[kengvi]

ปัจจุบัน c class มี Line up คือ

c200 2.59ล้าน
c350e Ex 2.99ล้าน
c350e AMG 3.39ล้าน

c200 ปี 58 จ่ายภาษีสรรพสามิต 25%
อัตราภาษีใหม่ ปี 59 ขึ้นเป็น 30% แต่ MBTH ยังไม่ปรับราคา c200 ขึ้น

การออก C350e ทำให้มี Gap ราคาระหว่างรุ่น AV 200 กับ AV 350e มากถึง 800,000 บาท

ขณะที่ BMW 3 ขายเริ่มต้นที่ 2.39ล้าน และ รถ diesel แพงกว่า petrol 1 แสนบาท (แม้ว่าปัจจุบันภาษี 20i ขึ้นมาเท่ากับกับ 20d แล้ว)

MBTH น่าจะทำได้ 3 กรณีนะครับ

1) คง c200 ไว้ตามเดิม ที่ราคา 2.59 เพื่อให้ competitive กับ BMW โดยยอมลดกำไรต่อหน่วยลง เพราะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น

2) ปรับราคา c200 ขึ้น spec เดิม ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคงต้องรอ BMW ปรับราคารุ่น 20i ตามด้วย (และอาจปรับราคา CLA250 ตามทั้งแผง)

3) Upgrade รุ่น c200 เป็น c250 หรือ c220d โดนตั้งราคาขายสูงขึ้น 1-2แสน ให้สูงกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษี
ซึ่งการ Upgrade จาก c200 ไป c250 มีต้นทุนเพิ่มเล็กน้อยมาก เพราะใช้เครื่องเดิม
หรือการ Upgrade เป็นเครื่อง c220d ก็สามารถทำให้ตั้งราคาสูงขึ้นได้ เพราะในตลาด รถ diesel ราคาแพงกว่ารถ petrol

ถ้าท่านเป็น MBTH ท่านคิดเห็นว่าไงบ้างครับ

[Stp]

ภาษีใหม่ปี 59 อนาคตนี่แทบไม่ต้องหวังเครื่องยนต์สันดาปเลยทีเดียว มองอนาคตไปที่ Plug-in ยกแผงแน่ๆ

C200 อาจเลือกทางเพิ่ม Options มาอีกนิด แล้วปรับราคาขึ้นรับภาษีใหม่ก็ได้ แต่ผมกลับมองว่าอนาคต C 350e จะลดราคาลงไปแทนที่ C300h มากกว่า หรืออาจมีโปรส่วนลดมาเพิ่มให้

[Nikle_pk]

MBTH จะไม่ทำตลาดเบนซิลธรมดาแล้วครับ
ถ้ามีจะมีในตัวล่างสุด Option โล้นๆ
ตัว Top ตัว บนๆ จะมีแต่ระบบ Plugin มาพ่วงครับ
อยากได้เครื่องธรรมดาต้องพึงเกรย์สถานเดียวครับ
ยิ่งเครื่องดีเซลนี่คาดหวังยากเลยครับ เพราะภาษีทำให้
ไม่สามารถทำราคาแข่งได้เลยต้องพึ่งภาษีจาก Hybrid มาลด
เพื่อให้แข่งขันในตลาดได้

ใจผมก็อยากให้มีเครื่องยนต์หลายๆแบบ
ให้เลือกในทุกรุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็น
เบนซิล + เทอร์โบ
ดีเซล + เทอร์โบ
เบนซิล Hybrid
ดีเซล Hybrid
เบนซิล Plugin Hybrid

แต่มันเป็นไปได้ยากมากๆๆๆๆ
โอกาสแทบจะเป็น 0.1% เลยล่ะครับ

[กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก]

ผมฟันธง ว่ายังไง c250 หรือ C200 เพิ่มออฟชั่นยังไงก็ต้องมาครับ ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง
เบนซ์เปิดช่องโหว่ทางการตลาดเอาไว้อย่างมหาศาล ซึ่งสิ่งที่ขาดไปคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด
นั่นก็คือ เครื่องยนต์ปกติ ( ไม่มีระบบไฮบริด) + ออฟชั่นครบๆสมน้ำสมเนื้อในระดับมาตรฐานควรจะมี

