--ขอคำปรึกษาเรื่อง C200 W202 ครับ--

[F.I.P.G.]

สวัสดีครับ สมาชิกทุกท่าน

ขออนุญาตสอบถามเกี่ยวกับรถ MB w202 รุ่น C200 ครับ โดยรถคันดังกล่าวทาง
ผู้ใหญ่จะมอบมาให้ทางผมใช้งานครับเป็นรถเดิมๆ และไม่คิดจะแต่ง ซึ่งขออนุญาต
สอบถามทุกท่านดังนี้ครับ

1. จุดอ่อน หรือ ข้อควรระวัง ในรถรุ่นนี้ มีตรงไหนบ้างครับ

2. เครื่อง M111 ดังกล่าว สามารถดมแก๊ส LPG ได้หรือไม่ครับ ทางผมมีความคิด
ว่าจะลง Donut 42 Litre กับ AC Stag 4 Plus ไม่ทราบว่าพวกหม้อต้มควรจะใช้ของ
ที่แถมมากับชุดแก๊ส หรือ ควรจะอัพเกรดให้รองรับกับกำลังเครื่องดีครับผม และท้าย
รถจะห้อยหรือไม่ ถ้าห้อยมีวิธีการแก้ไขอย่างไรบ้างครับ

3. ก่อนจะติดแก๊ส ควรจะจัดการพวกระบบระบายความร้อน อาทิเช่นปะเก็นฝาสูบ
และ ตาน้ำตามจุดต่างๆ ก่อนที่จะทำการติดตั้งก่อนหรือไม่ครับ

4. ตอนนี้แป้นคันเร่งแข็งสู้เท้ามาก และ ไม่สามารถปลด N เพื่อจอดซ้อนคันได้  สามารถ
ที่จะ Modify เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ได้หรือไม่ครับ

5. รถได้ทำการเปลี่ยนถังน้ำมันมาแล้ว (ราคาอะไหล่ศูนย์ที่ดูบิลประมาณ 60,000) เนื่องจาก
ทางผู้ใหญ่แจ้งว่า เติมโซฮอลล์แล้วเกจ์วัดลงครึ่งถัง แต่ความเป็นจริงคือ น้ำมันหมดถังแล้ว 
จึงมีคำถามว่าถ้าผมจะเติมโซฮอลล์เลี้ยงถังไว้ มันจะส่งผลให้พวกลูกลอยมีปัญหาไหมครับ

ุ6. ตัวกระผมมีแนวคิดที่จะใช้อะไหล่เป็นแบบเทียบ (ถ้าอันไหนจำเป็นต้องแท้ก็ยอมได้ครับ)
จึงสงสัยว่า ราคาอะไหล่เทียบนั้นแรงมากไปไหมครับ เพราะถ้าแพงกว่าพวกรถญี่ปุ่นไม่เกิน
20 -30 เปอร์เซนต์  ก็พอยอมรับได้ครับ

ถ้าสมาชิกทุกท่านมีความคิดเห็นเพิ่มเติม นอกเหนือจาก 6 ข้อดังกล่าว ยินดีครับผม


ขอบคุณมากครับผม 

[belkw202]

2. ดมได้ครับ
4. รถผมตอนจอดเหยียบเบรคแล้วใส่ n ได้เลยนะครับ (เกียคนละลูกกันไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหม) ส่วนเรื่องคันเร่งนี่ทำใจครับ เป็นคันเร่งสายที่แข็งมากกก! แต่ขับไปสักพักเดี๋ยวก็ชินครับ ออกแนวปลง
5. รถผมใช้โซฮอลมา 6ปี+ ละครับ เคยเปลี่ยนปั้มติ๊กไปลูกนึง กับสายน้ำมันอีกเส้นนึง (ก็คงตามอายุมันด้วย เกือบ 20 ปีแล้ว) นอกจากนั้นก็ยังไม่มีปัญหาอะไรครับ
6. ถ้าอะไหล่ที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์หรือระบบไฟอยากจะแนะนำให้ใช้ของแท้มากกว่าครับ ส่วนเรื่องราคาถ้าวิ่งหาเองตามย่านร้านอะไหล่ก็ไม่ได้สูงมากนะครับ แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่ารถมันก็เก่าพอสมควรมันก็มีนู่นมีนี่เสียอยู่เรื่อยๆละครับ
ขอให้มีความสุขก็รถใหม่ครับ

[bmmac]

