ขนาดยางเท่ากัน เติมลมไนโตรเจน vs เติมลมธรรม ฟิลลิ่งต่างกันไหม ?

Nuiiii

วานผู้รู้ตอบหน่อย เครื่องเติมลมไนโตรเจนตามปั๊ม ตามร้านยางทั่วไป ทำงานอย่างไรจึงได้ออกมาเฉพาะไนโตรเจน ผมยังสงสัยว่าจะเป็นไนโตรเจนจริงเหรอ ?
ทุกวันนี้ซื้อปั๊มลมแบบเสียบที่จุดบุหรี่ใช้ สะดวกดี



#อินเดียหน้าโจร

ไม่ต่างครับ เพราะมันคือ ลม ทั้งคู่

ต่างกันแค่ส่วนผสม ในระดับโมเลกุล ผมว่า คุณแยกไม่ออกหรอก

ขนาดล้อลมต่างกัน 34 vs 36 ปอนด์ ยังแยกไม่ออกเลย

ปล.คนที่ผมใช้ประจำ เติมลมไนโตรเจนตลอด แต่เก๋งอีกคัน ลมธรรมดา ไม่ได้ต่างกันเลย หรือเรียกว่า ไม่ต่าง ครับ

ผมขออภัยที่อาจจะต้องขอคิดต่างครับ สำหรับผมลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ ผมรู้สึกต่างอย่างชัดเจนนะครับ (เช่น 32 vs 30) แต่ขอเป็นรถตัวเอง ยางเส้นเดิม และขับในถนนเส้นขรุขระที่ผมผ่านทุกวันครับ รถผมขอบ 15 ยางหนาๆ ลมเปลี้ยนปอนด์เดียวก็รุ้สึกแล้วครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky



#อินเดียหน้าโจร

ลมยางไนโตรเจนเติมเหมาะกับใคร ?
เดิมทีรถยนต์ที่ใช้ไนโตรเจนเติมลมยาง จะมีเพียงรถสูตร 1 (F1) เพราะจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิภายในยางอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากรถใช้ความเร็วสูงมาก และวิ่งติดต่อกันนาน ถ้าหากมีความร้อนสะสม ยางจะระเบิดเอาได้ง่ายๆ นอกนั้นจากไนโตรเจนยังใช้เป็นลมยางของเครื่องบิน เพราะต้องประสบกับภาวะที่เสี่ยงต่อการระเบิด เช่นการเร่งความเร็วเพื่อเทคออฟ หรือการรับน้ำหนักตัวเครื่องขณะร่อนลงจอด

สำหรับผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถเติมได้สำหรับผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วสูงต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ใช้รถบรรทุก และรถกระบะที่ต้องบรรทุกหนัก ส่งของทั้งในเมือง และนอกเมืองจะได้รับประโยชน์เต็มที่กับการเติมลมไนโตรเจน

แต่สำหรับผู้ที่ไม่เข้าข่ายนี้ก็สามารถใช้ได้ แต่อาจได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าคุณพอใจที่จะจ่าย

สรุป

ข้อดีของไนโตรเจน ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วมีแน่ แต่หากไม่ได้นำไปใช้งานที่ต้องการความคุมอุณภูมิแบบละเอียด ไม่ได้แตกต่างจาก ลมทั่วไป จะจำเป็น หรือคุ้มหรือไม่กับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม อยู่ที่ความพึงพอใจ และการใช้งานของแต่ละตัวบุคคล

ตอนแรกผมไม่ได้มีความกลัวอะไร แต่พออ่านแล้วยิ่งหลอนครับ ถ้าผมขับเดินทางไกลไปเชียงใหม่ ด้วยความเ้ร็วสูง ช่วงเวลากลางวัน ถ้าใช้ลมยางธรรมดา มันจะน่ากลัวไหมนะครับ 55
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky



DiKiBoyZ

ไม่ต่างครับ เพราะมันคือ ลม ทั้งคู่

ต่างกันแค่ส่วนผสม ในระดับโมเลกุล ผมว่า คุณแยกไม่ออกหรอก

ขนาดล้อลมต่างกัน 34 vs 36 ปอนด์ ยังแยกไม่ออกเลย

ปล.คนที่ผมใช้ประจำ เติมลมไนโตรเจนตลอด แต่เก๋งอีกคัน ลมธรรมดา ไม่ได้ต่างกันเลย หรือเรียกว่า ไม่ต่าง ครับ

ผมขออภัยที่อาจจะต้องขอคิดต่างครับ สำหรับผมลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ ผมรู้สึกต่างอย่างชัดเจนนะครับ (เช่น 32 vs 30) แต่ขอเป็นรถตัวเอง ยางเส้นเดิม และขับในถนนเส้นขรุขระที่ผมผ่านทุกวันครับ รถผมขอบ 15 ยางหนาๆ ลมเปลี้ยนปอนด์เดียวก็รุ้สึกแล้วครับ

