ผู้เขียน หัวข้อ: คิดว่า อีกหน่อย b segment จะหายไปแล้วเหลือแต่ eco car รึเปล่าครับ  (อ่าน 8974 ครั้ง)

ออฟไลน์ basboths

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 479
    • อีเมล์
เนื่องจากราคา และ option ต่างกันมาก คุณภาพกับขนาดตัวรถใกล้เคียงกัน แรงม้าต่างกันไม่เยอะ
เช่นตัวผมเพิ่งออก mazda 2 มา
ราคา 654000 - 100,000 - 5000(ส่วนลด) -3000(ค่าจดทะเบียน) -18000(ประกัน+พ.ร.บ.)
 = 528000
swift (ขอเทียบรุ่นเดียวเนื่องจากคุณภาพใกล้เคียง b segment ที่สุด)
507000 (option ใกล้เคียงกัน) - 75000 + 2500(ค่าจดทะเบียน) +9000(ประกัน+พ.ร.บ.)
= 443500

ส่วนต่างราคา = 84500  :'( :'( :'(  นี่ถ้าผมจองทันผมคงออก swift top ล่ะครับ

ถ้าไม่มีเงินคืนภาษี ส่วนต่างก็จะยิ่งมากมาย

ถ้าอีกหน่อยไม่มีโครงการคืนภาษี eco car ก็จะไม่ต้องรอรถกันทีละหลายๆเดือน
แล้วจะมีซักกี่คนครับที่ซื้อ  b segment ผมคนนึงล่ะไม่ซื้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 25, 2012, 02:17:11 โดย basboths »

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
Eco Car ก็ตัวถังไซส์ B ทั้งนั้นอะครับ ต้องถามว่าอีกหน่อยเครื่อง 1400-1500 จะกลายเป็น 1200 เหมือนกันหมดหรือเปล่า
H.

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,633
ไม่มีทาง Ecocar แค่โครงการที่ทำให้บริษัทรถยนต์หารถราคาถูกๆมาขาย เครื่องเล็กๆ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
แต่อนาคตเราอาจจะเห็น Csegment 1.0Turbo  ;D
H.

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,025
  • FF1.5SMG
ไม่หายแน่นอน..

เรื่องภาษีมันก็คงจะมีแค่ปีนี้ล่ะครับ.. แต่หลังจากนั้นก็คงเข้าสู่สภาวะปกติ
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ UNDISPUTED

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 64
ผมกลับมองว่า ต่อไปมันจะเห็นความต่างที่ชัดเจน eco car จะไปอยู่ที่ 1000 ส่วน  b segment ก็ยังคงขายได้เหมือนเดิม และจะขายดีกว่า eco car ด้วนซ้ำไป

ออฟไลน์ chean

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 293
    • อีเมล์
น่าจะรวมเป็นตัวเดียวกันคือ ตัวถัง b-segment แต่เครื่อง eco

จะเรียก eco หรือ b-segment ก็ตามสะดวก

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
ผมคนนึงล่ะ ที่อยากให้มี B-Segment ต่อไป
เพราะผมทีนหนัก แต่ไม่ต้องการรถใหญ่ และไม่ต้องการเครื่องระดับ 2 พัน

B Segment ก็ยังคงมีสเน่ห์ในตัวมันอยู่ครับ
ขนาดพอใช้งานได้ นั่งได้ 4 คน พอดีๆ ไม่ใหญ่โต
เครื่อง 1.5 สำหรับผม มันแรงพอแล้ว
ถ้ากดเต็มๆ มันก็แรงพอๆกับ D Segment เครื่อง 2.0 หรือ C Segment เครื่อง 1.6 นั่นแหละ

อีโค้คาร์ยังเป็นรองที่ด้านเครื่องยนต์
คือเรื่องของแรงบิดที่มาพร้อมกับความจุ (กรณีที่ไม่มีเทอร์โบ)
แต่พูดถึงขนาด ช่วงล่าง เบรค วัสดุภายใน ผมว่าอีโค้คาร์ก็ไม่แพ้ B Segment เลยนะ

ออฟไลน์ Iwata Kana Σ4

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,481
  • Archievement in Control
    • อีเมล์
ไม่หายครับ

เพราะมันจะเป็นแบบวัฏจักร Segment
จาก B -> C C -> D
ความมีระดับ มาพร้อมศักดิ์ศรีที่เหนือใคร
มีเป้าหมาย ที่อะไรก็ไม่อาจขวาง
มีอำนาจ ที่เลือกใช้ได้ตามใจ
มีชีวิต อย่างที่ใคร ก็ไม่อาจปฎิเสธ

ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,981
อนาคตมันไม่แน่นอนครับ
แต่สำหรับผมแล้ว เหลือ B-segment ไว้เถอะ
รถเล็กแต่คล่องตัว ในเมือง
ออกนอกเมืองก็ไม่ต้องลุ้นมาก
Eco-Car ขับมาแล้ว เกียร์ CVT บอกตรงๆไม่ไหวครับ
ออกตัวหรือขับในเมืองถือว่าพอใช้ได้
แต่นอกเมืองอืดอาดยืดยาดมากๆครับ

ออฟไลน์ beerrl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,671
    • อีเมล์
ผมว่าไม่หายหรอกครับ แต่ b-segment ขนาด body จะใหญ่ขึ้น และ เครื่องเน้นแรงมากกว่าประหยัด
Volvo 850GLT
Honda odyssey
Toyota Camry hybrid
Suzuki swift eco
Hyundai tucson crdi
Nissan Xtrail 2.0V 4wd
Honda Civic FC 1.8EL

ออฟไลน์ nudragon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,870
  • MT Mania!!
เครื่องใหญ่และประหยัดเดี่ยวก็ตามมาอีกไม่นาน มีผู้นำยังไงก็ต้องมีผู้ตาม

ผมว่าไม่หายหรอก แต่ช่องว่างอาจจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่า ของเล่นที่มากกว่า คุณภาพของวัสดุที่ดีกว่า ในส่วนต่างของเงินที่ต่างกันแต่ขนาดตัวถังไม่ได้หนีกันมากนัก

 :D

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,723
  • Nine & Knight
ยังไม่หายไปไหนง่ายๆหรอกครับ เพราะความหลากหลายของผู้บริโภคยังมีเยอะอยู่ แล้ว B-Segment ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้มากกว่าด้วย
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ inew

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 256
B-segment  จะยังไม่หายไป และจะยังครองตลาดอยู่เหมือนเดิม และจะตามมาด้วยลูกเล่นที่พร้อมจะฟาดฟันกับอีโค่คาร์ หุหุ  ;D ;D ;D

NgoH

  • บุคคลทั่วไป
จริงอยู่ b car โครงสร้างอาจใกล้เคียง Eco car
แต่ b car ระบบ วัสดุ อุปกรณ์ เหนือกว่า Eco car อยู่แล้วครับ ใครซื้อรถเป็นจะรู้

ไม่มีทาง Eco car จะทำให้ b car หายหรือตายจาก
แต่กลับด้าน รถ b car จะทำให้ Eco car หายไปต่างหาก

ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
ผมว่าคงมีเหือนเดิม แต่แต่ละชนิดจะหรูและแพงขึ้น  และผมว่าไม่แน่อาจจะมีรถที่ต่ำำกว่า 1,000 ซีซี ก็ได้ ถ้าเมืองมีการขยายตัวมากขึ้น รถวิ่งในเมืองก็น่าจะมีคนต้องการ eco car คงมีบอดี้ใหญ่ขึ้นนิดๆ แต่ต่ำว่า1000 คงเล็ก เน้นดีไซด์น่ารักๆ อะไรงี้

ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,747
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
เมื่อไรที่ eco car ราคามาเกือบเท่า b ถึงตอนนั้นน่าคิดว่า eco จะหายหรือจะอยู่
แต่ผมว่าคนซื้อรถจะคุ้มมากขึ้นเพราะ b ต้องลงโปรมาดึงคนที่จะซื้อ eco ด้วยทำให้มันยังอยู่แบบสบายๆ
อุปกรณ์ภายในผมเห็นราคารถ 6-700000 บ้างยี่ห้อยัง... กว่า eco บางยี่ห้อเลยครับ
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

ออฟไลน์ hutzero

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
แต่อนาคตเราอาจจะเห็น Csegment 1.0Turbo  ;D

ไม่ใช่อนาคตหรอกครับ Ford Focus ที่วางขาย(ในเมืองนอก)ไง   1.0 เทอร์โบ

ออฟไลน์ PapaRo@ch~*

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,099
ยกตัวอย่างแบบง่ายๆ

สมัยก่อน Civic  3 ประตู คันละ 3-4 แสน
พอมา Civic dimension คันละ 6-7 แสน รถ Sub B เข้ามาแทนตลาดล่างด้วยราคา 5 แสน
พอมาCivic FB ราคา8-1ล้าน Jazz  ขึ้นมา 6-7 แสน Brio เข้ามาแทนที่ตลาดราคา 4-5 แสน