จัดหนักดีกว่ามั้ง อิอิ
ติดแก็สได้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องคิดมาก ใช่ชุดที่ ac จัดให้นั่นแหละครับ
คันเร่งแข็ง ถ้าเจ้าของเก่าเค้าแก้เดินทิศทางสายคันเร่งให้ใหม่แล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้วหล่ะครับ เดี๋ยวก็ชิน
ก่อนติดแก็ส ควรจัดการเครื่องก่อนดีมั้ย ถ้ามันไม่เสียก็ไม่จำเป็นครับ ระวังเจออู่จัดหนัก ยุให้โอเวอร์ฮอลเครื่องแล้วจะยุ่ง
รักษาตามอาการ ประเก็นเสียคือ มีน้ำมันเครื่องรั่วเข้ากระบอกสูบ ควันจะขาว
ตาน้ำ ถ้าจอดแล้วความร้อนไม่ขึ้นก็ยังปกติดีอยู่ พัดลมสเต็ป 1 และ 2 ทำงานเป็นปกติ ลองยังไง ก็ขับเข้าสุขุมวิทเย็นวันศุกร์เดี๋ยวก็รู้เอง
เรื่องถึงน้ำมัน ไม่น่าจะเกี่ยว ลูกลอยมักมีปัญหา มันจะตกแบบไม่ขึ้นอีกเลย เติมน้ำมันเต็มถึงก็ไม่ขึ้น วิธีแก้คือ ไม่ต้องเติมน้ำมันเต็มถัง
ให้เติมสูงสุดแค่ขีดที่สอง หรือเลยขึ้นไปหน่อย พยายามเลี้ยงเอาไว้ ไม่ให้ เกจ์วัดน้ำมันเชื้อเพลิงตกต่ำกว่าขีดกลาง
เพราะถ้าตกค้างเกินขีดกลางนานเกินไป เข็มจะไม่ขึ้น ของผมเคยร่วนมาแล้ว และใช่วิธีนี้ตอนนี้ยังปกติดีทุกอย่าง
เอาเสื้อหนาวติดรถด้วยนะ เพราะแอร์ถ้าทำมาใหม่จะหนาวมาก
หาอู่ดีๆ ไว้พึ่งพาก็ดีเหมือนกันนะ
หาตามเว็ปเบนซ์

[raygun]

.
.
.
เคยใช้อยู่ครับรุ่นนี้

จุดอ่อนคือ ไอเดิ้ลสปีด ครับ ถ้าไม่ได้ถอดมาล้างบ่อยๆพังครับ
อีกอย่างคือ ปั๊มติ๊ก ต้องคอยหมั่นเปลี่ยนกรองเบนซินครับ จะใช้ได้ยาว

เรื่องคันเร่ง เข้าอู้นอกแล้วบอกเค้าว่า "ขอย้ายสายคันเร่งครับ"
คือรถรุ่นนี้สายคันเร่งมันวนไปวนมาในห้องเครื่องทำให้คันเร่งมันหนัก
พอย้ายให้มันตรงๆ จะเบาเท้าขึ้นเยอะครับ ส่วนใหญ่ทำเกือบทุกคัน

ส่วนเรื่องแก็ส ผมไม่มีความรู้เลยครับ โดยส่วนตัวรุ่นนี้มันก็ไม่ได้กินอะไรมากมาย
รักษารถไว้ดีกว่าครับ

[Zephyrs]

เคยสนใจเหมือนกันนะรุ่นนี้ (ที่บ้านมี 123,124)
1. ช่วงล่างด้านหน้าไม่ค่อยทนกับเมืองไทย (เสียบ่อย) พลาสติกข้างในไม่ได้ทนเท่าไหร่ กรอบแตกบ้างบางจุด (ยุค DaimlerChrysler ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้หมด)
ข้างในค่อนข้างเล็กอยู่ (ประมาณอัลติสตัวก่อนปจบ) แต่อาจจะกว้างกว่านิดๆ ระบบไฟเริ่มมา + อะไหล่เริ่มหายากแล้ว รถหลายปีแล้ว
2. ดมได้ฮะ
3. ควรครับ
4. คันเร่งสายก็ประมาณนี้แหละครับ แต่น่าจะแก้กันได้

เท่าที่จำได้มีแค่นี้ครับ ตัดใจรับมรดก 123 ต่อจากคุณพ่อดีกว่า รู้สึกว่าหลายๆจุดของ W202 มันค่อนข้างเปราะบางลง เทียบกับรถMB สมัยก่อน

