« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2023, 09:30:53 »
ด้วยแนวทางที่เริ่มชัดเจนสำหรับผมที่ว่า
ถ้าจะใข้รถไฟฟ้า คงจะหวังที่จะขายต่อได้ลำบาก ทั้งราคาตกหนักและความยากในการขาย
เพราะราคาอะไหล่ที่น่าจะแพงและหายาก ทั้ง Inverter และแบตเตอรี่ กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว
หากจำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้า เพื่อให้ได้ความคุ้มต่าสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผม
ก็คงต้องใช้จนพังและทิ้งเป็นซากขยะอิเล็กทรอนิกส์รอการกำจัดอย่างถูกต้องเพื่อสิ่งแวดล้อม
ไม่ต่างจากมือถือ Android ราคา 5-6 พันบาท ที่ไม่ได้กะว่าจะขายเพราะทันทีที่เราใช้มันก็แทบจะไม่เหลือมูลค่าในการขายแล้ว
สิ่งที่ยังอยากทราบคือ สมมุติว่าแบตเสื่อมลงไป 20% ที่ผมเข้าใจแบบง่ายๆ ก็ตือระยะทางวิ่งสูงสุดก็จะลดลงมาในประมาณเดียวกันคือ 20% ในเบื้องต้น
(ขออนุญาต ละไว้ซึ่งปัจจัยอื่นๆที่จะทำให้ระยะทางวิ่งลดมากกว่า 20% ออกไปก่อนนะครับ)
คำถามคือ ประมาณไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จให้เต็ม 100% ของแบตที่เสื่อมสภาพ ยังใช้เท่าเดิมเหมือนตอนแบตใหม่หรือไม่ครับ
ที่ถามเพราะ
- ถ้ายังใช้ประมาณไฟฟ้าในการชาร์จเท่าเดิม หมายตวามว่าประสิทธิภาพของการใช้พลังงานต่อระยะทางวิ่งลดลง เราจะได้รู้ว่าเสื่อมลงเหลือเท่าไหร่ ถึงจะไม่คุ้มค่าในการใช้แล้ว
- ถ้าสามารถลดปริมาณไฟฟ้าลงเท่ากับความจุที่เหลืออยู่ หมายความว่าประสิทธิภาพของการใช้พลังงานต่อระยะทางวิ่งยังใกล้เคียงเดิม แต่ได้ระยะทางวิ่งลดลง การเลือกรุ่นที่แบตใหญ่กว่าระยะทางวิ่งมากกว่าชีวิตประจำวัน 3-4 เท่า ก็อาจจะทำให้เรายังคงใช้รถคันนั้นได้ไปอีกนาน แต่ต้องแลกกับการชาร์จถี่ขึ้น หรืออาจจะทุกวันไม่ต่างกับรถแบตเล็ก ระยะทางน้อย
- ปัจจัยหรือสเป็กแบตที่เราต้องดูเพิ่มคือ % การเสื่อมสภาพของแบต ต่อจำนวนรอบการชาร์จ หรือต่อระยะทาง รวมถึงวิธีการชาร์จให้ได้ประสิทธิภาพ และถนอมแบตก็ควรได้รับการสื่อสารจากผู้ขายอย่างจริงจังและจริงใจ
*** ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็น เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนเราครับ ***
บันทึกการเข้า
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK