เรียนถามท่านผู้มีประสบการณ์ ( รู้ ) ทุกท่านครับ

boy_kity

ซื้อรถมาใหม่ ( นาวารา LE mt )  ต้องใช้อัตราความเร็วเท่าไหร่ครับ ( 1,000 km แรก )  เห็นเขาบอกว่า ( หลาย ๆ คน )  ไม่ควรวิ่งเร็ว  ควรให้พ้น 10,000 km  ก่อน  ให้เครื่องเข้าที่ดีก่อน  จริงไหมครับ



Sarutino

1000 กิโลพอมั๊งครับ เท่านั้นก็เยอะแล้วสำหรับเครื่องยนต์สมัยใหม่

อย่าให้ถึง 10000 โลเลย ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี ;D
"Lose who you are to save what you love."



boy_kity

ความเร็วประมาณเท่าไหร่ครับ ถึงจะพอดี ( เพราะความรู้สึกเรื่องความเร็วแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคน 100 km/h ก็เร็วเเล้ว บางคนก็ว่า 120 )



traveller

ลองคิดตาม คู่มือ โอเวอร์ฮอลเครื่อง ของสำนักพิมพ์ Haynes อังกฤษ ครับ

หลังจาก เปลี่ยน แหวนลูกสูบ ลูกสูบ และ ไส้ในเครื่องแล้ว
ให้ ขับรถที่ความเร็ว 50 กม/ชม แล้ว กดคันเร่งจนสุด ถึง 60 กม/ชม แล้ว ถอนคันเร่ง ปล่อยความเร็วลงเหลือ 50 กม/ชม
ทำซ้ำไปมา 10-12 ครั้ง
ทำเพื่อ สร้าง load ให้แหวนลูกสูบอยู่ในแนวกระบอกสูบ ครับ

ผมคิดว่า หลักการนี้ น่าจะใช้กับ เครื่องใหม่ จากสายพานการผลิตได้เช่นกัน
แต่ ทางโรงงาน น่าจะ ทำให้แล้วนะ

ต่อไปครับ
ขับรถอย่าง gently ในระยะทาง 800 กม แรก ก็เร็วประมาณ 80-90 กม/ชม นั่นแหละครับ
และ ไม่ขับรถที่ความเร็วสูงนานนาน

และ เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องและน้ำมันเครื่อง ที่ระยะ 800-1000 กม แรก

และ ขับรถอย่างปรกติ ไม่รีบ ไม่เฉื่อย ใช้เกียร์เหมาะสม จนถึงระยะ 3000 กม ครับ

ส่วน ช่างในศูนย์บริการ หรือ คู่มือรถ จะว่าอย่างไร เหมือน หรือต่างจาก Haynes
เจ้าของรถ คงต้อง ตัดสินใจเองครับ

ผม เดาว่า ศูนย์บริการบางแห่ง อาจไม่ต้องการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไส้กรอง ที่ 1000 กมแรก เพราะ เขาไม่อยากใช้ทรัพยากรในศูนย์ แบบ ได้เงินน้อย ครับ
และ รอบการเข้าเช็ค ที่ พัน กม แรก จะมีงานที่ได้เงินน้อย ถี่ขึ้น ตาม จำนวน รถใหม่ ที่ขายได้

สิ่งที่ คิดได้ ต่อไปคือ
การประกอบเครื่อง ไม่ว่า เครื่องใหม่ หรือ เก่า
ต้องมี สิ่งสกปรก อยุ่ใน เครื่อง บริเวณ หลัง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง แน่ ครับ
การ เปลี่ยน น้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ที่ 1000 กมแรก คือ การ กำจัด สิ่งสกปรกนั้น ที่ น้ำมันเครื่อง พา มา เก็บไว้ที่ตัวกรอง โดยเร็ว
จากนั้น ก็ เปลี่ยน กรองเครื่อง ทุกทุก หมื่น กม ได้ ตาม ปรกติ ของ เกรด น้ำมันเครื่อง ที่ใช้ครับ



J!MMY

สำหรับผมแล้ว ถ้าคุณอยากถนอมรถไว้ใช้นานๆ

ไม่ต้องขับเกิน 120 รอบเครื่อง พยายามไม่ต้องเกิน 3 พันรอบ ในช่วง 1,000 - 1,500 กิโลเมตร ครับ

