« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2024, 14:35:11 »
ตามภาพ เป็นของประเทศซึ่งค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ดีกว่าไทยนิดหน่อย (ไม่ใช่ประเทศที่ระบบไฟฟ้าสะอาดมากขนาดสแกนดิเนเวีย)

ในไทย GHG สูงกว่า ดังนั้น ส่วนสีเขียวในกราฟ จะสูงกว่านี้
ปีนี้ คาดได้ว่า BEV ทั้งโปรเซสแล้ววิ่ง 300,000 กม. ปล่อย CO2(2) พอ ๆ กับ หรือ มากกว่า HEV
ยกเว้นรถที่ติดแหง็กกลางเมืองประจำ อันนี้ ยังไง BEV / PHEV ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
แน่นอนว่า ปีปลาย ๆ ทศวรรษ ก็ย่อมเปลี่ยนไป
แต่การคำนวณองค์กรอิสระสหรัฐ ที่ประมาณไปถึงปี 2030 ว่าสหรัฐจะใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น 35% พบว่า ยังไง BEV ปล่อย CO2 มากกว่า PHEV อยู่ดี (คาดการณ์อย่างนี้ คือ ช่วย BEV แล้ว และเมืองไทย ไม่รู้เราจะผลิตพลังงานได้สะอาดขึ้นเหมือนสหรัฐไหม)

ยิ่งพอไทยร้อน แบต เปลี่ยนเร็วกว่าเมืองนอกครับ เพราะตอนร้อน แบตเสื่อม ดังนั้นผู้ใช้หลายคันจะพบว่า ระบบทำความเย็นแบตทำงานแม้จอดเฉย ๆ ยังไม่ได้ขับเลย
ตอนนี้มีคันที่เปลี่ยนแบตฟรีช่วงจะหมดประกันปีที่ 8 แล้ว ส่วนบางคันไม่ได้เปลี่ยน ก็ต้องจ่ายเงินเองหลังปีที่ 8 เช่น เปลี่ยนแบตปีที่สิบ
ดังนั้น พอเปลี่ยนแบตปุ๊บ ส่วนสีน้ำเงิน+ส้มในรูป จะเพิ่มมากขึ้นสองเท่า กลายเป็น BEV ปล่อย CO2 ต่อโลก ตลอดกระบวนการ เกือบเท่า ICEV เมื่อขับไปประมาณ 300,000 กม. เป็นต้น
ส่วนตัวมองว่า ยิ่งถ้าขับ BEV น้อย แล้วเปลี่ยนแบตทุกสิบปี สองครั้งจนรถหมดอายุขัย อันนี้ น่าเสียดายว่า ใช้แบตไม่คุ้ม
(เปลี่ยนทีละโมดูล ไล่เปลี่ยนไปจนครบทุกโมดูล แพงกว่าเปลี่ยนยกแผง)