ค่ามาตรฐานควันดำ และการตรวจ ตามนี้ครับ
http://www.onep.go.th/content/pra/ministry_announcement04.htmเรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าควันดำและก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์ที่ยินยอมให้ระบายออกจากท่อไอเสียของรถยนต์ได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมมลพิษและโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กำหนดมาตรฐานค่าควันดำและค่าก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์ที่ยินยอมให้ระบายออกจากท่อไอเสียของรถยนต์ ไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในประกาศนี้
"รถยนต์" หมายความว่า รถซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักร เครื่องกล เว้นแต่ที่เดินบนราง
"ความเร็วรอบสูงสุด" หมายความว่า ความเร็วของเครื่องยนต์ขณะที่เร่งเครื่องสูงสุดโดยลิ้นอากาศเปิดเต็มที่ และระบบถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อรถยนต์อยู่ในสภาพไม่ทำงาน
"สภาพภาวะสูงสุด" หมายความว่า สภาพของเครื่องยนต์ขณะเร่งกำลังสูงสุดโดยลิ้นอากาศเปิดเต็มที่และอยู่ในเครื่องทดสอบ
"เครื่องวัดระบบบอช (BOSCH)" หมายความว่า เครื่องมือตรวจสอบควันดำ โดยวัดค่าของแสง สะท้อนจากกระดาษกรอง ซึ่งวัดค่าเป็นหน่วยร้อยละ
"เครื่องวัดระบบฮาร์ทริดจ์ (HARTRIDGE)" หมายความว่า เครื่องมือตรวจสอบควันดำ โดยวัดค่าของแสงที่ทะลุผ่านควันดำที่ถูกดูดเข้าในเครื่องวัด ซึ่งวัดค่าเป็นหน่วยร้อยละ
"เครื่องวัดระบบนันดีสเปอร์ซีฟ อินฟาเรด ดีเทคชั่น (NONDISPERSIVE INFRARED DETECTION)" หมายความว่า เครื่องตรวจสอบก๊าซคาร์บอนมอน็อกไซด์ โดยใช้แสงอินฟาเรด ซึ่งวัดค่าเป็นหน่วยร้อยละ
ข้อ 2 ค่าควันดำของรถยนต์ที่เดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลต้อง
(1) ไม่เกินร้อยละห้าสิบของเครื่องวัดระบบบอช เมื่อรถยนต์จอดอยู่กับที่หรือเมื่อรถยนต์แล่นอยู่บนทางเดินรถ หรือ
(2) ไม่เกินร้อยละสี่สิบของเครื่องวัดระบบบอช หรือไม่เกินร้อยละห้าสิบของเครื่องวัดระบบฮาร์ทริดจ์เมื่อรถยนต์อยู่ในเครื่องทดสอบ
ข้อ 3 ค่าก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์ของรถยนต์ที่เดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินต้องไม่เกินร้อยละหกของเครื่องวัดระบบนันดีสเปอร์ซีฟ อินฟาเรด ดีเทคชั่น
ข้อ 4 การตรวจสอบควันดำของรถยนต์ด้วยเครื่องวัดระบบบอชหรือเครื่องวัดระบบฮาร์ทริดจ์ กระทำได้ 3 วิธี คือ
(1) เมื่อรถยนต์จอดอยู่กับที่
(2) เมื่อรถยนต์อยู่ในเครื่องทดสอบ หรือ
(3) เมื่อรถยนต์แล่นอยู่บนทางเดินรถ
ข้อ 5 การตรวจสอบควันดำตามข้อ 4 (1) ให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
(1) ให้จอดรถอยู่กับที่ และเดินเครื่องยนต์ไม่น้อยกว่าห้านาทีก่อนทำการวัด
(2) ให้สอดหัวเก็บตัวอย่าง (Probe) ของเครื่องวัดเข้าไปในท่อไอเสียของรถยนต์ที่จะวัดควันดำ
(3) เร่งเครื่องยนต์โดยเร็วจนสุดคันเร่งพร้อมกับวัดค่าควันดำในขณะกดคันเร่ง
(4) ให้วัดค่าควันดำสองครั้ง และให้ถือเอาค่าสูงสุดที่วัดได้เป็นค่าควันดำของรถยนต์
ข้อ 6 การตรวจสอบควันดำตามข้อ 4 (2) ให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
(1) ให้จอดรถยนต์อยู่กับที่และเดินเครื่องยนต์ไม่น้อยกว่าห้านาทีก่อนทำการวัด
(2) ให้สอดหัวเก็บตัวอย่างของเครื่องวัดเข้าไปในท่อไอเสียของรถยนต์ที่จะวัดควันดำ
(3) จัดให้ล้อส่งกำลังของรถยนต์ที่จะวัดควันดำอยู่บนลูกกลิ้ง (Roller Unit) ของเครื่องทดสอบ
(4) ให้เดินเครื่องยนต์เพื่อขับเคลื่อนไปตามปกติ และให้เร่งเครื่องยนต์เต็มที่เพื่อให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพภาระสูงสุด
(5) หลังจากนั้น ให้ลดความเร็วของรอบเครื่องยนต์ลงมาเหลือร้อยละหกสิบและให้วัดค่าควันดำสองครั้งหลังจากที่คงความเร็วของเครื่องยนต์ในระดับนั้นไว้แล้วไม่น้อยกว่าห้าวินาที
(6) ให้นำค่าควันดำตามข้อ (5) มาคำนวณเพื่อหาค่าเฉลี่ย
ข้อ 7 การตรวจสอบควันดำตามข้อ 4 (3) ให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
(1) ให้จอดรถยนต์อยู่กับที่
(2) ให้สอดหัวเก็บตัวอย่างของเครื่องวัดเข้าไปในท่อไอเสียของรถยนต์ที่จะวัดควันดำ
(3) เร่งเครื่องยนต์โดยเร็วจนสุดคันเร่งพร้อมกับวัดค่าควันดำในขณะกดคันเร่ง
(4) ให้วัดค่าควันดำสองครั้ง และให้ถือเอาค่าสูงสุดที่วัดได้เป็นค่าควันดำของรถยนต์
ข้อ 8 การตรวจสอบก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์ด้วยเครื่องวัดระบบนันดีสเปอร์ซีฟ อินฟาเรด ดีเทคชั่น กระทำได้ 2 วิธี คือ
(1) เมื่อรถยนต์จอดอยู่กับที่ หรือ
(2) เมื่อรถยนต์แล่นอยู่บนทางเดินรถ
ข้อ 9 การตรวจสอบก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์ตามข้อ 8 (1) ให้ดำเนินตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
(1) ให้จอดรถยนต์อยู่กับที่และเดินเครื่องยนต์ไม่น้อยกว่าห้านาทีก่อนทำการวัด
(2) ให้สอดหัวเก็บตัวอย่างของเครื่องวัดเข้าไปในท่อไอเสียของรถยนต์ที่จะวัดก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์
(3) ให้วัดค่าก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์สองครั้ง ในขณะที่เครื่องยนต์เดินเบาตามปกติโดยไม่เร่งเครื่องยนต์ และนำค่าที่วัดได้ทั้งสองครั้งมาคำนวณเพื่อหาค่าเฉลี่ย
ข้อ 10 การตรวจสอบก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์ตามข้อ 8 (2) ให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
(1) ให้จอดรถยนต์อยู่กับที่
(2) ให้สอดหัวเก็บตัวอย่างของเครื่องวัดเข้าไปในท่อไอเสียของรถยนต์ที่จะวัดก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์
(3) ให้วัดค่าก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์สองครั้ง ในขณะที่เครื่องยนต์เดินเบาตามปกติโดยไม่เร่งเครื่องยนต์ และนำค่าที่วัดได้ทั้งสองครั้งมาคำนวณเพื่อหาค่าเฉลี่ย
ข้อ 11 การใช้เครื่องวัดตามข้อ 4 และข้อ 8 ให้ทำความสะอาดหัวเก็บตัวอย่างของเครื่องวัด และปรับปรุงเครื่องวัดให้ได้ถูกต้องก่อนทำการตรวจสอบทุกครั้ง