ผู้เขียน หัวข้อ: "เคลือบแก้ว" มันช่วยป้องกันรถได้จริงหรือเปล่าครับ  (อ่าน 44592 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nuttie

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 989
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมมีโอกาสไปเดินห้าง เห็นมีบูทเกี่ยวกับการเคลือบแก้วป้องกันรอย ของรถยนต์

ผมเลยสงสัยว่ามันป้องกันได้จริงหรือเปล่า ข้อดีข้อเสียมันมีอะไรบ้าง มีพี่ๆสมาชิกท่านไหนมีข้อมูลหรือเคยไปเคลือบมาแล้วบ้างครับ

พอดีไม่เคยได้ยิน เลยอยากรู้เป็นข้อมูลไว้ครับ  :)

ออฟไลน์ tyong

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 244
มันนานาจิตตังครับ...แต่ผมก็เอาไปเคลือบนะ

ผมเคยคิดเหมือนกันว่ามันจะดีมั๊ยเพราะราคา 3-4 หมื่นบาท สามารถซื้อมอเตอร์ไซด์เล็กๆได้คันนึงเลย สุดท้ายหลังจากศึกษามาหลายค่ายซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน สรุปก็เอาไปทำครับ

ตอนนี้ผ่านมา 8 เดือนแล้ว ผมไม่ต้องเอารถไปเคลือบสีอีกเลย ปกติจะต้องเคลือบแว๊กซ์ทุกอาทิตย์ ทุกวันนี้ล้างแชมพูแล้วเช็ดแห้งก็เสร็จแล้ว ประหยัดเวลา เวลาโดนคราบยางมะตอยก็ทำความสะอาดง่ายครับ แค่เอาปลายเล็บสะกิดนิดเดียวก็หลุด ไม่เหนียว

ถามว่าคุ้มมั๊ย สำหรับผมถือว่าคุ้มครับ ติดที่ราคาค่อนข้างแพง ยังดีที่เดี๋ยวนี้มีหลายค่ายออกมา ทำให้มีทางเลือกมากขึ้น แต่ทำไมราคามันไม่ค่อยลงเลยนะ  >:(
2019-now: BMW 320D G20
2018-now: MB C250 Coupe AMG
2017-2019: MB GLA200 Urban
2014-2018: BMW F30 328i M Sport
2012-2017: Mini Cooper S R56 look 2

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
ถ้ามีงบ มันดีแน่นอนครับ
ผมเองยังอยากจะพ่นเลย แต่เห็นราคาแล้วก็เสียดายตังค์ พาแฟนไปเที่ยวดีกว่า

เลยไปซื้อคอร์สของแมกไกว์ก็พอใช้ได้
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ nick007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 426
  • ความรักนั้นมันคืออะไรยิ่งเรียนรู้ยิ่งไม่เข้าใจ!!!!
มาเก็บเกี่ยวความรู้คับผม 8) 8) 8)

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,672
เอาเิงินไปเปลี่ยนสีดีกว่า หรือพ่นสีเดิมก็ได้ ราคาพอกันเลยครับ
 ;D ;D ;D

dogclubs

  • บุคคลทั่วไป
เอาเิงินไปเปลี่ยนสีดีกว่า หรือพ่นสีเดิมก็ได้ ราคาพอกันเลยครับ
 ;D ;D ;D

หมายถึงการดูแลรักษาสีน่ะครับ ไม่ใช่เปลี่ยนสีรถ

เอาเงินไปเปลี่ยนสี จะดีเหมือนมาจากโรงงานเลยหรอครับ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
ตอนนี้ผมใช้ MG #21 ทุกเดือน(ลงด้วยมือ เช็ดด้วยมือ)
น้ำยาล้างรถผสมคาร์นูบ้าล้างประจำทุกเดือน
ขัดสี ปีล่ะครั้ง
ราคาเบ็ดเสร็จ4พันนิดๆ ใช้ได้ยาวๆๆ

เพื่อนผมใช้โปรเคลือบแก้ว
ซื้อโปรจากร้านมาเกือบ2หมื่น

จอดเทียบกันของผมเงากว่า เมทัลลิกชัดกว่า

เคลือบแก้วมันเป็นแฟชั่น
ถามว่าเงามั้ย เงาครับ ลื่นด้วย ฝุ่นไม่เกาะ คราบไม่มี
ยอมรับว่าเทคโนโลยี ยังไงก็ดีกว่า
แต่ผมชอบแบบดิบๆ เดิมๆมากกว่า

เรื่องราคา ก็เป็นอีกปัจจัยครับ เค้าจับตลาดบน
ผมไม่มีเงินขนาดนั้น เลยทำเอง ประหยัดเงินไป

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,048
ปกป้องได้จริง แต่จะคุ้มหรือไม่ไตร่ตรองให้ดีๆครับ

ออฟไลน์ lastDezember Pae

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,147
  • Keep working by Johnie worker
อืมมม คุณภาพมันก็ตามราคาล่ะครับ

แต่ของผมซื้อน้ำยาเคลือบขวดไม่กี่พันเองครับ แล้วเคลือบบ่อยๆ

ตอนนี้รถเงาวิ้งเลยครับ ขนาดฝุ่นเกาะยังเห็นเงาตัวเองบนตัวรถเลยครับ

ปล. รถผมสีดำครับ  ;D
ขับรถเร็วไม่ได้เรียกว่าเก่ง ขับรถเก่งไม่จำเป็นต้องขับเร็ว

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
ถ้าไม่อยากเคลือบบ่อยๆดูแลง่ายและเงินถึงแนะนำครับมีหลายเจ้าหลายราคาถูกใจที่ไหนทำที่นั้นแต่ไม่เหมาะเท่าไหร่
กับรถที่ออกต่างจังหวัดเพราะโดนหินมันจะเป็นผิวขลุขละต้องทำใหม่ทั้งชิ้นแต่โดยปกติร้านก็จะมีการ service ตามระยะที่กำหนดอยู่แล้วครับ

