ผมพยายามหาข้อมูลเชิงลึกนิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้จะหายังไงนะครับผม
ผมว่า เรื่องความน้่งสบาย คงไม่ต่างกันระดับ ฟ้ากับเหว ผมว่า สองคันนี้ผมรับได้
เรื่อง Option ไม่ว่า จะน้อยจะมาก สำหรับ ผมว่า มันก็พอรับได้ทั้งสองยี่ห้อครับ
ส่วนความสวย ก็แล้วแต่จะเลือกครับผม
For ก็เห็นมีปัญหาเรื่อง เกียร์ และก็ประตูท้าย อันนี้รถใหม่เลยนะครับผม
และวันนี้ได้มีโอกาสดูคลิปที่เขาทดสอบ Revo แล้วพูดถึงเทคโนโลยีเครื่องยนต์
ไม่ได้บอกว่าอะไรดีกว่า หรือ ด้อยกว่านะครับผม เครื่อง GD ของ Revo ใช้ระบบโซ่ราวลิ้น ละก็ระบบอะไรผมจำไม่ได้ว่า ไม่ต้องปรับตั้งตลอดเท่าอายุเครื่องยนต์
กรองน้ำมันก็ราคาถูกลงและระยะการเปลี่ยนเพิ่มขึ้นประมาณนั้นครับผม บางอย่างผมไม่เข้าใจศัพท์ทางระบบเท่าไหร่
แต่เอาที่ เคยประสบมาก โซ่ราวลิ้น เขาโฆษณาว่า อย่างน้อยจะเปลี่ยนอีกครั้ง ก็ประมาณ 4 แสนกิโลเมต ซึ่งเป็นระยะที่น่าประทับใจครับ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันธรรมดา ผมว่า น่าจะ 10 ปีขึ้นไป
แต่เครื่องมิตซู ผมไม่แน่ใจว่า ใช้ สายพานไทม์มิ่งเหมือนเดิม หรือเปล่า ถ้าใช้เหมือนเดิม ก็จะเปลี่ยนกันประมาณ 1 แสน - 1.5 แสน กิโลเมตร โดยประมาณ ซึ่งถ้าเปลี่ยนทั้งชุด(ซึ่งควรเปลี่ยนทั้งชุด)
ก็เกือบหมื่นและผมมองว่ามันเป็นการซ่อมรถที่รื้อเยอะพอสมควร(มันทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจว่าเวลาที่ช่างทำแล้วจะเหมือนกับของเดิมหรือเปล่า แต่ ช่างก็ทำดีนะครับ555) แล้วยังมี Turbo ซึ่งปัจจุบัน
ที่ใช้ใน Revo และ Fortuner นั้น ชุด Turbo มีอะไหล่แยกชิ้นให้ซ่อมได้ ไม่ใช่ยกทั้งชุด แต่ของมิตซู ผมไม่รู้ว่า ต้องยกชุดหรือมีแยกชิ้นเหลือเปล่า(แต่ผมก็ไม่เคยซ่อมนะ) แต่ถ้าเข้าศูนย์มิตซู
ไม่ว่าซ๋อมอะไรทางศูนย์จะพยายาม ยังไงก็ได้ให้เราเปลี่ยนทั้งหมด ถามว่าดีไหม ได้ของใหม่หมด ดีครับ แต่ว่า รวมๆ แล้ว มันหลายเงินเหลือเกินในบางครั้ง ควรจะเป็นเลือกเปลี่ยนเฉพาะ
คือใส่ใจให้เรามากขึ้นหน่อย และหาวิธีการลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าหน่อย ไม่ใช่ เอะอะ ทั้งชุดๆ ประมาณนั้นครับ ไอ้ที่เปลี่ยนนะ มันเงินผมนะ ไม่ใช้เงินศูนย์
คือ ถ้าเป็นผม ถ้า ซื้อ Fortuner แล้วรู้สึกสบายใจกว่าและต้องบำรุงรักษาน้อยกว่า จ่ายแพงกว่า 2 แสน ผมก็ซื้อครับ สุดท้าย อาจจะคุ้มกว่าตอนซื้อถูกกว่าก็ได้ครับ
เพราะความสบายใจ ความสุขในการใช้ บางครั้งมันตีค่าเป็นเงินไม่ได้ครับ
แต่ ณ ตอนนี้ผมก็ยังไม่เลือกนะครับผม ผมขอรอดูสถานะการณ์ไปก่อน แม้ปีหน้าจะขึ้นราคา ก็ยอมครับ ก็เพราะเหตุผลเดิมครับ ผมไม่อยากหงุดหงิด ไม่อยากจะไปเถียงหรือต้องไปต่อรองกับศูนย์
หรือต้องรอให้เขาแก้ปัญหาที่ยังไม่รู้วิธีแก้ไขมันทำให้ผมเหนื่อย ผมยอมจ่ายเพิ่ม และใช้รถคันเก่าไปก่อน เมื่อรถพร้อม ปัญหาน้อย ก็ค่อยว่ากันว่าจะเอารุ่นไหนครับผม
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับผม อย่าว่าผมนะครับผม
![:)](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/smiley.gif)