ผมว่าแล้วเลยครับว่า 2.4 ต้องต่างกับ 2.0 อยู่เยอะแน่ๆ เพราะตอนที่ขับ ตลอดทั้งทริป ผมสังเกตชอบมีอยู่ 2-3 รุ่นมาจี้ แล้วก็แซงไป
1.Dacia Duster
2.Ford Escape น่าจะดีเซล เพราะควันดำไหลนิดๆ อิอิ
3.Suzuki Grand Vitara หรือใช้ชื่อว่า Caribbean ไม่แน่ใจครับ
ซึ่ง CRV 2.0 ที่เช่ามานี้อืดกว่าพวกนั้นทั้งหมด T-T
แปลกครับ เขากำหนดที่ 90 จริงแต่แต่ละคันผมว่ามี 100 กว่าๆขึ้นกันหมด บางทีวิ่งอยู่ 100 ก็เจอ yaris คันจิ๋วแซงหายก็มีครับ วันหลังๆเลยขับตามสบายหน่อย ไม่เกร็งแบบวันแรกๆ
แต่พอเข้าเขตเมือง Reykjavik (เมืองหลวง) อันนี้ไม่ค่อยกล้าซ่าแล้ว เพราะGPS ร้องเตือนตลอด คิดว่าร้องเตือนกล้องครับ
กลับมาได้ราวๆเดือนกว่า ไม่มีใบสั่งหรือ charge เพิ่ม คิดว่ารอดแล้วครับ
ตอบคำถาม มีลื่นตอนเปลี่ยนมือไปให้คุณผู้หญิงในทริปขับอยู่ครั้งนึงครับ หิมะลึก อยู่ดีๆเหมือนมันดึงรถขวางลำกลางถนนเลย ผลคือต้องดิ้นออกมาจากหิมะนั้นครับ จังหวะนั้นถ้าเป็นเก๋งคงจะติดแน่ๆ
ส่วนถนนปกติ ตอนแรกผมก็กลัวลื่น เห็นเป็นพื้นสีขาวๆ ไม่กล้าไป แต่พอรถเจ้าถิ่นแซงไปแล้วขับแบบปกติ คือแซงหายไปเลย ผมก็รู้ละโอเค ไม่ลื่น ก็หายเกร็งขับปกติครับ
ที่ลื่นจริงๆคือตามสี่แยกในเมืองที่หิมะมันอัดแน่นแล้วกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง ลองนึกภาพที่สภาพมันเหมือนลานไอซ์สเก็ตน่ะครับ ถ้าเจอสภาพนั้นอันนี้ลื่นครับ ถึงจะเป็นยาง snow แล้วก็ตามเวลาจะเบรกต้องเผื่อระยะเลยล่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเรียนก่อนว่า CRV 2.0 ตัวนี้มันไม่ได้แรงครับ
จุดอ่อนคือแรงบิด ซึ่งมีราวๆ 190 nm กับรถขนาดนี้ สัมภาระขนาดนี้ สำหรับผม น้อยไปจริงๆ
ตัวที่ขายไทย และ บนถนนเมืองไทยผมยังไม่เคยขับนะครับ
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยว iceland โดยไปแบบ roadtrip รวมระยะทางทั้งทริปก็ราวๆ 2000 กว่า กิโลเมตร
รถที่เช่าเป็น CRV 2.0 เบนซิน 5AT ตัวนี้ประกอบที่โรงงาน Swindon UK (ขอบอกว่าโรงงานโรจนะประกอบเนียนกว่านะครับ) ซึ่ง เครื่องและเกียร์เป็นสเป็กที่เติม E85 หรือ E20 ไม่ได้ น้ำมันที่ใช้เป็น E10 ครับ
สภาพทางของ Iceland เป็นทางขึ้นลงเขายาวๆก็มาก ทางตรงยาวๆก็เยอะ และกว่า 90% ของทริป เป็นถนน 2 เลนสวนกัน (ไป 1 กลับ 1)
ช่วงขึ้นเขา จำเป็นต้องกดคันเร่งสุด คือจมติดพื้นอยู่หลายๆจังหวะ เนื่องจากแรงบิดตามที่มี และมีสัมภาระคือกระเป๋าเดินทางใหญ่ 4 ใบ รวม นน.คนทั้งรถอีก 4 คน แต่ละคนก็หนักราวๆ 50-70kg.
การเร่งแซงรถช้า ถ้าเป็นจังหวะคับขัน แน่นอนครับ กดสุดจมมิดอย่างเดียวเพื่อให้เกียร์ kick down เรียกรอบ แต่ก็ตามนิสัยเครื่องฮอนด้าคือ เกิน 4 พันรอบขึ้นไป lively มาก เสียงหวาน รอบกวาด ดึงหน่อยๆ แต่กินน้ำมันดุเดือดนะ
ช่วงออกตัว ถ้าจะเกาะๆไปกับรถอื่นๆ ก็ต้องกดลึกครับ ลึกจนเรารู้สึกว่ากำลังเค้นรถนั่นแหละ
ยังดีที่คันนี้มีดีที่เกียร์ ผมถือว่าเกียร์ออโต้ 5 speed ของมันค่อนข้างฉลาดทีเดียว รู้จังหวะอยู่จุดไหนควรลงเกียร์อะไร ไม่เหมือนบางรุ่นที่จะขึ้นเกียร์สูงสุดตลอดเวลา
ช่วงความเร็วสูง ในที่นี้คือผมกล้ากดไปที่ปรมาณ 120 km/h เพราะ speed limit ของเขาแรง ไม่อยากเที่ยวแพง แต่เท่าที่จับอาการดู คือ หลังจาก 100 ไปแล้วก็ไม่ได้ขึ้นไวนัก
ทีนี้ถ้าจะเทียบกับกระบะ
พอดีที่ไทยผมขับ Fortuner 2.8 ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์และเกียร์ของกระบะ เรียกว่าลงจาก crv คันนั้นกลับมาปุ๊บก็ขึ้นขับ fortuner ของตัวเองต่อเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ fortuner 2.8 ขับแล้วทันใจกว่าครับ เบรกก็หยุดได้ไวกว่า แต่สิ่งที่ fortuner คันนี้ไม่มีทางสู้ crv ได้เลยคือ comfort ครับ นิ่ง นุ่ม เงียบ
ทีนี้ เมื่อรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ที่เครื่อง ผมว่าถ้า gen ต่อไปมีตัวดีเซลนี่น่าจะตอบโจทย์
หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็ต้องลองตัว2.4 ครับว่าจะต่างมากน้อยแค่ไหน
เวลาขับเจอถนนที่เป็นน้ำแข็ง ลื่นไหมครับ
ตอนผมไปเช่า Suzuki Grand Craribian 2.4 ก็ขับดีนะครับ ไม่ต้องเค้นรอบเลย แถมรู้สึกแรงเหลือๆ ด้วยนะครับ เพราะเค้าจำกัดแค่ 90 เอง