ผู้เขียน หัวข้อ: ปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จแบตที่เริ่มเสื่อมสภาพ เท่ากับแบตใหม่ 100% ไหมครับ  (อ่าน 1729 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,026
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ด้วยแนวทางที่เริ่มชัดเจนสำหรับผมที่ว่า

ถ้าจะใข้รถไฟฟ้า คงจะหวังที่จะขายต่อได้ลำบาก ทั้งราคาตกหนักและความยากในการขาย
เพราะราคาอะไหล่ที่น่าจะแพงและหายาก ทั้ง Inverter และแบตเตอรี่ กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว

หากจำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้า เพื่อให้ได้ความคุ้มต่าสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผม
ก็คงต้องใช้จนพังและทิ้งเป็นซากขยะอิเล็กทรอนิกส์รอการกำจัดอย่างถูกต้องเพื่อสิ่งแวดล้อม
ไม่ต่างจากมือถือ Android ราคา 5-6 พันบาท ที่ไม่ได้กะว่าจะขายเพราะทันทีที่เราใช้มันก็แทบจะไม่เหลือมูลค่าในการขายแล้ว

สิ่งที่ยังอยากทราบคือ สมมุติว่าแบตเสื่อมลงไป 20% ที่ผมเข้าใจแบบง่ายๆ ก็ตือระยะทางวิ่งสูงสุดก็จะลดลงมาในประมาณเดียวกันคือ 20% ในเบื้องต้น
(ขออนุญาต ละไว้ซึ่งปัจจัยอื่นๆที่จะทำให้ระยะทางวิ่งลดมากกว่า 20% ออกไปก่อนนะครับ)

คำถามคือ ประมาณไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จให้เต็ม 100% ของแบตที่เสื่อมสภาพ ยังใช้เท่าเดิมเหมือนตอนแบตใหม่หรือไม่ครับ

ที่ถามเพราะ
 - ถ้ายังใช้ประมาณไฟฟ้าในการชาร์จเท่าเดิม หมายตวามว่าประสิทธิภาพของการใช้พลังงานต่อระยะทางวิ่งลดลง เราจะได้รู้ว่าเสื่อมลงเหลือเท่าไหร่ ถึงจะไม่คุ้มค่าในการใช้แล้ว
 
  - ถ้าสามารถลดปริมาณไฟฟ้าลงเท่ากับความจุที่เหลืออยู่ หมายความว่าประสิทธิภาพของการใช้พลังงานต่อระยะทางวิ่งยังใกล้เคียงเดิม แต่ได้ระยะทางวิ่งลดลง การเลือกรุ่นที่แบตใหญ่กว่าระยะทางวิ่งมากกว่าชีวิตประจำวัน 3-4 เท่า ก็อาจจะทำให้เรายังคงใช้รถคันนั้นได้ไปอีกนาน แต่ต้องแลกกับการชาร์จถี่ขึ้น หรืออาจจะทุกวันไม่ต่างกับรถแบตเล็ก ระยะทางน้อย

    - ปัจจัยหรือสเป็กแบตที่เราต้องดูเพิ่มคือ % การเสื่อมสภาพของแบต ต่อจำนวนรอบการชาร์จ หรือต่อระยะทาง รวมถึงวิธีการชาร์จให้ได้ประสิทธิภาพ และถนอมแบตก็ควรได้รับการสื่อสารจากผู้ขายอย่างจริงจังและจริงใจ

*** ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็น เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนเราครับ ***
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 753
    • อีเมล์
ไม่เท่าแน่นอนครับ แต่ปกติกว่าจะเสื่อมเกิน 10% ก็ เกิน8 ปี+

ออฟไลน์ RERFz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 569
    • อีเมล์
แบตเตอรี่เก่าจะมีการเสื่อมภายใน มีการคลายประจุตลอดเวลา 

จากแบตใหม่ ชาร์ตได้ 80 kW ผ่านไปสัปดาห์นึง เหลือ 75 kW

แต่เชแบตเก่า ชาร์ตได้เต็ม 70 kW ผ่านไปสัปดาห์นึง เหลือ 55 kW

นอกจากระยะต่อการชาร์จลดลงแล้ว เหมือนไฟมันหายไปฟรีๆ จากการเติม ก็เหมือนอัตราสิ้นเปลืองแย่ลง

จาก 0.7 บาท/กม.
เป็น 1 บาท/กม.

