เพิ่งนึกขึ้นมาได้
Toyota เป็นผู้ริเริ่มในการอัดอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาใน D-Segment เครื่อง 2.0 เช่น
- Airbag 4 ใบ คู่หน้า และ ด้านข้าง
- Cruise Control
- ที่ปัดน้ำฝน Auto
- ไฟหน้าเปิด - ปิด Auto
- ระบบ Plasmacuster ในเครื่องปรับอากาศ
- Bluetooth
พวกนี้มีใน Toyota Camry 2.0G ACV41 ตั้งแต่เปิดตัวช่วงปี 2006 จนถึง minor change
ช่วงนั้นคู่แข่งทั้ง Accord และ Teana อุปกรณ์ในรุ่น 2.0 น้อยมากกกกกกเมื่อเทียบกับ Camry
แต่พอมาปัจจุบัน ทำไมหั่นออกเรียบเลยเนี่ย
เหมือนสมัย tiger d4d นั่นล่ะครับ
ก่อนหน้าเป็นเครื่องบล็อค L กินน้ำมัน จนลูกค้าหนีไปซื้อ isuzu
จนต้องริเริ่มเอาเครืีอง คอมม่อนเรลมาวาง ซึ่งขายดีมาก
เพราะปฎิวัตเรื่องความแรงและความประหยัด
กลายเป็นยี่ห้ออื่นต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องคอมม่อนเรลตามๆกัน
โตโยต้า มักจะติดนิสัยทำอะไรกลางๆเสมอๆ อาจจะเป็นเพราะเป็นเจ้าตลาด
จะทำรถออกมายังไงก็ได้ ยอดขายตกหน่อยก็ใช้ส่วนลดมาสู้ เพราะคนส่วนใหญ่เขาก็ไว้ใจในแบรนด์
แล้วพอไมเนอร์ก็ค่อยใส่อ็อพชั่นเพิ่ม
ทำยังงี้มากๆเข้า ผมว่าคนที่ซื้อก่อนคงรู้สึกเสียใจแน่ๆ ซื้อแพงกว่า อ็อพชั่นน้อยกว่าทั้งๆที่รถยังไม่ไมเนอร์เลย
อันนั้นผมว่ามันเป็นการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นนะครับ
ตอนหลัง Isuzu ก็ยังได้เอาเครื่อง Commonrail มาลงเลยครับ แต่ตอนแรกมาแค่เครื่อง 3.0
แต่กับ Camry รุ่นปัจจุบัน กับ Vigo Champ ผมดูแล้วมันดูเหมือนถอยหลังเลยครับ
Camry 2.0G ถ้าตอนเปิดตัวให้อุปกรณ์มาเท่าๆกับ Camry 2.0G ACV41 ก่อน minor change คงจะไม่ถูกด่าขนาดนี้หรอกครับ
ถ้าจะให้มองแบบโลกสวย รักษ์โลกนะครับ
ที่ตั้งราคา และ อุปกรณ์ มาแบบนี้ในรุ่น 2.0G และ 2.5G เพื่อให้ลูกค้าเห็นราคา แล้วเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าแล้ว
ก็จะขยับไปซื้อ Hybrid แทน ก็จะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเสียสู่โลก ลดการใช้ทรัพยากรน้ำมันลงได้
แต่จะมองแบบนี้ได้ ก็ต่อเมื่อ Hybrid จัดอุปกรณ์มาเต็มกว่านี้อีกพอสมควรนะครับ
พอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวพิมพ์มากไป มันจะเข้าตัวเอง เกิดซวยได้ Camry รุ่นนี้มาใช้ จะพูดไม่ออกเหมือนที่ผ่านมา 2 คัน
ด่ามากๆ ได้มาใช้เองเฉยเลย