ปรึกษาเรื่องถอนจองรถยนต์หน่อยครับ เหมือนโดนเอาเปรียบ

Everlast

สิงหาคมปีที่แล้วได้ไปจองรถไว้โดยที่วางเงินไว้ 5,000 บาท จะใช้ชื่อของพี่สาวที่อยู่ชายแดนใต้เพื่อรับสิทธิ์รถคันแรก แต่เงื่อนไขของไฟแนนซ์คือให้ขึ้นมาเซ็นที่กทม.
ซึ่งพี่สาวผมก็ไม่มีโอกาสขึ้นมาซักที เพราะค้าขายอยู่ที่นั่น จึงจำต้องถอนจอง แต่เซลล์กลับบอกว่าผู้ใหญ่ไม่อนุมัติ ด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้นะ แต่ผมก็มีเหตุผลเพิ่ม
คือไฟแนนซ์บังคับให้มีคนค้ำประกันเพิ่มเนื่องจากพื้นที่อันตราย เลยไม่สะดวกค้ำเพราะจะมีผลเรื่องยื่นกู้อย่างอื่น เซลล์ผมลาออกไปแล้ว ก็ยังพยายามดันให้เต็มที่
แต่ผู้จัดการศูนย์ก็ยืนยันว่าผู้ใหญ่แคนเซิลมาสองรอบแล้ว เพื่อนๆว่าปล่อยให้ศูนย์ยึดดีมั้ย งานนี้ใครผิดใครถูก พอมีหนทางบ้างมั้ย



Blur

ขายต่อใบจองได้มั้ยครับ
ลองดู



Slipknot`

ขายต่อใบจองได้มั้ยครับ
ลองดู

+1 วิธีนี้ง่ายสุดครับและได้เงินไวด้วย

ในส่วนถอนจอง ถอนได้ครับ มันจะไม่ให้เราถอนอะสิ - -*

เพราะถ้าเซลออกไปแล้ว ก็จะมีคนใหม่มารับช่วงต่อครับ ติดต่อคนนั้นหรือยังครับ

อย่าให้มันยึดไปนะครับ เงินเราตั้ง 5,000 อย่าไปยอมครับ

ไม่ก็ลองโทรไปศูนย์ใหญ่เลยครับ แจ้งเลยว่า ศูนย์นี้ทำแบบนี้ อย่างงี้



Wayfarer-R

จองยี่ห้อไร รุ่นไหนไว้ครับ ?



Everlast

Jazz Hybrid ครับ



Public P

อย่างที่เพื่อนๆว่าครับขายใบจองเร็วสุด ถ้าไม่เอาวิธีนี้ก็แจ้งศูนย์ใหญ่เลยครับ บริษัทรถลงทุนเท่าไหร่เพื่อทำรถดีๆให้ได้คำชม ให้ขายได้ เสียค่าโฆษณาอีก เขาไม่ยอมเสียชื่อกับเงินห้าพันหรอกครับ แต่ส่วนใหญ่คือคนเขาทำงานไม่มีเวลาหรือขี้เกียจโต้เถียงเลยยอมเสียเงินไป ทำให้บริษัทรถบางที่ได้ใจได้เงินกินเปล่าไปเลย (คิดดูครับถ้ามีกรณีแบบคุณซักสิบคนพอ) ถ้าคุณมีเวลาผมแนะนำคุยกับเขาก่อนครับ ถ้าเขาไม่ให้ไปร้องเรียน สคบ ครับ ถ้าอยู่ต่างจังหวัดแล้วมีสำนักงานอัยการอยู่ใกล้ๆก็เข้าไปเลยครับที่ศูนย์ช่วยเหลือประชาชน  ได้คืนแน่ครับถ้าเป็นกรณีอย่างที่คุณว่า แค่หนังสือฉบับแรกจากหน่วยงานเหล่านั้นไปถึงเขา เขาก็รีบคืนให้คุณแล้วครับ