ขอให้จขกทโชคดีครับ

[9K]

หลายท่านตอบไปแล้ว ขอเสริมจุดอื่นๆ รุ่นนี้อายุอานามก็คันแรกๆ ก็มี 20 ปีแล้ว ยังไงอะไหล่ใหม่มือสองเทียบยังมีพอสมควรเพราะรถยังมีวิ่ง ใว้ใจได้ในระดับอีกเป็นสิบปีว่าจะมีอะไหล่แน่นอน
ส่วนเรื่องการดูแล อุปกรณ์ ก็ต้องถามว่ารถคุณมีอุปกรณ์อะไรบ้าง เพราะรถเบนซ์รุ่นประมาณปีนั้น เป็นรถที่แต่ละคันมี option ไม่เหมือนคัน ออกศูนย์วันเดียวกัน ออปชั่นต่างกันก็มี
ออปชั่นที่เพิ่มขึ้นมานี่แหละครับที่ทำให้มีประเด็นต้องมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง เช่นกระจกมองข้างพับไฟฟ้า หรือ ม่านหลัง sunroof หรือพวกปัดน้ำฝนไฟหน้า เพราะพื้นฐานเครื่องเกียร์ตัวถังจริงๆทนอยู่แล้ว
อย่างคันที่บ้านผมมี W202 sedan มี hydraulic balance พ่วงมาด้วย ถ้าเปลี่ยนที่ศูนย์เป็นแสน พวกนี้ ถ้าทนใช้หรือไม่ก็ซ่อม ก็คงต้องพึ่งอู่นอกครับ ประเด็นก็คือ อยากให้หาอู่นอกที่ใว้ใจได้
จะช่วยผ่อนเบาค่าซ่อมไปเยอะเลยครับ อย่าง Balance นี่จากแสนเหลือแค่สามหมื่นกว่า รถรุ่นนี้ถ้าทนความอืดช่วงต้นได้ รูปทรง ความทนทาน ผมว่าดูแลดีๆอยู่ได้อีก 10 ปีขึ้นไปสบายๆครับ

[BhuBhu]

หาอู่ดีๆที่ไว้ใจได้อะไหล่มีเยอะซ่อมให้ถึงก็ไม่จุกจิกน่ะครับ
ผมใช้ c180 อยู่รถเก่าแล้วแต่ยัง O.K. อยู่

เรื่องการจอด P ให้อู่ปลดได้ครับผมจอด N ได้แต่ตอน Start ต้องดันไป P

คันเร่่งให้ไปย้ายให้มันตรงก็จะนิ่มขึ้น

อะไหล่มีให้เลือกเยอะ จากเซียงกง, แท้(บางอย่างก็ไม่แพงน่ะ), เทียบก็มีเกรดเลือกได้

เคยคุยกับช่างรุ่นนี้ซ่อมได้หมดไม่ต้องห่วง

[F.I.P.G.]

สวัสดีครับทุกท่าน

ต้องขออภัยทุกท่าน มากๆครับที่กลับมาติดตามคำตอบของทุกท่านช้าไปมาก
เนื่องจากเพิ่งเสร็จกิจธุระครับผม

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านมากๆครับที่ช่วยสละเวลาตอบคำถามของผม
ทำให้ผมนั้น เตรียมตัวกับรถคันใหม่นี้ได้ถูกทางมากขึ้นครับ

ผมนั่งดู รถคันที่จะเอามาแล้ว เป็นรุ่น classic ภายในออกกรมท่า เบาะปรับมือล้วนๆ
จะเรียกได้ว่า มาแต่งานวิศวกรรมเพียวๆก็ไม่ผิดนักครับ  ส่วนตัวผมนั้น ไม่ค่อย
ซีเรียสกับของเล่นมากมายนัก(เพราะมันมาพร้อมกับการดูแลที่ต้องเสียสตางค์ให้
กับมันมากหน่อย) โดยรวมถือว่าพอใจครับ

ทางเจ้าของเก่าได้แนบใบเสร็จการซ่อมมา พบว่ามีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สำคัญๆแล้ว
อาจจะแค่ลงน้ำมันเครื่องใหม่กับทำกับซ่อมเล็กๆน้อย น่าจะโลดแล่นได้พักใหญ่ครับ

ท้ายที่สุดขอบพระคุณทุกท่านมากครับ ถ้ารถสมบูรณืเมื่อไหร่ อาจจะขอทำ User Review
นะครับผม