ที่บอกว่าช้าจน EV ไปตั้งฐานที่ประเทศอื่นหมดนี่ปัจจุบันมีประเทศไหนบ้างครับ นอกจากอเมริกา ยุโรป จีน เกาหลีใต้ ที่ทุกประเทศหรือกลุ่มประเทศต่างก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์สันดาปชั้นนำของโลกที่เหนือกว่าไทยทั้งคุณภาพและปริมาณอยู่ก่อนแล้ว ทุกประเทศหรือกลุ่มประเทศข้างต้นต่างก็เริ่มต้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ของประเทศตัวเองซึ่งประเทศไทยไม่มี ที่สำคัญทุกประเทศหรือกลุ่มประเทศข้างต้นสามารถออกแบบและผลิตรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าจาก 0 หรือเริ่มต้นผลิตทุกชิ้นส่วนตั้งแต่ระดับวัตถุดิบได้เองทุกชิ้นซึ่งประเทศไทยทำไม่ได้
มาถึงตรงนี้เห็นหรือยังครับว่า ณ เวลานี้อะไรคือสิ่งสำคัญในการเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทำไมฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจึงยังอยู่แค่ในอเมริกา ยุโรป จีน เกาหลีใต้ และจะไปที่ญี่ปุ่นกับอินเดียในอนาคต ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าจึงยังไม่ไปผลิตที่ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโก ที่ต่างก็เป็นฐานผลิตรถยนต์สันดาปที่สำคัญของโลกในอันดับรองๆลงมาในเวลานี้ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโก มีอะไรที่ไม่เหมือน อเมริกา ยุโรป จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ด้วยสิ่งที่ไม่เหมือนกันนั้นต่อให้รัฐบาลไทยทำอะไรเท่าไหร่ค่ายรถทั้งหลายมันก็ยังไม่เอารถยนต์ไฟฟ้ามาผลิตในไทยแทน ICE หรือ HEV หรอกครับจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมของมันเอง
มันไม่เกี่ยวข้อง ว่าต้องเป็นประเทศชั้นนำ หรือต้องผลิตได้เองทุกชิ้นส่วน หรือต้องคิดค้นรถตั้งแต่เริ่มจาก 0 ให้ได้ก่อน แล้วค่อยเริ่มผลิต
มันแค่ ถ้าคนในประเทศมี "ความต้องการ" ใช้พอสมควร ที่จะนำเข้ามาขาย ก็ "นำเข้ามาขาย"
หากมากพอที่จะตั้งโรงงานประกอบ ก็ "ตั้งโรงงานประกอบ" ที่ภาคการผลิต เราจะได้ประโยชน์น้อย
หากมีความต้องการมาก หรือมีลู่ทางแล้วว่าผลิตที่เราส่งขายภูมิภาคไกล้เคียงได้ ก็ "ตั้งโรงงานผลิต" ที่เราจะได้ประโยนช์มากที่สุด
จุดสำคัญที่สุดที่จะตั้งโรงงานผลิตรถ EV ได้ คือ โรงงานแบตเตอรี่ครับ
จะยกที่กล่าวอ้างมาอีกครั้ง
"ถ้าไม่รีบทำ จนเราไม่มีโรงงานผลิตในประเทศ(ไม่ใช่ประกอบ) ไปตั้งฐานที่ประเทศอื่นหมด จะมีปัญหา ภาคการผลิต"
่ผมไม่ได้บอกครับ ว่าตอนนี้ เค้าไปตั้งที่อื่นหมดแล้ว
เอาแค่ข่าว เดือนที่แล้วนะครับ ได้ไม่ต้องย้อนไปไกล ถึงจีน ที่รีบสนับสนุน รถไฟฟ้าสุดลิ่ม เพราะรถสันดาป+ไฮบริด ทำอย่างไรก็ไล่ไม่ทันแล้ว