NINENOI

^
^
^

หุหุหุ แล้วจะมีบ่นกระปอดกระแปดว่าเรื่องแค่นี้คุยกันดีๆก็ได้ (คุยแล้วโว้ยแต่เมิงไม่สนใจเลย)  :) :) :)
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น



apinui

อ่านแล้ว เค้ามีสิทธิ์ไม่คืนได้ครับ

เพราะดูเหตุผลแล้ว เกิดจากความไม่พร้อมของผู้จองเอง ไม่ใช่ดีลเลอร์

ถ้าจัดไฟแนนท์แล้ว ผลกู้ไม่ผ่าน แบบนี้คืนครับ แต่นี่ ให้จัดไฟแนนท์ ผู้ซื้อ(หมายถึงพี่สาว)ก็ไม่พร้อมมาเซ็นท์ ให้หาคนค้ำ ... คนค้ำก็ไม่ค้ำให้อีก .....

สรุปโดยรวม ผู้ซื้อไม่พร้อมแล้วมาจองรถ สรุป ไม่คืน ถูกต้องแล้วครับ



Everlast

อ่านแล้ว เค้ามีสิทธิ์ไม่คืนได้ครับ

เพราะดูเหตุผลแล้ว เกิดจากความไม่พร้อมของผู้จองเอง ไม่ใช่ดีลเลอร์

ถ้าจัดไฟแนนท์แล้ว ผลกู้ไม่ผ่าน แบบนี้คืนครับ แต่นี่ ให้จัดไฟแนนท์ ผู้ซื้อ(หมายถึงพี่สาว)ก็ไม่พร้อมมาเซ็นท์ ให้หาคนค้ำ ... คนค้ำก็ไม่ค้ำให้อีก .....

สรุปโดยรวม ผู้ซื้อไม่พร้อมแล้วมาจองรถ สรุป ไม่คืน ถูกต้องแล้วครับ

อันนี้จริงครับ แต่ในมุมของคนจองก็วางเงินโดยไม่รู้เงื่อนไขนี้ก่อนเหมือนกัน ผมก็คิดว่าต่างฝ่ายต่างไม่ผิด แต่ควรจะยกประโยชน์ให้ลูกค้านะครับ 5,000 ของบริษัทกับ 5,000 ของลูกค้าคุณค่ามันต่างกันเยอะอยู่



adis

หนทางที่ดีที่สุดก็อย่างที่เพื่อน ๆ ข้างบนว่ามาครับ ลองขายไปจองดู
แต่ผมว่าเงื่อนไขของไฟแนนท์ตามที่เล่ามา มันมากเกินไปนะครับ
ผมอยู่ปัตตานีครับ ไม่เห็นต้องมีคนค้ำเพราะเหตุว่าพื้นที่อันตรายเลย
ตอนออกรถวิทาร่า ผมก็ออกที่กทม.นะ ไฟแนนท์ก็มีสาขาทั่วประเทศ มาทำเอกสารไฟแนนท์ที่ที่ทำงานผมที่ปัตตานีเลย
ไม่ยุ่งยากอะไรเลยครับ สองวันเสร็จ อนุมัติไม่ยากเลย  แล้วก็ไปออกรถที่ กทม.



