟไลน์ 12345678910

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 251
เป็นผมเอาเทียน่าดีกว่าครับ สมรรถนะดี ประหยัดตังได้อีกเยอะ รถก็กว้างสบาย อะไหล่ก็ถูก หาง่าย ใช้ได้ยาวๆอย่างน้อยสิบปี ที่ช่างบอกแพงผมยืนยันว่าไม่จริงหรอกครับถุกกว่าเยอะ


ขอโทษครับเนตไม่ดีเลยโพสมาเกินเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2012, 09:15:18 โดย 12345678910 »

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,633
หาดใหญ่แนะนำวอลโว่ครับ จริงๆ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,256
c200 มันไม่ได้ซ่อมอะไรที่เป็นแสนๆ อย่างที่ขู่กันหรอกครับ ถ้าไม่ใช่จมน้ำมา มันก็รถ 1.8 เทอร์โบธรรมดา ทนทานตามแบบของเบนซ์ ของใช้งาน ยังไงก็มีเสียครับ แต่ไม่ใช่เทอร์โบพังทั้งลูก อันนั้นโอกาสแทบเป็นไปไม่ได้เลย มันทนทานในระดับหนึ่งเลยครับ

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,364
ขออนุญาติเสนอมุมมองอีกมุมนะครับ
เนื่องจาก จขกท แจ้งว่าเจ้า W124 ไม่ได้คิดที่จะขาย ยังไงก็เก็บไว้เป็นรถสำรองอยู่แล้ว ดังนั้น ผมมองว่ารถที่ใช้เดินทางไกลถ้าซ่อมบำรุงเจ้า W124 ดีๆ มันก็ยังตอบโจทย์ตรงนี้ได้อยู่
ผมเสนอให้ลองหันมามองพวก SUV บ้าง ทำไมน่ะเหรอ
จขกทอายุเริ่มเข้าวัยกลางคนแล้ว สำหรับผมนี่เป็นช่วงเวลาที่คุณน่าจะหาความสุขให้กับตัวเอง เช่น การท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เป็นการคืนกำไรให้กับตัวเองหลังทำงานหนักมาหลายปี

ถ้าออกรถยุโรป ผมเกรงว่าเงินจขกท จะจมลงไปกับรถหมด
เมื่อมันต้องเข้าซ่อม จุดดีของ W124 หาอู่นอกซ่อมได้ไม่ยาก อะไหล่ถูก และทนมากๆ
แต่รุ่นใหม่ๆ ผมไม่แน่ใจว่าจะมีกี่อู่ที่เอามันอยู่บ้าง และแน่นอน หลังหมดประกันสามปี ค่าซ่อมต่อปี เตรียมหยอดกระปุกไว้ได้เลยเดือนละหลายพันบาทแน่ ราคาอะไหล่แพงกว่ากันหลายเท่า รวมถึงความทนทาน มันสู้ W124 ไม่ได้แน่ๆ

ออกรถญี่ปุ่น ที่ซ่อมบำรุงสบายกระเป๋าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