ั่นละ คือการรันอิน

แต่ถามว่ารถสมัยนี้จำเป็นไหม? เอาเข้าจริงก็ไม่ถึงจำเป็นขนาดนั้น

ที่แน่ๆ สำหรับ BMW ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะจากโรงงาน เขาเหยียบ 180 บนไดนาโมมิเตอร์ มาให้คุณแล้วอย่างน้อย 1-2 รอบ ครับ



prachaja

แล้วก็อย่าลืมว่ารถใหม่ไม่ใช่ใหม่เฉพาะเครื่องยนต์นะครับ ช่วงล่าง ยาง เบรค ข้อต่อ ฯลฯ จิปาถะ (รวมทั้งคนขับที่ยังไม่คุ้นกับรถ) ก็ใหม่ด้วยครับ ฉะนั้นเพื่อความสบายใจก็รันอินไปเถอะครับ  ;D

หลักๆก็คือไม่ให้รถยนต์ทำงานที่จุดใดจุดหนึ่งนานเกินไปนั่นเองครับ เช่น ไม่แช่อยู่ที่ 3000 รอบนานเกินไป



benley

สำหรับผมแล้ว ถ้าคุณอยากถนอมรถไว้ใช้นานๆ

ไม่ต้องขับเกิน 120 รอบเครื่อง พยายามไม่ต้องเกิน 3 พันรอบ ในช่วง 1,000 - 1,500 กิโลเมตร ครับ

ั่นละ คือการรันอิน

แต่ถามว่ารถสมัยนี้จำเป็นไหม? เอาเข้าจริงก็ไม่ถึงจำเป็นขนาดนั้น

ที่แน่ๆ สำหรับ BMW ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะจากโรงงาน เขาเหยียบ 180 บนไดนาโมมิเตอร์ มาให้คุณแล้วอย่างน้อย 1-2 รอบ ครับ

เดี๋ยวนี้ก็เป็นกันเกือบทุกยี่ห้อแล้วใช่ไหมครับ ที่ขึ้นเทสก่อน พอออกจากโรงงานก็ทดสอบวิ่งอีกทีนึง
ปล.ดูจากคลิปของ Nissan GT-R R35 & Toyota



SignifeR

การรันอิน ผมมองว่า ทำให้คนขับรถ "ไม่ประมาท" ถึงมีการรันอิน

การรันอิน ผมแปลความหมาย แบบโง่ๆว่า การดีใจสุดขีด(ที่ได้รถใหม่) เลยวิ่งขึ้นไปขับ แน่นอนคนได้รถใหม่จะเห่อ และอยากจะลองประสิทธิภาพของรถ
แต่มันยังไม่ชินกับรถ การควบคุม เบรก ฯลฯ เลยต้องกำหนดว่า ควรขับช้าๆ ในระยะแรก พอพ้น 1000 km แรกไปแล้ว คนขับก็น่าจะคุ้นชินกับรถและสามารถ
ควบคุมรถได้ดีพอ ก็จะพ้นระยะรันอินไงคัรบ

Run in = คุ้นชิน....

เดามั่วๆ
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011



gatasila

แจ้สผมออกวันแรกกดไป150เลย มันรีบครับออกปุ้บตอนบ่ายมีงานเข้า ทางต่างจังหวัดถนนโล่งไม่อันตรายเท่าไหร่



PREM

ตอนที่บ้านผมออก Teana มา ก็มีรันอินนิดหน่อยครับ
ก็พยายามขับไม่เกิน 120-140 ไม่เร่งรอบสูงๆ (แต่เกียร์ CVT มันชอบปรับรอบไปถึง 4,000 อยู่เรื่อย)

พอพ้น 1,000 โล ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนิดหน่อย ก็จบแล้วครับ อัดเต็มที่เลยคราวนี้ ;D
2013 Mercedes E 63 AMG (W212)
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP



exodus

Re: เรียนถามท่านผู้มีประสบการณ์ ( รู้ ) ทุกท่านครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 19:27:46 »
ชอบ BMW ก็เพราะเค้าจัดการมาให้แล้ว แต่ก็ชอบ MB ด้วย ยิ่ง E250 น่าใช้มาก