Public P

ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา
เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2551
           อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 ทวิ  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2)  พ.ศ. 2541   อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการที่เกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29  ประกอบมาตรา 43  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  บัญญัติให้กระทำได้  โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย  ประกอบกับมาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5  แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ. 2542  คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาออกประกาศไว้ดังต่อไปนี่
 ข้อ 1  ให้ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
      ข้อ 2  ในประกาศนี้
      “ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจอง” หมายความว่า  การประกอบกิจการขายรถยนต์โดยผู้ประกอบธุรกิจนำรถยนต์ออกขายโดยให้ผู้บริโภคทำการจองซื้อ
       “สัญญาจองรถยนต์” หมายความว่า  ข้อตกลงใด ๆ ที่ผู้บริโภคทำกับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อการจองซื้อรถยนต์  โดยผู้ประกอบธุรกิจได้รับเงินหรือได้รับสิ่งใดไว้เป็นมัดจำและให้คำมั่นว่าจะส่งมอบรถยนต์ให้ผู้บริโภคตามเวลาที่กำหนดในสัญญา
       “รถยนต์” หมายความว่า  รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน  รถยนต์นั่งส่วนบุคคลแต่ไม่เกินสิบสองคน  และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม  ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
      ข้อ 3  สัญญาจองรถยนต์ที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน  ซึ่งขนาดของตัวอักษรไม่เล็กกว่าสองมิลลิเมตร  และต้องใช้ข้อสัญญาที่มีสาระสำคัญและเงื่อนไข  ดังต่อไปนี้
       (1)  รายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์  ดังนี้
             (1.1) ยี่ห้อ รุ่น  ปีที่ผลิต  สี  และขนาดกำลังเครื่องยนต์
             (1.2)  รายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมหรือของแถมหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ (ถ้ามี)
             (1.3)  จำนวนเงิน  หรือสิ่งที่รับไว้เป็นมัดจำ (ถ้ามี)
             (1.4)  ราคา
       (2)  กำหนดเวลาที่คาดว่าจะส่งมอบรถยนต์
       (3)  ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ประกอบธุรกิจกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง  ดังต่อไปนี้
            (3.1)  ปรับเปลี่ยนราคารถยนต์สูงขึ้น
            (3.2)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ให้ผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด
            (3.3)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มี  ยี่ห้อ  รุ่น  ปีที่ผลิต  สี และขนาดกำลังเครื่องยนต์  ตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
            (3.4)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มีรายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมและของแถม  หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามที่กำหนดในสัญญา
       (4)  ผู้บริโภคหรือผู้ประกอบธุรกิจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสิทธิบอกเลิกสัญญา  หากมีข้อเท็จจริงที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับทราบว่า  ผู้บริโภคต้องขอสินเชื่อเพื่อการซื้อรถยนต์และผู้บริโภคไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อตามที่ขอภายในกำหนดเวลาตาม (2)
       (5)  เมื่อมีการบอกเลิกสัญญาตาม(3) หรือ (4) แล้ว  ผู้ประกอบธุรกิจต้องคืนเงินหรือสิ่งใดที่รับไว้เป็นมัดจำทั้งหมดแก่ผู้บริโภค ภายใน 15 วัน
       (6)  การผิดสัญญาเรื่องใดของผู้บริโภคที่มีผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจะต้องเป็นข้อที่ผู้ประกอบธุรกิจระบุไว้เป็นการเฉพาะตัวอักษรที่เห็นเด่นชัดกว่าข้อความทั่วไป
      ข้อ 4  ข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือมีความหมายทำนองเดียวกัน  ดังต่อไปนี้
              (1)  ข้อสัญญาที่เป็นการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญาของผู้ประกอบธุรกิจ
              (2)  ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาการส่งมอบรถยนต์  หรือเงื่อนไขต่าง ๆ  ตามที่กำหนดในสัญญาจองรถยนต์  ทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระเพิ่มขึ้นมากกว่าภาระที่เป็นอยู่ในเวลาทำสัญญา
              (3)  ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจบอกเลิกสัญญากับผู้บริโภค  โดยผู้บริโภคโดยผู้บริโภคมิได้ผิดสัญญา  หรือผิดเงื่อนไขอันเป็นสาระสำคัญข้อใดข้อหนึ่งในสัญญา
           ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1  ธันวาคม พ.ศ. 2551  เป็นต้นไป
                                                      ประกาศ ณ  วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

                                                             ลงชื่อ  นายขวัญชัย  สันตสว่าง
                                                             ประธานกรรมการว่าด้วยสัญญา

(ข้อมูลจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 125 ตอนพิเศษ 167 ง  วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551)
         
             ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ จขกท ว่าจริงๆที่ว่าเนื่องจากไฟแนนซ์เพิ่มเงื่อนไขเรื่องผู้ค้ำประกันมาเราเลยไม่สะดวกที่จะทำสัญญาไฟแนนซ์ต่อไป พูดง่ายๆไม่มีผู้ค้ำประกันไฟแนนซ์ไม่ให้ แล้วยังเงื่อนไขที่ให้ไปทำสัญญาไกลซะขนาดนั้น (ดูข้อ 4 ด้านบนครับ) ผมแนะนำเลยครับคุณอยู่ต่างจังหวัดใช่ไหมครับ ไปสำนักงานอัยการที่ใกล้บ้านคุณเลยครับ ที่หน่วยช่วยเหลือประชาชน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ ทางอัยการเขาจะให้คำปรึกษาแก่ท่านและหากคุณถูกเอาเปรียบก็จะดำเนินการให้ครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆอีกเช่นกันครับ แต่ให้บอกข้อเท็จจริงให้ละเอียดตรงต่อความเป็นจริงนะครับ นำหลักฐานทั้งหมดไปด้วยนะครับที่เกี่ยวกับการจองรถ ที่ตรงนั้นคุณจะได้รับคำแนะนำที่ชัดเจนครับ จะได้คืนหรือไม่ เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายหรือไม่ ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงโดยละเอียดทั้งหมดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2013, 12:12:12 โดย Public P »



