++ ยอดจอง 2014 Honda City ร่วม 4-5 พันคันใน 3 อาทิตย์กว่า : ไม่ทิ้ง Ecocar ++

HOMY_DEMIO

สมภพ ปฏิภานธาดา "ฮอนด้าตีโจทย์แตกทุกข้อ"

หอการค้าไทยญี่ปุ่นหรือเจซีซีรายงานยอดขายรถยนต์เดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมาว่า เหลือเพียง 6 หมื่นกว่าคัน ถือว่าหดตัวลงอย่างรุนแรงจากปกติที่มียอดเฉลี่ยต่อเดือนระดับแสนคัน

สถานการณ์ดังกล่าว "นายสมภพ ปฏิภานธาดา" ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่าตลาดรถยนต์ปีนี้หลายคนมองว่าการแข่งขันในตลาดจะเปลี่ยนรูปแบบจากปีที่แล้ว ซึ่งเล่นกันที่การถล่มแคมเปญมาเป็นอย่างอื่นแทน เพราะแต่ละค่ายเคลียร์ปัญหาสต๊อกกันลงตัวจะยังคงมีต่อไป และมองว่าตลาดรถยนต์ปีนี้จะเป็นปีของการทำแคมเปญเพื่อกระตุ้นการขาย

นายสมภพมองว่าโจทย์ของการตลาดและขายในแต่ละปีไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะจากปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม เช่น น้ำท่วม โครงการรถยนต์คันแรก เพราะฉะนั้นโจทย์ที่แตกต่างและท้าทาย เราต้องตีให้แตก

วันนี้ไปติดตามกันว่าฮอนด้ามองโจทย์ของปีนี้ไว้อย่างไร รวมถึงวิธีการขับเคลื่อนเพื่อไปสู่เป้าหมาย

- กระเเสตอบรับฮอนด้า ซิตี้

หลังจากเปิดตัวฮอนด้า ซิตี้ใหม่ไปได้แค่ 3 สัปดาห์ เรามียอดจองเข้ามากว่า 4,000-5,000 คันไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการตอบรับที่ดีมาก ๆ จากเป้าหมาย 1 ปีที่กำหนดไว้ 60,000 คัน รถรุ่นนี้เราเน้นเจาะลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน หรือกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ ๆ

- ประเมินตลาดรวม

หากจะดูจากยอดขายรถยนต์ในช่วงเดือนแรกของปีที่ผ่านมา เห็นว่ายอดขายมีประมาณกว่า 6 หมื่นคัน ตัวเลขนี้ฮอนด้ายังมองว่าปกตินะ เดือนมกราคมเทียบกับเดือนธันวาคม ยอดขายรถยนต์จะลดลง ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติ บังเอิญมีการนำไปเทียบมกราคม

ปี 2556 ซึ่งก็ต้องเห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน เนื่องจากเดือนมกราคมของปีก่อนมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการรถยนต์คันแรก ขณะที่ปีนี้ไม่มีแรงสนับสนุน ถ้าจะเทียบยอดขายที่ใกล้เคียงความเป็นจริง ควรจะต้องย้อนกลับไปเทียบกับเดือนมกราคม ปี 2554

ทั้งนี้หากประเมินยอดขายของเดือนธันวาคม ปี 2556 กับเดือนมกราคม ปี 2557 จะเห็นว่ามีปัจจัยหลาย ๆ ด้านที่ส่งผลกระทบกับยอดขายโดยรวม ทั้งภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง โดยส่วนตัวแล้วมองว่าปัจจัยเหล่านี้ทำให้ยอดขายระหว่าง 2 เดือนนี้ตกลงไปมากกว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 15%

