เนื่องจากพึ่งเกิดเรื่องกับ Jazz GK สีเหลืองมุกของผม มาสดๆร้อนๆ ก็เลยขอแชร์ประสบการณ์ไว้เป็นอุทาหรณครับ
เรื่องมีอยู่ว่าวันจันทร์ที่ผ่านมา คุณพ่อผมซึ่งตอนนี้เอารถคันนี้ไปให้เป็นหลัก ก็เอารถไปล้างตามปกติ ที่ Carcare ร้านประจำ แล้วทางร้านก็มาแจ้งว่า ที่แก้มหน้าซ้าย รถมีรอยเหมือนโดนอะไรมาสาดเป็นจุดๆ กัดลงไปถึงชั้นแลคเกอร์ ไม่รอช้า พ่อต่อสายตรงถึงผมในทันที ให้จัดการให้เรียบร้อย เอาหละสิครับ งานเข้าผมแล้ว โดนอะไรมาก็ ที่ไหน ยังไง ก็ไม่รู้ จะซ่อมไงดี ทั้งๆที่จะไม่ได้เห็นรถคันจริงเลย. แถมรถผมสีเหลืองมุกด้วย ถ้าทำสีใหม่แล้วกลัวเพี้ยน ไม่อยากทำเลย
เบื้องต้นพ่อผมเดาว่า น่าจะโดนน้ำมันหรือน้ำยาอะไรสักอย่าง ตอนที่เอารถไปใช้บริการ Valet Parking ที่สนามบินดอนเมืองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ผมว่าไม่น่าใช่ และยังคิดไม่ออกว่าไปโดนแบบไหนถึงเป็นเฉพาะแก้ม เอาเถอะภาวนาให้ขัดแล้วออกละกัน
พอดีวันนี้ ผมนัดเอารถอีกคันเข้า Service Ceramics Coating พอดี ก็เลยเอา Jazz ไปให้ร้านลองขัดดู แต่ขัดยังไงก็ไม่ออก และความหายนะก็เริ่มปรากฎ
รอยสีเทาๆที่เห็นอยู่นั่น มันคือ สีรองพื้น สีเหลืองมันร่อนออกไปแล้ว ผมนี่ช็อคไปเลย ยังไงก็ต้องทำสีใหม่ เอาวะ ทำก็ทำ แต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้สักที ก็เลยตัดสินใจกับพ่อว่า เอาเข้าอู่ละกัน เพราะรถต้องใช้ เข้าศูนย์เคลมประกันนานแน่ จ่ายเองละกัน ร้านก็เลยให้ลองไปดูอยู่สีที่นึง
พอไปถึงอู่แล้ว ก็ตีราคาออกมา 4,000 บาท เพราะสีเป็นสีเหลืองมุก ทำยากกพอตัว ลองหาสาเหตุ จนพบว่า ตรงที่เป็นรอยอยู่ติดกับ แบตเตอรี่พอเปิดฝากระโปรงหน้าดูเท่านั้นแหละ พินาศมาก
ไอระเหยจากน้ำกรดแบตเตอรี่ กระจายเต็มบริเวณเลย แล้วระเหยไปกระทบฝากระโปรง นานาไปมันก็หยดลงมาใส่ตัวถัง ขอบภายในห้องเครื่อง ตรงที่ใกล้ๆแบตเตอรี่ สีร่อนไปพอสมควรเลย ยังดีที่อู่เค้าจะจัดการให้ทั้งหมดโดยไม่คิดเงินเพิ่ม
เหนือสิ่งอื่นใด ที่ผมเซ็งมากๆคือ ผมจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถคันนี้ตั้งแต่ เมษายนที่ผ่านมา เพราะอายุมัน 1.5ปีแล้ว แถมเป็นแบตน้ำติดมาจากโรงงานอีก แต่คุณพ่อไม่เปลี่ยน บอกว่ายังใช้ได้ดี สตาร์ทติดง่ายปกติ ให้ 2 ปีกว่าถึงค่อยเปลี่ยน ไม่อยากเสียตังค์ โดยที่ยังไม่จำเป็น ผมก็เลยไม่อยากขัดใจ ตามนั้นแหละ จนเกิดเหตุวันนี้ ถึงยอมไปเปลี่ยน แถมต้องถอดถาดรองแบตเตอรี่มาล้างเอาคราบน้ำกรดอีก
แต่ความพีคยังไม่หมด พอพ่อผมเอาไปรถไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ (ผมไม่ได้ไปด้วย) สักพักก็ Line มาบอกว่า ถอดแบตออกเป็น เจอว่า แบตเตอรี่ร้อนและบวม ที่สำคัญ ถ้ายังใช้อยู่ ก็มีโอกาสที่แบตลูกนี้จะระเบิดได้ ผมนี่นึกภาพตามเลย อารมณ์มาเต็ม แต่ต้องกดมันไว้ เพราะรถคันนี้ผมได้มาเป็นของขวัญ ตั้งใจว่าจะเก็บยาวไม่ขาย มาเจอแบบนี้ .................... เซ็ง
สุดท้าย แทนที่จะเสียค่าแบตเตอรี่ 2,000 กว่าบาท ก็ไม่ยอมเสียตอนนั้น จนเบ็ดเสร็จรอบนี้โดนไป 6,100 บาท แถมรถโดนทำสีด้วย โคตรเสียใจเลย รถใคร ใครก็รัก เลยอยากเล่าเป็นอุทาหรณ์ ให้ทุกท่าน อย่ามองข้าม หรือรอแบตหมดถึงเปลี่ยน ไม่งั้นอาจจะเจอสภาพเดียวกับผมนะครับ