oatz

ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา
เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2551
           อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 ทวิ  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2)  พ.ศ. 2541   อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการที่เกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29  ประกอบมาตรา 43  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  บัญญัติให้กระทำได้  โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย  ประกอบกับมาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5  แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ. 2542  คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาออกประกาศไว้ดังต่อไปนี่
 ข้อ 1  ให้ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
      ข้อ 2  ในประกาศนี้
      “ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจอง” หมายความว่า  การประกอบกิจการขายรถยนต์โดยผู้ประกอบธุรกิจนำรถยนต์ออกขายโดยให้ผู้บริโภคทำการจองซื้อ
       “สัญญาจองรถยนต์” หมายความว่า  ข้อตกลงใด ๆ ที่ผู้บริโภคทำกับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อการจองซื้อรถยนต์  โดยผู้ประกอบธุรกิจได้รับเงินหรือได้รับสิ่งใดไว้เป็นมัดจำและให้คำมั่นว่าจะส่งมอบรถยนต์ให้ผู้บริโภคตามเวลาที่กำหนดในสัญญา
       “รถยนต์” หมายความว่า  รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน  รถยนต์นั่งส่วนบุคคลแต่ไม่เกินสิบสองคน  และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม  ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
      ข้อ 3  สัญญาจองรถยนต์ที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน  ซึ่งขนาดของตัวอักษรไม่เล็กกว่าสองมิลลิเมตร  และต้องใช้ข้อสัญญาที่มีสาระสำคัญและเงื่อนไข  ดังต่อไปนี้
       (1)  รายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์  ดังนี้
             (1.1) ยี่ห้อ รุ่น  ปีที่ผลิต  สี  และขนาดกำลังเครื่องยนต์
             (1.2)  รายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมหรือของแถมหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ (ถ้ามี)
             (1.3)  จำนวนเงิน  หรือสิ่งที่รับไว้เป็นมัดจำ (ถ้ามี)
             (1.4)  ราคา
       (2)  กำหนดเวลาที่คาดว่าจะส่งมอบรถยนต์
       (3)  ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ประกอบธุรกิจกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง  ดังต่อไปนี้
            (3.1)  ปรับเปลี่ยนราคารถยนต์สูงขึ้น
            (3.2)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ให้ผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด
            (3.3)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มี  ยี่ห้อ  รุ่น  ปีที่ผลิต  สี และขนาดกำลังเครื่องยนต์  ตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
            (3.4)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มีรายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมและของแถม  หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามที่กำหนดในสัญญา
       (4)  ผู้บริโภคหรือผู้ประกอบธุรกิจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสิทธิบอกเลิกสัญญา  หากมีข้อเท็จจริงที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับทราบว่า  ผู้บริโภคต้องขอสินเชื่อเพื่อการซื้อรถยนต์และผู้บริโภคไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อตามที่ขอภายในกำหนดเวลาตาม (2)
       (5)  เมื่อมีการบอกเลิกสัญญาตาม(3) หรือ (4) แล้ว  ผู้ประกอบธุรกิจต้องคืนเงินหรือสิ่งใดที่รับไว้เป็นมัดจำทั้งหมดแก่ผู้บริโภค ภายใน 15 วัน
       (6)  การผิดสัญญาเรื่องใดของผู้บริโภคที่มีผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจะต้องเป็นข้อที่ผู้ประกอบธุรกิจระบุไว้เป็นการเฉพาะตัวอักษรที่เห็นเด่นชัดกว่าข้อความทั่วไป
      ข้อ 4  ข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือมีความหมายทำนองเดียวกัน  ดังต่อไปนี้
              (1)  ข้อสัญญาที่เป็นการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญาของผู้ประกอบธุรกิจ
              (2)  ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาการส่งมอบรถยนต์  หรือเงื่อนไขต่าง ๆ  ตามที่กำหนดในสัญญาจองรถยนต์  ทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระเพิ่มขึ้นมากกว่าภาระที่เป็นอยู่ในเวลาทำสัญญา
              (3)  ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจบอกเลิกสัญญากับผู้บริโภค  โดยผู้บริโภคโดยผู้บริโภคมิได้ผิดสัญญา  หรือผิดเงื่อนไขอันเป็นสาระสำคัญข้อใดข้อหนึ่งในสัญญา
           ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1  ธันวาคม พ.ศ. 2551  เป็นต้นไป
                                                      ประกาศ ณ  วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

