ว่ากันตามพื้นฐานก่อนครับ
สมมติตอนไม่มีกันโคลง
เวลารถเลี้ยวโค้งขวาแรงๆ
รถจะถ่ายน้ำหนักจากด้านขวา มาด้านซ้าย (ถ่ายน้ำหนักจากด้านใน มาสู่ด้านนอก (หนีศูนย์กลาง))
โช้คและสปริงด้านซ้ายทำการตอบโต้ด้วยการ "ต้าน"แรงกด
โช้คด้านขวาทำการตอบโต้ด้วยการ "ต้าน"แรงยก
ต่อมามีการใส่กันโคลงอันใหญ่เข้าไป
เวลารถเลี้ยวโค้งขวาแรงๆ
รถจะถ่ายน้ำหนักจากด้านขวา มาด้านซ้าย (ถ่ายน้ำหนักจากด้านใน มาสู่ด้านนอก (หนีศูนย์กลาง)) (เหมือนเดิม)
โช้คและสปริง
และเหล็กกันโคลงด้านซ้ายทำการตอบโต้ด้วยการ "ต้าน"แรงกด
โช้ค
และเหล็กกันโคลงด้านขวาทำการตอบโต้ด้วยการ "ต้าน"แรงยก
ฉะนั้นเมื่อมีเหล็กกันโคลง จะทำให้ตัวรถเอียงน้อยลง หรือไม่เอียง
ทำให้การถ่ายน้ำหนักของรถยนต์ไปด้านข้างขณะเข้าโค้งถ่ายได้รวดเร็ว
เนื่องจากไม่ต้องแตกแรงไปในแนวดิ่ง ทำให้การถ่ายน้ำหนักไปในแนวราบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่
ถ้าใส่เหล็กกันโคลงใหญ่มาก(เกินไป)
เท่ากับเป็นการลดบทบาทโช้คและสปริงในการเข้าโค้งไปโดยปริยาย
โช้คและสปริง
มีสเกลที่ละเอียดและปรับแต่งได้สะดวก และแยกอิสระในแต่ละข้าง
แต่ดันไปลดบทบาทของโช้คกับสปริงมากจนเกินไปจนไม่เหมาะสม
เหลือแต่สเกลใหญ่และไม่อิสระของเหล็กกันโคลงมาใช้งาน
ยิ่งเหล็กกันโคลงใหญ่มาก การถ่ายน้ำหนักจะเร็วมากตาม
ฉะนั้นต้องปรับตั้งช่วงล่างให้มีความพอดี เป็นประโยชน์ที่สุด
เหมาะกับแต่ละสนาม และเข้ากับสไตล์การขับขี่ของแต่ละคนด้วย
การใส่กันโคลงหลังใหญ่ขึ้น
ทำให้ตัวถังด้านหลังเอียงน้อยลง ท้ายออกเร็ว และง่ายขึ้น
อันนี้ขึ้นกับพื้นฐานเดิมของรถยนต์ว่าเป็นอย่างไรด้วย
(ถ้าจากท้ายย้วย กลายเป็น ท้ายออกนิดๆ อันนี้เป็นผลดี
ถ้าจากท้ายออกอยู่แล้ว กลายเป็นท้ายปัด อันนี้ไม่ดีแน่)
และขึ้นกับความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยว่าต้องการให้ให้อาการรถออกมาเป็นอย่างไร
และ
การใส่กันโคลงหลังใหญ่
เกินไปทำให้ช่วงล่างหลังมีความเป็นอิสระลดน้อยลง (ก็เหล็กกันโคลงมันไปรวบมันไว้นิ๊)
เมื่อต้องผ่านถนนที่ล้อด้านซ้ายและขวามีระดับไม่เสมอกันจะสู้ช่วงล่างอิสระ(ที่ชุดโช้คอัพและสปริงดีๆ)ที่ไม่มีกันโคลงไม่ได้
มันจะกระโด๊กกระเด๊ก และไม่เกาะถนน
ปล.
คหสต.
ควรให้เหล็กกันโคลงเป็นตัวเสริม
ในจุดที่สามารถใช้ประโยชน์ของโช้คและสปริง(เซ็ตนั้นๆ)ได้ดีที่สุด
และครอบคลุมการใช้งานหลักๆด้วยครับ
ปล.ปล.
และถ้าโช้คและสปริงนั้นเซ็ตได้ดีอยู่แล้ว
เหล็กกันโคลงไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