ทำไมรถยนต์ยุโรปในไทย ไม่ทนมือทนเท้าเหมือนรถบัสหรือรถบรรทุกยุโรปเลยหนอ

Arado_kung

- ผมสังเกตมานานล่ะว่าถ้าใช้งานสมบุกสมบันหน่อยรถยนต์ยุโรปจะทนมือทนเท้าสู้รถยนต์จากญี่ปุ่นไม่ได้รวมทั้งจุกจิกกว่า,อะไหล่แพงกว่า แต่พอมาเป็นรถบัสกับรถบรรทุกแล้วกลับกันเลย รถยุโรปนี่โคตรถึกวิ่งกันเป็นอาทิตย์ไม่ดับเครื่องก็ชิวๆ ถ่ายน้ำมันเครื่องทีนึง 30,000-40,000 โล รถญี่ปุ่น 10,000-20,000 โลก็ต้องถ่ายแล้ว อะไหล่เทียบทนๆราคาพอกับรถญี่ปุ่นก็มี ต่อให้เข้าศูนย์ตลอดคำนวณค่าบำรุงรักษาออกมาแล้วต่ำกว่ารถญี่ปุ่น มีจุกจิกบ้างก็พวกระบบไฟฟ้าที่บางครั้งเซนเซอร์มันเอ๋อ ประหยัดน้ำมันกว่ารถญี่ปุ่น ศูนย์มีไม่เยอะแต่ตายกลางทางมีรถโมบายมาดูถึงที่

- มีบริษัทนึงชอบใช้รถแบบวิ่งไม่ได้แล้วค่อยซ่อม ผลน่ะเหรอกรองโซล่าไม่เปลี่ยนจนตันรถตายกลางทาง ทายซิว่าเกิดอะไรขึ้น Benz,Scania เปลี่ยนกรองโซล่านั่งแย็กน้ำมันติดเครื่องได้วิ่งฉิวเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ส่วน Volvo ทำแบบเดียวกันติดเครื่องไม่ได้ ECU สั่งเข้า Safe Mode ไปแล้วต้อง Flash ECU ถึงติดเครื่องวิ่งได้



jaesz

เครื่องรถยุโรปมันก็ทนนะครับ แต่ที่ไม่ทนน่ะอุปกรณ์ต่อพ่วงซะมากกว่า

ระบบไฟฟ้านี่เสียมันได้แทบทุกอย่าง ระบบHeaterที่ทำลายชิ้นส่วนต่างๆ
รถออกแบบมาใช้เมืองหนาวปิดห่มเครืองให้ร้อน พอมาเมืองไทยกลายเป็นเตาย่าง ท่อากาศยังกรอบครับ



Arado_kung

เครื่องรถยุโรปมันก็ทนนะครับ แต่ที่ไม่ทนน่ะอุปกรณ์ต่อพ่วงซะมากกว่า

ระบบไฟฟ้านี่เสียมันได้แทบทุกอย่าง ระบบHeaterที่ทำลายชิ้นส่วนต่างๆ
รถออกแบบมาใช้เมืองหนาวปิดห่มเครืองให้ร้อน พอมาเมืองไทยกลายเป็นเตาย่าง ท่อากาศยังกรอบครับ

- พูดถึงปิดเครื่องให้ร้อนเพราะที่ยุโรปอากาศหนาว นึกขึ้นได้ว่ารถบัสเมืองไทยที่เอาแบบจากยุโรปมาใช้ก็เคยมีปัญหาแบบนี้ครับ แบบจากยุโรปส่งมาให้ฝาท้ายปิดด้านหลังห้องเครื่องเป็นแบบทึบหมด พอเข้าหน้าร้อนบ้านเราผลปรากฏว่าต้องเปิดฝาท้ายวิ่งไม่งั้นเครื่องจะร้อนจัดจนวิ่งไม่ได้ จนตอนหลังทางไทยต้องออกแบบฝาท้ายใหม่ให้มีช่องระบายพอให้วิ่งได้โดยไม่ต้องเปิดฝาท้ายวิ่งในหน้าร้อนครับ

- ถ้าเป็นรถบรรทุกมันก็มีฮีตเตอร์ติดมาให้เหมือนรถยนต์นะครับ แต่แอร์โคตรเย็นกลางคืนมีสั่น และก็ไม่เคยเจอปัญหาเรื่องฮีตเตอร์รั่วเลยแปลกเหมือนกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2016, 21:51:17 โดย Arado_kung »



Pegasus7700

มันเป่นคำพุดกว้างจนไม่รุ้จะหาอะไรมาอ้างอิง
ผมใช้ยุโรปมาตั้งแต่w124 จน212 รถไม่มีปัญหาอะไร
ยังมองว่ามันทนนะ

ต่างกับHonda , ford ที่ผมใช้พอๆกัน
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22