- ต้องปรับเป้าหมายหรือไม่

สถานการณ์ที่ผ่านมาในเเดือนแรกนี้ ยังไม่ได้ส่งผลให้ฮอนด้าต้องตัดสินใจปรับเป้าหมายยอดขายแต่อย่างใด ตอนนี้เรายังมองยอดขายรถยนต์โดยรวมของปีนี้อยู่ที่ 1.3 ล้านคัน โดยฮอนด้าจะมียอดขายที่ 1.8 แสนคัน เป้าหมายดังกล่าวเป็นการประเมินตลาดบนพื้นฐานความเป็นจริง และมองถึงช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แต่หากสถานการณ์ของตลาดมีการเปลี่ยนแปลง ฮอนด้าได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที จากนี้ไปฮอนด้าเราต้องประเมินและมองสถานการณ์ของตลาดแบบ "เดือนต่อเดือน" แต่ขณะนี้แผนดำเนินธุรกิจทุกอย่างยังอยู่ในแผนงานปกติที่วางไวั

- มองเทรนด์การแข่งขัน

ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตลาดมีการเล่นแคมเปญส่งเสริมการขายค่อนข้างมาก แต่เมื่อค่ายรถยนต์สามารถปรับสมดุลสต๊อกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เชื่อว่าสภาพของการใช้แคมเปญส่งเสริมการขายจะลดลง แต่ขณะนี้สภาพเศรษฐกิจและการเมืองอาจจะส่งผลให้ค่ายรถบางค่ายต้องเลือกใช้แคมเปญส่งเสริมการขายต่อไปอีก เพื่อกระตุ้นมู้ดการจับจ่ายของลูกค้า เพราะปัจจุบันนี้ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้ลูกค้าที่มีเงินและต้องการใช้รถชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป หลายคนรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นค่ายรถยนต์จัดแคมเปญเพื่อระบายสต๊อก ส่วนปีนี้จะเป็นการใช้แคมเปญเพื่อกระตุ้นการขาย

- จะรุนแรงแค่ไหน

สำหรับตลาดรวมที่เราประเมินไว้ที่ 1.3 ล้านคันนั้น ฮอนด้าเชื่อว่าสัดส่วนยอดขาย 50/50 เป็นรถยนต์นั่ง และรถปิกอัพขนาด 1 ตัน

ในส่วนของรถยนต์นั่งกับตลาดอีโคคาร์และบี-คาร์ สัดส่วนการขายอาจจะลดลงไปจาก 1-2 ปีก่อน และตลาดรถยนต์ในกลุ่มซี-คาร์จะกลับมามีส่วนแบ่งที่เพิ่มและดุเดือดมากขึ้น ขณะที่รถปิกอัพก็จะแข่งขันรุนแรงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีรถรุ่นใหม่ของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เตรียมแนะนำออกสู่ตลาด

แต่สำหรับฮอนด้าเอง สัดส่วนการขายของเรายังคงเป็น 50/50 ระหว่างตลาดในกรุงเทพฯกับต่างจังหวัด

- รักษาแชมป์รถนั่งปีนี้

สำหรับฮอนด้าปีนี้ เราก็ต้องเดินหน้าทำให้ดีที่สุด ภายใต้แผนงานที่วางไว้ ซึ่งเราเองก็เตรียมแผนงานดี ๆ ไว้ต่อเนื่อง ประเดิมด้วยการส่งซิตี้ใหม่ออกสู่ตลาด ก็ถือว่าเป็นการบอกอะไรที่สำคัญออกมาแล้ว

- ยอดทิ้งรถคันแรก

ไม่เยอะสำหรับลูกค้าที่จองรถจากโครงการรถยนต์คันแรกแล้วยกเลิกมีประมาณ 20% เนื่องจากลูกค้าของฮอนด้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีคุณภาพระดับหนึ่ง

- แผนกระตุ้นตลาดอีโคคาร์

สำหรับตลาดอีโคคาร์ ฮอนด้าเราเตรียมแผนกระตุ้นตลาดครั้งใหญ่ ที่ผ่านมาลูกค้าที่ซื้อรถบริโอ้ และบริโอ้ อเมซ ของเราจะเป็นกลุ่มฐานลูกค้าเดิมที่เข้ามาซื้อ เพราะความเชื่อมั่นแบรนด์และศูนย์บริการของฮอนด้า ซึ่งการแข่งขันของอีโคคาร์มีความรุนแรงและเข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฮอนด้าจำเป็นต้องมีการปรับแผนการตลาดและตัวสินค้า