ผมคงไม่ความรู้สึกไวขนาดนั้นครับ เพราะขับรถหลายคัน บางคันเติมลม 4-5 เดือนทีนึง ตอนเติมใหม่ สัก 34-35 ปอนด์ กับ ตอนที่ขับเมื่อเวลาผ่านไป(อาจจะเหลือ 32) ยังไม่รู้เลยว่าลมอ่อนไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่กด TPMS ดู ก็ไม่รู้ว่ามันลดไป 3-4 ปอนด์แล้ว (คันที่ล้อเดิมยางเดิม ผมจะเติมเท่าข้างประตูระบุทุกคัน) ถ้าจะรู้สึกคือมันต่างกันระดับ 5-10 ปอนด์ ยางมันอ่อน ย้วย จนรู้สึกได้โน่นแหละ แค่ 1-2 ปอนด์ ผมว่ามันไม่ต่างกันเลยครับ

คันที่ผมใช้ประจำ ยางขอบ 20" เติม 35 ปอนด์ ผมยังไม่ต่างกับ ตอนมันลดเหลือ 32 ปอนด์เลยครับ (สำหรับผมนะ)

ถ้าท่านจับความรู้สึกได้ขนาดนั้น ขับรถไกลๆ ลมปอนด์เพิ่ม 2-3 ปอนด์แล้ว ไม่หงุดหงิดสุดทางเหรอครับ ถ้ายางเแข็งขั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 08, 2022, 09:21:26 โดย DiKiBoyZ »



#อินเดียหน้าโจร

อากาศปกติ  N2 78%
พวกปั๊ม N2 ที่ขาย ๆ กัน  N2 แถว 93-95%

ดังนั้น ถ้าสามารถรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของ N2  15-17% ในยางได้  ก็เติมได้คับ


แต่ผมไม่สามารถแยกแยะฟิลลิ่งได้ขนาดนั้น ก็เลยเติมลมธรรมดาต่อไป

ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดิน เวลากินก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์ ชามนึงใส่น้ำตาล 7 ช้อนชา กับอีกชามใส่ 9 ช้อนชา ผมเชื่อว่ามีน้อยคนนะที่แยกความแตกต่างไม่ได้

แต่พระเอกของงานไม่ใช่สัดส่วนก๊าซไนโตรเจนหรอกครับ แต่เป็นเรื่องของ "ความชื้น" ที่ลมไนโตรเจนมีความชื้นน้อยมากๆ ถ้าเปรียบเทียบลมธรรมดากับลมไนโตรเจน ความชื้นอาจจะต่างกันสมมติ 10 เท่า เราจะพอเห็นความแตกต่างมากกว่าที่จะบอกว่ามีก๊าซไนโตรเจนต่างกันเพียง 15% ครับ แต่พอตั้งชื่อมันว่าลมไนโตรเจน เลยยิ่งเกิดความสับสนกันในวงกว้าง ทำให้คนไปโฟกัสกันที่ว่าก๊าซไนโตรเจนต่างกันติ๊ดเดียว หากตั้งชื่อว่า "ลมแห้ง" ตามประโยชน์ของมันจริงๆ น่าจะลดความสับสนได้เยอะเลยครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky



#อินเดียหน้าโจร

ไม่ต่างครับ เพราะมันคือ ลม ทั้งคู่

ต่างกันแค่ส่วนผสม ในระดับโมเลกุล ผมว่า คุณแยกไม่ออกหรอก

ขนาดล้อลมต่างกัน 34 vs 36 ปอนด์ ยังแยกไม่ออกเลย

ปล.คนที่ผมใช้ประจำ เติมลมไนโตรเจนตลอด แต่เก๋งอีกคัน ลมธรรมดา ไม่ได้ต่างกันเลย หรือเรียกว่า ไม่ต่าง ครับ

ผมขออภัยที่อาจจะต้องขอคิดต่างครับ สำหรับผมลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ ผมรู้สึกต่างอย่างชัดเจนนะครับ (เช่น 32 vs 30) แต่ขอเป็นรถตัวเอง ยางเส้นเดิม และขับในถนนเส้นขรุขระที่ผมผ่านทุกวันครับ รถผมขอบ 15 ยางหนาๆ ลมเปลี้ยนปอนด์เดียวก็รุ้สึกแล้วครับ

ผมคงไม่ความรู้สึกไวขนาดนั้นครับ เพราะขับรถหลายคัน บางคันเติมลม 4-5 เดือนทีนึง ตอนเติมใหม่ สัก 34-35 ปอนด์ กับ ตอนที่ขับเมื่อเวลาผ่านไป(อาจจะเหลือ 32) ยังไม่รู้เลยว่าลมอ่อนไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่กด TPMS ดู ก็ไม่รู้ว่ามันลดไป 3-4 ปอนด์แล้ว (คันที่ล้อเดิมยางเดิม ผมจะเติมเท่าข้างประตูระบุทุกคัน) ถ้าจะรู้สึกคือมันต่างกันระดับ 5-10 ปอนด์ ยางมันอ่อน ย้วย จนรู้สึกได้โน่นแหละ แค่ 1-2 ปอนด์ ผมว่ามันไม่ต่างกันเลยครับ

คันที่ผมใช้ประจำ ยางขอบ 20" เติม 35 ปอนด์ ผมยังไม่ต่างกับ ตอนมันลดเหลือ 32 ปอนด์เลยครับ (สำหรับผมนะ)

ถ้าท่านจับความรู้สึกได้ขนาดนั้น ขับรถไกลๆ ลมปอนด์เพิ่ม 2-3 ปอนด์แล้ว ไม่หงุดหงิดสุดทางเหรอครับ ถ้ายางเแข็งขั้น

ถ้าท่านใช้ TPMS อยู่แล้ว ก็น่าจะทราบว่า หากเติมลมยางตอนยางเย็น 32 หลังจากที่เราใช้งานจริงๆยางอุ่นขึ้นแล้วมันจะเพิ่มขึ้นเป็นปนะมาณ 34-35 คือต้องขับออกจากบ้านประมาณ 10-15 นาที ถึงจะเปลี่ยนจาก 32->35 (และขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ความร้อนบนถนน) ซึ่งที่ผมบอก 32 vs 30 ผมจับความรู้สึกได้ ก็คือความรู้สึกตอนที่ยางอุ่นแล้ว ซึ่งก็อาจจะเป็นการเทียบระหว่าง 35 vs 33 ประมาณนี้ครับ ถ้านับจากวันแรกที่เซ็มลทลม 32.0 ก่อนจะใช้งานจริง พอใช้สักพัก รุ้สึกว่ามันเริ่มนุ่มลงนิดๆก็จะปล่อยช่างมันไปก่อน ใช้ไปอีกพักนึงจนรู้สึกว่า เออมันนุ่มๆย้วยๆ หนืดๆอืดๆเกินไปละ ก็จะวัดลมยางดูว่าลมลดแล้วยัง ซึ่งวัดแล้วมักจะเหลือลมประมาณ 30.0-30.5 ครับ (ที่วัดลมผมสเกลละเอียด 0.5 psi)

ถ้าลมยางต่างกัน 2 ปอนด์ยังไม่รู้สึก การเปลี่ยนยางก็จับฟีลลิ่งยากแล้วครับว่ารุ่นไหนนุ่มกว่ารุ่นไหน รุ่นไหนแน่นเฟิร์มกว่ารุ่นไหน ผมอาจจะได้เปรียบท่านตรงที่ผมมีรถคันเดียว ขับไปส่งแฟนที่ทำงานทุกเช้า แต่ถึงกระนั้น นานๆผมจะขับรถน้องสาวทีนึง เป็นรถมาสด้า 2 ล้อ 15 ก็ยังรับรู้ได้เลยว่ารถน้องลมยางอ่อน หรือรอบนี้แข็งผิดปกติ (ยางแข็ง) คือผมเป็นคนใช้รถธรรมดา ไม่ได้มีความเทพอะไรแบบเซียนรถยังรู้สึกได้ ผมก็เชื่อว่ายังมีคนธรรมดาๆแบบผมอีกหลายคนคนที่สัมผัสได้เช่นกัน เพียงแต่คนที่สัมผัสไม่ได้ มันก็สัมผัสไม่ได้จริงๆ พอสัมผัสไม่ได้ก็เลยไม่เชื่อว่าคนที่สัมผัสได้เค้าสัมผัสได้จริง ความรู้สึกมันน่าจะคล้ายๆแบบเราฝากคนไปซื้อผัดกระเพราไข่ดาวร้านเดิมทุกวัน จู่ๆวันนึงคนรับฝากเปลี่ยนไปซื้อร้านอื่นโดยที่ไม่ได้บอกเรา พอกินแล้วบางคนอาจจะจับผิดและบอกได้ บางคนอาจจะจับผิดไม่ได้ ประมาณนั้นก็ได้มั้งครับ แต่ผมเชื่อว่าเรื่องลม 2 ปอนด์ มันต่างชัดมาก ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแน่ๆที่รู้สึกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 08, 2022, 14:35:29 โดย #อินเดียหน้าโจร »
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky



AgentMolder

ต่างแน่ๆล่ะ อย่างน้อยๆก็ไม่แข็งอ่อนตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้มากเท่าลมธรรมดา อากาศเย็น ช่วงหนาวนี่ลงมา 4 - 5 PSi เลยนะ แต่วิ่งๆไปมันก็เท่าๆกัน

ส่วนตัวผมจับความรู็สึกไม่ได้ เลยเติมลมธรรมดาไป เติมทุกเดือน ผมชอบยางแข็งนิดๆ เติมที 36 (Camry) กว่าจะเติมอีกทีเกือบลืมไปเลย
2005 Toyota Vios 1st Gen
2012 Honda Civic FD
2018 Toyota Camry ACV70
2023 Toyota Yaris Cross
2024 Porsche 718 Cayman Style Edition
2025 MB E-Class E220d W214