                                                             ลงชื่อ  นายขวัญชัย  สันตสว่าง
                                                             ประธานกรรมการว่าด้วยสัญญา

(ข้อมูลจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 125 ตอนพิเศษ 167 ง  วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551)
         
             ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ จขกท ว่าจริงๆที่ว่าเนื่องจากไฟแนนซ์เพิ่มเงื่อนไขเรื่องผู้ค้ำประกันมาเราเลยไม่สะดวกที่จะทำสัญญาไฟแนนซ์ต่อไป พูดง่ายๆไม่มีผู้ค้ำประกันไฟแนนซ์ไม่ให้ แล้วยังเงื่อนไขที่ให้ไปทำสัญญาไกลซะขนาดนั้น (ดูข้อ 4 ด้านบนครับ) ผมแนะนำเลยครับคุณอยู่ต่างจังหวัดใช่ไหมครับ ไปสำนักงานอัยการที่ใกล้บ้านคุณเลยครับ ที่หน่วยช่วยเหลือประชาชน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ ทางอัยการเขาจะให้คำปรึกษาแก่ท่านและหากคุณถูกเอาเปรียบก็จะดำเนินการให้ครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆอีกเช่นกันครับ แต่ให้บอกข้อเท็จจริงให้ละเอียดตรงต่อความเป็นจริงนะครับ นำหลักฐานทั้งหมดไปด้วยนะครับที่เกี่ยวกับการจองรถ ที่ตรงนั้นคุณจะได้รับคำแนะนำที่ชัดเจนครับ จะได้คืนหรือไม่ เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายหรือไม่ ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงโดยละเอียดทั้งหมดครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้คับ ตรงจุดสุดๆๆ



apinui

ถ้าจะไปติดต่ออัยการ ผมว่า โทรไปหาไฟแนนท์ ขอใบ Reject ว่าไม่ผ่านไฟแนนท์เพราะไม่มีผู้ค้ำ แล้วเอาไปยื่นโชว์รูม ก็ได้คืนแล้วครับ มันจะง่ายกว่า ตามข้อ 4 นะครับ

ไปติดต่ออัยการ สาวความกันยาวแน่ครับ



Public P

ถ้าจะไปติดต่ออัยการ ผมว่า โทรไปหาไฟแนนท์ ขอใบ Reject ว่าไม่ผ่านไฟแนนท์เพราะไม่มีผู้ค้ำ แล้วเอาไปยื่นโชว์รูม ก็ได้คืนแล้วครับ มันจะง่ายกว่า ตามข้อ 4 นะครับ

ไปติดต่ออัยการ สาวความกันยาวแน่ครับ
อ่านแล้ว เค้ามีสิทธิ์ไม่คืนได้ครับ

เพราะดูเหตุผลแล้ว เกิดจากความไม่พร้อมของผู้จองเอง ไม่ใช่ดีลเลอร์

ถ้าจัดไฟแนนท์แล้ว ผลกู้ไม่ผ่าน แบบนี้คืนครับ แต่นี่ ให้จัดไฟแนนท์ ผู้ซื้อ(หมายถึงพี่สาว)ก็ไม่พร้อมมาเซ็นท์ ให้หาคนค้ำ ... คนค้ำก็ไม่ค้ำให้อีก .....

