ซูซูกิเดินหน้าลุยตลาดครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น หวังปั้นยอด 1 แสนคันตามเป้า พร้อมเคลียร์แบ็กออร์เดอร์รุ่น เล็ทส์ ภายใน 2 เดือน หลังลูกค้าตอบรับดี แต่ชิ้นส่วนและการผลิตไม่ทันกับความต้องการ
นายเลิศศักดิ์ นววิมาน กรรมการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิ เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ว่าแผนงานครึ่งปีหลังจะทำการเปิดตัวรถรุ่นใหม่จำนวน 4 รุ่น แบ่งออกเป็นรถในตระกูลอีโค รุ่นที่ 3 ต่อจาก เน็กซ์ ,เล็ทส์-เล็ทส์ พรีเมียม โดยจะเป็นรถรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเปิดตัวมาก่อนอีก 2 รุ่น และจะเป็นการสร้างเซ็กเมนต์ใหม่ในตลาด และอีก 1 รุ่นจะเป็นโมเดลใหม่ที่จะกลับมาสู่ตลาดประเทศไทยอีกครั้ง
"ครึ่งปีแรกของเราต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามคาดว่ายอดขายในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 76,300 คัน โดยเราตั้งเป้าไว้ 1 แสนคัน ซึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้ยอดขายเราเติบโตนั้นก็มาจากรถรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเปิดตัวมาก่อนและการปรับโฉมรถรุ่นอื่นๆเข้าสู่ตลาด รวมไปถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาด และการปรับโครงสร้าง"
นายเลิศศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตอบรับของลูกค้าที่มีต่อรถรุ่นใหม่อย่าง เล็ทส์ และเล็ทส์ พรีเมียมในช่วงที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้เดือนละ 2 พันคัน ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดือนละ 3 พันคัน ซึ่งสาเหตุที่ต่ำกว่าเป้านั้นก็เป็นเพราะผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่สามารถผลิตและส่งมอบชิ้นส่วนให้ทันกับความต้องการของรถรุ่นนี้ได้ ทำให้สามารถผลิตรถรุ่นนี้ได้เพียงเดือนละ 2 พันคันเท่านั้น ส่งผลให้ติดแบ็กออร์เดอร์ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถจัดการแบ็กออร์เดอร์ให้แล้วเสร็จประมาณ 2 เดือน
ขณะที่ ซูซูกิ เน็กซ์ (Nex) มียอดขายต่อเดือนประมาณ 1 พันคัน ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดือนละ 2 พันคัน โดยคาดว่ากลุ่มลูกค้าที่หายไปมีการขยับไปเลือกซื้อ ซูซูกิ เล็ทส์ แทนเพราะมีรูปทรง-ดีไซน์ ที่ถูกใจกว่า
"กำลังการผลิตของโรงงานซูซูกิมีเพียงพอ แต่ว่ารถบางรุ่นไม่สามารถเพิ่มการผลิตให้ทันกับความต้องการของลูกค้าได้ โดยเฉพาะรุ่น เล็ทส์ และเล็ทส์ พรีเมียมนั้น ติดปัญหาที่บริษัทชิ้นส่วนไม่สามารถผลิตและส่งมอบชิ้นส่วนให้ทัน ซึ่งเราก็คาดว่าจะเคลียร์ปัญหาดังกล่าวได้ภายใน 2 เดือนนี้ "
นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ด้านแผนงานของรถบิ๊กไบค์ในช่วงนี้ จะเน้นการทยอยส่งมอบรถที่ลูกค้าสั่งจองตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมียอดประมาณ 30 คัน ส่วนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่หรือแผนงานการลงทุนในส่วนของรถบิ๊กไบค์นั้นจะมีการพิจารณากันอีกครั้งหลังจากนี้
"ตลาดบิ๊กไบค์เป็นตลาดที่มีการขยายตัว และซูซูกิยังคงทำตลาดอยู่ โดยในช่วงงานมอเตอร์โชว์มีลูกค้าเข้ามาจอง และเราก็ได้บอกกล่าวกับลูกค้าว่าอาจจะรอรถนานและจะเริ่มส่งมอบได้เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งลูกค้าบางส่วนก็เข้าใจและรอ ส่วนแนวทางการย้ายฐานการผลิตของบิ๊กไบค์จากญี่ปุ่นมาไทยนั้นต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เราถือว่าประเทศไทยเป็นฐานที่สำคัญของซูซูกิ ทั้งในแง่ของจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ ดังจะเห็นจากการเข้ามาลงทุนสร้างโรงงาน รวมไปถึงการปรับโครงสร้างในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจากแนวทางที่เราทำมาโดยตลอด เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำตลาดในประเทศไทย และเราจะยังคงก้าวต่อไป"
นายเลิศศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเครื่องยนต์เรือ ที่ทำการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลักนั้น ความคืบหน้าในการขยายโรงงานก็เป็นไปตามแผนงาน โดยคาดว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ 6.5 - 7 หมื่นเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 6 หมื่นเครื่อง และแบ่งสัดส่วนการผลิตออกเป็น ผลิตเพื่อส่งออก 90% และผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศ 10%
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=186617:2-4&catid=134:than-auto-&Itemid=452