ผู้เขียน หัวข้อ: ขนาดยางเท่ากัน เติมลมไนโตรเจน vs เติมลมธรรม ฟิลลิ่งต่างกันไหม ?  (อ่าน 4627 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nuiiii

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
    • อีเมล์
วานผู้รู้ตอบหน่อย เครื่องเติมลมไนโตรเจนตามปั๊ม ตามร้านยางทั่วไป ทำงานอย่างไรจึงได้ออกมาเฉพาะไนโตรเจน ผมยังสงสัยว่าจะเป็นไนโตรเจนจริงเหรอ ?
ทุกวันนี้ซื้อปั๊มลมแบบเสียบที่จุดบุหรี่ใช้ สะดวกดี

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,402
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
ไม่ต่างครับ เพราะมันคือ ลม ทั้งคู่

ต่างกันแค่ส่วนผสม ในระดับโมเลกุล ผมว่า คุณแยกไม่ออกหรอก

ขนาดล้อลมต่างกัน 34 vs 36 ปอนด์ ยังแยกไม่ออกเลย

ปล.คนที่ผมใช้ประจำ เติมลมไนโตรเจนตลอด แต่เก๋งอีกคัน ลมธรรมดา ไม่ได้ต่างกันเลย หรือเรียกว่า ไม่ต่าง ครับ

ผมขออภัยที่อาจจะต้องขอคิดต่างครับ สำหรับผมลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ ผมรู้สึกต่างอย่างชัดเจนนะครับ (เช่น 32 vs 30) แต่ขอเป็นรถตัวเอง ยางเส้นเดิม และขับในถนนเส้นขรุขระที่ผมผ่านทุกวันครับ รถผมขอบ 15 ยางหนาๆ ลมเปลี้ยนปอนด์เดียวก็รุ้สึกแล้วครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,402
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
ลมยางไนโตรเจนเติมเหมาะกับใคร ?
เดิมทีรถยนต์ที่ใช้ไนโตรเจนเติมลมยาง จะมีเพียงรถสูตร 1 (F1) เพราะจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิภายในยางอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากรถใช้ความเร็วสูงมาก และวิ่งติดต่อกันนาน ถ้าหากมีความร้อนสะสม ยางจะระเบิดเอาได้ง่ายๆ นอกนั้นจากไนโตรเจนยังใช้เป็นลมยางของเครื่องบิน เพราะต้องประสบกับภาวะที่เสี่ยงต่อการระเบิด เช่นการเร่งความเร็วเพื่อเทคออฟ หรือการรับน้ำหนักตัวเครื่องขณะร่อนลงจอด

สำหรับผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถเติมได้สำหรับผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วสูงต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ใช้รถบรรทุก และรถกระบะที่ต้องบรรทุกหนัก ส่งของทั้งในเมือง และนอกเมืองจะได้รับประโยชน์เต็มที่กับการเติมลมไนโตรเจน

แต่สำหรับผู้ที่ไม่เข้าข่ายนี้ก็สามารถใช้ได้ แต่อาจได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าคุณพอใจที่จะจ่าย

สรุป

ข้อดีของไนโตรเจน ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วมีแน่ แต่หากไม่ได้นำไปใช้งานที่ต้องการความคุมอุณภูมิแบบละเอียด ไม่ได้แตกต่างจาก ลมทั่วไป จะจำเป็น หรือคุ้มหรือไม่กับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม อยู่ที่ความพึงพอใจ และการใช้งานของแต่ละตัวบุคคล

ตอนแรกผมไม่ได้มีความกลัวอะไร แต่พออ่านแล้วยิ่งหลอนครับ ถ้าผมขับเดินทางไกลไปเชียงใหม่ ด้วยความเ้ร็วสูง ช่วงเวลากลางวัน ถ้าใช้ลมยางธรรมดา มันจะน่ากลัวไหมนะครับ 55
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,279
    • อีเมล์
ไม่ต่างครับ เพราะมันคือ ลม ทั้งคู่

ต่างกันแค่ส่วนผสม ในระดับโมเลกุล ผมว่า คุณแยกไม่ออกหรอก

ขนาดล้อลมต่างกัน 34 vs 36 ปอนด์ ยังแยกไม่ออกเลย

ปล.คนที่ผมใช้ประจำ เติมลมไนโตรเจนตลอด แต่เก๋งอีกคัน ลมธรรมดา ไม่ได้ต่างกันเลย หรือเรียกว่า ไม่ต่าง ครับ

ผมขออภัยที่อาจจะต้องขอคิดต่างครับ สำหรับผมลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ ผมรู้สึกต่างอย่างชัดเจนนะครับ (เช่น 32 vs 30) แต่ขอเป็นรถตัวเอง ยางเส้นเดิม และขับในถนนเส้นขรุขระที่ผมผ่านทุกวันครับ รถผมขอบ 15 ยางหนาๆ ลมเปลี้ยนปอนด์เดียวก็รุ้สึกแล้วครับ