หากมองกันอย่างง่ายๆจะเห็นได้ว่า ตลาดหลักๆที่มีกำลังซื้อมันอยู่ที่กลุ่มเดิมๆ คือ ประมาณ 4-7 แสน
แต่positioning ของรถมันขยับหนีขึ้นไปต่างหาก พร้อมกับราคาขยับขึ้นไปตาม
แล้วเอาตัวใหม่เข้ามาแทนที่ตลาดล่าง

สุดท้ายตลาด ECO ก็อจะเข้ามาแทนที่ Sub B
แล้วพวก Jazz ก็อจะขยับไปแทนที่Civic แล้ว Civic ก้อจะขึ้นไปแตะ Accord เอง

เอวัง



ออฟไลน์ Tyde

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 501
ไม่หายหรอกครับ  ecocar ก็คือการเติมช่องว่างของตลาดsegmentที่เคยว่างอยู่  เพื่อให้ครอบคลุมตลาดทุกกลุ่มทุกความต้องการ  เพื่อไม่ให้ผลกำไรหลุดหายไปอยู่กับรถยี่ห้ออื่นที่ตัวเองไม่มีรถขายในsegmentนั้นๆ

ออฟไลน์ นายพรานจ๋าหมีมาแล้ว

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,875
  • เส้นขอบฟ้า
ไม่หายหรอกครับ Eco car เป็นแค่รถที่มาอุดช่องว่างและตอบสนองกับนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรเสีย B-segment ก็ดูดีกว่าหลายด้านอีกทั้งอนาคตเครื่องยนต์ถูกพัฒนามากขึ้น
จุดเด่นของ Eco car ก็จะลดบทบาทลง

ออฟไลน์ joekling

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 146
B Segment มีเหมือนเดิม แต่เครื่องเหลือ 1.2

แน่นอน

ออฟไลน์ basboths

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 479
    • อีเมล์
ถ้า b segment เหลือเครื่อง 1.2 หรือ 1.0 ก็ยิ่งหนักดิครับ ใครจะซื้อล่ะครับ ในเมื่อเครื่องเท่า eco car แต่ราคาแพงกว่าหลายแสน option น้อยกว่า (ภาษี eco car น้อยกว่า b segment เยอะนะครับ)

เอา ecocar มาติดเทอโบขาย ผมว่าราคาก็ยังถูกกว่า  b segment

แล้วก็ที่ผมคิดว่า  b segment จะหายไปก็เพราะราคานี่แหละครับ(ผลจากอัตราภาษี) เนื่องจากคนซื้อรถกลุ่มนี้เน้นราคาถูก ความคุ้มค่าเป็นปัจจัยหลัก

แล้วก็ b segment(30% E20 ใช้ฐานภาษีที่ 25%)ต่างกับ ecocar(17%) ที่อัตราภาษีนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 27, 2012, 02:37:40 โดย basboths »

ออฟไลน์ basboths

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 479
    • อีเมล์
รถยนต์ที่จะถูกเรียกว่าเป็น Eco-Car ได้นั้นจะต้องมี 5 คุณสมบัติหลัก คือ
1. มีอัตราการใช้น้ำมัน ไม่เกิน 5 ลิตร/ 100 กิโลเมตร
2. เป็นรถที่ได้มาตรฐาน Emission ตาม Euro4
3. เป็นรถที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร
4. เป็นรถที่มีมาตรฐานความปลอดภัย UNECE Reg.94. Rev.0, และ UNECE Reg.95. Rev.0
5. เป็นรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,300 cc สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ 1,400 cc สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนให้ดำเนินโครงการ Eco-Car จำนวน 6 ราย มีกำลังการผลิตรวม 685,000 คัน โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 25, 2012, 23:47:55 โดย basboths »

