ตอนนี้พูดได้หรือยังว่า "ราคาน้ำมันไม่มีผลกับการใช้ชีวิตของคนไทย"

apinui

ย้อนหลังไปเมื่อช่วงเดือน มีนาคม จากราคาน้ำมันเดิม 20บาทต้นๆ ทะยานทะลุ 30 บาทในเดือนเมษา ตอนนั้นมีแต่เสียงบนวิภาควิจารณ์กันต่างๆนาๆว่า คนไทยแย่แล้ว เศรษฐกิจแย่แน่ๆ

"คนจะใช้รถน้อยลง รถไฟฟ้าต้องมาแล้ว" ... บราๆ

และเมื่อถึงเดือนตุลาคม ที่ภาครัฐประกาศให้กลับมาทำงานได้ปรกติ การใช้รถก็กลับมาคึกคักรถติดแน่นใน กทม อย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ช่วงเดือน ตุลาคม ราคาน้ำมันเกือบ 35 บาท/ลิตร

หลังจากนั้น ผมก็จะเห็นว่าการใช้รถยนต์ไม่ได้น้อยลงเลย วันหยุดสั้น หยุดยาว คนขับรถออกเที่ยวกันคึกคักมาก สถานที่ท่องเที่ยวเต็มทุกวันหยุด และตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมารถวิ่งออกต่างจังหวัดรถติดทุกวัน(จากข่าว จส.100)

สรุปตอนนี้ คนไทย ลืมราคาน้ำมันไปแล้วใช่ไหมที่เคยบ่นว่าแสนแพง ตอนนี้ยืน 30บาท + มาครึ่งปี รถยนต์บนถนนก็ไม่ได้น้อยลง ยอดขายรถยนต์ก็ยังเดินต่อได้เรื่อยๆ  แถมขับรถเที่ยวกันยับๆ รถกินน้ำมันอย่าง Rapter กลับขายดี

เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างครับ




Aleister TJ

ไม่มีผลแน่นอนครับ ต่อให้ลิตรละ 50 คนก็ยังต้องใช้รถ เพราะขนส่งสาธารณะบ้านเรามันไม่พัฒนา เอาเงินค่าแท็กซี่/BTS/MRT มาผ่อนรถดีกว่า ผ่อนไหวไม่ไหวไม่รู้ขอกูมีไว้ก่อน ยอดขายรถเยอะ ยอดรถที่โดนยึดก็เยอะไม่แพ้กัน

เป็นผมก็ไม่กลับมาเจอคุณภาพชีวิตกากๆหรอก น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่กลับมาวิ่งตามรถเมล์,โบกแท็กซี่ หรอกครับ

เรื่องกินเรื่องเที่ยวคนไทยก็สู้ตายเหมือนกัน เพื่อนที่ทำงานมายืมตังแฟนผม เพียงเพราะจะเอาตังไปเที่ยว ผมนี่อึ้งไปเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2022, 09:35:12 โดย Aleister TJ »
My Car History ~

Honda City ZX
Toyota Yaris 1.2E
Mazda3 Skyactive 2.0S
Mazda 2 SkyActiv 1.5 High Plus L
Mitsubishi Pajero Sport 2.4 Elite



boogie2020

คนมีตังเขาอาจไม่มีผล

แต่ผมมีแน่ ๆ  ผมแทบไม่เอารถคันใหญ่ออกละ  ใช้ eco + รถเครื่องเป็นหลักเลยช่วงนี้


ส่วนเรื่องขับไปเที่ยวอะไร มันก็คือต้องเผื่อตังเพิ่ม ค่าน้ำมันเดิม 2000 อาจต้องเพิ่มเป็น 2500 แล้วซิ่งให้น้อยลง  .... อ่อ อีกอย่าง พอโควิดมาซาลง คนก็อยากไปเที่ยวกันมากขึ้น  มันเลยทำให้มองเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นประเด็นรองลงไป
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------