ผมคงไม่ความรู้สึกไวขนาดนั้นครับ เพราะขับรถหลายคัน บางคันเติมลม 4-5 เดือนทีนึง ตอนเติมใหม่ สัก 34-35 ปอนด์ กับ ตอนที่ขับเมื่อเวลาผ่านไป(อาจจะเหลือ 32) ยังไม่รู้เลยว่าลมอ่อนไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่กด TPMS ดู ก็ไม่รู้ว่ามันลดไป 3-4 ปอนด์แล้ว (คันที่ล้อเดิมยางเดิม ผมจะเติมเท่าข้างประตูระบุทุกคัน) ถ้าจะรู้สึกคือมันต่างกันระดับ 5-10 ปอนด์ ยางมันอ่อน ย้วย จนรู้สึกได้โน่นแหละ แค่ 1-2 ปอนด์ ผมว่ามันไม่ต่างกันเลยครับ

คันที่ผมใช้ประจำ ยางขอบ 20" เติม 35 ปอนด์ ผมยังไม่ต่างกับ ตอนมันลดเหลือ 32 ปอนด์เลยครับ (สำหรับผมนะ)

ถ้าท่านจับความรู้สึกได้ขนาดนั้น ขับรถไกลๆ ลมปอนด์เพิ่ม 2-3 ปอนด์แล้ว ไม่หงุดหงิดสุดทางเหรอครับ ถ้ายางเแข็งขั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 08, 2022, 09:21:26 โดย DiKiBoyZ »

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,402
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
อากาศปกติ  N2 78%
พวกปั๊ม N2 ที่ขาย ๆ กัน  N2 แถว 93-95%

ดังนั้น ถ้าสามารถรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของ N2  15-17% ในยางได้  ก็เติมได้คับ


แต่ผมไม่สามารถแยกแยะฟิลลิ่งได้ขนาดนั้น ก็เลยเติมลมธรรมดาต่อไป

ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดิน เวลากินก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์ ชามนึงใส่น้ำตาล 7 ช้อนชา กับอีกชามใส่ 9 ช้อนชา ผมเชื่อว่ามีน้อยคนนะที่แยกความแตกต่างไม่ได้

แต่พระเอกของงานไม่ใช่สัดส่วนก๊าซไนโตรเจนหรอกครับ แต่เป็นเรื่องของ "ความชื้น" ที่ลมไนโตรเจนมีความชื้นน้อยมากๆ ถ้าเปรียบเทียบลมธรรมดากับลมไนโตรเจน ความชื้นอาจจะต่างกันสมมติ 10 เท่า เราจะพอเห็นความแตกต่างมากกว่าที่จะบอกว่ามีก๊าซไนโตรเจนต่างกันเพียง 15% ครับ แต่พอตั้งชื่อมันว่าลมไนโตรเจน เลยยิ่งเกิดความสับสนกันในวงกว้าง ทำให้คนไปโฟกัสกันที่ว่าก๊าซไนโตรเจนต่างกันติ๊ดเดียว หากตั้งชื่อว่า "ลมแห้ง" ตามประโยชน์ของมันจริงๆ น่าจะลดความสับสนได้เยอะเลยครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,402
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
ไม่ต่างครับ เพราะมันคือ ลม ทั้งคู่

ต่างกันแค่ส่วนผสม ในระดับโมเลกุล ผมว่า คุณแยกไม่ออกหรอก

ขนาดล้อลมต่างกัน 34 vs 36 ปอนด์ ยังแยกไม่ออกเลย

ปล.คนที่ผมใช้ประจำ เติมลมไนโตรเจนตลอด แต่เก๋งอีกคัน ลมธรรมดา ไม่ได้ต่างกันเลย หรือเรียกว่า ไม่ต่าง ครับ

ผมขออภัยที่อาจจะต้องขอคิดต่างครับ สำหรับผมลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ ผมรู้สึกต่างอย่างชัดเจนนะครับ (เช่น 32 vs 30) แต่ขอเป็นรถตัวเอง ยางเส้นเดิม และขับในถนนเส้นขรุขระที่ผมผ่านทุกวันครับ รถผมขอบ 15 ยางหนาๆ ลมเปลี้ยนปอนด์เดียวก็รุ้สึกแล้วครับ

ผมคงไม่ความรู้สึกไวขนาดนั้นครับ เพราะขับรถหลายคัน บางคันเติมลม 4-5 เดือนทีนึง ตอนเติมใหม่ สัก 34-35 ปอนด์ กับ ตอนที่ขับเมื่อเวลาผ่านไป(อาจจะเหลือ 32) ยังไม่รู้เลยว่าลมอ่อนไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่กด TPMS ดู ก็ไม่รู้ว่ามันลดไป 3-4 ปอนด์แล้ว (คันที่ล้อเดิมยางเดิม ผมจะเติมเท่าข้างประตูระบุทุกคัน) ถ้าจะรู้สึกคือมันต่างกันระดับ 5-10 ปอนด์ ยางมันอ่อน ย้วย จนรู้สึกได้โน่นแหละ แค่ 1-2 ปอนด์ ผมว่ามันไม่ต่างกันเลยครับ