ออฟไลน์ DemonZ_Benz

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 83
 B เซกเมนท์ อย่าหายเลย ครับ
ผม ก็ ขับในเมืองแท้ๆ อำเภอเมือง แต่อยู่ ตจว น่ะครับ ไม่ใช่ กทม
วันก่อนเอารถน้องสาวไปขับ fiesta 1.6 อันติเมท ถนน รถวิ่ง สวนเลนกัน ประมาณ ว่า ทางรอง
ไม่ใช่ทางหลัก  เปิดไฟเลี้ยว ขวา จะแซง รถ ข้างหน้า ก็เห็นไกลๆ ยังไงก็น่าทัน
ออกขวา ปั๊ม กดคันเร่ง เกียร์ ยังอยูเกียร์ D (เพราะว่าผมคิดว่ามันห่างเยอะน่าจะทัน สบายๆ)
ปรากฎ ว่า พอออกไป ได้แป๊บนึง ตีไฟเลี้ยว กลับ ซ้ายคืนเลยครับ ไม่ทัน เฉย ไม่ได้คิกดาวน์นะ  แต่เหยียบ ไป 70-80เปอร์เซนของคันเร่งอ่ะ
ที่ตีกลับซ้านคืน เพราะ ไม่ใช่เพราะรถไม่แรงน่ะครับ แรง น่ะครับ พอได้เลย แต่พอออกขวาปั๊บ กดคันเร่งล่ะ เกียร์ ดัน โง่ กว่าจะเปลี่ยนเกียร์ลง
กินไป ประมาณ 1-2 วิได้ ผม ละแซดเลย ช่วงความเร็ว น่าจะอยู่ ราวๆ 60 กม/ชมได้   ผมละเซง  หลังๆมา จะแซง เข้าเกียร์ L เลย ครับ สบายใจ
ดี  ผม ว่ากรณีนี้ อันตราย น่ะครับ
  มันน่าจะทำ ระบบ แมนนวล เกียร์ +/-  มาให้ได้แล้วน่ะกับ รถ 1.6 ราคา 756000   อย่างน้อย ก็จังหวะแบบนี้ไรประมาณเนี่ยะ ถ้าเกียร์ฉลาด
มีโหมด  +/- ผมว่า มันจะ finnnnnn ที่สุด ในรถ พิกัด 1500-1600 ซีซี สำหรับ ตลาดบ้านเราเลยทีเดียว ไม่ได้โฆษณาน่ะ
โดยเฉพาะ อาการ ที่หลายคนไม่ชอบ อาการเกียร์ กระตุก โครตได้ฟิลลิ่ง อ่ะ ผมไม่ให้น้องสาว ไปอัพเกียร์ซอฟแวร์ใหม่เลย เดิมๆ ได้ฟิลลิ่งสุดๆ
 
จากข้างต้น  ถ้าเป็น รถ 1.2 - 1.4 ลิตร  + เกียร์ CVT      .... O  M  G  ไม่อยากจะคิดครับ  เลิกกัน.... ^ ^

ปล..ชอบเสียงเครื่อง fiesta มาก สุดในบรรดา 1500-1600 ซีซี
ที่เป็น แบรนด์ ตลาด น่ะครับ  

ออฟไลน์ nunewshadow

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • อีเมล์
ถ้า Eco Car คือรถที่ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1300 cc
อนาคตผมคาดว่า รถ B segment C segment จะกลายเป้น Eco car
เอาง่ายๆ อย่างเครื่องยนต์ใหม่ๆ เทคโนโลยี Eco boost Skyactiv ก็เป้นเครื่องยนต์กระบอกสูบเล็กแต่ให้แรงม้าสุง และยังประหยัดด้วย

ออฟไลน์ joekling

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 146
คำว่า B Segment นี่วัดกันที่ขนาดไม่ใช่หรือครับ

ผมหมายถึงว่า ต่อไปรถขนาด B Segment จะใช้เครื่อง 1.2 เป็นหลัก เช่น Swift, March

เพราะได้ตีตั๋วเด็ก ภาษี Eco Car 17% ในขณะที่หากใช้เครื่อง 1.5 (E20) ใช้ฐานภาษีที่ 25% ไม่ใช่ 30% นะครับ


ออฟไลน์ chean

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 293
    • อีเมล์
ผมว่าอยู่ครบทั้งสองรุ่น เพราะตลาดยังมีความต้องการรถขนาดเล็กอยู่มาก

ออฟไลน์ basboths

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 479
    • อีเมล์
คำว่า B Segment นี่วัดกันที่ขนาดไม่ใช่หรือครับ

ผมหมายถึงว่า ต่อไปรถขนาด B Segment จะใช้เครื่อง 1.2 เป็นหลัก เช่น Swift, March

เพราะได้ตีตั๋วเด็ก ภาษี Eco Car 17% ในขณะที่หากใช้เครื่อง 1.5 (E20) ใช้ฐานภาษีที่ 25% ไม่ใช่ 30% นะครับ



ใช่ครับ ผมหมายถึงคือแบบนั้นแหละครับ มันจะกลายเป็น eco car หมดเพื่อประโยชน์ทางภาษี(ผมแค่ชี้จุดต่างครับ ว่ามันต่างกัน ที่ภาษี กับข้อกำหนดบางอย่าง แค่นั้น ขนาดรถไม่เกี่ยวครับ) โดยเครื่อง 1.5 จะหายไปเหลือแต่ ไม่เกิน 1.3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 27, 2012, 02:52:12 โดย basboths »