basst

แต่กระแสรถไฟฟ้าก็มาแรงนะครับ ยอดขายก็ดีด้วย ผลิตไม่ทันตั้งหลายรุ่น



boost

ช่วงนี้คนเที่ยวแก้แค้นหรือป่าวครับ เพราะเพิ่งได้มีหยุดยาวที่เที่ยวได้ไม่ต้องโชว์ประวัติฉีดวัคซีน ไม่ต้องโชว์ ATK ก็ครั้งนี้แหละ
2020 CIVIC fc RS 1.5
2018 CX3 XDL 1.5
2017 Mirage GLS-LTD
2015 NAVARA VL auto 4wd
2012 almera V auto
2008 camry acv40 2.4
1991 A31 Rb25det set bo TD06-24v
1990 A31 2JZ GTE 5speed M/T
1984 SUPRA A60 1JZ GTE M/T



เนื้อน่องไม่หนัง

ผมว่ามันมีผล แต่มันเลี่ยงไม่ได้มากกว่า
ถ้าเอาแค่มุมของน้ำมันที่เติมใช้รถยนต์นะ หลายๆคนมันเลี่ยงไม่ได้ครับ การเดินทางสาธารณะมันไม่ได้ครอบคลุมขนาดนั้น
บ้านเดี่ยวที่ราคาต่ำกว่า 5 ล้าน เดี๋ยวนี้ในกทม แทบจะไม่มีแล้ว ต้องออกมาปริมณฑล แล้วขับรถเข้าไปทำงานในเมืองแทน ไม่ว่าจะน้ำมันจะแพงแค่ไหนก็ต้องใช้รถส่วนตัวอยู๋ดี

รถไฟฟ้าคิดว่าโตเร็วกว่าที่คิด ถ้าคนที่มีรถอยู่แล้ว ทนเติมe20 ราคาแพง มันยังถูกกว่าผ่อน EV คันใหม่

ไม่นับข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะอาหาร ที่ขึ้นราคากันเป็นแถว

ถ้ามีคอนโดติด BTS/MRT ผมอาจใช้นะ ถ้าเปลี่ยนขบวนไม่เกิน 1 ครั้ง
แต่ถ้าต้องขับรถไปหาที่จอดเพื่อขึ้น รถไฟฟ้าต่ออีกที ผมคงขับไปยาวเลยดีกว่า

ส่วนรถเมล์ไทย ปัจจุบันผมยอมแพ้ครับ ขึ้นรถเมล์ก็ต้องต่อ taxi เข้าบ้านอีกอยู่ดี



Symphonic

เพราะสิ่งมีชีวิตมีการเรียนรู้และปรับตัว โดยเฉพาะมนุษย์
และอย่าให้ค่าความคิดเห็นของสื่อมวลชนมากนัก

จะรียกว่าไม่มีผลก็คงไม่ได้ แต่เพราะคนเรายังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
และต่างเรียนรู้ที่จะปรับตัวกันทั้งนั้น

รถใหม่ยังขายได้ ขายดี แต่ที่ขายก็เป็นรถที่ใช้พลังงานน้อยลง
การเดินทางยังมีอยู่และทุกคนก็ใช้รถอย่างระมัดระวังขึ้น

คนเดินทางตอนหยุดยาวก็มาจากการระบายความอัดอั้นช่วงที่ถูกล็อก
ไปเที่ยวบ้าง กลับบ้านบ้าง ใช้เงินเยอะในส่วนนี้ แต่ก็ไปประหยัดในส่วนอื่นเอา

ตามข่าวสารรอบโลกแล้ว แม้เราจะไม่ดีที่สุดในโลก แต่เราก็ไม่ได้แย่ขนาดที่
สื่อมวลชนเขียนข่าวเขย่าประสาทเราครับ

(หลายสื่อมีเจตนาแอบแฝง โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2022, 11:17:28 โดย Symphonic »



spn

ผมว่ามีผลในธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคการขนส่ง อย่างที่ผมเจอคือ วัสดุก่อสร้างขึ้น ค่าขนส่งวัสดุก่อสร้างก็ขึ้นเยอะ เพราะต้นทุนสูงแบบค้างคา ไม่ลงซะที 55 คำนวนต้นทุนต้องวางแผนดีๆ