สรุปโดยรวม ผู้ซื้อไม่พร้อมแล้วมาจองรถ สรุป ไม่คืน ถูกต้องแล้วครับ
ผมแนะนำ จขกท ตามขั้นตอนเท่าที่ผมทราบครับ และเจตนาของผมคือให้ความรู้ในสิ่งที่ผมทราบครับ ไม่ได้บังคับให้ต้องปฏิบัติแบบนั้นครับ เป็นแค่ทางเลือกทางหนึ่งครับ(และคงเป็นทางสุดท้าย) อีกอย่างความเห็นตอนแรกของคุณบอกเค้ามีสิทธิ์ไม่คืนผมเลยแนะนำขั้นตอนต่อไปให้ครับ แต่ถ้าทำได้อย่างที่คุณแนะนำตอนหลังอันนั้นดีที่สุดครับ ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2013, 22:29:41 โดย Public P »



lemon

       เอ ไม่รู้ ว่าเซ็นต์ทำสัญญาหรือจองครับ
       กรณีผม ตอนจองผมก็โอนเงินจอง เมลสำเนาบัตรประชาชนให้เซลล์ทำเรื่องจอง ตอนทำสัญญากับไฟแนนซ์ก็มาเซ็นต์ถึงบ้าน(ไฟแนนซ์น่าจะมีสาขาทั่วประเทศ) 
ปล.(ฮอนด้าเหมือนกัน)ผมก็อยู่ ตจว.อีสานครับ แต่ผมดาวน์ 25% ไม่ต้องมีคนค้ำ แต่ถ้าต้องค้ำก็เซ็นต์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ถ้าเป็นเรื่องการเซ็นต์เอกสารเราก็ไม่น่าผิดเงื่อนไขนะครับ ยกเว้นว่ารถมาตามกำหนดเวลาแล้วเราไม่มาเซ็นต์รับ (ความเข้าใจส่วนตัวนะครับ)
      ควรทำเพื่อความถูกต้องครับ ถ้าจำเป็นก็ลองโทรเข้า call center ครับ



