ถ้า 520D vs 530i ผมว่ายังไง 530i ก็กิน ...
หลายคงคงคิดคัดค้านความเห็นผมนะ ... แต่ก็นั่นแหละ เพราะบางคนที่ขับรถเครื่องเบนซิน จะมีสักกี่คนที่กล้าลากรอบสูงเรียกกำลังที่แท้จริงมันออกมา ..
ขับเครื่องเบนซิล แต่อยากได้แรงบิดรอบต่ำ เหยียบเต็มที่ 3000รอบก็ยกแล้ว แล้วก็บอกแรงบิดมาไม่เท่าดีเซล ... ใช่ปะ ..
เครื่องเบนซิน ลองลากกันสุดไมล์สิ ลากถึง 6000-7000รอบดู ดีเซลไม่ได้กินหรอกครับ ...
ขึ้นเขาก็เหมือนกัน พวกขับเบนซินไม่กล้าเหยียบเหมือนกลัวฝาสูบมันจะแตก อยากให้มันมีแรงแต่กดไม่เกิน3000รอบ แล้วบอกทอร์คไม่มี ...
ขึ้นเขาน่ะ ถ้าผมจะแซงด้วยเครื่องเบนซิน ผมก็คารอบไว้ที่ 3500รอบ แล้วกดมิดลากยาวไปสุดเรดลาย แซงไวกว่าเครื่องดีเซลอีก ..
รู้จักรถตัวเอง รู้จังหวะทำงาน ถ้าใส่กันเต็มๆ ไม่ว่าจะค่ายไหน ดีเซลก็ไม่มีทางชนะเบนซิน (เดิมๆนะ)
ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดหลายอย่างครับ
ถ้ารู้จักคาแรคเตอร์ ของเบนซินเทอร์โบยุคใหม่ของ BMW (หรือยี่ห้อื่นๆ ด้วย) จะรู้ว่า แรงบิด เขามาเป็น flat-torque ครับ ไม่ต้องรอ 6,000-7,000 รอบ อย่างที่คุณว่ามาเลย
อย่าง 530i แรงบิดมาตั้งแต่ 1,450-4,800 รอบแล้วครับ ไม่ต้องรอแรงบิดถึงรอบปลายด้วยซ้ำ แต่แรงม้าจะมารอบปลายจริง คือ ช่วง 6,000 รอบขึ้นไป
แต่โดยพื้นฐานรถ ดีเซล แรงบิด มันเยอะกว่า เบนซิน อยู่แล้ว อย่าง 530i แรงบิด 350NM ส่วน 520d แรงบิด 400NM (525d แรงบิด 450NM)
ดูเหมือนต่างกันไม่เยอะก็จริง แต่พอมาประจวบเหมาะของแรงม้าดีเซลก็มาในรอบต่ำด้วย มันเลยทำให้กำลังรถมันมีใช้ต่อเนื่อง จังหวะรอบกวาดมันเร็วกว่า
นั้นหมายถึงการรอรถที่จะพุ่งมันน้อยกว่า ระยะเวลาสั้นกว่า ผมถึงใช้คำว่า กดเป็นมา กดเป็นมา นั้นละ
ต่อให้ 530i ค้างรอบกลางๆ ไว้เพื่อแซง แต่พอจุ่มคันเร่งลงไปเต็มๆ ก็จริง รถมันต้องรอ response จากเครื่องยนต์ และ รอบที่กวาดช้ากว่า กว่าจะพาไปถึงจุดแรงม้าสูงสุด อีกครับ
แล้วพอเบนซิน กำลังจะพุ่งเต็มที่ ก็ต้องเบรคซะแล้ว เพราะข้างหน้าเจอโค้งแล้ว หรือ รถบรรทุก รถคันอื่นบ้าง ก็ต้องมาตั้งจังหว่ะใหม่
บ้านผมมีทั้งเบนซิน ดีเซล และ ถ้าช้าใช้รถ เบนซิล ดีเซล คู่กันประจำๆ จะรู้และเข้าใจฟิลลิ่งแบบนี้ดีครับ