สุดท้ายเมื่อถามถึงความพิเศษและทิศทางการขับเคลื่อนนโยยาบของฮอนด้าในประเทศไทย ในวาระฉลอง 50 ปี ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย "สมภพ" ยืนยันชัดเจนว่า เตรียมพบกับแคมเปญฉลอง 50 ปี ของฮอนด้าได้ในเร็ว ๆ นี้ ไม่อยากให้กะพริบตา

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392707821




Poj

 บ ริโอ ลด 1 แสนเลยครับ



NS

บ ริโอ ลด 1 แสนเลยครับ

ต้องลดสักแสนห้าขึ้นไป น่าจะจูงใจมากขึ้นไปอีก  ;D
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ



nudragon

เอาส่วนลดไปปรับปรุงรถให้ออกมาดูดี สมราคา มันก็จะขายได้ในตัวมันเอง



Volta

เอาส่วนลดไปปรับปรุงรถให้ออกมาดูดี สมราคา มันก็จะขายได้ในตัวมันเอง

เห็นด้วยครับ
ผมว่า Swift และ Yaris เป็นตัวอย่างของรถที่ขายตัวมันเองได้เลย
คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆ
สวัสดีทุกๆคนครับ



boy_pilok

เอาส่วนลดไปปรับปรุงรถให้ออกมาดูดี สมราคา มันก็จะขายได้ในตัวมันเอง

เห็นด้วยครับ
ผมว่า Swift และ Yaris เป็นตัวอย่างของรถที่ขายตัวมันเองได้เลย
คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆ
ผมด้วยคน ยืดท้ายออกไปซักคืบ ใส่ประตูท้ายเป็นเหล็ก,ทำไฟท้ายใหม่ น่าจะโอแล้วนะ ;D



delete

อยากฝากคำถามไปถามหน่อยครับว่า ทำยังไงถึงอัดออพชั่นได้ล้นทะลักมาแบบนี้
โดย ราคาไม่ได้แพงขึ้นมาก แล้วจะมีกำไรเหลือเหรอครับ



5thAvenue

สิ่งที่ Honda ต้องทำกับ Brio คือ

สับครึ่งคันหลังทิ้ง แล้ว Re-Design ใหม่ ให้ถูกใจคนใช้มากขึ้น



sajilki

เห็นแล้วป้ายแดงไม่ค่อยสวย สู้ในรูปก่อนเปิดตัวไม่ได้ ท้ายดูลีบ หรือรีบทำ555



Chris Evn

Brio และ Amaze

ครึ่งหน้า สวยน่ารัก ใช้ได้

แค่ครึ่งหลัง ไปออกแบบมาใหม่เถอะ ยืดให้ยาวขึ้น สมส่วนขึ้นหน่อย



roongrus

ผมว่า Brio   เลิกผลิตเถอะ  แล้วเอา Jazz มาแทนใส่เครื่อง 1.2   



Poj

ผมว่า Brio   เลิกผลิตเถอะ  แล้วเอา Jazz มาแทนใส่เครื่อง 1.2   
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ 1.3 ก็ได้ครับ แพงกว่า yaris ต่อรุ่น ไม่เกิน 5 หมื่น รับรอง อันดับ 1 eco แน่นอน



J!MMY

ทำแบบนั้น "ไม่ได้ครับ"

ข้อกำหนด รถที่จะเข้าโครงการ ECO Car ล็อตแรก
ต้องเป็นรถที่ยังไม่เคยมีการผลิตในประเทศไทยมาก่อน
ต่อให้ใช้ชื่อรุ่นเดียวกัน แต่ตัวถังต้องไม่เคยผลิตมาก่อน

Jazz ออกแบบมาให้ใส่เครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,300 ซีซี 100 แรงม้า ขึ้นไป
การใส่เครื่องยนต์เล็กกว่านี้ ลากน้ำหนักตัวเท่าเดิม
จะกินน้ำมันเพิ่มขึ้น และอัตราเร่งก็แย่ลง ค่าไอเสีย ก็อาจไม่ได้เข้ามาตรฐาน ECO Car อยู่ดี