JeansZ

สังเกตว่า Mercedes Benz เป็นแบรนด์พรีเมียม สำหรับรถยนต์นั่งรถส่วนตัว

แต่กลับเป็นแบรนด์ตลาด สำหรับรถบัส รถบรรทุก ในไทย
Ford Fiesta 1.0 Ecoboost
Toyota Yaris 1.2



Arado_kung

มันเป่นคำพุดกว้างจนไม่รุ้จะหาอะไรมาอ้างอิง
ผมใช้ยุโรปมาตั้งแต่w124 จน212 รถไม่มีปัญหาอะไร
ยังมองว่ามันทนนะ

ต่างกับHonda , ford ที่ผมใช้พอๆกัน

- ญาติผมใช้มาตั้งแต่ W210 ยัน 212 เหมือนกัน แล้วก็มีรถญี่ปุ่นใช้ในบ้านด้วย เจ้าตัวก็บ่นว่าเทียบแล้วรถญี่ปุ่นจุกจิกน้อยกว่า(พอผ่านไปซักระยะ)

- หรือถ้าจะให้ผมเทียบช่วงล่างถุงลม Benz S-Class ทนกับถูกสู้ช่วงล่างถุงลมรถบัสหรือรถบรรทุก Benz ไม่ได้เลยครับ ฟังก์ชั่นการทำงานหลักๆเหมือนกันเป๊ะด้วย



swan

ถ้าวัดกันที่กลไกล้วนๆ ยุโรปจะทนมากครับ คุณภาพโลหะเทียบกับญี่ปุ่นแล้วทางฝั่งยุโรปดีกว่า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าข้ามาเกี่ยวข้อง ทางฝั่งญี่ปุ่นจะทำออกมาเสถียรกว่า รวนน้อยกว่านะเท่าที่พบ



ps000000




AkE

ถ้าเป็นรถยุโรปตัวประกอบไทยอันนี้ผมว่าโอเคละนะไม่ค่อยมีปัญหาแต่ถ้าเป็นรถนำเข้าพอซื้อผ่านเกรย์ รถเหมือนไม่ได้ถูกเซตมาสำหรับไทยครับ

ส่วนใหญ่รถที่นำเข้ามาจะเป็นสเปค uk & hkg บางที่อาจจะมี singapore พอเป็นแบบนั้นความชื้นและความร้อน ความสกปรกมันต่างกันครับ

มีผลถึงตัวรถแน่นอนครับยิ่งโดยเฉพาะเซนเซอร์ต่างๆครับ



zhalvia

ผมไม่รู้ว่า จขกท เทียบในเเง่ไหนนะครับ

เเต่ถ้าพูดถึงรถยนตร์หรูกับรถบรรทุก รถยนต์มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว

ทั้งเบาะฮีทเตอร ปรับไฟฟ้า หนังเเท้ที่ต้องดูเเล เเอร์ ระบบไฟ บลาๆ ระบบไฟฟ้าทั่วคัน เทียบกับรถบรทุกที่ไม่มีอะไรเลย เน้นการใช้งานบรรทุกของหนักๆ มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว

ช่วงล่างก้ต้องเซตมาให้มีทั้งเเบบนุ่ม ทั้งสปอต ตามใจคนขับ ปรับได้ บางคันมีไฮบริดอีก ในขณะที่รถบรรทุกไม่ต้องสนอะไร เน้นทนไว้ก่อน อีกอย่างคือรถบรรทุกราคาก็ไม่ถูกนะครับ อย่าลืมว่าเบ๊น บีเอม เเพงเพราะภาษี เเต่รถบรรทุกนี่เเพงอยู่เเล้ว งบการทำรถทั้งหมดเเทบจะไปลงกับความคงทน เพราะเน้นมาใช้งานหนัก



tubtup

ผมไม่รู้ว่า จขกท เทียบในเเง่ไหนนะครับ

เเต่ถ้าพูดถึงรถยนตร์หรูกับรถบรรทุก รถยนต์มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว

ทั้งเบาะฮีทเตอร ปรับไฟฟ้า หนังเเท้ที่ต้องดูเเล เเอร์ ระบบไฟ บลาๆ ระบบไฟฟ้าทั่วคัน เทียบกับรถบรทุกที่ไม่มีอะไรเลย เน้นการใช้งานบรรทุกของหนักๆ มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว

ช่วงล่างก้ต้องเซตมาให้มีทั้งเเบบนุ่ม ทั้งสปอต ตามใจคนขับ ปรับได้ บางคันมีไฮบริดอีก ในขณะที่รถบรรทุกไม่ต้องสนอะไร เน้นทนไว้ก่อน อีกอย่างคือรถบรรทุกราคาก็ไม่ถูกนะครับ อย่าลืมว่าเบ๊น บีเอม เเพงเพราะภาษี เเต่รถบรรทุกนี่เเพงอยู่เเล้ว งบการทำรถทั้งหมดเเทบจะไปลงกับความคงทน เพราะเน้นมาใช้งานหนัก