Foxconn LG Hyundai KIA เล็งลงทุนผลิตแบตเตอรีรถไฟฟ้า และรถยนต์ไฟฟ้าที่อินโดนีเซียแล้ว
ส่วนไทย Foxconn กับ ปตท จะจับมือ สร้างสถานีบริการ และจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า หรือประกอบรถในไทย
เห็นความต่าง ของการตัดสินใจ และพลักดันที่ช้า เร็ว ต่างกันไหมครับ
พูดถึงขนาดญีปุ่นเอง เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็เพิ่งมีข่าว สนันสนุน การผลิตแบตรถไฟฟ้าระลอกใหม่อีกครั้ง
แล้วประเทศเราเป็นใครที่จะนั่งกระดิกเท้ารอละครับ ว่าอยากมาเมื่อไหรก็มา พร้อมเมื่อไหรก็มา .... ที่อื่นเค้าเอาไปกินหมดแล้วครับ
ที่ต้องรีบทำ คือ รีบทำให้เกิดความต้องการ รถยนต์ไฟฟ้า
สนับสนุนทั้ง
ผู้ผลิต ลดภาษี ปีแรกๆ เข้ามาตั้งแล้ว ค่อยเก็บ ค่อยมีรายได้
ผู้บริโภค ลดภาษี ให้คนใช้ชุดแรก เพื่อเพิมความต้องการซื้อรถ ต้องการสถานีบริการ หรืออีกทางคือไปเพิ่มภาระให้กับรถสันดาป ราคารถ ราคาน้ำมัน
สถานบริการต่าง ๆ เมื่อเริ่มมีคนใช้ บริการต่าง ก็ต้องค่อยๆ ตามมา
เมื่อทุกอย่างค่อย ๆ ตาม ๆ กันมา ผู้บริโภคก็ซื้อตามกัน ความต้องการมันก็มากขึ้นตามลำดับเอง
ส่วนภาษีที่เก็บไม่ได้ ในปีแรก ๆ ก็ไปคำนวน หักลบกลบหนี้ กับการจ้างงานในประเทศ การไม่ต้องนำเข้าน้ำมัน การลดมลพิษโดยรวมเอา ว่าจะออกแบบ ๆ ไหน คุ้มไหม
ควรจะเริ่มคิด เริมทำตั้งแต่ Tesla Boom สร้างกระแสแรก ๆ ซะด้วยซ้ำไป
หรืออยากให้ไทยเสียมากกว่าได้เหมือนที่สิงคโปร์ยอมเสียผลประโยชน์มากมายลาก HYUNDAI มาตั้งโรงงาน BEV ขนาดจิ่วที่ในอนาคต 15-20 ข้างหน้าจะต้องปิดตัวลงอย่างแน่นอนหากโรงงาน HYUNDAI ที่อินโดนีเซียเปลี่ยนไปผลิต BEV เต็มตัวแล้ว เพราะจุดประสงค์ของสิงคโปร์ที่ต้องการมีโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเปรียบเทียบกับไทยและอินโดนีเซียแล้วมันต่างกัน
รู้ได้ยังครับว่า สิงคโปเสียผลประโยชน์มากมาย ? ถ้าคิดจะผลิตขายแค่รถแบบเราก็ว่าไปอย่าง แต่เค้าไม่ใช่ครับ
สิงคโปร์เค้าตกลง และสนันสนุน การทำรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เพราะเค้าวางแผนเรื่องรถยนต์อัตโนมัติทั้งเกาะครับ
(นึกภาพตามในหนังไซไฟ มีรถวิ่งไปมา ให้บริการทั้งเมื่องแบบไม่มีคนขับ มีโรงงานประกอบรถอัตโนมัติ วิ่งซ่อม วิ่งชาร์ต วิ่งไปเซอร์วิสต่าง ๆ อัตโนมัติ)
เค้าไม่ได้แค่ตั้งโรงงานผลิต แล้วจบกัน เค้าตั้งศูนย์วิจัย autonomous vehicle พร้อมสนันสนุนสร้างจุดชาร์ต 30,000-60,000 จุดภายใน 2030 ปี
และอย่านึกว่าเค้าจะขายแค่ตัวรถครับ ตอนขายเค้าขายทั้งระบบ ซึ่งต่อไปเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกอาจจะต้องซื้อระบบนี้ไปใช้งาน
มาถึงตรงนี้เห็นหรือยังครับว่า คำว่า "ช้า" และสิ่งที่มีค่าที่สุดคือ "เวลา" คืออะไร