ส่วนการท่องเที่ยว ผมรู้สึกว่าคนมองเงินเป็นก้อน ค่าโรงแรม ค่าอาหารซีฟู๊ด บุฟเฟต์ กาแฟแพงๆ รวมๆแล้วเทียบกับค่าน้ำมันที่จ่ายเพิ่มอาจไม่มาก
เรื่องกินเรื่องเที่ยวคนไทยก็สู้ตายเหมือนกัน เพื่อนที่ทำงานมายืมตังแฟนผม เพียงเพราะจะเอาตังไปเที่ยว ผมนี่อึ้งไปเลย

จริงครับ เคยเจอคล้ายกัน 5555 กู้สหกรณ์ไปเที่ยวก็เคยเจอ ยิ่งค่าน้ำมัน เครื่องบิน อาหาร โรงแรมมันรูดบัตรได้สบายเลยครับ

ปล รถใหม่ๆก็ประหยัดน้ำมันกันนะครับ yaris city mazda 2 civic cross 220d 320d x1 ที่คนใช้เยอะๆ วิ่งทางไกลประหยัดแบบชื่นใจเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2022, 11:32:12 โดย spn »
Revo 2.8 J B-cab 4x4
Kia Jumbo K2700 1JZ GE + LPG
Camry 2.5 HV Premium
E220d w213



seeker

รถนอกจากเที่ยวก็ต้องใช้ขับไปทำงานนะครับ
พอเปิดเมือง เราก็ต้องขับรถไปทำงานกันซึ่งรถสาธารณะขอละไว้ในฐานที่เข้าใจกัน
หลังโควิด คนก็อยากเที่ยว มนุษย์ต้องการการพักผ่อน

ผมมั่นใจว่าหลังโควิดหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป การใช้น้ำมัน ไม่ใช่แค่เพื่อสันธนาการอย่างเดียว ผมยังต้องใช้รถเพื่อทำมาหากินด้วยครับ



I-PULSE

มีผลครับ แต่เลี่ยงไม่ได้ต้องยอมจ่าย



Sakutaro

 :) ผมมีผลมากครับ ผมเอาค่าน้ำมันที่จ่ายต่อเดือนแค่คันเดียว มาใช้ผ่อนรถ EV จีนแดงคันนึง ผ่อนแล้วรวมค่าชาร์จไฟ ยังเหลือเงินอีกคิดดู
ต่อไปไม่มองแล้วรถน้ำมัน Ev เท่านั้นขอรับ ลืมรถสันดาปไปสิ้น จะเทอร์โบเบนซิน NA หรือเทอร์โบดีเซลล์ก็จอดสนิทครับ 8) 8) 8)



REX

ในกรณี ขับ 2000 km/ เดือน
ขับ 16 km/lit. ถ้า1ปี ราคาต่างกัน 15฿/lit
ก็จ่ายเพิ่มไม่ถึง 1900฿  ก็พอไหวอยู่ครับ



aleebahbah

มีผลนะครับ ซึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ถูกสะท้อนเข้าไปในต้นทุนการผลิตเต็มๆ ครับ
ค่าน้ำมันขึ้น ทำให้ค่าขนส่งขึ้น กระทบต้นทุนการผลิต สุดท้ายแล้ว ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นครับ
ส่วนถ้ามองการใช้รถ ผมว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ คนที่ใช้ทุกวันยังไงก็ต้องเติมน้ำมันเฉลี่ยแล้วแพงขึ้นจากเดิมแน่นอน  :-\



XMSL

ผมว่ามีผลแน่นอนครับ..แต่มีสองส่วนคาบเกี่ยวกันอยู่ คนที่กระทบไม่มีทางเลือกก็คงต้องรับสภาพไปโดยหวังว่าวิกฤติจะค่อยๆคลายตัวลง ส่วนอีกกลุ่มคนคือไม่แคร์และไม่สนใจแม้ว่าจะต้องเป็นหนี้แค่ไหนก็จับจ่ายไปตามกระแส ส่วนตัวผมพยายามปรับเปลี่ยนมาใช้จยย.แทนให้มากขึ้น เซฟค่าน้ำมัน ทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าบำรุงรักษา พอช่วยได้บ้าง