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,908
ผมไม่แน่ใจว่าจะตอบให้ตรงมั๊ยนะ

ผมยกตัวอย่าง ups 2 รุ่นแล้วกัน
รุ่นธรรมดา คือการอัดประจุแบบคงที่
ถ้าแบตเสื่อม ก็ใช้เวลาสั้นลงในการอัดประจุ
เทียบรถไฟฟ้าคือ ระยะทางสั้นลง ก็ชาร์จบ่อยขึ้น
เทียบเป็นตัวเงินต่อระยะทาง ก็น่าจะเพิ่มขึ้น

UPS แบบการเพิ่มประจุอัด แต่คิดว่าคงไม่นำมาใช้กับชาร์จเจอร์รถไฟฟ้า เพราะ แบตคนละประเภทกัน
แบบนี้คือ ถ้าแบตเสื่อม ระบบอัดประจุจะเพิ่มแรงดันในการอัดเข้าไป เนื่องจากจะให้การ recovery ให้กลับมาใช้งานได้ทันในการไฟดับเท่าเดิม

เช่น ตอนแบตใหม่ ระบบจะอัดประจุที่ 13.60v 0.1c
ผ่านไป 5 เดือน volt อาจจะอยู่ที่ 13.8v 0.1c
ที่ 1 ปี volt อาจจะเตลิดไป 14.0v
แต่ ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ ก็สูงขึ้นเล็กน้อยนะครับ เพราะสุดท้าย ความเร็วในการเต็ม มันก็เร็วขึ้นเหมือนแบบแรกอยู่ดี
แต่ที่แน่ๆ แบบนี้ ต้อง reset ระบบทุกครั้งที่เปลี่ยนแบต เพราะหากใส่แบตใหม่ไปโดยยังใช้ volt สุดท้าย แบตใหม่จะบวมเอา

ออนไลน์ saran_1st

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 260
ผมคิดเอาแบบบ้านๆ สังเกตจากมือถือที่แบตเสื่อม แล้วจะชาร์จให้เต็ม ชาร์จใช้เวลาใกล้เคียงเดิม หรือเร็วกว่าเดิมก็เต็มด้วยซ้ำ
ถ้า ปริมาณไฟฟ้าไม่ได้แปรผันกับสภาพแบต แต่แปรผันกับแค่เวลาที่ใช้ชาร์จ ... คำตอบก็คือ ค่าไฟน่าจะเท่าเดิม

แต่ในทางเทคนิคลึกๆ ที่เราเห็นว่า มันชาร์จใช้เวลาเท่าๆเดิม หรือเร็วขึ้น/ช้าลง มันใช้ปริมาณไฟฟ้าต่างจากเดิมไหม (ต้องจ่ายค่าไฟบ้าน มากขึ้นไหม)
นี่คือสิ่งที่ จขกท. อยากรู้ใช่ไหมครับ
'95 Subaru Impreza EJ20 auto
'95 Subaru Legacy EJ25
'01 Subaru Impreza Bugeye GDB
'19 Subaru Levorg 1.6 GT-S

Long-term Review: Subaru Levorg 1.6 GT-S

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,214
ไม่เท่า 100% แน่นอนครับ ถ้ากังวล ไม่แนะนำให้ใช้

ยิ่งที่เกริ่นมา บอกเลยตอนนี้คุณยังไม่พร้อมใช้รถ bev ครับ มันยังใหม่ราคายังสูง รอให้มัน mass กว่านี้ก่อนค่อยมาดูอีกทีดีกว่าครับ

ตอนนี้ถ้า budget มันบีบมาก แนะนำให้ใช้รถ 1.2 เพราะ hybrid ก็หลักการเดียวกันครับ ชาร์จไป capacity แบตก็จะน้อยลง ราคาก็ตกเยอะเช่นกัน

ส่วนค่าไฟ ถ้านั่งเสียบ obd เช็คเลย มันลดลงแน่ๆครับ แต่ไม่ significant อย่างมากก็หายไปไม่กี่บาท ในอายุ 5ปีอะนะครับ ทั้งนี้ปัจจัยมันมีหลายแบบ loss เวลาชาร์จเอย อะไรเอย อายุมันจะเป็นไปตามชั่วโมงการใช้งาน หลักการก็แบตมือถือแบตคอมนิแหละครับ ถนอมยังไงมันก็เสื่อมตามอายุครับ

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,026
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ผมคิดเอาแบบบ้านๆ สังเกตจากมือถือที่แบตเสื่อม แล้วจะชาร์จให้เต็ม ชาร์จใช้เวลาใกล้เคียงเดิม หรือเร็วกว่าเดิมก็เต็มด้วยซ้ำ
ถ้า ปริมาณไฟฟ้าไม่ได้แปรผันกับสภาพแบต แต่แปรผันกับแค่เวลาที่ใช้ชาร์จ ... คำตอบก็คือ ค่าไฟน่าจะเท่าเดิม

