« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2024, 10:34:36 »
ผมคิดแบบนี้ครับ (ไม่ได้เอาปัจจัยเรื่องการใช้พลังงานของมอเตอร์ที่ไม่เท่ากันของแต่ละยี้ห้อ)
ค่าไฟปกติประมาณ 1 บาท / km
ค่าไฟ TOU ประมาณ 0.7 บาท / km
ค่าไฟข้างนอกประมาณ 1.5 บาท / km
ผมขอเฉลี่ยเป็นค่าไฟ 1 บาท / km วิ่งทุกวันวันละ 200 km ก็ 200 * 30 = 6,000 บาท ก็ตกปีละ 72,000 บาท
มาดูค่าน้ำมัน 330e ตีไปคุณไม่วิ่งไฟฟ้าเลยก็แล้วกันกดโหมด sport อัตราสิ้นเปลืองในเมืองจะอยู่ประมาณ 15 km/L ถ้านอกเมืองจะได้ประมาณ 18 km/L บวกลบนิดหน่อย
เติมน้ำมัน Gasohol 95 ราคา 35.25 / L ถ้าเราเฉลี่ยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเป็น 16 km/L ก็จะตกประมาณกิโลเมตรละ 2.2
เดินทางทุกวันวันละ 200 km = 200 * 2.2 = 440 บาท เดือนนึงใช้น้ำมันไป 13,200 ก็ตกปีละประมาณ 158,400 บาท
ส่วนต่างของรถไฟฟ้ากับรถน้ำมันต่อปี 158,400 - 72,000 = 86,400 บาท
เป็นผมส่วนต่างนี้ผมอยู่กับ BMW ต่อครับเนื่องจากเข้าศูนย์ก็มี BSI แล้วในกรณีที่ต้องใช้รถเดินทางไกลก็สะสวกสบายมากกว่าไม่ต้องวางแผนการเดินทาง รวมถึงเมืองเกิดอุบัติเหตุหรือรถมีปัญหาตาม ตจว. ก็ยังมีศูนย์ให้เข้าไปใช้บริการได้
ผมก็เคยคิดแบบ จขทก. ที่บ้านมี BMW Series 3 Phev , 5 diesel Benz glc และ Nissan kicks แต่ก็พับโครงการไป (ผมไม่ได้มอง tesla นะ มองรถไฟฟ้าจีนถูกๆไว้ใช้ในเมือง) ที่พับโครงการไปเพราะยังไม่มั่นใจเรื่องศูนย์บริการ กับงานดูแลลูกค้าหลังการขาย และยังไม่เคยเห็นรายการที่ต้อง maintenance จริงๆว่าถูกกว่ารถยนต์แบบใช้น้ำมันจริงๆไหม ส่วนในกลุ่มที่เข้าไปหาข้อมูลรถไฟฟ้าก็อวยกันอย่างเดียว หาข้อมูลที่เป็นความจริงได้ค่อนข้างยากมาก สุดท้ายแล้วผมจึงรอให้คนใช้ไปก่อนมีเคสต่างๆและให้ราคามันถูกกว่านี้อีกสักหน่อยแล้วค่อยตัดสินใจซื้อมาลองครับ
และอีกอย่างผมมองว่ารถไฟฟ้าคืออุปกรณ์ IT ที่มีล้อเคลื่อนที่ได้ พอถึงระยะเวลาหนึ่งที่ Software ไม่อัพเดทหรือแบตเตอรี่เสื่อม แล้วรถเราจะเป็นอย่างไร ถ้าขาย ณ เวลานั้นราคาอาจจะตกมากๆ หรืออาจจะเลวร้ายสุดอาจจะขายไม่ได้เลยก็ได้ อันนี้ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่น่าเอาไปคิดรวมกันด้วยครับ