คันที่ผมใช้ประจำ ยางขอบ 20" เติม 35 ปอนด์ ผมยังไม่ต่างกับ ตอนมันลดเหลือ 32 ปอนด์เลยครับ (สำหรับผมนะ)

ถ้าท่านจับความรู้สึกได้ขนาดนั้น ขับรถไกลๆ ลมปอนด์เพิ่ม 2-3 ปอนด์แล้ว ไม่หงุดหงิดสุดทางเหรอครับ ถ้ายางเแข็งขั้น

ถ้าท่านใช้ TPMS อยู่แล้ว ก็น่าจะทราบว่า หากเติมลมยางตอนยางเย็น 32 หลังจากที่เราใช้งานจริงๆยางอุ่นขึ้นแล้วมันจะเพิ่มขึ้นเป็นปนะมาณ 34-35 คือต้องขับออกจากบ้านประมาณ 10-15 นาที ถึงจะเปลี่ยนจาก 32->35 (และขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ความร้อนบนถนน) ซึ่งที่ผมบอก 32 vs 30 ผมจับความรู้สึกได้ ก็คือความรู้สึกตอนที่ยางอุ่นแล้ว ซึ่งก็อาจจะเป็นการเทียบระหว่าง 35 vs 33 ประมาณนี้ครับ ถ้านับจากวันแรกที่เซ็มลทลม 32.0 ก่อนจะใช้งานจริง พอใช้สักพัก รุ้สึกว่ามันเริ่มนุ่มลงนิดๆก็จะปล่อยช่างมันไปก่อน ใช้ไปอีกพักนึงจนรู้สึกว่า เออมันนุ่มๆย้วยๆ หนืดๆอืดๆเกินไปละ ก็จะวัดลมยางดูว่าลมลดแล้วยัง ซึ่งวัดแล้วมักจะเหลือลมประมาณ 30.0-30.5 ครับ (ที่วัดลมผมสเกลละเอียด 0.5 psi)

ถ้าลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ยังไม่รู้สึก การเปลี่ยนยางก็จับฟีลลิ่งยากแล้วครับว่ารุ่นไหนนุ่มกว่ารุ่นไหน รุ่นไหนแน่นเฟิร์มกว่ารุ่นไหน ผมอาจจะได้เปรียบท่านตรงที่ผมมีรถคันเดียว ขับไปส่งแฟนที่ทำงานทุกเช้า แต่ถึงกระนั้น นานๆผมจะขับรถน้องสาวทีนึง เป็นรถมาสด้า 2 ล้อ 15 ก็ยังรับรู้ได้เลยว่ารถน้องลมยางอ่อน หรือรอบนี้แข็งผิดปกติ (ยางแข็ง) คือผมเป็นคนใช้รถธรรมดา ไม่ได้มีความเทพอะไรแบบเซียนรถยังรู้สึกได้ ผมก็เชื่อว่ายังมีคนธรรมดาๆแบบผมอีกหลายคนคนที่สัมผัสได้เช่นกัน เพียงแต่คนที่สัมผัสไม่ได้ มันก็สัมผัสไม่ได้จริงๆ พอสัมผัสไม่ได้ก็เลยไม่เชื่อว่าคนที่สัมผัสได้เค้าสัมผัสได้จริง ความรู้สึกมันน่าจะคล้ายๆแบบเราฝากคนไปซื้อผัดกระเพราไข่ดาวร้านเดิมทุกวัน จู่ๆวันนึงคนรับฝากเปลี่ยนไปซื้อร้านอื่นโดยที่ไม่ได้บอกเรา พอกินแล้วบางคนอาจจะจับผิดและบอกได้ บางคนอาจจะจับผิดไม่ได้ ประมาณนั้นก็ได้มั้งครับ แต่ผมเชื่อว่าเรื่องลม 2 ปอนด์ มันต่างชัดมาก ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแน่ๆที่รู้สึกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 08, 2022, 14:35:29 โดย #อินเดียหน้าโจร »
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ AgentMolder

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,424
ต่างแน่ๆล่ะ อย่างน้อยๆก็ไม่แข็งอ่อนตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้มากเท่าลมธรรมดา อากาศเย็น ช่วงหนาวนี่ลงมา 4 - 5 PSi เลยนะ แต่วิ่งๆไปมันก็เท่าๆกัน

ส่วนตัวผมจับความรู็สึกไม่ได้ เลยเติมลมธรรมดาไป เติมทุกเดือน ผมชอบยางแข็งนิดๆ เติมที 36 (Camry) กว่าจะเติมอีกทีเกือบลืมไปเลย