ส่วนตัวที่เคยเห็นระบบอำนวยความสะดวกของหัวลากรถยุโรป ผมว่าไม่น้อยหน้ารถเก๋งยุโรปเลยนะครับ



7777777

ผมไม่รู้ว่า จขกท เทียบในเเง่ไหนนะครับ

เเต่ถ้าพูดถึงรถยนตร์หรูกับรถบรรทุก รถยนต์มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว

ทั้งเบาะฮีทเตอร ปรับไฟฟ้า หนังเเท้ที่ต้องดูเเล เเอร์ ระบบไฟ บลาๆ ระบบไฟฟ้าทั่วคัน เทียบกับรถบรทุกที่ไม่มีอะไรเลย เน้นการใช้งานบรรทุกของหนักๆ มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว

ช่วงล่างก้ต้องเซตมาให้มีทั้งเเบบนุ่ม ทั้งสปอต ตามใจคนขับ ปรับได้ บางคันมีไฮบริดอีก ในขณะที่รถบรรทุกไม่ต้องสนอะไร เน้นทนไว้ก่อน อีกอย่างคือรถบรรทุกราคาก็ไม่ถูกนะครับ อย่าลืมว่าเบ๊น บีเอม เเพงเพราะภาษี เเต่รถบรรทุกนี่เเพงอยู่เเล้ว งบการทำรถทั้งหมดเเทบจะไปลงกับความคงทน เพราะเน้นมาใช้งานหนัก

ส่วนตัวที่เคยเห็นระบบอำนวยความสะดวกของหัวลากรถยุโรป ผมว่าไม่น้อยหน้ารถเก๋งยุโรปเลยนะครับ


จริงครับ หัวลากที่ไฮเทคไม่แพ้ตัวท็อปรถเก๋งเลยนะครับ บางอย่างดีกว่าและซับซ้อนกว่าด้วยซ้ำ

เพราะรถบรรทุกเมืองนอกเค้าวิ่งกันนานมากกกกกจนเหมือนเป็นบ้านอีกหลังเลยนะครับ นอนกันในรถไปเลย

ผมว่าตลาดรถบรรทุก กับรถเก๋งมันต่างกัน

รถเก๋งเปลี่ยนกันเรื่อยๆ รุ่นใหม่ออกก็เปลี่ยนตามเวลา (ภาพลักษณ์ บลาๆ)

แต่รถบรรทุกไม่ใช่ ผมเชื่อว่าเค้าจงใจทำมาให้ทน ไม่เหมือนรถเก๋งที่วิ่งแสนนึงก็อยากขายกันแล้ว

แต่รถบรรทุกเป็นล้านกิโล ถ้าทำมาไม่ทน ก็เจ๊งแน่ๆครับ



Ath..

เครื่องรถยุโรปมันก็ทนนะครับ แต่ที่ไม่ทนน่ะอุปกรณ์ต่อพ่วงซะมากกว่า

ระบบไฟฟ้านี่เสียมันได้แทบทุกอย่าง ระบบHeaterที่ทำลายชิ้นส่วนต่างๆ
รถออกแบบมาใช้เมืองหนาวปิดห่มเครืองให้ร้อน พอมาเมืองไทยกลายเป็นเตาย่าง ท่อากาศยังกรอบครับ

..+ 1 ครับ... :) :)



SM.

ผมว่ามันก็ทนนะครับ รถยุโรป 20 ปี กับ ญี่ปุ่น 20 ปี เท่ากัน รถยุโรปดูยังใช้งานต่อได้ ต่างกับรถญี่ปุ่นที่เก่า เสียจนซ่อมไม่ไหว



Slipknot`

ผมเห็นรถยุโรปเก่าๆวิ่งกันเต็มเมืองเลย



sakano

ผมว่ามันก็ทนนะครับ รถยุโรป 20 ปี กับ ญี่ปุ่น 20 ปี เท่ากัน รถยุโรปดูยังใช้งานต่อได้ ต่างกับรถญี่ปุ่นที่เก่า เสียจนซ่อมไม่ไหว

จริงมากครับ

แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ต้องดูว่าเป็นรถยุโรปยี่ห้ออะไรด้วยครับ

และรถญี่ปุ่น แม้แต่โตโยต้า บางรุ่นก็ไม่ได้ดี ทนทานอะไรเลย เพราะเน้นลด cost มากมาย



Auto

ผมว่ามันต้องดูเป็นรุ่น ๆ มากกว่า 



bingoman

จริงเหรอครับรถยุโรปไม่ทนเท้าแถมจุกจิก

ผมว่ามันทนมากๆ นะ  ขนาด C220 W202 ของญาติผม ใช้มา 20 ปีได้ละ  ยังไม่พังเลย  มีอาการก็ซ่อม ก็ใช้ต่อมาแบบสบายๆ ไม่เห็ฯพังซักที  ทนเท้าทนมือจริงๆ