แต่ปัจจุบัน เบนซ์มีแต่เครื่องปกติ + ออฟชั่นโล้นๆ กับ ไฮบริด + ออฟชั่นครบ

ซึ่งลูกค้าจำนวนมาก ไม่อยากได้ระบบไฮบริดแต่ จะให้ไปซื้อ c200 ออฟชั่นน้อยกว่ารถกะบะแบบปัจจุบันก็ทำใจกันไม่ได้

สุดท้าย คำเฉลยของปริศนาทั้งหมด จะไปออกที่ BMW series3 ตัวใหม่ที่จะมาในอีก2ปีข้างหน้า

เบนซ์ไม่มีทางเปิดช่องโหว่ที่ใหญ่ขนาดนี้ให้คู่แข่งตีง่ายๆแน่นอน

ศักดิ์ศรี มันเท่ากัน ลูกค้าไม่ได้คิดยากเลยถ้าจะเปลี่ยนใจจากดาวสามแฉก หันไปหาใบพัดสีฟ้าแทน

และจากข่าวที่ออกมา บอกว่าซีรี่ย์3 จะใช้ตัวถังผสมคาร์บอนไฟเบอร์แบบที่ซีรี่ย์7 ล่าสุดใช้อยู่

ผมก็อยากให้เบนซ์เล่นเกมบ้าๆยัดเยียดไฮบริดแบบนี้ต่อไปเหมือนกัน แต่เชื่อผมเถอะ ผู้บริหารเขาฉลาด เขาจะเล่นเกมแบบนี้แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ

[Stp]

เพิ่งเห็นว่า C200 ตรวจค่า CO2 พุ่ง 186 g/km หากเป็นเช่นนี้คงโดนทิ้งขายแบบนี้แหละ น่าจะกำลังกระอักกับภาษีใหม่อยู่ ดีไม่ดีขึ้นราคาในสเปคเดิมด้วย

http://car.go.th/new/compareCar?TranId=d2fcaf9a7a844fbeaa3947715056e6f5

[kengvi]

ขอบคุณ Link car.go.th ที่ส่งมาให้ดูครับ
น่าสนใจมากครับ พอค่า Co2 ในเวป สูงกว่าที่แจ้งใน Brochure พอสมควรเลย

[Jimbo]

ถามเซลล์มาเมื่อวาน c200 จะผลิตไตรมาสนี้สุดท้ายแล้วครับ

[Slipknot`]

ผมว่ายากทั้งคู่เลยครับ 250กับ220

[Quadrifoglio Verde]

ถ้าเอา C 200 ออกไป
แล้วจะเอารุ่นไหนมาแทนครับ ...น่าคิดนะ

เพราะ ถ้ามีแค่ c350e ที่ราคาต่ำสุด 2.99 นี่ คงจะแพงไปกระมังครับ

[bingoman]

ผมคิดว่าช่องว่างตรงนี้ เดี๋ยว Benz ต้องหาอะไรมาอุดแน่นอนครับ

เพราะลูกค้าอีกเยอะที่ต้องการสมรรถนะและออพชั่นดีกว่า C200

โดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้า Benz ทำเครื่องดีเซลเทอโบมา ไม่ไฮบริด  อาจจะเป็น C250d หรือ C220d แล้วตั้งราคาซัก 2.5-2.8 ล้าน  อันนี้จะปิดช่องโหว่ของตัวเองได้เลย

เพราะลูกค้าเพียบที่หันไปซื้อ BMW 320d แทน

ราคาตรงนี้อาจจะไม่สำคัญเท่ากับการนำเครื่องดีเซลเทอโบมาขาย   เอา C200d ก้ได้ถ้ามี  มาขาย โดยตั้งราคาใกล้เคียง 320d  ผมเชื่อว่าได้ลูกค้าอีกพอสมควรแน่ๆ ยิ่งถ้ามาพร้อมเกียร์ 9 สปีดด้วย   
ขนาดผมไม่ชอบเบนซ์  ยังอยากจะลองสัมผัสเลย