แต่ในทางเทคนิคลึกๆ ที่เราเห็นว่า มันชาร์จใช้เวลาเท่าๆเดิม หรือเร็วขึ้น/ช้าลง มันใช้ปริมาณไฟฟ้าต่างจากเดิมไหม (ต้องจ่ายค่าไฟบ้าน มากขึ้นไหม)
นี่คือสิ่งที่ จขกท. อยากรู้ใช่ไหมครับ
คล้ายๆกันครับ ที่อยากรู้คือเช่น ชาร์จ 1 ครั้งจาก 20% จนเต็ม 100% ระหว่างแบตใหม่ กับแบตที่เริ่มเสื่อมไปแล้วสัก 20% จะใช้ไฟเท่าเดิมไหมครับ
( จริงๆ ถ้าเทียบกับมือถือที่เป็นแบตลิเทียม ก็จะใช้ไฟฟ้าในการชาร์จประมาณเดิม แต่แบตหมดเร็วขึ้น แต่แบตรถเริ่มมีรูปแบบที่แตกต่าง เลยอยากทราบว่าเหมือนกันไหม)

ไม่เท่า 100% แน่นอนครับ ถ้ากังวล ไม่แนะนำให้ใช้

ยิ่งที่เกริ่นมา บอกเลยตอนนี้คุณยังไม่พร้อมใช้รถ bev ครับ มันยังใหม่ราคายังสูง รอให้มัน mass กว่านี้ก่อนค่อยมาดูอีกทีดีกว่าครับ

ตอนนี้ถ้า budget มันบีบมาก แนะนำให้ใช้รถ 1.2 เพราะ hybrid ก็หลักการเดียวกันครับ ชาร์จไป capacity แบตก็จะน้อยลง ราคาก็ตกเยอะเช่นกัน

ส่วนค่าไฟ ถ้านั่งเสียบ obd เช็คเลย มันลดลงแน่ๆครับ แต่ไม่ significant อย่างมากก็หายไปไม่กี่บาท ในอายุ 5ปีอะนะครับ ทั้งนี้ปัจจัยมันมีหลายแบบ loss เวลาชาร์จเอย อะไรเอย อายุมันจะเป็นไปตามชั่วโมงการใช้งาน หลักการก็แบตมือถือแบตคอมนิแหละครับ ถนอมยังไงมันก็เสื่อมตามอายุครับ

จริงๆ ท่านเข้าใจถูกแล้วเพราะผมก็มองว่าตัวเองก็ยังไม่เหมาะกับ BEV ครับ แต่หลังจากนี้เราก็อาจจะตกอยู่ในภาวะถูกบังคับให้ต้องเลือกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ก็อยากรู้ครับ ว่าถ้าจะต้องใช้ไปจนกว่าจะพังหรือไม่คุ้มค่า เราจะวัดอย่างไร หรือเราควรจะเลือกขนาดแบตเท่าไหร่ที่จะลงตัวกับชีวิตประจำวันของเราครับ

** ขอบคุณในทุกความเห็นด้วยครับผม **  :) :) :)
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ no7749

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 99
ไม่เท่าครับ ต้องให้ดู SOC ว่าค่าที่แท้จริงเป็นเท่าไร (ประกอบกับ SOH)

หลายๆรุ่นดูได้เองโดย USER ครับ แล้วหลายรุ่นดูผ่านศูนย์เท่านั้น

แบต BEV ใหญ่ และรอบ cycle จะน้อยกว่าแบต PHEV มากครับ

สมมุติว่าวันนี้ขับ 80 โล ใช้ ORA 500U

ถ้า BEV จะใช้รอบ cycle ประมาณ 18-20% แต่ถ้าเป็น PHEV เช่น MG PHEV ที่วิ่งได้ 60km รอบ cycel ตีไปเลย 100%

รอบ cycle ต่างกัน 4 เท่า -> อายุการใช้งานของ แบต PHEV มีโอกาสเสื่อมเร็วกว่า BEV เยอะครับ

โอเค บ้างรุ่นถึงแม้ SOH ลดลงมา ระยะทางก็ยังได้เท่าเดิม อาจจะเกิดจากการเขียน %SOC ให้ Match กับ ระยะทางที่เหลือแทนครับ

แนะนำให้ดู SOC เป็นหลักน่าจะเห็นชัดกว่า