เข้าใจว่าโครงสร้างราคาน้ำมันบ้านเราน่าจะสลับซับซ้อนพอควรซึ่งผมก็ไม่ค่อยมีความรู้มากนัก
แต่พอทราบว่าเทียบจากราคาน้ำมันอ้างอิงราคาสิงคโปร์ ผมก็เลยรองหาข้อมูลเพื่อเทียบราคาย้อนหลังแบบบ้านบ้านดู(เทียบบัญญัติไตรยางศ์)
---------------------------------------
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์(เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) 12 ส.ค.56
เบนซิน 95 ปิดที่ 114.97 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาไทย 47.45 บาท/ลิตร
ดีเซล ปิดที่ 122.28 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาไทย 29.99 บาท/ลิตร
-------------------------------------
ราคาน้ำมันดิบสำเร็จรูปประเทศสิงค์โปร์ (เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) 28 พ.ย.57
เบนซิน 95 ปิดที่ 82.69 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาไทย 40.26 บาท/ลิตร
ลดลง 28.07% ลดลง 15.15%
ดีเซล ปิดที่ 85.73 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาไทย 28.39 บาท/ลิตร
ลดลง 29.89% ลดลง 5.34 %
------------------------------------
ประมาณว่าราคาสิงคโปร์ลดลงเกือบ30% บ้านเรายังลดไม่ถึง
ซึ่งดีเซลพอเข้าใจได้เพราะมีการอุ้มราคาไม่เกิน30บาท แต่เบนซินนี่ซิยังลงมาไม่มากเลย
ก็น่าสงสัยเหมือนกัน (คิดแบบบ้านบ้านนะ)
สิงค์โปร์ จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบนะครับ...แต่เป็นผู้กลั่นน้ำมันขายรายใหญ่รายหนึ่่งของโลกน่าจะอันดับ 3 ถ้าจำไม่ผิด (คือรับเอามาแปรรูปให้เป็นน้ำมันที่ใช้เติมกับรถได้นั่นแหละครับ ถ้าอธิบายง่ายๆ)
ดังนั้นราคาที่ยกมามันเป็นราคาหน้าโรงกลั่น หรือในสิงค์โปร์ ที่ยังไม่ได้รวมค่าการขนส่งในกรณีที่ประเทศไทยไปรับเอามาขาย....ดังนั้น เมื่อรวมกับที่ผมบอกไปแล้วว่าตลาดน้ำมัน จะเป็นลักษณะของการซื้อขายล่วงหน้า....ราคาจริงมันจะต้องอิงอยู่กับต้นทุนจริงๆ ที่เขาซื้อมาน่ะครับ---ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พอราคาน้ำมันดิบต้นทางจริงๆ ราคาปรับลดลง เช่น ในเท็กซัส(อเมริกา), ในตะวันออกกลาง (ซาอุฯ หรือ ดูไบ) จึงเป็นไปไม่ได้ว่าราคาที่หน้าโรงกลั่นในสิงค์โปร์ จะลดตามลงไปด้วยทันทีนะครับ มันต้องมีเวลาของมันอยู่ **ย้ำอีกทีว่าสิงค์โปร์ ไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบนะครับ...แต่เป็นประเทศที่รับเอาน้ำมันดิบมากลั่นแล้วขายต่อเพื่อทำกำไร(เป็นพ่อค้าคนกลางนั่นแหละครับ)
ทีนี้...ถามต่อไปว่าแล้วทำไมประเทศไทย ไม่กลั่น หรือ ผลิตน้ำมันดิบเอง? หรือทำไมต้องไปอิงราคาโรงกลั่นสิงค์โปร์?? ---> ใช่ครับที่ว่าประเทศไทยเราเองมีน้ำมันดิบในทะเล และมีโรงกลั่น......แต่ เรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาวมากกกกกกครับ...เอาเป็นว่าสรุปสั้นๆ คร่าวๆ เลยก็คือในเมื่อบริษัทน้ำมันใดๆ ก็ตามเข้าตลาดหุ้นไปแล้ว ต่อให้มีรัฐบาลถือหุ้นเกินครึ่งหนึ่ง หรือออกตัวว่าเป็นบริษัทของคนไทย *แต่ยังไงเขาก็ต้องนึกถึงเรื่องกำไรปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอยู่ดีนะครับ และบริษัทฯ เองก็มีพนักงานที่ต้องดูแลทั้ง เงินเดือน+สวัสดิการ (วิศวกรปิโตรเคมีฯ นี่เงินเดือนสูงมากๆ นะครับ---หลายๆ ท่านในเว็บนี้น่าจะทำอยู่) และอีกอย่างการแข่งขันในการส่งออกน้ำมันหรือพลังงาน เช่น ไปประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่าง ลาว หรือ พม่า ก็จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงกลไกราคาที่สามารถแข่งขันได้ด้วยครับ
อ่อ....ผมลืมอีกเรื่อง.....การขนส่งน้ำมันดิบ ปกติแล้วจะทำทางเรือนะครับ ลองดูในแผนที่โลก จะเห็นว่าที่ตั้งของท่าเรือสิงค์โปร์มันอยู่พอดีกับทางเข้าออกในภูมิภาคนี้นะครับ คิดง่ายๆ เรือขนน้ำมันดิบ จะมาถึงสิงคโปร์ก่อนมาถึงไทยนะครับเพราะมันเป็นทางผ่าน อันนี้ก็ทำให้ต้นทุนการกลั่นน้ำมันเกิดความแตกต่างได้เหมือนกันนะครับ.....บางทีผมเองก็สงสัยว่าทำไมโครงการขุดคอคอดกระของประเทศไทย (หมายถึงทำทางเดินเรือทะเลผ่านแถวๆ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) ถึงไม่เคยสำเร็จเป็นรูปธรรมซะที (อันนี้จะมีอะไรอยู่เบื้องหลังผมก็ไม่ทราบ...รู้แต่ว่าถ้าประเทศไทยขุดคอคอดกระ ประเทศที่เดือดร้อนก็คือ สิงคโปร์....และคนที่เดือดร้อนก็คือพวกนายทุน หรือคนที่ไปลงทุนกับสิงคโปร์(มั๊ง)5555+)
สรุป(จริงๆละ)....เรื่องราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ มันมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเต็มไปหมดเลยครับ แค่คำว่า "ราคาน้ำมัน" คำเดียวนี่ ดีไม่ดีสอนได้เป็นเทอมๆ เลย 555+