เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ
ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ
เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง
กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%
อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น
สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้
ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ
ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี
ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
ตัวนักแข่งผิดพลาดน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้ แต่พลาดจนเสียชีวิตจะไปโทษนักแข่ง 80- 90 % ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก เพราะกรณี่นี้เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ
ประเด็นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า คือจะทำอย่างไรเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงให้ได้ แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่บอกซะด้วยว่าจะเกิดในลักษณะไหน ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะป้องกันได้ แต่สำหรับเคสนี้กรณี้ ผมขอโทษว่าการออกแบบสนามมีส่วนมากที่สุด
เพราะเห็นว่าบริเวณหรือพื้นที่ข้างๆแทรค ควรจะมีมากกว่านี้ และควรจะเป็นพื้นทราย เพื่อชะลอความเร็วของรถลงก่อนที่จะไปกระแทกกับขอบกั้น เพราะถ้าขอบกั้นอยู่ชิดกับแทรคขนาดนั้น ต่อให้ใช้ยางหนาสักกี่ชั้นก็ตามมันก็ช่วยได้ไม่มาก เพราะไม่มีระยะทางและเวลาที่จะทำให้รถชะลอความเร็วลงก่อนที่จะกระแทก
ถ้านึกไม่ออก ลองนึกภาพตอนที่ลิฟตก ต่อให้มีเซฟตี้เบลอย่างดี เบาะนั่งอย่างดี อยู่ในลิฟนั้น และลิฟมีโครงสร้างแข็งแรงมากๆ แต่ถ้าความเร็วมันไม่ลดลงก่อนปะทะ ยังไงก็ตายอยู่ดี ...."เหมือนที่เจ้าของบทความบอกนั่นแหละ ตอนเราเคลื่อนที่อวัยวะภายในเรามันก็เคลื่อนที่ด้วย แต่ตอนที่ตัวเราหยุดแบบกระทันหัน อวัยวะภายในเรามันไม่สามรถจะทนและหยุดแบบกระทันหันแบบนั้นได้"
เฮ้อ........... ผมไม่ใช่นักแข่งรถ ผมไม่ได้หมายถึงในสนามแข่ง หมายถึงบนท้องถนน (ในที่นี้หมายถึงขับรถยนต์บนถนน)
แล้วก็ไม่ได้บอกว่า 80-90% ขับตายเพราะประมาท
"ผมบอกว่า 80-90% ของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ(เขียนไว้ชัดเจน)"
อุตส่าห์มีกระทู้ที่จั่วหัวว่าเป็นอุทาหรณ์ เลยพูดถึงแง่มุมที่ว่า ขนาดป้องกันเต็มที่ในสนามแข่งยังตายได้ เพราะการขับรถเป็นความเสี่ยงอย่างนึง
ยิ่งขับเร็วขับแข่ง ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงมากกว่าเยอะ หากเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิตก็ต้องทำใจรับไว้บ้าง เพราะทำเกี่ยวกับอะไรก็จะได้รับผลเกี่ยวกับสิ่งนั้น(ตามที่ยกตัวอย่างด้านบน)
ความหมายก็มีเท่าที่เขียนไปเท่านั้น ทำไมถึงไปเข้าใจอะไรที่ผมไม่ได้เขียน
แล้วส่วนประเด็นสำคัญน่ะ ผมคิดถึงจุดนี้ "
ถึงป้องกันเต็มที่แล้ว(ทำรถ ทำสนาม ใส่ชุดนิรภัย) ก็ยังมีโอกาสตาย แล้วจะทำยังไงให้โอกาสตายน้อยลง มันคือขับให้ระวังมากขึ้น คิดถึงความปลอดภัยมากขึ้น(แต่อาจทำเวลาได้ลดลง)"
ถ้าทำได้ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง