ภาษีใหม่อีก3ปีข้างหน้าจะส่งผลยังไงกับรถนำเข้าจากยุโรปครับ

ball99

หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ



delete

หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ

ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า

เอาข่าวมาจากไหนครับ

หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ



kimmeng21

หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ

ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า

เอาข่าวมาจากไหนครับ

หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ

ข่าวนี้ไงคับ

ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์

โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย

1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%

4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%

5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%

6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%

7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559
"โอกาส มันก็เหมือนสายน้ำ ที่ไหลผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ถ้าคุณไม่ตักตวงมันไว้ สายน้ำมันก็จะไม่ไหลย้อนกลับ"



delete

หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ

ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า

เอาข่าวมาจากไหนครับ

หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ

ข่าวนี้ไงคับ

ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์

โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย

1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%

4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%

5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%

6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%

7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559

ข่าวนี้ นานแล้วนี่ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆปลายปีที่แล้ว
และก็เคยคุยกันในเวบนี้ไปรอบนึงแล้วมั้งครับ สรุปคร่าวๆว่าเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่
มีเพิ่มเติมคืออี85 ที่ราคาลดลง แต่ในส่วนอืน เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง



Bangkok Fiesta EX

หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ

ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า

เอาข่าวมาจากไหนครับ

หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ

ข่าวนี้ไงคับ

ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์

โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย

1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%

4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%

5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%

6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%

7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559

ข่าวนี้ นานแล้วนี่ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆปลายปีที่แล้ว
และก็เคยคุยกันในเวบนี้ไปรอบนึงแล้วมั้งครับ สรุปคร่าวๆว่าเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่
มีเพิ่มเติมคืออี85 ที่ราคาลดลง แต่ในส่วนอืน เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ดูรายละเอียดภาษีใหม่แล้ว ผมคิดว่า ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ที่มีเกิน 220 แรงม้า จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก ดูเหมือนจะยกเลิกไปแล้วนะครับ



top3245

หลังจากสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้าแล้ว
คิดว่าราคารถนำเข้าจากยุโรปจะเป็นยังไงครับ
ท่านใดพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ
ขออนุญาตไม่คิดถึงตัวแปรเรื่องค่าเงินนะครับ
ถึงตอนนั้นเกรย์จะยังเยอะแยะเหมือนแบบนี้รึเปล่าครับ

ผมก็เพิ่งจะทราบ จาก จขกท.นี่แหละ ว่าสรรพสามิตปรับฐานภาษีใหม่อีก3ปีหน้า

เอาข่าวมาจากไหนครับ

หรือเอามาจากข่าวที่ว่า เราจะเข้า AEC ในปี 2558 ???
ถ้าใช่ ผมว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งครับ
เพราะ ในอาเซียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
และต้องมาเสียภาษีสรรพสามิตร ในเรทที่พอๆกับรถในประเทศอยู่แล้วนี่ครับ

ข่าวนี้ไงคับ

ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์

โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย

1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40%

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35%

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%

4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%

5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%

6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%

7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559

ข่าวนี้ นานแล้วนี่ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆปลายปีที่แล้ว
และก็เคยคุยกันในเวบนี้ไปรอบนึงแล้วมั้งครับ สรุปคร่าวๆว่าเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่
มีเพิ่มเติมคืออี85 ที่ราคาลดลง แต่ในส่วนอืน เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ดูรายละเอียดภาษีใหม่แล้ว ผมคิดว่า ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ที่มีเกิน 220 แรงม้า จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก ดูเหมือนจะยกเลิกไปแล้วนะครับ

ถูกต้องครับ ไม่มีแรงม้ามาเกี่ยวแล้ว ซึ่งแต่ก่อนถ้าเกินกว่า 220 แรงม้า ไม่ว่าจะกี่ cc. ก็ตาม โดยสรรพสามิต 50 % หมด



ball99

Ok ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลครับ



panerai

ยังงี้รถยุโรปเครื่องเล็ก ติดหอย มลพิษต่ำๆ ก็หวานสิครับ : )



Ton247

ถ้าเป็นแบบนี้ภาพรวมก็คงไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่มั้งครับ



gouisoul

ผมคิดว่าราคารถเท่าเดิมแต่ แรงม้า 220+ คงเห็นเยอะขึ้น



PorrMacKenna

รถรุ่นปกติราคาขึ้นสิครับ เพราะไม่ได้ส่วนลด E20 แล้ว

ส่วนรถแรง เครื่องไม่เกิน 3,000 cc ก็ไม่ต้อง lock ความเร็ว
ภาษีก็ลดลงอีก

น่าจะได้เห็นรถยนต์เครื่องแรง ไม่เกิน 3000 เยอะขึ้นครับ



Minny

ได้ยินมาว่า รถไฮบริดเกิน 2000 cc ภาษีเพิ่มเท่าตัว แสดงว่าไม่ให้การสนับสนุนรถ hybrid เลย ออกจะดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย



sith(สิทธิ์)

ได้ยินมาว่า รถไฮบริดเกิน 2000 cc ภาษีเพิ่มเท่าตัว แสดงว่าไม่ให้การสนับสนุนรถ hybrid เลย ออกจะดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ข่าวจากไหนครับ ในนี้ก็ระบุแล้วนี่นาในข้อ3

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%

อันนี้กล่าวถึง3พันซีซีเลยครับ ไม่ทราบว่าอันเก่า(ก่อนหน้านี้)มันเท่าไหร่ครับ



Slipknot`

ยังงี้รถยุโรปเครื่องเล็ก ติดหอย มลพิษต่ำๆ ก็หวานสิครับ : )

+1