top3245

ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา
เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2551
           อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 ทวิ  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2)  พ.ศ. 2541   อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการที่เกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29  ประกอบมาตรา 43  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  บัญญัติให้กระทำได้  โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย  ประกอบกับมาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5  แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและลักษณะของสัญญา พ.ศ. 2542  คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาออกประกาศไว้ดังต่อไปนี่
 ข้อ 1  ให้ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
      ข้อ 2  ในประกาศนี้
      “ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจอง” หมายความว่า  การประกอบกิจการขายรถยนต์โดยผู้ประกอบธุรกิจนำรถยนต์ออกขายโดยให้ผู้บริโภคทำการจองซื้อ
       “สัญญาจองรถยนต์” หมายความว่า  ข้อตกลงใด ๆ ที่ผู้บริโภคทำกับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อการจองซื้อรถยนต์  โดยผู้ประกอบธุรกิจได้รับเงินหรือได้รับสิ่งใดไว้เป็นมัดจำและให้คำมั่นว่าจะส่งมอบรถยนต์ให้ผู้บริโภคตามเวลาที่กำหนดในสัญญา
       “รถยนต์” หมายความว่า  รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน  รถยนต์นั่งส่วนบุคคลแต่ไม่เกินสิบสองคน  และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม  ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
      ข้อ 3  สัญญาจองรถยนต์ที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน  ซึ่งขนาดของตัวอักษรไม่เล็กกว่าสองมิลลิเมตร  และต้องใช้ข้อสัญญาที่มีสาระสำคัญและเงื่อนไข  ดังต่อไปนี้
       (1)  รายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์  ดังนี้
             (1.1) ยี่ห้อ รุ่น  ปีที่ผลิต  สี  และขนาดกำลังเครื่องยนต์
             (1.2)  รายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมหรือของแถมหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ (ถ้ามี)
             (1.3)  จำนวนเงิน  หรือสิ่งที่รับไว้เป็นมัดจำ (ถ้ามี)
             (1.4)  ราคา
       (2)  กำหนดเวลาที่คาดว่าจะส่งมอบรถยนต์
       (3)  ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ประกอบธุรกิจกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง  ดังต่อไปนี้
            (3.1)  ปรับเปลี่ยนราคารถยนต์สูงขึ้น
            (3.2)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ให้ผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด
            (3.3)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มี  ยี่ห้อ  รุ่น  ปีที่ผลิต  สี และขนาดกำลังเครื่องยนต์  ตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
            (3.4)  ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มีรายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมและของแถม  หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามที่กำหนดในสัญญา
       (4)  ผู้บริโภคหรือผู้ประกอบธุรกิจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสิทธิบอกเลิกสัญญา  หากมีข้อเท็จจริงที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับทราบว่า  ผู้บริโภคต้องขอสินเชื่อเพื่อการซื้อรถยนต์และผู้บริโภคไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อตามที่ขอภายในกำหนดเวลาตาม (2)
       (5)  เมื่อมีการบอกเลิกสัญญาตาม(3) หรือ (4) แล้ว  ผู้ประกอบธุรกิจต้องคืนเงินหรือสิ่งใดที่รับไว้เป็นมัดจำทั้งหมดแก่ผู้บริโภค ภายใน 15 วัน
       (6)  การผิดสัญญาเรื่องใดของผู้บริโภคที่มีผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจะต้องเป็นข้อที่ผู้ประกอบธุรกิจระบุไว้เป็นการเฉพาะตัวอักษรที่เห็นเด่นชัดกว่าข้อความทั่วไป
      ข้อ 4  ข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือมีความหมายทำนองเดียวกัน  ดังต่อไปนี้
              (1)  ข้อสัญญาที่เป็นการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญาของผู้ประกอบธุรกิจ
              (2)  ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาการส่งมอบรถยนต์  หรือเงื่อนไขต่าง ๆ  ตามที่กำหนดในสัญญาจองรถยนต์  ทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระเพิ่มขึ้นมากกว่าภาระที่เป็นอยู่ในเวลาทำสัญญา
              (3)  ข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ประกอบธุรกิจบอกเลิกสัญญากับผู้บริโภค  โดยผู้บริโภคโดยผู้บริโภคมิได้ผิดสัญญา  หรือผิดเงื่อนไขอันเป็นสาระสำคัญข้อใดข้อหนึ่งในสัญญา
           ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1  ธันวาคม พ.ศ. 2551  เป็นต้นไป
                                                      ประกาศ ณ  วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

                                                             ลงชื่อ  นายขวัญชัย  สันตสว่าง
                                                             ประธานกรรมการว่าด้วยสัญญา

(ข้อมูลจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 125 ตอนพิเศษ 167 ง  วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551)
         
             ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ จขกท ว่าจริงๆที่ว่าเนื่องจากไฟแนนซ์เพิ่มเงื่อนไขเรื่องผู้ค้ำประกันมาเราเลยไม่สะดวกที่จะทำสัญญาไฟแนนซ์ต่อไป พูดง่ายๆไม่มีผู้ค้ำประกันไฟแนนซ์ไม่ให้ แล้วยังเงื่อนไขที่ให้ไปทำสัญญาไกลซะขนาดนั้น (ดูข้อ 4 ด้านบนครับ) ผมแนะนำเลยครับคุณอยู่ต่างจังหวัดใช่ไหมครับ ไปสำนักงานอัยการที่ใกล้บ้านคุณเลยครับ ที่หน่วยช่วยเหลือประชาชน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ ทางอัยการเขาจะให้คำปรึกษาแก่ท่านและหากคุณถูกเอาเปรียบก็จะดำเนินการให้ครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆอีกเช่นกันครับ แต่ให้บอกข้อเท็จจริงให้ละเอียดตรงต่อความเป็นจริงนะครับ นำหลักฐานทั้งหมดไปด้วยนะครับที่เกี่ยวกับการจองรถ ที่ตรงนั้นคุณจะได้รับคำแนะนำที่ชัดเจนครับ จะได้คืนหรือไม่ เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายหรือไม่ ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงโดยละเอียดทั้งหมดครับ


ดูจากชื่อ ล๊อคอินแล้ว ผมเดาว่าท่านต้องจะมีอาชีพเป็นอัยการ ครับ