ผู้เขียน หัวข้อ: @@ ทำไมในบ้านเรารถยุโรป ที่เป็นรถ Mass ถึงไม่เป็นที่นิยมเหมือนรถยุโรปที่เป็นรถ premium ครับ !  (อ่าน 10264 ครั้ง)

คำตอบ ง่ายๆสั้นๆ

"ราคา" ครับ

ถ้าโฟล์ก บริษัทแม่มาทำตลาดเองในไทย แล้วขายกันละไม่เกินล้าน ผมว่าน่าจะขายดีนะ


ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
สงสัยคนถามเกิดไม่ทัน ยุคที่รถยุ่นใครๆก็ยี้ จอดเฉยๆก็เสียแบบที่คนพูดถึงรถจีนแดงในตอนนี้

สมัยสงครามเวียดนาม รถเมกันเข้ามาเยอะ เพราะจีไอเข้ามาตั้งฐานทัพ รวยกันไปหลายคน
รถอังกฤษ ลี่ เศส เย ถูกแพงนิยมหมด แต่คนซื้อต้องมีเงินพอซื้อบ้าน ตึกแถวไหว
รถยุ่น เริ่มเข้ามาก่อนหน้าแล้ว แต่คุณภาพไม่ดี พอๆกับหลอดสูญญากาศที่ด้อยกว่าฝรั่ง

หลังสงครามเลิก ยุ่นพัฒนาขึ้นตามลำดับ ฝรั่งเริ่มลดคุณภาพเอาแต่เมืองหนาว ไม่เอาเมืองร้อน
เย มหาชนลดต้นทุน ขนาดยางแท่นคาร์บู เวนโต้ขาดง่าย จนต้องหล่อทองเหลืองแทน
ปั้มติ๊กห้ามน้ำมันต่ำกว่าครึ่งถัง ไม่งั้นใบพัดยางเปื่อย แต่ยุ่นกลับดีขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่มีอาณานิคมอยู่แอฟริกา ขนาดเต่า ตู้แตงโม ยังย้ายไปแม็กซิโก คนยังซื้ออยู่ ทนกว่าด้วย
แต่บ้านเราชอบความทันสมัย ออกที่ยุโรป เมกาไม่นานไทยต้องมี พอน้ำมันแพงหูฉี่ รถเมกาก็ลาโรง

สมัยก่อนเขาเล่าว่า จากเท็กซัสสุกี้ไปปากคลองตลาดค่าน้ำมัน100บาท สำหรับรถเมกัน ฟังดูเกินจริง
แต่กินน้ำมันหนักกว่าชาติใดๆในโลกเรื่องจริง สารพัดเมกันแท้เจ๊งสนิทในไทยจนถึงทุกวันนี้
มี่แต่จิงโจ้ ยุ่น เกาหลี เปลี่ยนตรามาขาย เดี๋ยวนี้จิงโจ้เข้าป่าไปอยู่กับเสือทัสมาเนียแล้ว

รถยุ่นข้าราชการชั้นผู้น้อยนิยมมาก เช่น มาสด้าแตงโม ซูบารุr2 อีสุเจมินี่ เพราะนายขับยุโรป
โหนรถเมล์แย่งกันขึ้น รถเอียงแล้วเอียงอีก เจอตีกันตัวใครตัวมัน ถีบจักรยานเข้ากรมก็โดนว่า ดูไม่งาม
พอมีแฟนซ้อนแมงไซด์ดูไม่เรียบร้อย สุดท้ายกัดฟันผ่อนรถยุ่นป้ายแดง กับเงินเดือนราวสามพันบาท
มือสองหาช่างซ่อมยากกว่าวันนี้มาก คาร์บูยุ่นเปื่อยง่าย เสียเร็ว ยุคนั้นยอดรักเพลงดังร้องว่า

ทำงานทั้งวันได้พันห้า เดินไปเดินมารับห้าพัน
คนลิ้นสั้นดูมันขัดเขิน ยศก็ไม่เดินเงินหรือก็สั้น
เจ้านายก็คอยตะแคง ญาติเอ๋ยตำแหน่งเลยตัน
พูดไปไม่ได้กว่านี้ แค่นี้เก้าอี้ก็ร้อนเป็นควัน

ทำงานทั้งวันได้พันห้า เดินไปเดินมารับห้าพัน
คนลิ้นสากมีศักดิ์มีศรี คนโน้นก็พี่คนนี้ก็ท่าน
ฝีมือนะไม่เท่าไร แค่เพียงเจ้าไก่หัดขัน
พวกดีจ้องสับให้สิ้น สมองไม่ดิ้นเอาลิ้นช่วยดัน

คนร้องไปร้องมาเงินดีจนขับw126 ได้ สมัยนั้นอัดเพลงละห้าพัน สายัณห์เพลงละหมื่น ชุดหนึ่งได้แสน
ขายทีได้เกินล้านตลับ ตอนนั้นคนไทยไม่ถึงหกสิบล้าน มายุคเบิรด์ได้ตลับละสิบบาท ขายสองล้านตลับ

สมัยนั้น ใบพัด ฟัด งูกินเด็ก ม้า ฟัด กบ คู่กัดตลอดกาล กระทิงนอกสารบบ
ยุคพาเลซ ปิดวิภาวดีซิ่ง ยุ่นเริ่มเป็นแท็กซี่มากขึ้น คุณภาพทนทานขึ้น ต่างจากยุโรปที่เริ่มเลิกพวงมาลัยขวา
ส่วนที่ทำอยู่เจอ ตะกวด กับ ชอบทิ้ง รถน่าใช่ แต่เสียทุกครั้งที่เข้าห้างใครจะไปทนไหว

ขอบคุณสำหรับเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังครับ  :) ถ้ายังงี้ต่อไปผมว่า MG จะมาเทียบชั้นโตโยต้าเลยนะนี่เพราะแนวทางเค้ารู้ว่าคนไทยต้องการอะไรและปรับตัวให้ตรงจุดซะด้วยสิ  :-X 
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ Sympho

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 999
ถ้ารถที่ใช้เพื่อขับจากจุด A ไปจุด B แบบที่คนส่วนมากใช้กัน

ก็เลือกซ่อมง่าย อะไหล่ถูก ขายต่อได้

มัน Make Sense ดีอยู่แล้วครับ ซึึ่งรถญี่ปุ่นตอบโจทย์กว่ารถยุโรป