Jatupon

ถ้ามองภาพรวมยังงัยค่าน้ำมันก็มีผลกระทบกับชีวิตคนไทยครับ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำ (Cost push )ให้สินค้าปรับราคาเพิ่มด้วย แล้วยิ่งต้นทุนระบบ Logistic บ้านเรานี่ยังงัยค่าเชื้อเพลิง fossil ก็ยังเป็นสัดส่วนที่สูง จนกว่าจะพัฒนาการขนส่งระบบรางให้ครอบคลุมกว่านี้

ส่วนถ้ามองเป็นเฉพาะบุคคล อาชีพใช้รถเยอะแบบผม (Sales) ก็ยังคงเลือกเบนซิล + LPG อยู่ดี    เพราะรถวิ่งใช้งานตลอดถ้ามัววางแผนหาสถานี Charge อยู่คงไม่สะดวก  ยังงัยก็คงใช้แบบนี้ไปอีกพักใหญ่ๆ  ถึงจะเปลี่ยนรถอีกรอบก็ยังคงเป็นเบนซิล +   LPG อยู่ดี   ซึ่งนอกจากจะเหมาะกับการใช้รถของผมแล้ว ยังมั่นใจในรถญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ++ มากกว่ารถถ่านเน้น Gadget  ที่ไม่รู้ความไฮเทคของมันจะสร้างเรื่องวันไหน

อันนี้ไม่ได้องุ่นเปรี้ยวนะครับ วันใดผมเกิดเปลี่ยนงานที่ไม่ต้องใช้รถเยอะแบบนี้  หรือคอนโดมี C้harger   ผมก็คงอยากเปลี่ยนบ้างแต่คงมองแค่ Tesla หรือวันใดที่ Toyota ทำรถ  BEV  แบบ mass มาขายค่อยว่ากัน

ตอบ จขกท.  ราคาน้ำมันยังมีผลกับการใช้ชีวิตของอาชีพแบบผมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2022, 13:13:35 โดย Jatupon »



off_033

มีผลไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

ทางตรง ค่าน้ำมันรถส่วนตัวเพิ่มขึ้นอาจจะไม่มาก  แต่ยังไงก็ต้องจ่ายถ้ายังจะใช้รถ

ทางอ้อม  ค่าอาหาร ค่าขนส่ง เพิ่มทีละนิดๆแล้วไม่ค่อยจะลงด้วย แถมไปโดนกับคนที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัวด้วย

เรื่องออกไปเที่ยวไม่เกี่ยวหรอก อั้นมานาน น้ำมันจะถูก จะแพงก็ไปอยู่ดี



Auto

ราคาน้ำมันมีผลกับการใช้รถน้อย  เพราะคนยังต้องเดินทางด้วยรถยนต์  จะหวังเพิ่งรถสาธารณะก็ไม่สะดวก  ค่าแท๊กซี่ก็แพงมาก ซื้อรถคุ้มกว่า   
        แต่ราคาน้ำมันมีผลกับค่าครองชีพแน่นอน ตอนนี้สินค้าขึ้นราคาไปมากทุกทุกอย่าง  ๆ   คนที่ค่าแรงน้อยมีชีวิตยากขึ้น 



sukhontha

มีผลซิครับ  ใช้ค่ำเชื้อเพลิงมากขึ้น  หรือไม่ก็ประหยัดด้วยการใช้รถน้อยลง

ไม่งั้นเงินเก็บแต่ละเดือนมันก็ลดลงไปด้วย 



whoami

มีผลกระทบกับเงินในกระเป๋า ทั้งค่าน้ำมัน หรือค่าสินค้าต่างๆที่ปรับสูงขึ้น

แต่ไม่ได้มีผลทำให้ปริมาณรถบนท้องถนนลดลงครับ  คนก็ใช้รถเท่าเดิมแต่เงินในกระเป๋าเหลือน้อยลง