[dt9]

ถ้า C250 กับ C220d มาจริง ต้องดู option ด้วย
ถ้า option ไม่แย่มาก มันจะมาแย่งลูกค้า 350e ซะเอง
ลูกค้าหลายคนที่ไม่อยากได้พวก Hybrid มีเยอะมาก เพราะกลัวปัญหาและค่าซ่อมหลังหมดประกัน แต่ที่ยอมซื้อส่วนใหญ่เพราะ option และการตกแต่งภายใน
MBTH เองยังอยากขายรุ่นสูงมากกว่าเพราะจะได้กำไรมากกว่า
อีกไม่นานคงจะมีข่าวว่าจะมีรุ่นไหนมาแทน C200
หรือ ยังเป็น C200 แต่เพิ่ม option
 

[scotch_fillet]

เอ... เครื่องGLA/CLA250 นี้คือเครื่องที่เป็นbase ของC350e หรือเปล่าครับ?
ก็กลายเป็นว่าถ้าออกC250 มา ก็ใช้เครื่องเดียวกันกับ C350e น่ะแหล่ะ แต่ไม่มีไฟฟ้ามาเพิ่มกำลัง

จะกลายเป็นโคตรเครื่องสหกรณ์ ใช้ตั้งแต่CLA, GLA, C และ E

ถ้าเป็นงั้นจริง... ผมว่าโอกาศC250มา มีแน่ๆ

หรือผมมั่วไปเองหวา?

[kengvi]

ถ้าดูจากค่าปล่อย Co2 เมือเทียบกับภาษีใหม่ ตาม Link ที่ให้ จะเป็นตามนี้ครับ

c200 - Co2 186 - Tax 35% (เพิ่มขึ้น +10%)

c350e - 53 - 10% (=)

CLA250 - 143 - 30% (+5%)

GLC 250d OR - 149 - 30%

GLS 250d SB - 169 - 35% (=)

BMW 320i - 197 - 35% (+10%)

BMW 320d - 136 - 30% (ลดลง -5%)

สิ่งที่ผมเห็นคือ

- c200 จ่ายภาษี 35% = 320i (จ่ายเพิ่มขึ้น 10%)

- BMW 320d จ่ายภาษี 30% (จ่ายลดลง 5%) และจ่ายภาษีต่ำกว่าเครือง i

- GLC 250d จ่ายภาษี 30% ต่ำกว่า c200


ถ้าค่่าเป็นไปตามนี้ ผมว่าเป็นไปได้สูงมาก ที่จะเห็นทั้ง MBTH กับ BMWTH เน้นขายและผลิตแต่เฉพาะเครื่อง diesel กับ hybrid กับรถขนาดกลางขึ้นไปครับ

ปัจจุบันทาง MBTH ผลิต 220d (รอใ่ส่ใน GLC220d CKD) อยู่ และรถ E ที่จะเปิดตัวในเดือน มีค ก็เป็นรุ่น e220d
ผมเลยคิดว่า มีโอกาสที่ MBTH จะเปลี่ยนจาก c200 เป็น c220d แทนเพราะ

- จ่ายภาษีต่ำกว่า 5% (ต้นทุนลดลง ราวๆ 1-1.5 แสน)
- สามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่า (ราคาขายเพิ่มขึ้น 1-1.5แสน) ที่ ตปท ราคาของ d ก็สูงกว่า i ครับ
- กำไรต่อคันเพ่ิมขึ้น 2-3แสน

สมมุติ c200 ขาย 2.59 และ เปิดตัว c220d ออกมาขายที่ 2.79 ผมว่าราคา make sense ครับ ขยับห่าง CLA250 อีกนิด และขยับไปใกล้ c250e EX อีกหน่อย


สมมุติฐานล้วนๆครับ จากข้อมูลเท่าที่เห็น

[Stp]

