ช่วงนี้ว่างๆ ประจวบเหมาะกับมีข่าวเรื่องรถขาดจากผู้ผลิตรถญี่ปุ่นหลายยี่ห้อออกมาเป็นระยะๆ
ก็อยากจะเอาประสบการณ์มาแชร์สมาชิก HLM เผื่อจำเป็นต้องออกรถช่วงนี้ เพื่อให้ได้รถ หรือไม่โดนเชิดเงินจอง หรือเงินดาวน์
อย่าลืมนะครับ ช่วงนี้เซลส์ไม่มีรถขาย เค้าอาจอยู่ไม่ถึงวันที่ท่านออกรถก็ได้ อันนี้คิดแบบ Worst case เลยนะ
ต้องขอชี้แจงทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนนะครับว่ากระทู้นี้เป็นการแชร์ประสบการณ์เท่านั้น เป็นแนวปฎิบัติเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ซื้อในการจองรถเท่านั้น ท่านสมาชิกไม่ต้องชีเรียสขนาดว่าต้องทำตามที่แนะนำทั้ง 100% คิดว่าถ้าทำได้ สบายใจก็ทำครับ
เริ่มต้นจากการจองรถก่อนล่ะกันนะครับ เมื่อท่านได้ตกลงปลงใจจะจองรถ ควรปฎิบัติดังนี้ครับ
1.พยายามไปจองที่โชว์รูม ทำไม??
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าท่านจะไปดูรถที่เค้าโชว์ตามสถานที่อื่นๆ ไม่ได้ แต่วันจองอยากให้ไปพบพนักงานขายที่โชว์รูม เพื่อที่แสดงว่าเซลส์คนนี้มีตัวตนอยู่จริง ทำงานอยู่ที่นั่นจริง นอกจากนั้นท่านอาจได้เจรจาซื้อ ขายกับหัวหน้าทีมของเค้า หรือผู้จัดการโชว์รูม เท่ากับว่าท่านมี "พยานบุคคล" ในวันจองแล้ว และให้ขอนามบัตรไว้ให้หมดทุกคน คราวนี้ถ้าเซลส์ที่ท่านจองลาออกไปก็มีบุคคลให้ท่านติดต่อ หรืออ้างอิงได้หากเกิดเหตุไม่คาดคิด
2.จ่ายเงินจอง เงินมัดจำ หรือเงินดาวน์ที่แคชเชียร์ของโชว์รูมเท่านั้น ทำไม??
ตอบง่ายๆ เพื่อป้องกันการยักยอกเงินของเซลส์ครับ จ่ายเงินทุกครั้งต้องขอใบเสร็จรับเงิน หรืออย่างน้อยก็ใบสำคัญการรับเงิน อันนี้ให้ดูหน่อยว่าใบที่เค้าออกมานี้น่าเชื่อถือแค่ไหน เช่น มีหัวกระดาษของโชว์รูมนั้นหรือไม่ มีเลข Running Number ของเอกสารหรือไม่ เพราะเอกสารสำคัญพวกนี้จะต้องถูกควบคุม จึงมี หมายเลข เล่มที่ หรือเลขที่ของเอกสาร การชำระเงินไม่ว่าค่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับรถพยายามหลีกเลี่ยงวิธีการโอนเงิน ไม่ว่าจะฝากผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารผ่าน หรือ ATM แม้ว่าชื่อบัญชีจะเป็นของบริษัทก็ตาม อันนี้ปลอดภัยไว้ก่อน ย้ำว่าไปจ่ายที่โชว์รูมแน่นอนที่สุด โชว์รูมที่ดีๆ จากประสบการณ์ของผม เซลส์จะไม่แตะเงินด้วยซ้ำ เค้าจะพาเราไปชำระที่ฝ่ายการเงิน เมื่อได้รับเอกสารการรับเงินของโชว์รูมแล้ว ท่านก็มีหลักฐานเอกสารที่เป็นวัตถุพยานเพิ่มอีกอย่างนึงแล้ว (ดูโคนันเจ้าหนูยอดนักสืบมากไปหน่อย)
ที่สำคัญตรวจสอบยอดเงินที่เราจ่ายไปว่าเค้าออกใบเสร็จรับเงินให้ถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันเงินจองขั้นต่ำก็อยู่ราวๆ 5,000 บาท บางยี่ห้ออาจจะกำหนดไว้ที่ 10,000 บาท
3. ใบจองรถ ให้ระบุวันที่รับรถให้ชัดเจน ทำไม??