ผลอีกทางคือพฤติกรรมของคนที่กำลังจะเปลี่ยนรถก็ต้องหันไปหารถเล็กลง งบน้อยก็ eco car งบมากหน่อยก็หันไปมองไฮบริด หรือรถไฟฟ้ากันไปตามแต่งบประมาณและความสะดวก

ส่วน raptor อันนั้นจับกลุ่มคนมีเงินอยู่แล้ว กินน้ำมันมากแค่ไหนไม่กระทบหรอกครับ



eaksuchart

สำหรับผมยังมีผลอยู่ครับ ตอนนี้มาใช้รถไฟฟ้าสำหรับงานวิ่งไปกลับ ชลบุรี สองวันต่อวีค
ค่าน้ำมันหายไป 10,000 ต่อเดือนครับ แลกมากับค่าไฟ 2 พันกว่าบาทแทน



Weetting

สำหรับหลายคนรถคือ "จำเป็นต้องใช้" ครับ

แต่จะมากจะน้อยอีกเรื่องนึง 

จำตอนกลางปีได้  น้ำมันเบนซินลิตรละ 40  ที่ทำงานหันมานั่งรถไฟฟ้ากันเพียบ   แค่จากไม่เคยนั่งก็เปลี่ยนมานั่ง 1-2 วันต่อสัปดาห์แทน 
พอเหลือ 30 กลางๆก็ขับมาทุกวัน แต่ไปประหยัดอย่างอื่นเอา 

ตอนนี้ ยางเกรดถูก Maxxis  Otani เป็นที่นิยมมากกว่าเดิมเยอะ  เพราะคนเลือกจะประหยัดตรงนี้  และลากใช้งานยางออกไปอีก
เพื่อนผมทำ คาร์แคร์  มันบอกรายได้(นับเฉพาะรายได้)  หายไป 35-40% เลย     กำไรก็ลดลงไปอีกเพราะจ้างคนเท่าเดิม 

THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



Ruksadindan




The Mechanics of Emotions

มีผลแต่มันเลี่ยงไม่ได้ครับ ถ้ามันหมดยังไงก็ต้องเติม ก็วิ่งให้น้อยลง ขับเท่าที่จำเป็นครับ
2010 BMW 325i M Sport
2016 Mazda CX-5 2.0S



Zephyrs

คนที่บอกไม่มีผลแบบที่ไม่แคร์เลยนะ มีสองอย่าง คือรวยจนไม่ได้สนใจ กับไม่ต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันเอง (เหมือนที่ไปกินกาแฟแล้วคิดว่าแก้วละ 20 นั่นแหละ ไม่เคยซื้อเองก็งี้)

ราคาน้ำมันมีผลตลอดมา เพียงแต่มันจะไปทำอะไรได้ ทางเลือกมันไม่มี
ขนส่งสาธารณะก็เฮงซวยพัฒนาไปกระติ๊ดเดียวบอกเจริญแล้ว บางระบบก็ทำยังกับประชาชนเป็นหนี้บุญคุณ ทวงแล้วทวงอีก แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อให้เป็นขนส่งสาธารณะด้วยซ้ำ
มันจะ 20 30 40 50 คนเราก็ต้องใช้รถไปทำงาน บริษัทไม่ได้ประกาศหยุดให้ทำงานอยู่ที่บ้านได้ตอนน้ำมันขึ้น 40 สตางค์หนิ
ฉะนั้นแล้ว มีผลกับคนไทย แต่ทำอะไรไม่ได้ มันก็แค่นั้นเอง