ออฟไลน์ nuch n14

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
    • อีเมล์
เคลือบแก้วดีครับล้างง่าย รวดเร็วเงางาม น้ำไม่เกาะรถ เหมาะกับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสีรถสะดวก แต่ มีราคาแพง
โดนหินก็อาจเป็นรอยถลอกได้ แต่ไม่เคลือบก็เป็นรอยเหมือนกัน ถ้าราคาไม่ใช่ปัญหา ก็จัดเลยครับ
แต่ต้องดูศึกษาวิธีเคลือบด้วยครับ เห็นมีแบบพ่น กับ แบบทา และจะวัดความหนาของฟิลม์ด้วย
ยิ่งเป็นรถสีดำเคลือบไว้ก็ดีครับ เห็นรอยขนแมวง่าย
ส่วนผมงบน้อย อาศัยล้างขัดสี เคลือบเองบ่อย ได้ออกกำลังกายไปในตัวครับ

ออฟไลน์ srattha

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับรถที่ราคาแพงน่ะครับ น่าจะคุ้มค่ากว่า

ออฟไลน์ nuttapatJazz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,173
มีคนที่ผมรู้จักอยู่คนนึง เอารถไปเคลือบแก้วนี่แหละ ใช้ไปใช้มาซัก2-3ปี น้ำยาที่เคลือบไว้รวมทั้งแล๊กเกอร์ หายไปเกือบหมด เหลือแต่สีด้านๆ

กลายเป็นรถสีด้านๆเงาๆ เป็นจุดๆไป ต้องเอารถไปขัดสีเอาน้ำยาเคลือบออก พ่นแล๊กเกอร์ใหม่อีกที หมดอีกเป็นหมื่นอ่ะครับ

ถ้าเป็นคนที่ขี้เกียจเคลือบแว๊ก ผมว่าก็คุ้มนะ ไม่ต้องเสียเวลาเคลือบแว๊กไป2ปีกว่าแหนะ

 ;D ;D
Nissan Juke 1.6V '14
Mitsubishi Triton Plus 2.4Benzene 2Dr MT '12
Honda FIT(HK Spec) '13

ออฟไลน์ Legolas

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 94
ที่เพื่อนๆ เคลือบกันคือที่นี่หรือเปล่าครับ http://www.crystalsealed.com สนใจอยู่เหมือนกัน แต่ราคาแรงน่าดู

ออฟไลน์ jkhl

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 113
หากมองด้านการใช้งาน
ถ้ามีงบทำตั้งแต่แรกๆ เคลือบแก้วก็เหมาะครับ เพราะถ้าพูดถึงการป้องกัน ความหนาของชั้นฟิล์ม เทียบกับพวก wax คงไม่ได้ครับ
เคลือบแก้วเค้ามีดูแลระหว่างปีด้วย ถ้ามีเวลาเข้าไปผมว่าก็โอเคนะ  ส่วนวิ่งต่างจังหวัดตามสิบล้อโดนเศษหินเต็มๆ ผมว่ายังไงก็ไม่ลอดครับ

ส่วนความสวยงาม
บางคนที่เค้าไม่ซีเรียสก็มองผลงานของ wax กระปุกละ 800 กับ 60,000 ไม่แตกต่างเหมือนกัน อันนั้นเรียกมีบุญ
ถ้ามีกรรม เริ่มเห็นความแตกต่าง แล้วถ้าชอบก็จะเริ่มเข้าวังวน(มีของชวนให้เสียเงินเพียบ ;D)

จะเคลือบแบบไหนก็ต้อง อยู่ที่เราดูแลเป็นหลักด้วยครับ 

ออฟไลน์ edward

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 243
เพิ่งไปเคลือบของ CTS มาครับ ไว้จะมาแจ้งผลระยะยาวครับ

แต่ระยะสั้น เมื่อวานขับไปอยุธยา ฝนตกกระหน่ำ

พอกลับมาถึงบ้าน รู้สึกว่า พวกฝุ่นไม่ค่อยเกาะตัวรถเท่าไร ฉีดน้ำ เช็ดเบาๆก็สะอาด

ถามว่าแพงมั้ยก็แพงอยู่ คงเหมาะกับคนขี้เกียจล้างรถอย่างผม  :P

ออฟไลน์ earth_e60

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 533
    • อีเมล์
เคลือบแก้วนะ ดี ตามความเห็นผม เพราะเคลือบ แล้วสามารถลงแว๊กซ์ได้อีก แต่ พ่นเคลือบ นะ ไม่ดี เพราะ wax ไม่ได้แล้ว

ออฟไลน์ tyong

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 244
เคลือบแก้วนะ ดี ตามความเห็นผม เพราะเคลือบ แล้วสามารถลงแว๊กซ์ได้อีก แต่ พ่นเคลือบ นะ ไม่ดี เพราะ wax ไม่ได้แล้ว

เคลือบแล้วจะต้องลง wax อีก มันดียังไงครับ ผมกลับคิดว่าถ้าเคลือบแล้วไม่ต้องมาเสียเวลาลง wax ก็เงาและลื่นเหมือนกัน น่าจะดีกว่านะครับ ไม่งั้นไม่คุ้มเป็นอย่างมาก  ;D
2019-now: BMW 320D G20
2018-now: MB C250 Coupe AMG
2017-2019: MB GLA200 Urban
2014-2018: BMW F30 328i M Sport
2012-2017: Mini Cooper S R56 look 2