เพราะปัจจุบันนี้ สคบ.ได้คุ้มครองให้ผู้จอง และผู้รับจองสามารถบอกเลิกสัญญาได้หากฝ่ายใดผิดข้อตกลง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผู้จองสามารถบอกเลิกสัญญาจองได้หากผู้รับจองไม่สามารถส่งมอบรถได้ตามวันที่ระบุในสัญญา นั่นหมายถึงท่านจะมีหลักประกันว่าถ้าไอ้โชว์รูมที่เราไปจองไม่มีรถให้เราตามที่สัญญาไว้ ท่านจะได้รับเงินจองที่จ่ายไปคืนเต็มจำนวน คราวนี้เราก็มั่นใจได้ว่าได้เงินจองที่เราจ่ายไปคืนแน่นอน
ที่อยากจะแนะนำอีกอย่างคือของแถมครับ เรามักจะไม่ละเอียดกับสิ่งเหล่านี้ ต้องระบุให้ครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในใบจองรถ อย่าไปเชื่อเซลส์ว่าเดี๋ยวผมติดให้ทีหลัง ใช้คอมมิชชั่นมาซื้อให้ นอกจากจะระบุรายการให้ครบถ้วนแล้ว อยากให้ระบุให้ชัดเจนไปเลย เช่ย แถมฟิล์ม ยี่ห้ออะไร ติดรอบคัน รวมบานหน้าเต็มหรือไม่ จะได้ไม่มีปัญหากันภายหลังว่าวันนั้นเซลส์บอกว่าแถมยี่ห้อนี้ แต่ทำไมติดยี่ห้อนี้แทน ผมเองเคยโดนมาแล้วสั่ง Lamina โชว์รูมติด 3M มาให้ สั่งรื้อทั้งคัน เสียเวลา เสียความรู้สึก หรือเลือกเบาะหนังเป็นของแถม ต้องเป็นเบาะหนังแท้ทั้งตัวเลยมั๊ย หรือเบาะหนังสเปคโรงงาน เบาะหนังสเปคโรงงานส่วนใหญ่จะเป็นหนังแท้เฉพาะด้านหน้าของเบาะที่ต้องสัมผัสกับคนนั่ง ชิ้นด้านหลัง ปีกเบาะมักจะเป็นหนังเทียมเพื่อความประหยัดและความทนทาน อันนี้ก็จะให้ดีควรมีใบรับประกันจากโรงงานทำเบาะหนังมาให้เราด้วย
4. พบเจ้าหน้าที่อำนวยสินเชื่อของบริษัทไฟแนนซ์ด้วยตนเอง ทำไม??
ในกรณีที่ท่านซื้อแบบเงินผ่อน ท่านจะพบกับคนอีกคนหนึ่ง เค้าคือเจ้าหน้าที่ของ บ.ไฟแนนซ์ หรือ Marketing Officer หรือที่เซลส์มักจะเรียกติดปากว่า MO (เอ็ม โอ) จะเป็นคนประเมินสถานะทางการเงินของลูกค้าที่จะซื้อรถ ว่าง่ายๆ ว่าเค้าจะดูว่าคนซื้อมีปัญญาผ่อนไหวมั๊ย พวกนี้เค้าจะขอเอกสารต่างๆ จากคุณเพื่อไปทำการประเมิน Credit โดยทำเป็นคะแนนหรือศัพท์ที่เค้าเรียกว่า SCORING MO จะเรียกเอกสารมาก น้อยขึ้นอยู่กับเครดิตทางการเงินของแต่ละคน คราวนี้มาว่ากันต่อว่าทำไมคุณควรเจอเค้าตัวเป็นๆ
ประการแรก คุณแน่ใจได้ว่าเรื่องขอสินเชื่อของคุณถูกส่งไปพิจารณาจริง อย่าลืมขอนามบัตรเค้าไว้ด้วย กรณีมีปัญหา ข้อสงสัยใดๆ ภายหลังเกี่ยวกับสินเชื่อ การชำระค่างวด จะได้ถามถูกคน เพราะจากประสบการณ์ผู้ซื้อส่วนใหญ่จำชื่อเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ไม่ได้ ขนาดชื่อเซลส์ยังจำได้แค่ชื่อเล่นเลย จริงมั๊ยครับ
