เครื่องยนต์ตัวเดียวกันแต่มีกำลังไม่เท่ากัน จะมีผลต่างกันอย่างไร

FlyMe

เครื่องยนต์ตัวเดียวกันเช่น BMW B47 ดีเซล 1995 cc 4 สูบ ติดตั้งในรถรุ่นต่างๆ เช่น 320d F30, 520d F10/G30, 525d F10, X1 F48 1.8d, X3 2.0d, X5 2.5d, Mini Countryman F60, etc.  แต่ให้กำลังไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 150 hp, 190 hp, 218 hp, 231 hp
การจูนเครื่องให้กำลังต่างกันมาก จะมีผลต่างกันอย่างไรบ้าง กับ การกินน้ำมัน และความคงทนของเครื่อง และหัวฉีด และเทอร์โบ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 30, 2017, 19:56:28 โดย FlyMe »



Abzolute

ถามว่าต่างไหม ยังไงก็ต่างครับ



Sit: )

จูนแรง กินน้ำมัน มลพิษสูง ความทนทานลดลง
ตรงกันข้าม จูนประหยัด มลพิษต่ำ เครื่องทนทาน



YenChar

ลองคิดถึงร่างกายคน คนนึงวิ่งช้า คนนึงวิ่งเร็ว
เหนื่อยทั้งคู่ ล้าทั้งคู่ แต่ไอ้คนวิ่งเร็ว พรุ่งนี้เช้าอาจจะต้องเดินเขย่งๆไปทั้งวัน
แต่วันสองวันก็หายเพราะคนเรามีการฟื้นฟู แต่รถไม่เหมือนคน ชิ้นส่วนที่สึกหรอมันฟื้นฟูตัวเองไม่ได้

แต่...ถ้าชิ้นส่วนออกแบบมาทนทานดี จะเค้นบู๊สเพิ่มซักหน่อย มันก็ไม่พัง
อย่างพวกกระบะดันรางทั้งหลาย บางคันเป็นรุ่น low power
จับใส่ดันราง วิ่งมา 7-8 ปี ก็ยังไม่พัง แต่ต้องไม่เค้นชิ้นส่วนมากจนเกินไป

ยังไม่นับอัตราทดเกียร น้ำหนักตัว ยางแท่นเครื่อง
ที่สำคัญคือ ยุคนี้น้ำมันเครื่องพัฒนาไปไกล
เครื่องที่เค้นหนักๆหน่อย ถ้าเปลี่ยนถ่ายของเหลวบ่อยๆ ก็ใช้กันจนลืม



TrippleA

แรงม้าเยอะก็เค้นเยอะครับ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่เกี่ยวข้องใช้งานหนักกว่า

แต่สิ่งนึงที่ทางยุโรปทำออกมาแบบนี้คือ มลพิษที่ออกมาในการไปคำนวนภาษี เครื่องเดียวกัน แรงม้าน้อยกว่า จะมีมลพิษที่ออกมาน้อยกว่า เสียภาษีต่ำกว่า

ยิ่งเดี๋ยวนี้มีคิดภาษีที่น้อยกว่า 100 น้อย เคยเข้าไปอ่านรถบางรุ่นทำแรงมาออกมานิดเดียว 100 แรงม้า เพื่อให้ผ่านค่ามลพิษซึ่งออกมา 99 ได้คำนวนภาษีอีกแบบนึง



mark2015

เครื่อง เกียร์ มันรับได้สบายอยู่แล้วครับ แรงบิดแรงม้าที่เราใช้ๆกันยังไม่ใช่ กำลังสูงสุดที่เครื่องสเป็คไว้

โดนตอนไปเยอะครับ
" เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาจนตาย "