มีหลักง่ายๆว่า ..รถที่ปลอดภัยกันขโมยดีที่สุด คือรถที่ไม่เป็นที่สนใจของขโมย
ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดโจรลักรถ ขายไม่ได้ มีแต่เป็นภาระ
เป็นที่สงสัยได้ง่าย จะย้อนมาเป็นภัยต่อจะถูกจับกุมต่อตัวโจรเอง
เพราะระบบป้องกันการขโมยที่มีในรถทั่วไปในปัจจุบัน ระดับเซียนโจรลักรถ
สามารถเอาไปได้หมดถ้าไปจอดในที่ปลอดสายตาคน เร็วช้าขึ้นกับระบบที่ติดตั้งมากน้อยเท่าใด
กลไกการทำงานป้องกันการขโมยโดยทั่วไปแบ่งเป็น แบบกลไก
และแบบอิเลคโทรนิคส์
เมื่อปี2539(1996) เคยซื้อรถที่ติดตั้งระบบImmobilizerมาด้วย รถสมัยนั้นที่จะมีติดมาให้น้อยคัน
(แต่ตอนนั้นไม่ได้ตัดเลือกซื้อเพราะมีระบบกันขโมย
แต่เน้นเลือกรถที่มีความปลอดภัยเป็นสำคัญ ตามกำลังทรัพย์
ทั้งระบบป้องกันความปลอดภัยของตัวรถและความปลอดภัยของการขับขี่ควบคุม)
แต่ระบบกันขโมยล็อคสองชั้นบวกImmobilizerี่มีมานั้นแทบจะไร้ประโยชน์
เพราะรถไม่เป็นที่ต้องการของตลาดขโมยรถ
จอดที่ไหนไม่ห่วงมาก แค่ล็อคประตูตามปกติพอ ไม่ต้องซื้อระบบกันขโมยอื่นมาติดตั้งให้วุ่นวาย
ได้ใช้รถอย่างมีความสุข โดยเฉพาะไปเที่ยวตจว. จอดรถที่ฝั่งแล้วข้ามทะเลไปนอนบนเกาะ
ที่ไหนๆก็ไม่มีจิตวิตกเป็นห่วง ที่จะทำให้บั่นทอนความสนุกลง
ใช้รถทีโจรไม่ต้องการ เหมื่อนดั่งจ่ายค่าประกันการสูญหายจากการขโมยไปแล้วส่วนหนึ่ง
แต่สำคัญสุดตรงสุขใจนี่แหละ
สมัยนั้น ผมมั่นใจว่าระบบล็อคด้วยกลไกทุกอย่างโจรสามารถจัดการได้หมด
คิดว่าระบบImmobilizer ที่มีการเข้ารหัส ไม่มีทางที่โจรจะสตาร์ทเครื่องได้
หลายสิบปีผ่านไประบบนี้ได้นำมาติดตั้งแพร่หลายในปิกอัพทั่วไป
..แต่แล้วก็มีข่าวโจรลักรถยังสามารถจัดการเอารถนั้นที่ติดตั้งระบบนี้ไปได้เฉยเลย ..อะไรก็เอาไม่อยู่จริงๆ
อ่อเกือบลืมไป รถที่ปลอดภัยแบบที่ผมว่ามานี้ มักจะราคาตก ขายต่อไม่ได้ราคานะครับ ต้องใช้กันยาวๆให้คุ้มไปเลย