ประการที่สอง ท่านจะให้เอกสารส่วนตัวของท่านเท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เพราเจ้า MO จะพูดคุยสอบถามท่านและขอให้ท่านจัดเตรียมเอกสารที่เค้าเห็นว่าจำเป็นจริงๆ ให้เค้าเท่านั้น อย่าลืมว่า MO เค้ามืออาชีพกว่าด้านนี้ หากฝากเซลส์ไป ร้อยทั้งร้อย ขอเผื่อไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องขอเอกสารหลายๆ ที ตรงนี้หลายคนอาจสงสัย ก็ให้ๆ เซลส์ไป ไม่เห็นจะมีอะไร อันนี้ถ้าคุณซวยพอ อาจมีผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ทางที่มิชอบได้ ป้องกันไว้ดีกว่าครับ ตอนลงนามรับรองสำเนาถูกต้องให้ถามเค้าเลยว่าให้เขียนอย่างไรในสำเนา เช่น "ใช้สำหรับขอสินเชื่อกับ บริษัท......เท่านั้น" เป็นต้น
ประการที่สาม ให้ท่านสอบถามเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ได้ตกลงไปกับเซลส์วันจองว่าถูกต้อง ตรงกันหรือไม่ เช่นวันจองบอกดาวน์ 20% ดอกเบี้ย 2.50% คำนวณเป็นเงินเท่านั้น เท่านี้ตรงกันนะ ผ่อน 48 งวดใช่หรือไม่ ไม่ใช่ว่าผ่านไปสองเดือนหลังออกรถ (ปกติไฟแนนซ์จะส่งเอกสารมาให้หลังออกรถประมาณ 1-2 เดือน) ได้รับสำเนาสัญญาจากบ.ไฟแนนซ์แล้วเพิ่งมารู้ว่าดอกเบี้ยแพงกว่าที่ตกลงไว้ แก้ไขอะไรไม่ได้นะครับ เราลงนามในสัญญาไปแล้ว
เมื่อท่านผ่านการอนุมัติจากไฟแนนซ์ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการ อันนี้แล้วแต่เครดิตใคร เครดิตมัน รวมถึงโครงสร้างอำนาจอนุมัติของแต่ละบริษัทด้วย บางครั้งเค้ารับเอกสารที่ขอไว้ อนุมัติทันทีเลยก็มี เซลส์ก็จะแจ้งให้ท่านทราบว่าผ่านอนุมัติแล้ว ให้นำเงินดาวน์มาชำระ อย่างที่บอกไว้เบื้องต้นครับ จงไปชำระเงินที่โชว์รูม อันนี้ยิ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ หลักแสนอย่าชะล่าใจครับ เคยเห็นในเอกสารรับเงินมั๊ยครับ เค้าจะระบุไว้เสมอว่า ใบเสร็จนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อมีลายเซ็นต์ของผู้มีอำนาจลงนามรับเงินเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือฝ่ายการเงิน หรือฝ่ายบัญชีของบริษัท ถ้าท่านจ่ายเงินให้เซลส์แบบ ลอยๆ ก็ระวังเงินท่านจะลอยตามลมไปด้วย
อย่าเพิ่งครับ ยังไม่จบ ยิ่งในช่วงรถขาดตลาดแบบนี้ ก่อนวางดาวน์ให้เซลส์พาไปดูรถของท่านในอนาคตก่อนว่าจอดอยู่ที่โชว์รูมเรียบร้อยในสภาพสมบูรณ์ ให้จดเลขตัวถัง เลขเครื่องแล้วให้เค้าระบุไปในใบเสร็จเลยครับ ว่าเราดาวน์คันนี้
ถ้าทำเท่านี้ท่านก็ได้รถที่ท่านต้องการแบบสบายใจ ไม่ปวดหัว ปวดใจภายหลังแน่นอนครับ อย่างน้อยถ้าเซลส์ไม่มีรถให้เราก็ไปออกกับโชว์รูมอื่นได้ โดยเราไม่ต้องสูญเงินเปล่าๆ หรือถูกถ่วงเวลา
โชคดีครับ