เห็นด้วยตามนี้ แนวโน้มถ้าจะมีก็คงเป็น C220d เพราะเครื่องดีเซลค่า CO2 ต่ำกว่าเบนซิน เพิ่มราคาอีก 1-2 แสน ชิวกับกำไรอีกด้วย

หึหึ GLC ตัว CKD (น่าจะรุ่นล่าง หรือไม่ก็ RWD) จะหดเหลือ 220d รึเนี่ย

ปัจจุบันทาง MBTH ผลิต 220d (รอใ่ส่ใน GLC220d CKD) อยู่ และรถ E ที่จะเปิดตัวในเดือน มีค ก็เป็นรุ่น e220d
ผมเลยคิดว่า มีโอกาสที่ MBTH จะเปลี่ยนจาก c200 เป็น c220d แทนเพราะ

- จ่ายภาษีต่ำกว่า 5% (ต้นทุนลดลง ราวๆ 1-1.5 แสน)
- สามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่า (ราคาขายเพิ่มขึ้น 1-1.5แสน) ที่ ตปท ราคาของ d ก็สูงกว่า i ครับ
- กำไรต่อคันเพ่ิมขึ้น 2-3แสน

สมมุติ c200 ขาย 2.59 และ เปิดตัว c220d ออกมาขายที่ 2.79 ผมว่าราคา make sense ครับ ขยับห่าง CLA250 อีกนิด และขยับไปใกล้ c250e EX อีกหน่อย


สมมุติฐานล้วนๆครับ จากข้อมูลเท่าที่เห็น

[SM.]

ดีเซลธรรมดา จะกลับมาอีกครั้งแล้วหรอครับ ถ้ามาจริง ช่วยใส่ option มาให้สมราคาหน่อยนะครับ แต่ก่อนมาแบบโล้นเหลือเกิน

[scotch_fillet]

ถ้าดูจากค่าปล่อย Co2 เมือเทียบกับภาษีใหม่ ตาม Link ที่ให้ จะเป็นตามนี้ครับ

c200 - Co2 186 - Tax 35% (เพิ่มขึ้น +10%)

c350e - 53 - 10% (=)

CLA250 - 143 - 30% (+5%)

GLC 250d OR - 149 - 30%

GLS 250d SB - 169 - 35% (=)

BMW 320i - 197 - 35% (+10%)

BMW 320d - 136 - 30% (ลดลง -5%)

สิ่งที่ผมเห็นคือ

- c200 จ่ายภาษี 35% = 320i (จ่ายเพิ่มขึ้น 10%)

- BMW 320d จ่ายภาษี 30% (จ่ายลดลง 5%) และจ่ายภาษีต่ำกว่าเครือง i

- GLC 250d จ่ายภาษี 30% ต่ำกว่า c200


ถ้าค่่าเป็นไปตามนี้ ผมว่าเป็นไปได้สูงมาก ที่จะเห็นทั้ง MBTH กับ BMWTH เน้นขายและผลิตแต่เฉพาะเครื่อง diesel กับ hybrid กับรถขนาดกลางขึ้นไปครับ

ปัจจุบันทาง MBTH ผลิต 220d (รอใ่ส่ใน GLC220d CKD) อยู่ และรถ E ที่จะเปิดตัวในเดือน มีค ก็เป็นรุ่น e220d
ผมเลยคิดว่า มีโอกาสที่ MBTH จะเปลี่ยนจาก c200 เป็น c220d แทนเพราะ

- จ่ายภาษีต่ำกว่า 5% (ต้นทุนลดลง ราวๆ 1-1.5 แสน)
- สามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่า (ราคาขายเพิ่มขึ้น 1-1.5แสน) ที่ ตปท ราคาของ d ก็สูงกว่า i ครับ
- กำไรต่อคันเพ่ิมขึ้น 2-3แสน

สมมุติ c200 ขาย 2.59 และ เปิดตัว c220d ออกมาขายที่ 2.79 ผมว่าราคา make sense ครับ ขยับห่าง CLA250 อีกนิด และขยับไปใกล้ c250e EX อีกหน่อย


สมมุติฐานล้วนๆครับ จากข้อมูลเท่าที่เห็น

อยากเห็นC220D AMG