แล้วถ้าคิดว่าขยับไปใช้รถไฟฟ้าทั้งหลายแล้วจะช่วยประหยัดขึ้น คุณเตรียมดูค่าไฟปีหน้าไว้ก็แล้วกัน มันจะยังประหยัดกว่าในช่วงนี้น่ะใช่
แต่เดี๋ยวคุณจะรู้ซึ้งกันเองว่าสุดท้ายแล้ว การปรับมาเป็นรถไฟฟ้ามันก็แทบไม่ได้ต่างอะไรกับการที่ขับรถน้ำมัน เอาไปติดแก๊สแล้วบอกหนีจากน้ำมันเท่าไหร่หรอก
ปล. โซล่าเซลล์ช่วยได้แต่ไม่เยอะหรอก ไปเจอตอกับค่าแบตนั่นแหละ



อีกนิดก็แรง

อะไรแพงขึ้นก็ส่งผลหมดละครับ ยิ่งราคาน้ำมันยิ่งมีผล แต่จะส่งผลมากผลน้อยมันตอบแบบเหมารวมไม่ได้
บางคนบ้านใกล้ที่ทำงาน เติมมน้ำมันเดือนละครั้ง จาก 800 เป็น 1,400 เขาก็ว่าไม่กระทบมาก
บางคนบ้านใกล้ที่ทำงาน เติมน้ำมันเดือนละ 5,000 ขยับเป็น 6-7,000 เขาก็ว่ากระทบ
บางคนเงินเดือน 50,000 จ่ายค่าน้ำมันเพิ่มเดือนละ 1,000 เขาก็ว่าไม่กระทบ
บางคนเงินเดือน 10,000 จ่ายค่าน่ำมันเพิ่มเดือนละ 1,000 มันก็กระทบมาก
บางคนต้องเก็บเงินเดือนละ 4,000 เจอค่าน้ำมันเพิ่มไป เงินเก็บเหลือ 2-3,000 ระยะยาวมันก็กระทบ
บางคนอัดอั้น ไม่ได้เที่ยว ก็อารมณ์แบบชั่งแม่งเสียเท่าไหร่ก็เสียไป
คือมันตอบแบบฟันธงไม่ได้ เพราะสถาณะการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกัน พวกสื่อ พวกบทความชอบเอาความคิดคนหลักหน่วยมาตัดสินใจแทนคนทั้งประเทศแบบนี้ไม่ถูกต้อง
แต่ที่เห็นแน่ๆ คือคนตามตัวเมืองซื้อรถไฟฟ้า รถ hybrid เพิ่มขึ้นเพราะมีคำว่าประหยัดค่าเชื่อเพลิงเข้ามาเกี่ยวข้องเนี่ยแหละครับ



AgentMolder

ดุดัน ไม่เกรงใจใคร เห็นออกกันให้รึ่ม กินน้ำมัน 6 - 7 กิโลลิตรยังไม่สนเลย

บ่นไปงั้นแหล่ะคนไทย ยังไงก็ต้องจ่าย มันเลี่ยงไม่ได้
2005 Toyota Vios 1st Gen
2012 Honda Civic FD
2018 Toyota Camry ACV70
2023 Toyota Yaris Cross
2024 Porsche 718 Cayman Style Edition
2025 MB E-Class E220d W214



+@ Krishna @+

มีผลสิครับ ทั้งค่าไฟ ข้าวของเครื่องใช้ อาหารวัตถุดิบก็แพงขึ้น

แต่เราจะทำอะไรได้ล่ะครับ  :'(  คงได้แต่ประหยัดไปเรื่อย

และปีหน้าก็เตรียมเปิดรับโควิดจากพี่จีนอีก  :P



DiKiBoyZ

ไม่มีผล คือ ยังไงซะ จะ 4 ลิตร 100 หรือ 2 ลิตร 100 ก็ต้องซื้อเขาอยู่ดี เพราะผลิตเอง ทำเองไม่ได้ ถ้าไม่เติมก็ไม่ได้ใช้รถ มันเหมือนบังคับจ่ายในตัว (มันถึงมีผลกับการมาของรถไฟฟ้า หรือ BEV มากไงละครับ)

มีผลคือ ก็ต้องเอาเงินส่วนต่างไปเติมน้ำมันเยอะขึ้น ของใช้แพงขึ้น เงินเหลือเก็บน้อยลง